กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-06-2012, 22:41
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,457 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default ความกตัญญูกตเวทีของพระสารีบุตร

ถาม : อุปติสสะนี้หมายถึงพระพุทธเจ้าหรือเปล่า ?
ตอบ : อุปติสสะ คือ พระสารีบุตร ตระกูลนี้เป็นตระกูลพระอรหันต์ พี่ชายใหญ่คือ อุปติสสะ น้องชายรองคือ อุปเสนะ น้องสาวถัดไป คือท่านจาลา อุปจาลา สีสุปปจาลา เป็นผู้หญิงสามคนติดกัน แล้วก็ไปท่านจุนทะ กับท่านเรวตะ เป็นผู้ชายอีกสอง เจ็ดท่านนี้เป็นพระอรหันต์หมดเลย

โดยเฉพาะท่านเรวตะ เป็นพระอรหันต์ตั้งแต่เจ็ดขวบ ตระกูลพระอรหันต์ แต่แม่เป็นมิจฉาทิฐิ วาระสุดท้ายก่อนที่จะนิพพาน ท่านกลับไปโปรดแม่ท่านเอง คือ พระสารีบุตรท่านรู้ว่าตัวเองอายุมากแล้ว คือท่านนั่งพิจารณาย้อนหลังไปว่า ในอดีตที่ผ่านมาพระอัครสาวกนิพพานก่อนหรือว่าพระพุทธเจ้านิพพานก่อน เสร็จแล้วท่านก็ทราบว่าพระอัครสาวกทั้งหมดจะนิพพานก่อนพระพุทธเจ้า

ในเมื่อเป็นดังนั้น ท่านก็กำหนดดูต่อไปว่าสมควรจะนิพพานที่ไหน ก็เห็นว่าแม่ตัวเองยังเป็นมิจฉาทิฐิอยู่ ทั้ง ๆ ที่ลูกตัวเองเป็นพระอรหันต์ตั้งเจ็ดองค์ ควรจะกลับไปโปรดแม่ก่อน ถ้าโปรดแม่แล้วเราค่อยนิพพาน ก็เลยตั้งใจว่ากลับไปนิพพานในห้องที่ท่านเกิด คือ แม่คลอดท่านห้องไหนก็จะนิพพานในห้องนั้น เสร็จแล้วก็กลับบ้าน

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าให้แสดงธรรมโปรดพระเป็นครั้งสุดท้ายก่อน เพราะขึ้นชื่อว่าธรรมเสนาบดีสารีบุตรจะแสดงธรรมสงเคราะห์ผู้อื่นนั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก คำว่าปรากฏขึ้นได้ยาก เพราะพระอัครสาวกเบื้องขวามีองค์เดียว ก็หายากพอ ๆ กับพระพุทธเจ้า..ใช่ไหม ? เท่ากับว่ามีพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งก็มีพระอัครสาวกเบื้องขวาองค์เดียวเช่นกัน กับพระอัครสาวกเบื้องซ้ายองค์หนึ่ง ส่วนพระอรหันต์อื่น ๆ มีเยอะแยะไปหมด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-06-2012 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-06-2012, 22:42
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,457 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default

ท่านก็เลยต้องแสดงธรรมโปรด เสร็จแล้วท่านก็พาภิกษุลูกศิษย์ของท่านที่เป็นพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ พร้อมกับพวกน้อง ๆ พอไปถึงก็ให้หลานชื่อ อุปวาณะ ซึ่งไปเจอเข้าก่อน จึงบอกให้ไปแจ้งข่าวให้แม่ทราบด้วยว่า ตอนนี้จะกลับมาหา แม่ก็ดีใจว่าลูกแก่ขนาดนั้นแล้ว แม่แก่ขนาดไหนก็นึกเอา ตั้งแต่ไปบวชมานี้ไม่ได้เจอหน้าเลย มีแต่น้อง ๆ หนีหายไปทีละคน ๆ ตัวเองก็คอยดูแลทรัพย์สมบัติอยู่ ก็นึกว่าสงสัยลูกเราทนความลำบากไม่ไหว จะสึกกลับบ้านแล้วแน่นอนเลย ก็เลยดีใจ ให้คนใช้จัดแต่งห้องหับกันใหญ่โต

พอถึงเวลากลับมา พระสารีบุตรท่านก็มาขอเข้าไปอยู่ห้องเดิมของตัวเอง ก็มีพระจุนทะท่านเฝ้าไข้อยู่ เพราะพระสารีบุตรท่านถ่ายเป็นเลือด เพราะกระเพาะทะลุ ส่วนพระสงฆ์อื่น ๆ ก็อยู่ในห้องโถง พอยามต้นท้าวมหาราชทั้งสี่มาเยี่ยม แสงสว่างก็ไปกระทบตาท่านแม่ที่กำลังสวดมนต์อยู่ เขาจะสวดมนต์ถวายพระพรหมของเขาเป็นปกติ

พอแสงสว่างทะลุไปถึงแม่ก็ถามท่านจุนทะว่า "จุนท์เอ๊ย...ใครมาหาพี่แกน่ะ ?" ท่านจุนทะก็บอกว่า "ท้าวมหาราชทั้งสี่จ้ะแม่" แม่ก็ เอ๊ะ..ลูกเราเก่งขนาดนี้เชียวหรือ ? ขนาดท้าวมหาราชยังต้องมาหา ท่านก็เลยขอเข้าไปดูเอง พอเข้าไปก็เห็นเข้า พอเห็นท่านก็ถามว่า "พ่อเอ๊ย" เรียกท่านสารีบุตร "นี่พ่อยังใหญ่กว่าท้าวมหาราชอีกหรือ ?" พระสารีบุตรท่านก็ไม่ได้ตอบตรง ท่านบอกว่า "แม่...ท้าวมหาราชทั้งสี่น่ะ เหมือนกับเด็กวัดของพระพุทธเจ้า ตั้งแต่พระโพธิสัตว์จุติมาสู่ครรภ์ ท้าวมหาราชทั้งสี่ก็ถือพระขรรค์แวดล้อมดูแลอยู่ แม้กระทั่งเวลาที่พระพุทธองค์อยู่ที่วัด ก็เฝ้าประตูวัดในทิศทั้งสี่ให้" ท่านก็เลยเปรียบว่า ถ้าเปรียบกับพระพุทธเจ้าแล้ว ท้าวมหาราชก็คือเด็กวัด ท่านไม่ได้เปรียบกับตัวเองเลย

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย โอรส : 15-06-2012 เมื่อ 21:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 118 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-06-2012, 21:37
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,457 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default

คราวนี้ก็ "เอ้อ...เจ้าใหญ่กว่าท้าวมหาราชก็จริง แต่ก็คงไม่ใหญ่ไปกว่าพระพรหมหรอก" ก็ไปสวดมนต์ของแกต่อ พอยามสอง พระอินทร์มาเยี่ยม แสงก็สว่างไปถึงห้องแกอีก ก็ถามว่า "จุนท์เอ๊ย..ใครมาเยี่ยมพี่แกอีก ?" ท่านจุนทะก็บอกว่า "พระอินทร์น่ะแม่" แกก็รีบออกมาดูและถามว่า "นี่พ่อยังใหญ่กว่าพระอินทร์อีกหรือ ?" พระสารีบุตรท่านก็บอกว่า "พระอินทร์ก็เปรียบเสมือนสามเณรน้อยที่คอยถือบาตรถือจีวรของพระพุทธเจ้า" เพราะตอนพระพุทธเจ้าท่านเสด็จลงจากดาวดึงส์ พระอินทร์ท่านก็ถือบาตรตามพระพุทธเจ้าลงมา ท่านก็ "เออ... แต่คงไม่ใหญ่ไปกว่าพระพรหมหรอก" แกก็ไปสวดมนต์ของแกต่อ

พอยามสามท้าวสหัมสบดีพรหมมาเอง เจ้าพ่อของพระพรหมเลย ท่านก็เลยถามอีกว่า "ใครมาหาพี่แกน่ะลูก ?" ท่านจุนทะก็บอกว่า "ท้าวสหัมสบดีพรหมผู้เป็นอธิบดีของพรหมทั้งหลายน่ะแม่" คราวนี้แม่อยู่ไม่ได้ ตัวเองนับถือพระพรหมเป็นใหญ่ แต่ท้าวสหัมสบดีพรหมอธิบดีของพรหมทั้งหมดมาเองอย่างนี้ เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ถาม "พ่อเอ๊ย...นี่พ่อยังใหญ่กว่าท้าวสหัมสบดีพรหมอีกหรือลูก ?" พระสารีบุตรท่านก็บอกว่า ถ้าหากว่าท้าวมหาพรหมทั่ว ๆ ไป เปรียบแล้วก็เหมือนกับพี่เลี้ยงเด็ก เพราะว่าตอนพระพุทธเจ้าคลอดใหม่ ๆ ท้าวมหาพรหมทั้งสี่เอาข่ายทองมารองรับ แต่ถ้าท้าวสหัมสบดีพรหมก็เปรียบเสมือนมัคคนายกวัด เพราะว่าเป็นผู้อาราธนาพระพุทธเจ้าให้อยู่แสดงธรรมโปรดสัตว์โลกเสียก่อน

ตอนที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ใหม่ ๆ ท่านคิดว่าจะไม่แสดงธรรมสงเคราะห์ เพราะว่าธรรมะลึกซึ้งเกินไป ท้าวสหัมสบดีพรหม ท่านทราบความคิด ท่านก็เสด็จลงมา ท่านว่าสัตว์โลกที่ธุลีในดวงตามีน้อยนั้นมีอยู่ ขอพระองค์โปรดแสดงธรรมสงเคราะห์เขาเถิด เมื่อเป็นอย่างนั้น ท่านก็เลยรับแสดงธรรม ท่านสารีบุตรก็เลยเปรียบว่า ท้าวสหัมสบดีพรหม ก็เหมือนมัคคนายกนั่นและ เพราะถึงเวลาก็ต้องอาราธนาศีลอาราธนาธรรม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-06-2012 เมื่อ 20:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 98 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-06-2012, 21:38
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,457 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default

พอแม่ได้ยินดังนั้น ก็เลยบอกว่าไม่รู้เลยว่าพ่อมีความดีถึงปานนี้ พระสารีบุตรก็บอก หยุดเถิดแม่ ขึ้นชื่อว่าความดีของลูกนั้นไม่มีหรอก ความดีทั้งหมดเกิดจากพระพุทธเจ้าท่านสงเคราะห์ ขอให้แม่ตั้งใจฟังนะ แล้วท่านก็เทศน์ถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขึ้น "อิติปิโส ภควา อรหัง สัมมา สัมพุทโธฯ" ดังนี้

พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้โดยชอบ เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติทั้งปวง เสด็จไปดีแล้วในทุกที่ เป็นผู้ฝึกที่ไม่มีใครเหนือกว่า เป็นครูสอนของมนุษย์และเทวดา เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกแจกธรรม

แม่ได้ฟังแล้วก็เกิดปีติ กลายเป็นพระโสดาบันไป แกก็ดีอกดีใจ แต่พระสารีบุตรหมดลมไปแล้ว เทศน์จบแกก็ดีอกดีใจ พ่อเอ๊ย...แม่ไม่เคยได้ฟังภาษิตดี ๆ อย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต ทำไมไม่มาโปรดแม่แต่เนิ่น ๆ พอพูดไปเห็นลูกเงียบ แกก็ไปจับขาดู ปรากฏว่าเย็นเฉียบ ลูกชายไปเสียแล้ว นั่งร้องอยู่ตรงนั้นแหละ เสร็จแล้วพวกน้อง ๆ ก็มาช่วยปลอบให้ท่านคลายโศก ท่านก็เลยเปิดคลังตัวเอง บอกให้เรียกช่างมา บอกว่ามีช่างเท่าไร จ้างเอามาให้หมดเมืองนาลกะเลย ขนทองออกจากคลังไปเลย ให้สร้างที่พักสงฆ์ ๕๐๐ หลัง ท่านใช้คำว่าปราสาท ก็คือบ้านหลาย ๆ ชั้น แล้วก็สร้างที่พักอาคันตุกะ ๕๐๐ หลัง เอาให้เสร็จทันจัดงานศพลูกชายตัวเอง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย โอรส : 16-06-2012 เมื่อ 23:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 100 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 16-06-2012, 23:22
โอรส's Avatar
โอรส โอรส is offline
นายทะเบียน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 897
ได้ให้อนุโมทนา: 37,411
ได้รับอนุโมทนา 206,457 ครั้ง ใน 3,180 โพสต์
โอรส is on a distinguished road
Default

มีพระส่งข่าวไปยังพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ส่งพระมาช่วยกันจัดงานศพ เทวดา พรหม พระอินทร์ก็มาช่วยกันเต็มไปหมด พระอินทร์ขอให้ท้าววิษณุกรรมช่วยสงเคราะห์ คนสร้างที่พักหนึ่งหลัง ก็ขอให้เป็นสองหลัง ก็เลยกลายเป็นว่าสร้างอย่างละพันหลัง คนมาเท่าไรก็รับได้ เสร็จแล้วชาวบ้านก็ช่วยกันหาไม้หอม ฟืนหอม ใครมาก็ก่อจิตกาธานสูงขึ้นไป ท้าววิษณุกรรมก็เนรมิตให้กลายเป็นมณฑปสวยงามสมเกียรติยศ ประดับด้วยแก้ว พอถึงเวลาเผาเสร็จสรรพเรียบร้อย พระอนุรุทธ ดับด้วยน้ำหอมเสร็จ พระจุนทะเถระก็รวบรวมอัฐิ เหลือเพียงห่อเล็ก ๆ เท่านั้นเอง ไปถวายพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าตรัสว่า พระสารีบุตรผู้เป็นสาวกของเรา ผู้เลิศที่สุดในทางธรรม เป็นผู้ที่เปรียบเหมือนกับแม่เลี้ยงหรือนางนม คือว่าพระในธรรมวินัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านการสงเคราะห์จากท่าน จนกระทั่งบัดนี้ท่านได้ทำหน้าที่ของตัวเองสมบูรณ์แล้ว พระผู้ที่บริสุทธิ์เห็นปานนี้ ถึงวาระนั้นก็ไม่อาจดำรงขันธ์อยู่ได้ ขอเธอจงอย่าตั้งอยู่ในความประมาทของขันธ์ห้าเลย

พอเทศน์ถึงตอนนี้ในบาลีท่านบอกว่า มหาชนอันมากก็บรรลุมรรคผล คราวนี้พระพุทธเจ้าตรัสสั่งให้สร้างเจดีย์อยู่ในเชตวันมหาวิหารนั่นแหละ บรรจุอัฐิพระสารีบุตร เป็นที่สักการะบูชาของคนต่อไป

พระสารีบุตรนิพพานวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๒ ถัดจากนั้นอีก ๑๕ วัน พระโมคคัลลาน์ก็ตามไป เท่ากับว่าพรรษาสุดท้ายพระพุทธเจ้าขาดแขนซ้ายขวาไปเลย เพราะพระอัครสาวกมรณภาพก่อนพระพุทธเจ้าครึ่งปี

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-06-2012 เมื่อ 01:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 91 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:25



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว