กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 07-07-2010, 15:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตัวที่รู้เห็นวิญญาณ การเกิดดับ คือตัวพุทโธ (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) ใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จะว่าอย่างนั้นก็ใช่

ถาม : ตัวนี้จะกล่าวได้ไหมครับว่าคือพระนิพพาน ?
ตอบ : คุณสามารถที่จะยัดพระนิพพานเข้าไปในทุกสิ่งได้เลย เพียงแต่จะทำถึงหรือเปล่า ? การปฏิบัติถ้าเรามัวแต่มาเรียกว่ามันคืออะไร ก็เสียเวลา สำคัญตรงที่ลงมือทำเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 07-07-2010, 19:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "วันก่อนไปเลี้ยงพระที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมธรรมโมลี แม่ชีที่เขาอยู่ที่นั่นมาสามเดือน พอเราไปเยี่ยมเขาก็ขอออกมาคุยด้วย

เขาบอกว่ากิเลสมันสุดยอดของการหลอกเลย พอถึงเวลาอยู่ในห้อง ปฏิบัติไม่ได้ออกไปไหน กิเลสมันดิ้นอยู่นั่นแหละ สองเดือนกว่ามันไม่ยอมเลย สู้กับมันมาตลอดจนแทบจะหมดแรงกายแรงใจ

เขาบอกว่าถึงเวลามันออกไปไหนไม่ได้ เพราะเขามีระเบียบบังคับ ตัวเองก็ต้องไปยืนหนอ..ยืนหนอ อยู่ตรงหน้าต่าง ขอให้ได้มอง ได้เห็นก็ยังดี แล้วมันก็ปรุงแต่งไปสารพัด ปวดท้องจนปัสสาวะจะราดอยู่แล้ว ขอไปห้องน้ำหน่อยเถอะ

จริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจไปห้องน้ำหรอก แต่ขอให้ไปเจอ ไปเห็นสักหน่อย พอเดินไปมันหายปวดปัสสาวะเลย กิเลสมันหลอกขนาดนั้น

ถ้าหากเราปล่อยให้กิเลสมันอด มันจะดิ้นสุดชีวิตเลย มันต้องการอาหารของมัน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ถ้าไม่มีอาหารให้มัน เดี๋ยวมันจะตาย

ก็อยู่ที่เราว่าจะต้องสร้างตบะเผาให้มันตายให้ได้ มันดิ้นเราอย่าไปเชื่อมัน ส่วนใหญ่เราไปเชื่อมัน พอมันดิ้นจะตาย ๆ เราก็จะตายตาม เลยไปยอมให้มัน พอมันแข็งแรงก็กลับมาฟัดเราใหม่ ส่วนใหญ่พวกเราเป็นอย่างนี้ เมตตากิเลสมัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 07-07-2010, 19:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แม่ชียืนมองเพราะตาอยากเห็นรูป สมัยที่อาตมาฝึกใหม่ ๆ ถ้าฟุ้งซ่านจนเอาไม่อยู่ ก็จะไปนั่งอยู่หน้าพระประธาน ทำอะไรไม่ได้ก็นั่งมอง คือ เรานั่งอยู่ตรงนั้น กายเราทำชั่วไม่ได้อยู่แล้ว วาจาเราพูดชั่วไม่ได้อยู่แล้ว ก็เหลือแต่ใจ ถ้าคิดชั่วก็คิดไป เราได้กำไรสองในสาม เอาเท่านี้

ในเมื่อไม่มีทางจะสู้แล้วก็ต้องใช้วิธีหน้าด้าน นั่งมองพระ มีปัญญาคิดชั่วก็คิดไป แต่ข้าจะไม่ไปไหน ดูว่าใครจะดื้อกว่ากัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 11:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 07-07-2010, 19:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วันหนึ่งไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยค่ะ หลับก็เหมือนไม่ได้หลับ
ตอบ : นอนให้ร่างกายได้พักผ่อน จำเป็นที่จะต้องนอน แต่สติที่กำหนดรู้จะตื่นอยู่ตลอดเวลา ทำให้เราระมัดระวังได้ว่า แม้แต่กิเลสจะเข้ามาตอนหลับ เราก็จะรู้ จะได้ระวังป้องกันได้ทัน

พอจิตจะปรุงแต่ง สติตัวรู้ก็เตือนทันที เราก็จะหยุด
แม่ชีเขาก็เริ่มถึงตรงนี้แล้ว บอกแม่ชีเขาสังเกตว่า ตอนที่เขาจะหลับ จิตจะเหมือนกับดวงไฟ ค่อย ๆ ถูกกดหรี่ลง...หรี่ลง ถ้าเลยจุดนี้ ก็จะหลับเลย แต่ถ้าหากเราสามารถล็อกให้อยู่ตรงจุดนี้ จะหลับจะตื่นเราจะรู้เท่ากันหมด

ถ้าหากมีเรื่องที่จำเป็น เราก็จะคลายกำลังใจออกมารับรู้ พอหมดเรื่องที่จำเป็นก็จะกลับเข้าไปสู่จุดเดิม ถ้าอยู่ในสภาพนี้พักผ่อนน้อยก็เหมือนพักผ่อนมาก แต่ว่าควรจะตั้งเวลาไว้อย่างน้อย ๖ ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นร่างกายเราโทรมมาก เดี๋ยวจะไปไม่ไหว


ถาม : มีเหมือนกันว่า มีคนมาช่วยเตือน พอเผลอจะตัดหลับแค่ ๑ นาทีเท่านั้น ใครก็ไม่รู้มาทับหน้าอก ก็ต้องตื่นขึ้นมา ช่วยเตือนให้ว่า ห้ามตัดหลับ ต้องทำไปต่อ
ตอบ : บอกเขาไปว่า ขอนอนบ้างสิ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 11:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 07-07-2010, 19:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ตะกรุดลูกอมโลกธาตุของท่าน ใช้แผ่นทอง แผ่นนาก หรือแผ่นเงิน ยาว ๗ ใบมะขามเรียง (ประมาณ ๗ ซม.) จารอักขระเสร็จแล้วก็ม้วน ที่ต้องยาว ๗ ใบมะขามเรียง ก็คือถือเคล็ดธรรมจากโพชฌงค์ ๗

ลูกศิษย์ท่านเอาไปใช้ โดยอมเข้าไปในปาก พอฉุกเฉินท่านให้กลืนได้เลย แล้วก็ไม่ต้องกลัว ถึงเวลาก่อนนอนก็ปูผ้าขาวไว้ข้างตัว ตื่นเช้าขึ้นมาลูกอมจะออกมาอยู่ที่ผ้าขาวเอง และเป็นอย่างนั้นทุกคน หลวงปู่ก็ไม่อยู่สอนเราเสียด้วย

คนเขาจะไปเรียนวิชากับท่าน ต้องเพ่งเทียนจนกระทั่งขาด ถ้าหากไส้เทียนไม่ขาด ก็ไม่สำเร็จ ถ้าเพ่งเทียนขาดได้จึงจะไปเรียนกับท่านได้"


ถาม : เทียนขาดได้อย่างไร ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับสมาธิของเราเอง ตั้งใจให้ขาดอย่างเดียวก็พอ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 11:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 07-07-2010, 19:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมาธิถ้าทำแล้วจะไม่ขี้เกียจใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถปรับได้เท่าไร ถ้าหากยังไม่สามารถปรับเป็นสมาธิใช้งานได้ จะรู้สึกไม่อยากเคลื่อนไหว คนที่ไม่อยากเคลื่อนไหว เอาแต่นั่งนิ่ง ๆ บางทีก็โดนคนเขาว่าขี้เกียจเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วไม่ได้ขี้เกียจหรอก แต่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำสมาธิอยู่ แต่ถ้าหากขี้เกียจทำงานโดยอ้างว่าจะปฏิบัติ อันนี้ใช่เลย..!

ถาม : ตอนอยู่เยอรมันฟังธรรมจากเว็บครับ ตั้งใจทำสักเดือนสองเดือนก็เละอีก
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ

ถาม : หลายรอบมาก เป็น ๆ หาย ๆ
ตอบ : เดือนหนึ่งเขาล้มเป็นร้อยเป็นพันครั้ง บางทีก็อาจจะหลายแสนรอบ ของเราแค่หลายรอบ

ถาม : ทำไปเรื่อย ๆ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ เหนื่อยก็ห้ามหยุด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 11:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 07-07-2010, 19:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กรรมฐานสี่สิบกอง ที่เราเลือกมาปฏิบัติครั้งแรก ถ้าทำไป ๆ แล้วรู้สึกว่ายังไม่ไปไหน แล้วเปลี่ยนกองถือว่าเป็นการโลเลหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่โลเล แต่จะเหมือนกับที่เคยเปรียบว่า ขุดบ่อแต่ไม่ได้น้ำ สมมติมีน้ำอยู่ในระดับ ๑๐ วา พอขุดไป ๆ ถึง ๕ วา ไม่ถึงตาน้ำสักที เราก็ย้ายที่ไปขุดใหม่ เท่ากับเราเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

ถาม : ถ้าเลือกมาสัก ๒ กองแล้วทำ
ตอบ : ๒ กองที่คุณเลือก หรือกองเดียวที่คุณเลือก ให้เป็นอานาปานสติไว้ก่อน ๑ กอง ซึ่งกองอื่นเลือกอะไรก็แล้วแต่ ถ้าไม่มีลมหายใจเข้าออก กรรมฐานทุกกองไปไม่รอด

ถาม : แล้วถ้าวันหนึ่งจับภาพพระ อีกวันหนึ่งจับกสิณ
ตอบ : เจริญแน่..! ทำแบบนั้นอีกกี่ชาติก็ได้แค่ทำ..!

ถาม : เปลี่ยนไปทุกวัน
ตอบ : ชาติหน้าตอนเย็น ๆ อาจจะได้..!

ถาม : ถ้าทำอย่างนี้ชาติหน้าตอนเย็น ๆ จะได้หรือครับ ?
ตอบ : ถ้าวันนี้คุณจับกสิณ แล้วคุณก็เลิก..ปล่อย ถ้าสมาธิคลายตัวก็ไหลตามกิเลส พอรุ่งขึ้นแทนที่คุณจะมาจับกสิณเพื่อว่ายทวนกิเลสต่อ แต่คุณไปจับอีกกองหนึ่ง แล้วคุณก็ปล่อยและก็ไหลตามไป พออีกวันคุณก็กลับไปทำอีกกอง

ลองนึกดูก็แล้วกัน คนไหลตามกิเลสไปสองวัน แล้วว่ายกลับมา จะหาความก้าวหน้าได้อย่างไร ? ขาดทุนสะสมไปเรื่อย รอวันล้มละลาย..!


ถาม : แล้วถ้าทำทุกวัน อย่างละกองวันละชั่วโมงละครับ ?
ตอบ : ๒๔ ชั่วโมงยังไม่รอดเลย..!

ตอนนี้ค่าแรง ๒๕๐ บาท ก็ตีเสียว่าชั่วโมงหนึ่ง ๑๐ บาท สิบบาทพอกินไหม ? กินซาละเปาลูกหนึ่งก็หมดเงินแล้ว

เรื่องของการปฏิบัติ เลือกกรรมฐานกองใดกองหนึ่งแล้วทำให้ถึงที่สุดไปเลย ถ้าหากถึงที่สุดแล้วกองอื่นจะเป็นของง่ายเพราะกำลังที่ใช้เท่ากัน เปลี่ยนแค่วิธีการนิดเดียว เพราะฉะนั้น..อย่าหลายใจ กรรมฐานไม่ใช่วิชาทางโลก ที่จะได้สะสมหน่วยกิตได้ เขาต้องการความจดจ่อต่อเนื่องตลอด คุณไปสะสมหน่วยกิตก็ได้เหมือนกัน ได้แค่ในส่วนอานิสงส์ที่เป็นกุศลกรรม แต่ความสำเร็จมาถึงยาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 11:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 07-07-2010, 20:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระที่วัดครับ ท่านบวชได้สองเดือน แล้วเห็นนั่นเห็นนี่ เห็นเทวดา เกรงว่าท่านจะพลาด ผมไม่รู้จะพูดกับท่านอย่างไรดี ?
ตอบ : ถามท่านว่า พรุ่งนี้มีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นบ้าง ? หรือมีโยมคนไหนจะมาวัดบ้าง ? เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ? ใส่เสื้อผ้าสีอะไร ? ขับรถสีอะไร ?

เสร็จแล้วก็จดไว้เป็นการพิสูจน์ ถ้าไม่สามารถพิสูจน์ตรงจุดนี้ได้ ก็บอกท่านว่า อย่าพูดดีกว่า เดี๋ยวเสียพระเปล่า ๆ ถ้าเตือนท่านได้บอกท่านว่าอย่าไปสนใจนิมิต เพราะหลงทางมามากแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 11:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 07-07-2010, 20:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่นั่งมองสายน้ำ ถ้าหากได้จังหวะนั่งนิ่ง ๆ แล้วมอง จะรู้สึกเหมือนตัวเองโดนดูดไป แล้วจะลืมทุกอย่างรอบข้างไปได้ เหมือนอยู่ในภวังค์ตัวเองได้ช่วงหนึ่ง ถ้าไม่มีใครมายุ่งอะไร สามารถอยู่ตรงนั้นได้ ๓ - ๔ วัน
ตอบ : ทำบ่อย ๆ ไม่ต้องกินอะไร ๓ - ๔ วัน ประหยัดดี นั่นเป็นสมาธิอย่างหนึ่ง

ถาม : ไม่ได้ตั้งใจทำค่ะ เป็นเอง
ตอบ : ถ้าพื้นฐานมีอยู่แล้ว ถ้าหากสิ่งรอบข้างอำนวย ก็จะเป็นไปเอง ไม่ต้องไปตั้งใจมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของการปฏิบัติ ถ้าเรายังตั้งใจอยู่ แปลว่าเรายังอยากอยู่ ถ้าอยากอยู่โอกาสได้มันน้อย ถ้าไม่ตั้งใจแปลว่าไม่อยาก ยิ่งได้ง่ายขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 11:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 07-07-2010, 20:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมบางคนถือศีลแปด เขาบอกว่ากินน้ำเต้าหู้ หรือ โอวัลตินได้ ?
ตอบ : ถ้าเป็นพระเขาห้าม แต่เป็นฆราวาสกินไปเถอะ เพราะว่าพระเขาให้แยกแยะว่าสิ่งไหนเป็นอาหาร สิ่งไหนเป็นปานะ

โอวัลตินมีส่วนผสมของข้าวมอลต์ มีส่วนผสมของไข่ไก่ที่เป็นอาหาร ถือว่าเป็นอาหาร ส่วนน้ำเต้าหู้ผลิตมาจากถั่วเหลืองที่เขาถือว่าเป็นอาหาร เพราะฉะนั้น..ของพวกนี้ ถึงเป็นน้ำปานะก็ไม่ควรสำหรับพระ ท่านห้ามเฉพาะพระ ไม่ได้ห้ามฆราวาส


ถาม : แต่ถ้าเราไม่กินเลย ก็ถือว่าได้ศีลแปดไปในตัว
ตอบ : ถ้าหากสามารถห้ามได้เลยก็ถือว่าเยี่ยม

ถาม : แล้วครีมกันแดดเล่าคะ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้ว ที่ท่านห้าม ก็คือ ห้ามแต่งตัวเพื่อไปยั่วเพศตรงข้าม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 11:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 07-07-2010, 21:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมไปบวชและลองไปปฏิบัติแบบสายพระป่าครับ เราต้องทำสมาธิแบบไหนจึงจะพอ เพราะผมเคยศึกษาสายหลวงพ่อฤๅษี ท่านบอกว่าเอาเฉพาะเท่าที่เราทำได้ แต่พอไปอีกทางหนึ่ง เวลาที่ปวดขาหรือเวทนารบกวน ท่านบอกว่า แค่ตอนนั่งสมาธิเราปวดขา เราก็ยังทนไม่ได้ แล้วตอนที่เราจะตายแล้วเวทนามารบกวน เราสามารถที่จะพ้นได้หรือ ? อย่างไรจึงจะเรียกว่าพอดีสำหรับเราครับ ?
ตอบ : เราอยากทนไหมละ ?

ถาม : ไม่อยากทนครับ ?
ตอบ : ถ้าอยากทนก็ไปฝึกอย่างนั้นต่อ ถ้าไม่อยากทนก็ไปฝึกอย่างหลวงพ่อฤๅษี

ถาม : ปลายทางเหมือนกันใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ค่อยเหมือน การศึกษาปฏิบัติมี ๔ แนวทางด้วยกัน ก็คือ ปฏิบัติยากบรรลุยาก ปฏิบัติยากบรรลุง่าย ปฏิบัติง่ายบรรลุง่าย ปฏิบัติง่ายบรรลุยาก

ถาม : ปฏิบัติง่ายบรรลุง่ายใช้แนวทางไหนครับ ?
ตอบ : ใช้สมาธิสูงสุดที่เราทำได้ ฌานสี่หรือสมาบัติแปดยิ่งดี กดกิเลสเอาไว้ก่อน แล้วบีบคอให้กิเลสตายไปเลย

ถาม : บีบคอให้ตาย ?
ตอบ : กิเลสกับเราหน้าตาเหมือนกันทุกอย่างเลย พอบีบคอเข้าก็ชักดิ้นจะเป็นจะตาย แล้วคิดว่าเป็นตัวเราเองที่จะตาย เราก็มักจะไปรามือให้ทุกที พอเห็นว่าทำหน้าตาเหมือนเราเข้าหน่อย รีบไปเมตตากิเลสเชียว

โบราณเขาจึงได้บอกว่า ให้ตั้งใจว่าตายเป็นตาย ถ้าไม่คิดอย่างนั้นแล้วกิเลสจะหลอกเราทุกครั้ง


ถาม : แล้วการบีบคอเราใช้อะไรครับ ?
ตอบ : จะใช้สมาธิอย่างเดียวก็ได้ แต่ว่าจะต้องยาวนานพอ จะใช้วิปัสสนาญาณอย่างเดียวก็ได้ แต่ต้องมั่นคงพอ

คราวนี้วิปัสสนาญาณจะให้มั่นคงก็ไม่ได้ เพราะสมาธิมีน้อย สมาธิจะให้กดกิเลสจนตายก็ยากอีกเหมือนกัน เพราะว่าขาดความแหลมคม ก็เลยต้องใช้สองอย่างรวมกัน ก็คือ ภาวนาและพิจารณา ถ้าหากกำลังสมาธิคลายตัว ก็ภาวนาใหม่ สลับไปเรื่อย ถ้ากำลังพอเมื่อไร รู้เห็นตามความเป็นจริงได้ก็จะวางได้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 30-01-2019 เมื่อ 00:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 08-07-2010, 00:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พ่อผมเขาเป็นมะเร็งลำไส้ เขาให้ผมมากราบเรียนถามว่ามียาอะไรที่พอจะรักษาโรคมะเร็งได้ ?
ตอบ : ต้องดูว่าอาการถึงระดับไหนแล้ว ถ้าหากยังไม่เกินระยะที่สอง สมุนไพรยังพอประทังได้อยู่

เอาขมิ้นชัน ๑ หัวแม่มือ และหญ้าแพรก ๑ กำมือ ล้างให้สะอาดแล้วตำให้ละเอียด ละลายน้ำปูนใส คั้นให้ได้สัก ๑ ถ้วยชา กินก่อนอาหารเช้าสักครึ่งชั่วโมง วันละถ้วย สามวันเท่านั้น


ถาม : ถ้าเกินขั้นสองก็ไม่มีผลใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเกินขั้นสองไปแล้ว ก็ทำใจเถอะ กินไปก็ช่วยบรรเทาเท่านั้น รักษาไม่หายหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 11:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 08-07-2010, 10:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวสอนพระลูกศิษย์ว่า "จริง ๆ แล้วพระที่ไม่ถึง ๕ พรรษา พระพุทธเจ้าท่านสั่งห้ามไว้เลยว่า ไม่ให้ไปพ้นจากครูบาอาจารย์ แต่ส่วนใหญ่พวกเรามั่นใจตัวเองจนเกินเหตุ ในเมื่อมั่นใจในตัวเองจนเกินเหตุ อยากจะไป..ผมไม่ได้ห้าม แต่ให้เข้าใจว่าเราแบกอาบัติติดตัวไปตลอดเวลา เพราะว่าเราไปฝืนในสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน เท่ากับเราไม่ได้เอื้อเฟื้อ (เคารพ) ในพระวินัย

ในเมื่อเราต้องอาบัติอยู่ทุกวัน เผลอวันไหนก็ซวยวันนั้นแหละ ที่ไม่ได้ห้าม เพราะจะกลายเป็นว่าผมไปอิจฉาเด็ก ก็เลยปล่อยให้เด็กซวยกันเองตามอัธยาศัย ในเมื่อบวชเข้ามาแล้วไม่ศึกษากันเองว่าจะต้องทำอะไรกันบ้าง อยากจะไปก็ไป

อาตมาก่อนจะบวช ศึกษากติกาการบวชอยู่สองปี เริ่มตั้งแต่อดข้าวเย็นเลย วัดสายของหลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง เขาเป็นตาผ้าขาวก่อนอยู่ ๑ หรือ ๒ ปี แล้วแต่ศรัทธา แต่ให้ปฏิบัติในศีล ๒๒๗ แบบพระเลย ทีนี้ตัวเองเป็นผ้าขาวปฏิบัติศีล ๒๒๗ ถ้าผิดก็ไม่มีโทษ ถ้าปฏิบัติจนชินมั่นใจแล้วบวชได้ ถึงเวลาเป็นพระก็จะไม่ผิด

แต่พวกเรานี่การฝึกปฏิบัติต่าง ๆ ก็ไม่มี แถมห่างไกลครูบาอาจารย์ก็หนักเข้าไปใหญ่ แทนที่จะดีจะมีแต่เสียมากกว่า"


ถาม : บางท่านเขาก็บอกว่ารู้แล้ว รู้มากกว่าเราอีก เราก็ไม่อยากพูด บางทีก็เป็นเพื่อน ๆ กัน
ตอบ : ตอนนี้คุณเป็นเจ้าอาวาส เป็นผู้บังคับบัญชา จำเป็นต้องพูด ไม่พูดไม่ได้ ทีนี้ถ้าเราจะพูดแล้วเขาเชื่อได้ ก็ต่อเมื่อการปฏิบัติของเราต้องเคร่งครัดกว่า ก็จะซวยตรงนี้ เพราะต้องแบกภาระทั้งข้างนอกและข้างใน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 08-07-2010, 10:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวให้ฟังว่า "เรื่องของพระหรือฆราวาสก็ตาม ถ้าเจ้านายเคยเรียกใช้คนไหนแล้วได้อย่างใจ เขาจะเรียกใช้แต่คนนั้น

อาตมาโดนจนเข็ด บางทีเราก็ต้องทำเป็นไร้สมรรถภาพบ้าง แต่ก็ทำใจไม่ได้อีก เราทำนิดหน่อย ๆ ก็ยังรู้สึกว่าดีกว่าคนอื่นเขา แล้วจะหมดสมรรถภาพได้อย่างไร? เพราะฉะนั้น..จงเหนื่อยต่อไปเถอะ

พวกเราอยู่ในลักษณะอาสาศึกจนตัวตาย ถ้ายังไม่ตายเขาก็ใช้ไปเรื่อย เป็นกันมาตั้งแต่โบราณแล้ว ถึงเวลาความสบายเป็นของคนอื่น เป็นผู้น้อยค่อยก้มประนมกร ลำบากก่อนแล้วก็ตายเมื่อปลายมือ..! อาตมาไม่ได้ประชดนะ พูดจากเรื่องจริงที่เจอมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 12:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 08-07-2010, 10:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาแม่อธิษฐาน แม่จะอธิษฐานว่า ขอให้คนที่คิดร้ายต่อแม่แพ้ภัยตัวเอง กระแสตอนที่แม่พูด เหมือนจะเป็นความร้อนรน คล้าย ๆ กับแค้น
ตอบ : ไม่เป็นไร กำลังใจของแม่ยังแค่นั้น ปล่อยท่านไปก่อน

ถาม : แล้วเราเป็นลูก เราควรช่วยอย่างไรเพื่อที่จะให้จิตใจของแม่เย็นลงจากความร้อนตรงนี้ได้ ?
ตอบ : จนกว่าเราเองจะเย็นจริง ๆ ถ้าเราเย็นจริงได้เมื่อไร ท่านรับได้ ท่านก็จะตามมาเอง

ถาม : ทำอย่างอื่นไม่ได้ใช่ไหมคะ ?
ตอบ : พูดกรอกหูท่านไปเรื่อย ๆ ว่า ถ้าเราตั้งใจทำดีจริง ๆ คนชั่วก็แพ้ภัยไปเอง ไม่ต้องไปคิดไปแค้นก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 12:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 08-07-2010, 10:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขานั่งคุยกับผมอยู่และนั่งจับลมหายใจไปด้วย เขารู้สึกว่าคำพูดผมเหมือนกับห่างออกไปเรื่อย ๆ เขาควรจะทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นแปลว่าสมาธิลึกลงไปเรื่อย พอสมาธิลึกลงไปเรื่อย สิ่งที่ตาได้เห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส ก็จะเบาลงไปเรื่อย

ถาม : ก็คือ ทันทีที่เขามาจับความสนใจที่ผมพูดต่อ ก็จะดึงกลับออกมา
ตอบ : คลายออกมา แต่ถ้าเขาปล่อยยาวออกไป ก็จะเป็นอัปปนาสมาธิ

ถาม : เป็นการแบ่งจิตเป็นสองส่วน ใช่ไหมครับ คือ ส่วนหนึ่งจับลมหายใจ ?
ตอบ : ใช่..แต่ถ้าไม่คล่องตัวก็จะทำยาก เอาสมาธิให้แน่นไปก่อน หลังจากนั้นค่อยมาแบ่งทีหลัง

ถาม : แต่เขาขับรถอยู่ด้วย
ตอบ : ขับรถอยู่ด้วย คนอื่นอาจจะเดือดร้อนได้ คือ ตัวเองไม่เป็นไรหรอก สมาธิที่ทรงระดับฌาน กำลังของฌานป้องกันเราได้ แต่ถ้าเกิดไปชนคนอื่นเพราะร่างกายเราขับรถไม่ได้ คนอื่นก็ซวยไป..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 12:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 131 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 08-07-2010, 10:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาช่วงที่เราจับลมหายใจเข้าออก ช่วงเวลาตรงนั้นยาว คราวนี้เราก็ฟุ้งซ่านอีก พอเราภาวนาว่าพุท ก็ใช้เวลาครู่เดียว แต่เวลาที่เหลือก็ออกไปเยอะแยะได้ คราวนี้เวลาที่เราจับพุทไปด้วย จับลมชีพจรไปด้วยแบบนั้น ก็ถือว่าใช้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเวลาเหลือ ให้เพิ่มเข้าไปอีก อาจจะเป็นพุทโธ ๆ ๆ ๆ ๓ ครั้งต่อ ๑ ลมหายใจเข้าก็ได้

ถาม : แล้วเราไปจับชีพจรด้วยจะดีไหมครับ หรือมันเป็นการไปยุ่งกับร่างกาย ?
ตอบ : ถ้าหากไปสนใจอย่างอื่นมาก สมาธิก็จะไม่ทรงตัว นั่นใช้สำหรับคนที่เขาคล่องตัวแล้ว ทรงสมาธิได้ทุกเวลาที่ต้องการ แล้วเขาไปแบ่งกำลังใจสนใจหลาย ๆ อย่างพร้อมกันได้ ถ้ายังไม่คล่องเอาทีละอย่างดีกว่า

ถาม : ที่เขาพยายามไปจับอยู่ตรงปลายนิ้ว ปลายเท้า อะไรพวกนั้น สำหรับคนคล่องใช่ไหมครับ?
ตอบ : ไม่คล่องตัวไปทำอย่างนั้นเดี๋ยวก็เพี้ยน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 12:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 08-07-2010, 10:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปฏิบัติมาค่อนข้างตึง ๆ และแน่น
ตอบ : อย่าไปสนใจอาการทางร่างกาย ตั้งใจว่าเราทำความดีอยู่ ถึงจะตายลงไปก็ช่าง สักแต่ว่ากำหนดรู้ไว้ว่าอาการเป็นอย่างนี้

ถาม : ปล่อยไปเรื่อย ๆ ?
ตอบ : ถ้ายังมีคำภาวนาใช้คำภาวนา ถ้ายังมีลมหายใจดูลมหายใจ ถ้าไม่มีกำหนดรู้แค่อาการที่เป็นตอนนั้น อย่าอยากให้หาย และอย่าอยากให้เป็น แล้วจะเป็นสมาธิลึกเข้าไปเอง ถ้าเราอยากให้หายจากอาการนั้น หรือภาวนาแล้วอยากให้เป็นอย่างนั้น ก็จะไม่เป็น เพราะเราไปอยาก..!

ถาม : ภาวนาแล้วสว่าง
ตอบ : ช่างมัน..ถ้าเราไปใส่ใจ สมาธิจะเคลื่อน

ถาม : ผมรู้สึกว่าตัวไปตรงสว่าง ๆ ลอยไปตรงนั้น
ตอบ : ไปได้ก็กลับได้ ไม่มีอะไรที่เรารักยิ่งกว่าชีวิตนี้หรอก ไปแค่ไกลไหนก็กลับ ดังนั้น..ถ้าอยากไปก็ไป ไปแล้วพบเห็นอะไรก็ตั้งสติไว้ เจอพระไหว้พระ เจอเทวดาไหว้เทวดา อย่าไปขอหวยก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 12:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 132 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 08-07-2010, 10:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระธรรมยุติกับพระมหานิกาย ต่างกันตรงไหน?
ตอบ : ต่างกันโดยนัยของการปฏิบัติ แต่ในเรื่องของหลักศีล สมาธิ ปัญญาไม่มีอะไรต่างกัน ต่างกันอย่างเช่นว่า พระธรรมยุติท่านไม่จับเงิน ถึงเวลาท่านเดินเท้าเปล่าไม่สวมรองเท้า ท่านไม่ฉันนม ฯลฯ

จะว่าไปแล้ว เรื่องพวกนี้เป็นการปฏิบัติของศีลในส่วนของอภิสมาจาร คือ รายละเอียด ใครสามารถทำได้ก็เป็นการดี เพราะว่าจิตยิ่งละเอียดการเข้าถึงธรรมก็ยิ่งสูง แต่ที่พบโดยส่วนใหญ่ ท่านปฏิบัติแล้วไปยึดมั่นถือมั่นว่าตัวท่านดีกว่า กลายเป็นมานะถือตัวถือตน ก็เลยเข้าใจว่าส่วนน้อยที่เข้าใจถูกแล้วปฏิบัติได้ดีเลย แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจก็ยึดมั่นถือมั่น ตัวกูของกูหนักเข้าไปอีก

อย่างเวลาพระมหานิกายไป เขาจะมองเราเป็นแค่เณรเท่านั้น เรามีอายุพรรษามาก เขาก็แค่ให้นั่งเหนือเณร จะไม่มีโอกาสนั่งตามพรรษาตัวเอง ขณะเดียวกัน เราไปหยิบไปจับข้าวของของท่าน บางท่านไม่เกรงใจสั่งเณรประเคนใหม่เดี๋ยวนั้นเลย

อาตมาเองทั้ง ๆ ที่มีฎีกานิมนต์ ไปวัดเขาแล้วขึ้นวัดไม่ได้ เขาไม่ให้ขึ้นศาลาสวดมนต์ เพราะตอนนั้นไปนุ่งห่มสีเหลืองต่างจากเขา ก็เลยต้องนั่งอยู่ข้างล่าง พระที่ท่านนิมนต์เรามาก็หน้าเสีย วิ่งตาลีตาเหลือกมา บอกว่า "ผมไม่นึกเลยว่าเขาทำกับท่านอาจารย์ขนาดนี้" บอกท่านไปว่า "คุณจะไปเดือดร้อนอะไร คุณเห็นหรือเปล่าผมนั่งอยู่กับโต๊ะจีน สวดก็ไม่ต้องสวด ถึงเวลาก็รับปัจจัยเท่าเขา นั่งอยู่ที่โต๊ะจีนแบบนี้รับประกันซ่อมฟรีด้วยว่าไม่อดแน่" แต่คนที่คิดอย่างเราไม่ค่อยมี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 12:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 08-07-2010, 10:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,032 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขาบอกว่า เพศที่สามไม่มีโอกาสบรรลุ ?
ตอบ : ใครบอก ?

ถาม : อ่านหนังสือมา
ตอบ : ถ้าหากไม่ใช่พระพุทธวจนะ อย่าเพิ่งเชื่อ การสร้างบารมีของบุคคล ชาติแรก ๆ จะเริ่มเป็นผู้หญิงก่อน พอบารมีเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ถึงอุปบารมีขั้นปลาย ก็จะเริ่มเป็นผู้ชาย อันนี้เป็นไปตามสภาวะเลย

ก่อนที่จะเกิดเป็นผู้ชายก็จะมีนิสัยของผู้ชายปรากฏก่อน ก็จะกลายเป็นหญิงห้าวสาวหล่อ เราก็จะไปเรียกเขาว่า "ทอม" พอข้ามไปเป็นผู้ชายใหม่ ๆ นิสัยบางส่วนของผู้หญิงยังติดอยู่ เราก็ไปว่าเขาเป็น "ตุ๊ด" แต่ความจริงเป็นเรื่องปกติ จะเป็นอย่างนั้นไประยะหนึ่ง

ถามว่าก่อนหน้านั้นไม่มี แล้วทำไมสมัยนี้มี ? ก็เพราะระยะนี้พวกท่านทั้งหลายเหล่านี้มาเกิดมาก คราวนี้พอพัฒนาไปเรื่อย ๆ พอถึงอุปบารมีขั้นปลาย โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคผลก็เริ่มมี ฉะนั้น..ที่บอกว่าไม่มีโอกาสเข้ามรรคผลเลย..ไม่ใช่ ต้องดูระยะเวลาและสิ่งที่เขาทำด้วย ท่านทั้งหลายเหล่านี้มีความแข็งแรงของผู้ชาย และมีความละเอียดของผู้หญิง เพราะฉะนั้น..เขาทำงานได้ดีกว่าเราเยอะเลย


ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : มีเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่บางส่วนนั้นมีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ผู้หญิงบางท่านถึงแม้จะเป็นปรมัตถบารมี แต่ก็ยังต้องเกิดเป็นผู้หญิง ก็เพราะว่าอธิษฐานมาเป็นพุทธมารดาหรือเนื้อคู่ของพระโพธิสัตว์

อีกประเภทหนึ่ง ผู้ชายเกิดเป็นผู้หญิงนั้นเพราะเจ้าชู้ เขาต้องการให้เกิดเป็นผู้หญิง จะได้รู้ว่าช้ำใจอย่างไร ถ้าอย่างนั้นก็คือเป็นหญิงเลย แม้จะมีนิสัยใจคอรวบรัดเหมือนผู้ชาย แต่ก็เป็นผู้หญิงอยู่ดี ไม่ใช่ครึ่ง ๆ กลาง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2010 เมื่อ 12:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 138 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:12



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว