กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-12-2013, 12:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

ให้ทุกคนนั่งในท่าสบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๖ ญาติโยมมาปฏิบัติกรรมฐานกันน้อย เพราะว่ามี "ม็อบนกหวีด" กำลังตามยึดสถานที่ราชการต่าง ๆ กันอยู่ ซึ่งความจริงแล้วสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราให้ความสนใจ ก็จะสร้างความเครียดให้เกิดขึ้น เนื่องจากว่าข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามานั้น ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นมุมมองของแต่ละฝ่าย ซึ่งต่างคนก็ต่างเห็นว่าตนเองถูก ถ้าเราให้ความสนใจ ไปมีอารมณ์ร่วมด้วย ก็จะทำให้รัก โลภ โกรธ หลง งอกงามขึ้นมาอย่างน่ากลัว

วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ อยู่กับลมหายใจเข้าออกเฉพาะหน้าของเรา ตาเห็นก็สักแต่ว่าเห็น หูได้ยินก็สักแต่ว่าได้ยิน จมูกได้กลิ่นก็สักแต่ว่าได้กลิ่น ลิ้นได้รสก็สักแต่ว่าได้รส กายสัมผัสก็สักแต่ว่าสัมผัส หยุดการครุ่นคิดของใจลง อยู่ที่ลมหายใจเข้าออกเท่านั้น ถ้าเป็นดังนี้ เรื่องอื่นก็จะเป็นเรื่องไกลตัว เนื่องจากสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารนี้อย่างไม่รู้จบ ทนทุกข์ทรมานแบบไม่เห็นต้นเห็นปลาย

ดังนั้น..งานใหญ่ที่สุดของเราก็คือ ทำอย่างไรจะให้ก้าวล่วงออกจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้ ก็แปลว่าเราต้องมาเร่งปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ซึ่งย่อลงแล้วก็คือ ศีล สมาธิ และปัญญา ทุกคนก็จำเป็นที่จะต้องทบทวนว่า ศีลทุกสิกขาบทของเราบริสุทธิ์บริบูรณ์ดีหรือไม่ ? ถ้าเรารักษาศีลบริสุทธิ์แล้ว เรายังยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีลหรือไม่ ? เมื่อเรารักษาศีลบริสุทธิ์ ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล เมื่อได้เห็นว่าผู้อื่นละเมิดศีล เรามีความยินดีด้วยหรือไม่ ?

ถ้าเราระมัดระวังรักษาสิกขาบทของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ สภาพจิตที่ประกอบไปด้วยสติสัมปชัญญะ ก็ย่อมทำให้สมาธิทรงตัวได้ง่าย เมื่อสมาธิทรงตัวแล้ว หน้าที่ของเราก็คือ นำเอากำลังสมาธินั้น ไปพิจารณาตัดกิเลส เนื่องจากว่า ถ้าเราไม่นำกำลังสมาธิไปตัดกิเลส กิเลสคือรัก โลภ โกรธ หลง ก็จะขโมยกำลังสมาธินั้นไปใช้ ทำให้เราฟุ้งซ่านไปใหญ่โต ชนิดรั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ เพราะกิเลสได้กำลังไปแล้วจะแข็งแรงมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-12-2013 เมื่อ 15:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-12-2013, 20:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,354 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..พวกเราทุกคนควรจะเข็ด ควรจะกลัว ควรจะเบื่อหน่าย ในสภาพของบ้านเราเมืองของเรา ที่วุ่นวายหาที่สิ้นสุดไม่ได้ มีแต่จะทำให้ประเทศชาติถดถอย มีแต่จะทำให้ต้องลำบากในการทำมาหากินมากขึ้นอีกหลายเท่า เมื่อเรารู้จักเข็ด รู้จักกลัว รู้จักเบื่อ เราก็ควรที่จะแสวงหาทางหลุดพ้น ซึ่งก็คือเราจะต้องปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์ ๘ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา ดังที่กล่าวมาแล้ว โดยตั้งกำลังใจเอาไว้ตอนท้ายว่า ถ้าเราตายลงไปเมื่อไร ขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานเท่านั้น

เมื่อกำลังใจของเราแน่วแน่มั่นคงต่อเป้าหมายแล้ว ก็มาดูลมหายใจเข้าออกของเราเป็นหลัก ถ้ามีลมหายใจอยู่ กำหนดรู้ตามลมหายใจไป จะเป็น ๓ ฐาน ๕ ฐาน ๗ ฐาน หรือไม่เอาฐานเลยก็ได้ ถ้ามีคำภาวนาอยู่ กำหนดคำภาวนาไปด้วย ถ้าลมหายใจขาดหายไป คำภาวนาขาดหายไป ก็กำหนดรู้ไว้เฉย ๆ ว่าตอนนี้ลมหายใจไม่มี คำภาวนาไม่มี อย่าไปดิ้นรนหาลมหายใจใหม่ แล้วในขณะเดียวกัน ก็อย่าอยากให้เข้าไปถึงสภาพอย่างนั้น ให้ทำใจสบาย ๆ ว่าเรามีหน้าที่ภาวนา ส่วนกำลังใจจะได้แค่ไหนก็ไม่เป็นไร ได้มากก็เอามาก ได้น้อยก็เอาน้อย เป็นต้น

ขอให้ทุกคนรักษาสภาพกำลังใจของตน เกาะพระนิพพาน เกาะภาพพระไว้เป็นปกติ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๖

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-12-2013 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 05-04-2014, 13:57
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,189 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2556-11-29

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 10:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว