กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 16-08-2012, 08:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขึ้นบ้านใหม่ จะตั้งศาล ไม่รู้ว่าจะตั้งศาลกี่เสา ?
ตอบ : โดยทั่ว ๆ ไปแล้วตั้งเสาเดียวก็พอ สำหรับศาล ๔ เสา ถ้าเรามั่นใจว่าตรงนั้นเป็นอากาศเทวดาดูแลจริง ๆ แล้วค่อยตั้ง ถ้าหากไม่รู้ว่าเป็นอากาศเทวดาหรือว่าเป็นภุมมเทวดา ตั้งศาลเสาเดียวก็พอ

ถ้าอากาศเทวดาไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวท่านก็มาทวงเอง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 16-08-2012, 08:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังวางแผนว่า จะทำเรือนไทยหลังยาว ๆ ไว้ด้านหลังหลวงพ่อสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก แล้วก็อัญเชิญสังขารหลวงปู่สายไปตั้งไว้ตรงนั้น คนมาจะได้ไหว้ที่เดียวเลย ไม่ต้องเข้าไปข้างในวัด ข้างในวัดจะได้สงบจริง ๆ เสียที

ถ้าอัญเชิญสังขารหลวงปู่สายไว้ด้านหน้าจริง ๆ รูปหล่อหลวงปู่พุกและรูปหล่อหลวงปู่สายต้องย้ายไปด้วย เพราะส่วนใหญ่คนเขาไปมักบนท่าน ไหน ๆ แล้วก็ให้เขาบนทีเดียวไปเลย

ตอนนี้ฝนกระหน่ำตั้งแต่เช้ายันค่ำทุกวัน พระบิณฑบาตเปียกอย่างกับลูกหมาตกน้ำ เมื่อวานนี้จะเวียนเทียน ก็ทำกำลังใจบอกท่านเจ้าที่ที่รักษาวัดกับรักษาทองผาภูมิว่า เทวดาทั้งหลายก็ยินดีในบุญเป็นปกติอยู่แล้ว ญาติโยมกำลังจะทำบุญใหญ่ด้วยการตามประทีป และเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ถ้าจะเมตตาสงเคราะห์ก็ช่วยเว้นฝนช่วงนั้นไว้สักหน่อย ปรากฏว่าหยุดให้จริง ๆ หยุดให้ตั้งแต่ประมาณบ่ายสามโมงถึงสามทุ่ม รวม ๖ ชั่วโมงเต็ม ๆ

ตอนหลังพระท่านไม่แปลกใจแล้ว เขาใช้คำว่า "งานของอาจารย์ฝนไม่ตกหรอก" ไม่จริง..ตก..! นอกเวลางานฝนกระหน่ำจนกระทั่งคิดว่าไม่มีทางหยุดแล้ว พอเวลางานท่านก็หยุดให้เฉยเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 16-08-2012, 08:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้อาตมาขึ้นไปข้างบน ตอนแรกตั้งใจว่าจะพัก ปรากฏว่าพระนาคปรกเต็มห้องเลย มีแต่คนถวายมา จำไว้ว่าคราวหน้าถ้าอาตมาไม่บูชาด้วยเงินส่วนตัว..ต้องถวายนะ ไม่ใช่พอไม่บูชา..รอถวาย กลับไม่มีใครให้สักองค์..!

อาตมาก็เลยต้องไปจัดเรียงพระให้เข้าที่เรียบร้อย กว่าจะเสร็จก็หมดเวลาพักผ่อนพอดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 16-08-2012, 08:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้แต่ละงานของทางวัดใช้เทียนเพื่อหล่อผางประทีปประมาณ ๑ ตัน มีพระครูปลัดสุวัฒนสิทธิคุณหรือท่านมหาปิง แสดงความจำนงถวายไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปกวาดมาหมดวัดสระเกศหรือยัง ? คงกะว่าเทียนทั้งหมดจุดแล้วสว่างรุ่งเรืองแค่ไหน ก็ให้ทางชีวิตของท่านรุ่งเรืองแค่นั้น

เรื่องของการบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยแสงสว่าง ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือพระอนุรุทธเถระ สมัยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีพระนามว่าพระพุทธกัสสปะ เมื่อพระองค์ท่านนิพพาน เขาสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอนุรุทธตามประทีปถวาย จุดไฟรอบพระเจดีย์ นอกจากนี้ยังใช้อ่างเติมน้ำมันแล้วก็ควั่นไส้ จุดถวายเป็นพุทธบูชาด้วยการเทินศีรษะเดินรอบพระเจดีย์ ในลักษณะทักษิณาวัตร ถวายเป็นพุทธบูชา

ฟัง ๆ ดูแล้ว อยากลองทำดูไหม ? เรื่องนี้ต้องฟังตัวอย่างลุงบู๊ ลุงบู๊เป็นคนบ้านทับกฤช จังหวัดนครสวรรค์ ลุงบู๊ทำมาหากินแบบแก้บน ก็คือ ทำไร่ทำสวนไปอย่างนั้นเอง งานหนักตัวเองทำ งานเบาปล่อยลูกเมียดูแล แล้วตัวเองเอาแต่นั่งภาวนา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 16-08-2012, 09:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ลุงบู๊เหลาไม้ไผ่เป็นตอกเส้นเล็ก ๆ สวดอิติปิโสฯ ได้จบหนึ่งก็เด็ดตอกนิดหนึ่งใส่ปีบไว้ ไม่รู้กี่สิบปีบเต็มบ้านไปหมด พอถึงวันพระ ลุงบู๊จุดตะเกียงกระป๋องรอบบ้านเลย กี่สิบดวงก็ไม่รู้ ? แล้วเดินจงกรมรอบบ้านถวายเป็นพุทธบูชาทุกวันพระ

เวลาคนมาขโมยข้าวของในไร่ในสวน ขโมยกล้วย ขโมยมะพร้าว ขโมยมะนาว ลูกวิ่งมาฟ้อง ลุงบู๊บอกว่า “ให้เขาไปเถอะ ถ้ามีเขาไม่มาเอาของเราหรอก” แกไม่ใช่คนมั่งมี แต่แกเน้นเรื่องของการปฏิบัติภาวนา ตั้งความปรารถนาจะขอสำเร็จพระโพธิญาณในอนาคตกาล เข้าไปในบ้านแกมีแต่ปีบ ในปีบใส่เศษตอกที่นับเอาไว้ว่าตัวเองสวดอิติปิโสฯ ไปแล้วกี่จบ ซ้อนกันเป็นตั้ง ๆ เลย

ท่านเจ้าคุณภาวนากิจวิมล หรือว่าหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ของพวกเรานั่นแหละ กราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า “หลวงพ่อครับ..นี่พุทธภูมิระดับปรมัตถบารมีแล้วใช่ไหมครับ ? ” หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า “ยัง..แค่อุปบารมีเท่านั้น” โอ้..แล้วปรมัตถ์เขาทำอะไรกันบ้าง ?

พวกเราเอาอย่างนั้นบ้างไหม ? ภาวนาทั้งวัน ถึงเวลาลูกเมียก็ส่งข้าวปลาวันละ ๒ มื้อ เวลาที่เหลือภาวนา เดินจงกรม สวดอิติปิโสฯ ได้บทหนึ่งก็เด็ดตอกมานิดหนึ่งใส่ปีบไว้

พอเห็นเขาทำแล้วรู้สึกอายบ้างไหม ? ว่าเขาอุปบารมีเท่านั้น พวกเราหวังจะไปนิพพานชาตินี้ก็ต้องปรมัตถบารมี ในเมื่อปรมัตถบารมีก็แปลว่าต้องทำให้เข้มกว่าลุงบู๊ ฟังแล้วไปผูกคอตายดีกว่า เผื่อจะได้ไปนิพพานบ้าง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2012 เมื่อ 10:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 18-08-2012, 07:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าเรื่องประวัติมีดบ้านจ่าตุ่มให้ฟังว่า "จ่าตุ่มเป็นตำรวจตะเวนชายแดน ในระหว่างที่อยู่ในป่า มีดที่ทางราชการแจกให้ใช้งานนั้นไม่ได้เรื่อง อาตมาก็เคยได้รับแจกมาเหมือนกัน พูดง่าย ๆ ก็คือว่าเอาขุดดินได้อย่างเดียว จ่าตุ่มจึงตีมีดใช้เอง ปรากฏว่ามีดที่ตีเองมีคุณภาพดี คนนั้นก็ยืมใช้ คนนี้ก็ยืมใช้ เขาก็เลยทำเผื่อเพื่อนบ้าง ทำไปทำมามีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่ามีดมีคุณภาพดี น้ำหนักดี เหล็กดี แกก็เลยเปลี่ยนมาทำมีดเป็นอาชีพเสริม

พอจ่าตุ่มย้ายเข้ามาในเมือง ก็ไปไล่จับพวกทำปืนเถื่อนแถวบ้านอีเติ่ง จับมาแล้วก็เสียดายฝีมือพวกนี้ เพราะเขาทำปืนเถื่อนได้สวยมาก สวยกว่าปืนเมืองนอกเสียอีก เพียงแต่ว่าเหล็กของเราไม่ได้อย่างของนอกเท่านั้น จ่าตุ่มเห็นว่าพวกนี้ทำมาหากินอย่างนี้มาหลายชั่วคนแล้ว ต่อให้จับไปจนตาย พวกนี้ก็ต้องออกมาทำปืนเถื่อนใหม่อีก

จ่าตุ่มก็เลยเอาพวกนี้มาเปลี่ยนอาชีพให้ทำมีดแทน พวกนี้เขามีฝีมือในการทำปืนสุดยอดอยู่แล้ว พอมาทำมีดก็กลายเป็นของง่าย มีดจ่าตุ่มก็เลยมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ใครต้องการต้องไปเข้าคิวจองกันเป็นปี ๆ กว่าจะได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2012 เมื่อ 10:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 18-08-2012, 07:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอสิ้นจ่าตุ่มไป ป้าสุที่เป็นภรรยาก็รับช่วงต่อ ตอนแรกอาร์ตซึ่งเป็นลูกชายไม่เอา มาทำงานในกรุงเทพฯ แทน ไป ๆ มา ๆ ก็กลับไปช่วยงานที่บ้าน

บรรดาเหล็กทำมีดเป็นเหล็กชั้นดีมาก ๆ ดีขนาดตัดเหล็กด้วยกันได้ คราวนี้เศษที่เหลือจะทำมีดเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เสียดาย อาร์ตเขามีหัวศิลปะอยู่ ก็เลยออกแบบเป็นกำไลบ้าง เป็นสร้อยคอบ้าง เป็นต่างหูบ้าง ด้วยความที่อาตมารู้จักสนิทสนมกันมาตั้งนานเนกาเล เห็นเขาวางจำหน่ายของพวกนี้ที่บ้าน กว่าจะจำหน่ายได้ใช้เวลานาน ก็เลยบอกป้าสุว่า เอามาฝากขายที่นี่ไหม
? (ที่บ้านวิริยบารมี)

ของจากบ้านจ่าตุ่ม ก่อนหน้านี้มีจำหน่ายในอินเตอร์เน็ต แต่จัดทำไม่ไหว เพราะทั่วโลกสั่งเข้ามา บ้านจ่าตุ่มจะทำทีละเล่ม ประเภทไม่มีอารมณ์ก็ไม่ทำด้วย ลูกค้ารอนาน ก็เลยปิดเว็บไป ตอนนี้ถ้าใครต้องการ นอกจากไปบ้านจ่าตุ่มที่อุทัยธานีแล้ว ก็จะมีอยู่ที่บ้านวิริยบารมีนี่แหละ เพราะว่าที่อื่นป้าสุไม่ยอมให้ใครเอาไปจำหน่าย

มีดบ้านจ่าตุ่มทำด้วยเหล็กที่ตัดเหล็กด้วยกันได้ เอามาเหลาตะปูเล่นได้ เพียงแต่ว่าราคาสูงนิดหนึ่ง เพราะเขาประกันตลอดชีวิตคนใช้ ถ้ามีการชำรุดโดยสภาพจะเปลี่ยนใบใหม่ให้ฟรี ซ่อมฟรีด้วย เท่ากับว่าบริการหลังการขายฟรีตลอดชีพ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2012 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 18-08-2012, 10:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมนำผ้ากาสีมาถวายพระอาจารย์ ท่านจึงกล่าวว่า "อินเดียโบราณประกอบไปด้วยประเทศเล็ก ๆ ใหญ่ ๆ ๑๖ ประเทศด้วยกัน ภาษาบาลีเรียกว่า มหาชนบท มีประเทศหนึ่งคือ กาสี มีชื่อเสียงในการทอผ้ามาก ภาษีอากรต่าง ๆ เกินครึ่งของประเทศได้มาจากพ่อค้าขายผ้า ไม่ว่าจะเป็นมหาเศรษฐีหรือเจ้าฟ้าพระมหากษัตริย์ ต่างก็มีความปรารถนาจะใช้ผ้าของแคว้นกาสีทั้งนั้น แคว้นนี้จึงเป็นประเทศที่ร่ำรวยมาก

แต่แคว้นกาสีมักจะโดนแคว้นโกศลผนวกเข้าไปด้วย ก็คือโดนยึดไปเป็นเมืองขึ้นบ่อย พอ ๆ กับแคว้นอังคะที่มักจะโดนแคว้นมคธยึดไป
อยู่เรื่อยเหมือนกัน เพราะแคว้นอยู่ติดกัน ประเภทรั้วบ้านชนกัน แต่ประเทศเขาใหญ่กว่า มีกำลังพลมากกว่า ก็มายึดไป

กาสีมีเมืองหลวงคือ พาราณสี เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ก็คือริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา และแสดงปฐมเทศนาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พออาตมาเห็นโยมเอาผ้าแคว้นกาสีมาถวาย ก็นึกถึงว่าเขามีชื่อเสียงมาแต่โบราณและรักษาชื่อเสียงมาได้จนถึงปัจจุบัน คนไทยไปเมื่อไรก็ต้องซื้อผ้าเขามา เป็นผ้าที่เบา นุ่ม ห่มสบาย และอุ่นดี ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ผ้าหนา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2012 เมื่อ 11:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 18-08-2012, 10:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ป่านี้ต้องบอกว่าเป็นป่าอาถรรพ์ อิสิปตน แปลว่า ฤๅษีตก คำว่า ปตน มาจาก ปตธาตุ = ในความตก สมัยก่อนพวกโยคี ฤๅษีมีฤทธิ์ เขาเหาะกันเป็นปกติ แต่เหาะผ่านป่านี้ไม่ได้ เหาะผ่านเมื่อไรก็ตกเมื่อนั้น เขาก็เลยเรียกว่าป่าฤๅษีตก

เขาต่อด้วยคำว่า มฤคทายวัน แปลว่า สวนกวาง ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน คือ ป่าสวนกวางที่ฤๅษีตก อาถรรพ์แต่โบราณยังเหลืออยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ ? คาดว่าน่าจะเป็นสถานที่สำคัญ อย่างเช่นมีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ เทวดาที่รักษาท่านก็เลยกันไว้ไม่ให้คนข้าม เพราะจะเป็นบาปเป็นกรรมกับตัวเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2012 เมื่อ 11:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 18-08-2012, 10:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกผมไปนั่งสมาธิ ก่อนวันนั่งเขาก็ดูประวัติสัตว์ในวรรณคดี พอจะนั่งวันแรกเขาเห็นเหราอยู่หน้าถ้ำ ผมก็บอกว่าขอเขาสิว่าเขาให้เข้าไปได้หรือเปล่า ? วันที่สองเขาเข้าไปในถ้ำได้ ไปเจอเหรา วันที่สามไปเจอเทวดา ผมก็เลยสงสัยว่าสิ่งที่เขาทำเป็นจริงหรือเปล่า ?
ตอบ : จะไปยากอะไรก็ขอหวยเลยสิ..สิ่งที่เห็นนั้นเราเห็นจริง ๆ แต่เรื่องที่เห็นบางอย่างก็จริง บางอย่างก็ไม่จริง บางทีเทวดาเขาก็แปลงเป็นสัตว์แปลก ๆ มาให้ดู แล้วที่เราเห็นเป็นสัตว์ บางทีความจริงเป็นเทวดาก็มี

เพราะฉะนั้น..เรื่องพวกนี้เด็กเห็นอย่างไรก็ว่าไปตามนั้นแหละจ้ะ ถ้าผู้ใหญ่การปรุงแต่งมีมาก การรู้เห็นก็จะแตกต่างออกไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2012 เมื่อ 17:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 18-08-2012, 11:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เกี่ยวกับการปฏิบัติ ช่วงทำแรก ๆ เราเห็นความโกรธตัวเอง ก็เลยแผ่เมตตา ครั้งแรกจะเห็นความโกรธชัด แต่พอผ่านไปสักพักก็น้อยลง แต่ก็มีคู่ปรับที่เคยทะเลาะกับเราอยู่ กับคนอื่นจะตัดเร็ว แต่กับคู่ปรับอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ เราค่อนข้างจะโกรธแรง อย่างนี้เราจะทำอย่างไรให้หายขาด ?
ตอบ : ใช้วิธีเหมือนเดิม ก็คือแผ่เมตตา แรก ๆ ก็ให้คนที่เรารักก่อน หลังจากนั้นก็ให้คนที่เรารักน้อย ให้คนที่เราไม่รักไม่เกลียด ให้คนที่เราเกลียดน้อย ให้คนที่เราเกลียดมาก ไล่ไปตามลำดับ

ถ้าไปถึงคนที่เราไม่ชอบขี้หน้าอย่างยิ่งเลย แล้วปุบปับไปอภัยให้เขา จิตจะต่อต้าน ไม่ยอมรับ ต้องไปทีละขั้น ให้คนที่เรารักนั้นให้ง่าย คนที่เราไม่รักไม่เกลียดก็พอไหว พอไปถึงคนที่เราเกลียด เราไม่ค่อยอยากจะให้อภัย บางทีเรารู้ว่าต้องให้อภัย เราก็อุตส่าห์พยายามให้ ให้ไปได้พักเดียวก็ไปนึกโกรธอีกแล้ว ถือว่าเป็นอาการปกติ ให้พยายามต่อไป เดี๋ยวก็อภัยได้ไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2012 เมื่อ 11:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 18-08-2012, 11:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมกับเพื่อนจะไปเดินเที่ยวในป่า มีป่าไม้นำไป แต่ในใจคิดว่าจะไปปักกลด จะภาวนาด้วย ?
ตอบ : จะเข้าไปเองหรือให้ป่าไม้พาไปก็เหมือนกัน อันตรายมาได้ทุกเวลา ไปถึงอย่าลืมแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้เจ้าที่ทั้งหมด ขอให้ท่านมาโมทนาในส่วนบุญที่เราได้มาทำในสถานที่นี้ และให้ช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยด้วย ถ้าสวดบทกรณียเมตตาสูตร "เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิงฯ.." ได้ก็สวด ถ้าทำอย่างนั้นอยู่ที่ไหนก็ปลอดภัย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2012 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 18-08-2012, 11:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างเวลามีคนแนะนำอะไร ในใจเราคิดว่าไม่ต้องพูดหรอก กูรู้แล้ว อารมณ์นี้ขึ้นมา แต่หน้าตาเราไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร ?
ตอบ : เขาเรียกว่า มานะ ถือตัวถือตน เป็นสังโยชน์คือเครื่องร้อยรัดใหญ่ แต่เป็นสังโยชน์ตัวท้าย ๆ ความละเอียดมีมาก ตัดยากหน่อย

ถาม : เราจะมีวิธีอย่างไรให้มานะลดน้อยลง ?
ตอบ : ต้องพยายามเพิ่มความอ่อนน้อมถ่อมตนกับตัวเองให้มากขึ้น ให้รับรู้ว่าทุกอย่างที่เขาแนะนำมาเป็นเรื่องที่ดี คนอื่นเขาเมตตาสงเคราะห์ เรารับฟังไว้ก็ไม่เสียหลาย และขณะเดียวกันก็พยายามที่จะมองให้เห็นว่า ตัวเราหรือตัวเขา เกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนไปในท่ามกลาง แตกดับในที่สุด ไม่มีใครดีกว่าใครหรอก ระหว่างการดำรงชีวิตอยู่ สิ่งใดที่เขาสงเคราะห์แก่เรา ถ้าเป็นประโยชน์เราก็รับเอามา ไม่อย่างนั้นเราก็จะปล่อยไม่ได้ วางไม่ลงสักที

ตัวกูของกูเผลอเมื่อไรก็ขึ้นมาเมื่อนั้น เป็นทุกคนแหละ อย่างที่เคยเล่าไว้ว่าแม้กระทั่งขี้ของกูยังฆ่ากันตายมาแล้ว คนต่างจังหวัดเขาชวนกันเข้าป่าล่าสัตว์ เดินไปถึงท้ายหมู่บ้านติดกับป่า ไปเจอกองขี้ คนที่ ๑ บอกว่า "ใครมาขี้ทิ้งไว้ตรงนี้วะ เหม็นฉิบหายเลย ?"ปรากฏว่าเพื่อนคนที่ไปด้วยกันขี้ไว้ ได้ยินดังนั้นก็โกรธ บอกว่า
" ไอ้ห่..มึงว่ากูขี้เหม็นหรือ ?" สรุปแล้ววันนั้นไม่ได้ล่าสัตว์หรอก เอามีดพร้าที่ถือเข้าป่าไปฟันกบาลกันเอง สรุปว่าขี้ของกูยังทำให้คนตายได้

เรื่องของกิเลสกินเราอยู่ตลอดเวลา เผลอไม่รู้เท่าทัน ก็โดนชักจูงไปออกไปทางรัก โลภ โกรธ หลง มีแค่ ๔ ข้อเท่านี้แหละ เพียงแต่ว่ามาอยู่ตลอดเวลา มาทุกครั้งที่เราเผลอ รู้ตัวต้องรีบแก้ไข พยายามแก้บ่อย ๆ เดี๋ยวส่วนดีมีมากกว่า กำลังเราสูงกว่า การแก้ไขก็ง่ายขึ้น ตอนแรก ๆ ส่วนดีของเรามีน้อยกว่า กำลังความดีมีน้อยกว่า จึงแก้ไขได้ยาก ต้องใช้ความพยายามสูง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2012 เมื่อ 11:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 19-08-2012, 08:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีหลายคนที่ไม่รู้อันตรายของถนนเวลาฝนตก ถ้าฝนตกก็ให้ตกหนักไปเลย ถ้าแห้งก็ให้แห้งไปเลย จะทำให้ขับรถได้ง่าย แต่ถ้าถนนครึ่งเปียกครึ่งแห้ง จะทำให้ลื่นมาก หน้าถนนที่เราเห็นว่าสะอาด ความจริงมีโคลนบาง ๆ อีกชั้นหนึ่ง เป็นฝุ่นที่เกิดจากดินและท่อไอเสียเคลือบอยู่ พอโดนน้ำเข้าจะลื่นมาก โค้งที่เราเคยเข้าด้วยความเร็ว ๘๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถ้าเพิ่มความเร็วขึ้นอีกนิดเดียว รถจะหมุนเลยเพราะถนนลื่น

อีกอย่างก็คือน้ำที่อยู่บนถนน โดยเฉพาะน้ำที่ท่วมถนนซีกเดียวจะอันตรายมาก ๆ เวลาเราวิ่งลงไป ล้อที่โดนน้ำจะฝืดโดยอัตโนมัติ เพราะน้ำจะไปหน่วงความเร็วของล้อไว้ เท่ากับเราเบรกรถไว้ข้างเดียว ถ้าความเร็วได้ระดับสัก ๑๒๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง เจอเบรกข้างเดียวรถจะหมุนเป็นลูกข่างไปเลย

ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่พอขับรถได้ก็ออกถนนเลย ทั้ง ๆ ที่ยังขับรถไม่เป็น ที่เล่ามานี้เพราะอาตมามีประสบการณ์หมุนกับถนนมาแล้ว เป็นถนนบนเขาค้อ ช่วงนั้นฝนตก คนขับรถก็ต้องเร่งความเร็ว เพราะมีผู้โดยสารอยู่กระบะท้าย ๓ – ๔ คน ถ้ารถวิ่งได้ความเร็วแล้ว ฝนจะบินเลยหลังคาไปหมด จะไม่ตกลงใส่กระบะ

แต่ปรากฏว่าตอนเข้าโค้ง ถนนครึ่งเปียกครึ่งแห้ง เป็นเรื่องเลย อาตมาก้มลงหยิบของ เห็นฉัพพรรณรังสีสว่างวาบ จึงบอกคนขับรถให้ระวังไว้ พูดไม่ทันขาดคำรถก็หมุนติ้วเลย พระท่านเตือนแล้ว แต่บางอย่างก็เตือนเร็วไม่ได้ บางอย่างเตือนช้าก็ไม่ได้ มีเวลารู้ตัวก่อนแค่ไม่กี่วินาที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2012 เมื่อ 15:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 19-08-2012, 08:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บางครั้งเรื่องของวาระกรรมท่านบอกตรง ๆ ไม่ได้ มีครั้งหนึ่งอาตมาเดินจากอู่ทองกลับทองผาภูมิ ผ่านตรงจุดที่เรียกว่าตลาดเขต เป็นรอยต่อระหว่างสุพรรณบุรีกับกาญจนบุรี คุยกับคนขับไปเรื่อย มาถึงตรงนั้นหมดเรื่องจะคุย หลับตาลงเตรียมภาวนา พอนึกถึงภาพพระ เห็นพระพุทธเจ้าร้าวเป็นลายงาทั้งองค์เลย กำลังคิดว่าเกิดอะไรขึ้น ลืมตาขึ้นมากระจกหน้าระเบิดเปรี๊ยะทั้งแผ่น..เตือนคนขับไม่ทัน..!

เพิ่งจะรู้ว่าลายงาอยู่ที่กระจก ของบางอย่างแม้ว่ารู้ก็รู้ล่วงหน้ามากไม่ได้ รู้แค่ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นและแก้ไขไม่ทันแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2012 เมื่อ 15:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 19-08-2012, 09:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ช่วงที่น้ำมันแพง รถกี่คันอาตมาโละหมด..เลิกใช้ ใครจะนิมนต์ให้เอารถมารับด้วย ไม่เอารถมารับก็ไม่ไป จนโยมทนไม่ไหว ซื้อรถให้ยืมใช้ ที่ใช้คำว่ายืมเพราะอาตมาไม่ยอมรับ ในเมื่อให้ยืมใช้ โยมก็ต้องจัดการกับรถทุกอย่าง ไม่ว่าจะซ่อมแซมรถ ต่อทะเบียนรถ ถ้าไม่ทำอาตมาก็ทิ้ง..เลิกใช้..!

หลายต่อหลายคนอยากมีรถ ไม่รู้หรอกว่า "รถ" กับ "ลด" นั้นใกล้เคียงกัน เงินในกระเป๋าของเราลดลงไปเรื่อย ๆ มีแต่จ่ายกับจ่าย แต่ก็เห็นว่าอยากได้รถกันมาก
เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าบ้านเราเป็นประเทศเล็ก ๆ แต่มีอัตราการใช้รถเกือบจะอยู่อันดับ ๑ ของโลก จนต่างประเทศต้องมาศึกษาระบบเงินผ่อนในประเทศไทย

โยมไปเอารถที่ศูนย์ของต่างจังหวัด เขาให้จ่ายดาวน์งวดแรกเมื่อพืชผลทางการเกษตรออก อย่างเช่น ปลูกข้าวโพด ปลูกมันสำปะหลัง ปลูกปาล์มน้ำมัน ถ้าจำหน่ายพืชผลทางการเกษตรเมื่อไร ค่อยมาจ่ายดาวน์งวดแรก แปลว่าเอารถไปใช้ฟรี ๆ ก่อน เขาใจถึงขนาดนั้น รับรองว่าชาวบ้านต้องไปวางดาวน์แน่นอน เพราะคนบ้านเราหน้าใหญ่ใจโต เวลาออกรถไป เพื่อนเห็น "เฮ้ย..มีรถนี่หว่า" "เฮ้ย..รถสวยดี ราคาเท่าไร ?" ยืดด้วยความภูมิใจ ต่อให้ไม่มีเงินก็ต้องไปกู้มาวางดาวน์ คราวนี้ยุบไม่ลงแล้ว..จมไม่เป็น

นึกถึงนายดาบตำรวจตระกูล ดาบตระกูลกู้เงินสวัสดิการตำรวจมาซื้อที่สร้างบ้าน อาตมาถามว่า "ดาบมีสิทธิ์อยู่บ้านหลวงฟรี ไปซื้อที่สร้างบ้านให้เปลืองเงินทำไม ?" ท่านบอกว่า "ตอนนี้ผมยังมีแรงอยู่ ยังมีเงินเดือนให้เขาหักได้อยู่ พอเวลาผมเกษียณแล้ว ที่ดินและบ้านก็เป็นของผม แต่ถ้าผมอยู่บ้านหลวง เวลาเกษียณแล้วผมออกจากบ้านหลวงมา ผมก็เคว้ง..หาที่อยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะตอนที่อยู่บ้านหลวง ส่วนใหญ่แม่บ้านตำรวจพอว่างก็จับกลุ่มนินทากัน ที่ร้ายกว่านั้นก็คือจับกลุ่มเล่นไพ่กัน ก็มีแต่จะเสียสตางค์...

พอข้างบ้านมีอะไร เมียผมก็อยากจะมีบ้าง เขามีตู้เย็น เมียผมก็อยากได้ มีโทรทัศน์ มีวีดิโอ เมียผมก็อยากได้ จ่ายตายชักเลย ผมจึงตัดสินใจกู้เงินสวัสดิการตำรวจมาซื้อที่สร้างบ้านดีกว่า เวลาเรามีหรือไม่มีอะไรคนอื่นเขาก็ไม่รู้ เขาไม่ได้มาดูที่บ้านเรา ไม่เหมือนบ้านพักตำรวจ อยู่เรียงกันเป็นตับ ใครมีไม่มีอะไรก็รู้กันหมด"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2012 เมื่อ 15:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 19-08-2012, 09:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"นายดาบตระกูลเป็นตำรวจที่ไถใครไม่เป็น นอกจากหน้าที่ตามปกติแล้ว ก็มีอาชีพเสริมเป็นการขายประกัน ขายแอมเวย์ อะไรที่เป็นเงินสุจริตแกเอาทั้งนั้น แต่ถ้าฉุกเฉินจำเป็นต้องใช้เงินก้อน ก็จะไปบนหลวงพ่อ ๔ พระองค์ที่วัดท่าซุง อย่างเช่นผู้ร้ายคนนี้มีค่าหัว ๓ หมื่น ก็ไปบนหลวงพ่อ ขอให้ผมเจอและจับได้ แล้วทำสำเร็จด้วย จะได้มีเงินใช้ วัน ๆ ขี่รถลาดตระเวนตรวจท้องที่ เสร็จสรรพก็เข้าวัดกราบพระ

คุณครูนนทา อนันตวงศ์ ท่านเป็นเลขานุการส่วนตัวของหลวงพ่อวัดท่าซุง วันนั้นคุณครูนนทาบอกกับดาบตระกูลว่า "นี่ตาแดง..เวลาหลวงพ่อไม่อยู่ ดึก ๆ มีเสียงคนทำงานอยู่ในห้องหลวงพ่อ ตาแดงช่วยมาดูให้หน่อยสิ" ดาบตระกูลก็ "ตกลงครับป้า"

พอตกกลางคืนครูนนทาใช้กุญแจสำรองไขเข้าไป ตรวจตราเรียบร้อย เห็นว่าไม่มีอะไรก็ปิดล็อกประตู ดาบตระกูลก็นอนกอดปืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง พอ ๔ – ๕ ทุ่มก็มีเสียงพิมพ์ดีด ดังก๊อกแก๊ก ๆ อยู่ข้างใน นายดาบตระกูลก็รอ ตี ๑ กว่า เกือบตี ๒ เสียงเปิดประตู นายดาบตระกูลลืมตาขึ้นมาเห็น "ตายห่..หลวงพ่อวัดท่าซุง..!" หลวงพ่อก้าวจะข้ามตัว นายดาบตระกูลคว้าขาท่าน มีเสียงบอกว่า “ปล่อยนะไอ้แดง..ไม่อย่างนั้นกูเตะ..!” ดาบตระกูลก็ต้องปล่อย แล้วท่านก็เดินหายไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2012 เมื่อ 15:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 19-08-2012, 09:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอหลวงพ่อท่านกลับจากสายลมมา ดาบตระกูลก็ไปกราบเรียนถาม “หลวงพ่อกลับจากสายลมไปพิมพ์หนังสือตอนไหนครับ ?”

หลวงพ่อ : เฮ้ย..ใช่ข้าซะเมื่อไรล่ะ
ดาบตระกูล : อ้าว..ผมจับกับมือ..เนื้อ ๆ เลย
หลวงพ่อ : อ๋อ..เพื่อนกัน ท่านลิงขาวเห็นว่างานข้าเยอะ ก็เลยมาช่วยตอบจดหมายแทน

นายดาบตระกูลบอกว่าสังเกตไม่ทัน หน้าตานี่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วเลย แต่ตอนกลางคืนดูไม่ทันว่าขาวกว่าหรือดำกว่า เสร็จแล้วก็ถามหลวงพ่อต่อ

ดาบตระกูล : ตอบจดหมายแทนแล้วจะเหมือนกันหรือครับ ?
หลวงพ่อ : พระระดับนั้นแล้ว..สำนวนเดียวกันเลย

ฉะนั้น..ใครได้รับจดหมายจากหลวงพ่อวัดท่าซุง ไม่แน่หรอกว่าจะเป็นตัวจริงตอบ มีคนช่วยพิมพ์ดีดให้เสร็จสรรพ ความจริงท่านรู้นะ เพราะตอนเข้าไม่ได้เข้าทางประตู แต่ในเมื่อมีคนมานอนเฝ้าทั้งที ก็เลยออกไปให้เขาเห็น

เรื่องพวกนี้ถ้าไม่ใช่คนอยู่วัดก็ไม่รู้หรอก เพราะเขาไม่ได้เล่ากันในวงกว้าง หลวงพ่อสององค์ในป่าไปวัดท่าซุงออกจะบ่อยไป แต่คนไม่ค่อยจะรู้กัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2012 เมื่อ 15:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 19-08-2012, 09:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงตาวัชรชัยบวชไม่กี่พรรษา มีหน้าที่รับญาติโยมเข้าพัก ท่านอยู่ที่ศาลานวราชบพิตร ส่วนหลวงพ่อวัดท่าซุงจัดงานเป่ายันต์เกราะเพชรที่ศาลา ๒ ไร่ ปรากฏว่าโทรศัพท์ดังขึ้น หลวงตาวัชรชัยก็วิ่งไปรับ “วัชรชัย” หลวงตาได้ยินก็เข่าอ่อนเลย “ครับ..หลวงพ่อ” “ไปดูซิ..ที่มุมตึกพระพินิจอักษร มีพระธุดงค์แบกกลดสะพายบาตรมารูปหนึ่งหรือเปล่า ?”

หลวงตาวัชรชัยก็วิ่งไปดู พอกลับมาถึงก็ยกหู “มีครับ..หลวงพ่อ” “เออ..นั่นแหละ..หลวงพ่อลิงขาว” หลวงตาวัชรชัยวางหู วิ่งสุดชีวิตไป ปรากฏว่าหายไปแล้ว ท่านบอกว่าโง่ไปหน่อย ถ้าถามแต่แรกไปหมดเรื่องไปแล้ว ยังดีนะในชีวิตได้เห็นคา ๆ ตา แต่ถ้าเป็นอาตมาก็ไม่กล้าถามหรอกว่าใคร คงจะโง่ต่อไปตลอดชีวิต

แบบเดียวกับเรื่องพระองค์ที่ ๑๐ องค์ที่ ๑๑ นั่นแหละ ใคร ๆ ก็ว่าอาตมาโชคดีสุด ๆ ที่ได้พบทั้ง ๒ พระองค์ เปล่า..ไม่ได้โชคดีหรอก ตอนเจอไม่ได้คิดว่าเป็นท่าน แถมตั้งใจกวนท่านเสียด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2012 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 20-08-2012, 06:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,404,003 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราใช้กรรมแทนคนอื่นได้ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นไปไม่ได้จ้ะ กรรมของใครของคนนั้น ใครทำใครได้ ไม่มีใครที่สามารถแบ่งเบาหรือว่ารับแทนกันได้ ในเมื่อแบ่งเบาไม่ได้ รับแทนไม่ได้ ใครว่าสามารถรับแทนกันได้ก็ปล่อยให้เขาทำไป เราอย่าไปยุ่งกับเขา

เรื่องกฎของกรรมนั้นตรงไปตรงมา ใครทำก็คนนั้นรับ ไม่ต้องไปหาวิธีแก้กรรมหรอก วิธีแก้กรรมที่ดีที่สุดก็คืออยู่กับศีล สมาธิ ปัญญา เพราะว่าอานิสงส์ของบุญใหญ่ ๓ ตัวนี้จะทำให้กรรมตามไม่ทัน แต่ถ้ากุศลขาดช่วงลง กรรมก็ตามทันอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-08-2012 เมื่อ 15:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว