กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-11-2012, 20:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,371 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๕

ให้ทุกคนขยับนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า หายใจเข้า..เอาความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..เอาความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ ตามที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานต้นเดือนตุลาคมวันสุดท้ายของพวกเรา

ช่วง ๒-๓ วันนี้ ส่วนใหญ่แล้วญาติโยมจะห่วง กังวล หรือกลัวว่าจะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ เนื่องจากตอนนี้พายุแกมีกำลังเข้าประเทศเวียดนามและคาดว่าจะตรงมายังประเทศไทย ซึ่งจะว่าไปแล้วความกลัว หรือความกังวลทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าตำหนิ เพราะว่าตราบใดที่เรายังกลัวตายอยู่ เราย่อมกลัวในทุกเรื่อง จะกลัวมากกลัวน้อยก็อยู่ที่วิสัยเฉพาะตัว บุคคลที่ปราศจากความกลัวโดยสิ้นเชิงก็เห็นจะมีแต่พระอรหันต์เท่านั้น

เมื่อเป็นดังนั้นการที่พวกเรากลัวก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องที่น่าตำหนิติเตียนแต่ประการใด เพียงแต่ความกลัวนั้น ให้กลัวในลักษณะของผู้ที่ไม่ประมาท คือ ต้องมีการเตรียมพร้อมด้วย อย่างเช่น ถ้ามีของที่จะถูกน้ำท่วมเสียหายได้อยู่ในที่ต่ำ เราก็โยกย้ายขึ้นสู่ที่สูง ถ้าเราเตรียมพร้อมดังนี้ ต่อให้ฝนฟ้ามาหนักแค่ไหน เราก็ไม่ต้องไปกังวลใจ

จะว่าไปแล้วก็ตรงกับการปฏิบัติธรรมของเรา องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสรุปไว้ ในตอนที่พระองค์ท่านจะเสด็จดับขันธปรินิพพานว่า “อัปปมาเทนะ สัมปาเทถะ” ต้องยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ธรรมะที่พระองค์ท่านแสดงมาทั้ง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ สรุปแล้วรวมลงตรงความไม่ประมาทนี้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2012 เมื่อ 02:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 90 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 12-11-2012, 07:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,371 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเราไม่ประมาท ไม่ทราบว่าตนเองจะถึงความตายเมื่อไร เราก็ต้องเร่งกอบโกยความดีใส่ตัวของเราให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ทำหน้าที่ของเราวันนี้ให้ดีที่สุด คิดอยู่เสมอว่าพรุ่งนี้ไม่มีสำหรับเรา บุคคลที่มีวันนี้วันเดียวหรือมีเวลาอยู่แค่ชั่วลมหายใจเดียว ย่อมต้องทำหน้าที่เฉพาะหน้าของตนเองอย่างเต็มความสามารถ โดยเฉพาะการสั่งสมความดีเพื่อที่จะก้าวล่วงจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ในเมื่อเราเป็นผู้ที่ไม่ประมาทก็ย่อมปฏิบัติในศีล ในสมาธิ ในปัญญาอย่างเต็มที่ ในเรื่องของศีลนั้นนอกจากจะไม่ละเมิดศีลด้วยตนเองแล้ว ยังไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีลด้วย

ในเรื่องของสมาธินั้นให้พยายามกำหนดรู้ลมหายใจให้ได้ทุกเวลา เพราะถ้าสติของเราขาดจากลมหายใจ สมาธิก็จะไม่มี รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นกิเลสต่าง ๆ ก็จะแทรกเข้ามาได้ง่าย และจะพาเราไหลตามกระแสไป กลายเป็นไม่สามารถที่จะสร้างความดีได้อย่างที่ต้องการ

ในส่วนของปัญญานั้น อย่างต่ำที่สุดต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย เมื่อรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราจะต้องตาย ก็ให้ตั้งเป้าไว้ว่าตายแล้วเราจะไปไหน ? ถ้าตอบตนเองว่าตายแล้วเราจะไปพระนิพพาน การที่เราจะไปพระนิพพานได้มีกติกาอย่างไรเราก็ต้องทำให้เต็มที่ ต่อให้ไม่สามารถไปถึงพระนิพพานได้ในชาตินี้ เราก็ต้องไปให้ได้ไกลที่สุด ให้สูงที่สุดเท่าที่เราจะพึงทำได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2012 เมื่อ 09:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 73 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-11-2012, 08:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,371 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าจะใช้ปัญญามากขึ้น ก็ต้องมีความรู้สึกหรือความเห็นว่า สภาพร่างกายนี้เต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก ไม่ได้มีความสะอาดอย่างแท้จริง ร่างกายนี้ประกอบไปด้วยอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง เหงื่อไคลต่าง ๆ เป็นต้น

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้หลั่งไหลออกมาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ว่าจะทางทวารทั้ง ๙ ก็ดี ทางรูขุมขนก็ดี ทำให้ร่างกายของเรา ตลอดจนเครื่องใช้ไม้สอยต่าง ๆ สกปรกโสโครกไปด้วยกัน ต้องทำการชำระสะสาง ต้องขัดสี ต้องอบรม ต้องป้องกันรักษาความสะอาดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกายของเราก็ดี กายของคนอื่นก็ดี กายของสัตว์อื่นก็ดี มีความสกปรกโสโครกเช่นนี้เป็นปกติ ถ้าเราสามารถเห็นชัดอย่างนี้ได้ จิตก็จะเกิดความเบื่อหน่ายในอัตภาพร่างกายนี้ เบื่อหน่ายในอัตภาพร่างกายของคนอื่น ก็จะถอนความปรารถนาในร่างกายทั้งของตนเองและของคนอื่นออกมา

ถ้ายิ่งเราสามารถพิจารณาให้เห็นชัดว่า อัตภาพร่างกายนี้สักแต่ว่าประกอบขึ้นมาจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ประกอบไปด้วยไออุ่นและวิญญาณ ยังอยู่ได้ด้วยอาหาร ให้เราอาศัยอยู่เพียงชั่วคราว เมื่อถึงวาระก็เสื่อมสลายไป พังไป ไม่สามารถจะยึดถือมั่นหมายว่าเป็นเรา เป็นของเราได้ เพราะไม่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเราเลย

เราก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ร่างกายนี้เหมือนกับรถยนต์คันหนึ่ง ตัวเราคือจิตนี้เป็นคนขับรถ ถึงเวลารถพัง คนขับรถก็ต้องไปหารถคันใหม่ ซึ่งจะได้มาตามบุญตามบาปที่เราสร้างไว้ สร้างบุญไว้มากก็ได้รถดี ๆ สร้างบาปไว้มากก็ได้รถพัง ๆ เป็นต้น

เมื่อเราเห็นชัดเจนอย่างนี้ ก็จะเห็นว่าธรรมดาของร่างกายนี้ ก้าวเข้าไปหาความตายเป็นปกติ ความตายไม่มีอะไรน่ากลัว เป็นการเปลี่ยนรูปเปลี่ยนขันธ์ไปตามบุญตามบาปเท่านั้น และถ้ายิ่งเราสามารถหลุดพ้นไปถึงพระนิพพานได้ ก็ยิ่งไม่ต้องเกรงกลัวสิ่งใด เพราะไม่มีความทุกข์ใดสามารถเอื้อมไปถึงเราได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2012 เมื่อ 09:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-11-2012, 05:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,328
ได้ให้อนุโมทนา: 149,906
ได้รับอนุโมทนา 4,395,371 ครั้ง ใน 33,917 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าทุกท่านสามารถใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงดังนี้ สภาพจิตของเราก็หมดอยากที่จะยึดครองในร่างกายนี้ หมดอยากที่จะต้องการเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเยี่ยงนี้ เราก็สามารถหลุดพ้นไปสู่พระนิพพานได้

สำหรับหลายท่านที่เคยถามว่าจะปฏิบัติกรรมฐานอย่างไรจึงจะเหมาะสมแก่ตน ขอบอกว่าทุกคนต้องอาศัยอานาปานสติ คือการกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกเป็นหลัก แล้วหลังจากนั้นเราจะปฏิบัติควบไปด้วยพรหมวิหาร ๔ ก็ดี หรือพุทธานุสติคือกำหนดภาพพระไปด้วยก็ดี ตลอดจนกระทั่งกรรมฐานกองอื่น ๆ นั้น ก็อยู่ที่ความชอบใจของเรา แต่จะทิ้งลมหายใจเข้าออกไม่ได้ เพราะถ้าทิ้งลมหายใจเข้าออก การปฏิบัติทุกประการจะไม่ทรงตัว ผลของการปฏิบัติก็จะไม่เกิดขึ้น

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจดูลมหายใจเข้า-ออกของตนเอง หายใจเข้า..กำหนดความรู้สึกทั้งหมด ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..กำหนดความรู้สึกทั้งหมด ไหลตามลมหายใจออกมา ใช้คำภาวนาตามที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม ถ้าลมหายใจเบาลง ก็กำหนดรู้ว่าลมหายใจเบาลง ถ้าคำภาวนาหายไป ลมหายใจหายไป ก็กำหนดรู้ว่าคำภาวนาหายไป ลมหายใจหายไป

เพราะว่าเมื่อถึงตรงจุดนั้น สภาพจิตที่นิ่ง ละเอียด ใสสะอาดนั้น การปรุงแต่งใด ๆ ไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้ ดังนั้นคำภาวนาจึงไม่สามารถที่จะมีได้ การกำหนดรู้ลมหายใจไม่สามารถที่จะมีได้เช่นปกติ จนกว่าสภาพจิตจะคลายออกมาสู่อารมณ์ที่หยาบกว่านั้น จึงสามารถที่จะกำหนดรู้ลมหายใจหรือกำหนดคำภาวนาต่อไปได้

ตอนนี้ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนา หรือพิจารณา หรือกำหนดภาพพระตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๕๕

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธและเถรี)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2012 เมื่อ 12:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 59 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 21-12-2013, 15:14
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,189 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2555-10-07

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:54



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว