กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-12-2012, 19:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,384 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดจิตไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาตามอัธยาศัยที่พวกเราเคยกระทำมา

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานต้นเดือนวันสุดท้ายของพวกเรา ระยะนี้เป็นกาลกฐิน กาลกฐินก็คือวาระแห่งการทอดกฐิน วาระแห่งการทอดกฐินจะเริ่มตั้งแต่แรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ จนถึงกลางเดือน ๑๒ เป็นระยะเวลา ๒๙ วันเท่านั้น ญาติโยมหลายท่านได้ไปทอดกฐินตามวัดวาอารามต่าง ๆ แล้วก็กลับมาเจริญกรรมฐานกัน ถือว่ากระทำได้ถูกต้อง

เนื่องจากว่าบุญกฐินนั้นแม้ว่าจะเป็นสังฆทานพิเศษ เพราะจำกัดด้วยระยะเวลา ปีหนึ่งแต่ละวัดรับกฐินได้ครั้งเดียว มีระยะเวลาในการทอดกฐินปีละ ๒๙ วันเท่านั้น แม้อานิสงส์กฐินจะมาก แต่ก็ยังเป็นอานิสงส์ในส่วนของทานเท่านั้น อานิสงส์ในส่วนของศีล ในส่วนของภาวนา เราจะขาดเสียไม่ได้

อรรถกถาจารย์ท่านบอกว่า การให้ทานนั้นเกิดมาจะร่ำรวย การรักษาศีลเกิดมาจะรูปสวย จะมีจิตใจดีงาม การภาวนาเกิดมาจะมีปัญญาเฉลียวฉลาด เราจำเป็นต้องทำให้ครบถ้วนทั้ง ๓ ประการ อย่าเน้นเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะถ้าเราเกิดมารวยแต่ไม่มีปัญญา ก็อาจจะรักษาทรัพย์สมบัติไม่ได้ เกิดมาสวยแต่ว่าไม่มีเงินทอง ไม่มีปัญญา ความสวยก็แทบจะช่วยอะไรเราไม่ได้ เกิดมาเป็นคนมีปัญญามาก แต่ต้องลำบากในการหาทรัพย์เพราะไม่ร่ำรวย หรือหน้าตาของเราดูไม่ได้ ต่อให้มีปัญญามากก็ยังคงต้องประสบกับความลำบากอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-12-2012 เมื่อ 02:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 85 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 05-12-2012, 20:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,384 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายที่ฉวยโอกาสในวาระกฐิน ตลอดระยะการปฏิบัติกรรมฐาน ๓ วัน มีการเดินทางไปวัดวาอารามต่าง ๆ เพื่อร่วมในการทอดกฐิน และไม่หลงลืมที่จะย้อนกลับมาในการบำเพ็ญภาวนา ซึ่งถือว่ามีอานิสงส์มากกว่ากฐินหลายเท่า

สิ่งที่เราปฏิบัตินั้น ถ้าถามว่าเรายังมุ่งหวังในผลของบุญกุศลอยู่ จะเป็นการโลภหรือไม่ ? ก็ต้องบอกว่าความมุ่งหวังนั้นต้องมีเป็นปกติ ถ้าเราไม่หวังเราก็จะไม่คิดที่จะกระทำ เราต้องทำไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกำลังใจของเราเต็มแล้วก็จะค่อย ๆ ปล่อยวางได้เอง

คำว่าปล่อยวางนั้น ก็คือ ทำทานโดยไม่ผูกพัน ไม่ไปเสียเวลาคิดว่าสถานที่นั้นเหมาะที่จะเป็นเนื้อนาบุญหรือไม่ ? เขารับปัจจัยไทยธรรมจากเราไปแล้วได้เอาไปใช้จ่ายในเรื่องอื่น ๆ ที่นอกเหนือจากที่เราตั้งใจไว้หรือไม่ ? ถ้ากำลังใจเต็มเสียแล้ว เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เราจะวางอุเบกขาได้โดยอัตโนมัติ

แต่ตราบใดที่ยังไม่เต็ม การทำบุญโดยเลือกเนื้อนาบุญ ต้องถือว่าเป็นบุคคลที่มีความฉลาด รู้ว่าที่ไหนควรจะกระทำกองบุญการกุศล ที่ไหนควรจะละเว้น เมื่อเราเพิ่มด้วยศีล ด้วยภาวนาเข้าไป เราก็จะได้รับอานิสงส์ครบถ้วนบริบูรณ์ทั้ง ๓ ส่วน

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ธรรมะของพระองค์ที่พระภิกษุสงฆ์จะนำไปแสดงต่อญาติโยมนั้น ให้แสดงธรรมที่งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ก็คือในเรื่องของการแนะนำให้ปฏิบัติในศีล ในสมาธิ ในปัญญานั่นเอง การที่เราจะปฏิบัติในศีล ในสมาธิ ในปัญญานั้น เราก็ต้องสั่งสมกองบุญการกุศลในอดีตมาเป็นจำนวนมากมายจนนับไม่ถ้วน กว่าที่กำลังใจของเราจะยึดมั่นในหลักความดีทั้งหลายเหล่านี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-12-2012 เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 82 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 07-12-2012, 20:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,384 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กำลังใจของเราแบ่งออกเป็น ๓ ระดับ ๙ ขั้นด้วยกัน ระดับแรก เรียกว่า สามัญบารมี คือกำลังใจขั้นต้น แบ่งเป็นหยาบ กลาง ละเอียด สามัญบารมีอย่างหยาบ ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาไม่เป็นทั้งนั้น เกิดมาทั้งชาติบางทีไม่รู้จักคำทั้งหลายเหล่านี้เลย สามัญบารมีขั้นกลาง ตั้งใจจะให้ทานแล้วบางทีก็ยังซุกคืนไปอีก ก็คือเกิดความตระหนี่ถี่เหนียว ไม่สามารถที่จะตัดใจให้ได้ สามัญบารมีขั้นละเอียด สามารถให้ทานได้ แต่พอบอกเรื่องรักษาศีล เรื่องปฏิบัติภาวนาจะไม่มีกำลังใจคิดที่จะทำเลย

ขั้นที่ ๒ เรียกว่า อุปบารมี คือ กำลังใจขั้นกลาง มีหยาบ มีกลาง มีละเอียดเช่นกัน อุปบารมีขั้นหยาบ ให้ทานได้ พอบอกว่าให้รักษาศีล ให้เจริญภาวนา รู้สึกเหมือนกับแบกช้างทั้งตัว ไม่มีกำลังใจที่จะต่อสู้เพื่อให้ทำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นได้ อุปบารมีขั้นกลาง สามารถให้ทานได้ รักษาศีลก็ขาดบ้าง พร่องบ้าง ต้องเป็นอุปบารมีขั้นปลาย ถึงจะสามารถให้ทานได้ รักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ แต่บอกว่าให้ภาวนาก็ไม่มีความคิดที่จะกระทำเลย

ต้องมาถึงระดับปรมัตถบารมี คือกำลังใจขั้นสูงสุด ประกอบไปด้วย ๓ ระดับเหมือนกัน ก็คือ ปรมัตถบารมีขั้นหยาบ ให้ทานได้ รักษาศีลได้ แต่พอมาถึงการเจริญภาวนาก็ภาวนาบ้าง นึกด่าชาวบ้านเขาบ้าง ปรมัตถบารมีขั้นกลาง สามารถให้ทานได้ รักษาศีลได้ ภาวนาอารมณ์ใจทรงตัวบ้าง หลุดหายไปบ้าง ต้องปรมัตถบารมีขั้นปลาย ขั้นละเอียดที่สุด ขั้นสูงสุด จึงสามารถให้ทานได้ รักษาศีลได้ เจริญภาวนาได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2012 เมื่อ 11:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 68 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-12-2012, 07:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,384 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเราทราบแล้วว่ากำลังใจของเราอยู่ในระดับไหน ก็พยายามประคับประคอง สร้างเสริมกำลังใจของเราให้สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป
เราต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเรื่องของทาน เรื่องของศีล เรื่องของภาวนา เหมือนกับเป็นบันไดที่จะพาเราก้าวล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน บันไดทั้งหลายเหล่านี้เป็นบันไดที่ยืดยาวมาก เราจำเป็นที่จะต้องขยันก้าวเดินอยู่ทุกวัน เพื่อที่จะให้ไปสู่จุดหมายปลายทางให้ได้เร็วที่สุด ถ้าเราไม่ขยันก้าวเดินทุกวัน ก็จะเริ่มช้าลงไปทุกที

ดังนั้น..การที่ญาติโยมทั้งหลายอาศัยฤดูของกาลกฐิน ออกไปทำบุญกฐินตามวัดวาอารามต่าง ๆ แล้ว ก็ยังย้อนกลับมาเพื่อที่จะปฏิบัติในเรื่องของสมาธิภาวนา ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นความทุกข์ของร่างกายนี้ จนกระทั่งจิตใจปล่อยวาง ไม่มีความต้องการร่างกายนี้อีก ไม่ต้องการที่จะเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากอย่างนี้อีก มีกำลังใจปักมั่น จดจ่อในพระนิพพานแห่งเดียว ก็ถือว่าท่านทั้งหลายมาได้ถูกทางแล้ว วางกำลังใจได้ถูกที่แล้ว

ก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่า ต้องระมัดระวังรักษากำลังใจของเรา ให้เกาะความดีในศีล ในสมาธิ ในปัญญาอย่างนี้ ให้ต่อเนื่องติดตามกันไปเรื่อย เพื่อที่ผลดีจะได้เกิดขึ้นกับเรา คือสามารถยกจิตของตนก้าวขึ้นสู่ภพภูมิที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกระทั่งท้ายสุดหลุดพ้นไปสู่พระนิพพาน ดังที่ทุกคนตั้งความปรารถนาเอาไว้ ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาหรือพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๕

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2012 เมื่อ 08:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-12-2013, 15:16
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,189 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2555-11-04

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว