กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-12-2009, 12:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๒

หลวงพ่อเล่าเรื่องเสือไฟให้ฟังว่า "เสือไฟ ตัวใหญ่ที่สุดมีขนาดประมาณหมาพันธุ์อัลเซเชี่ยน แต่เป็นสัตว์ที่มีอาถรรพณ์ ถ้ามันอาศัยอยู่ป่าไหน เสืออื่นจะไม่อยู่ พากันหนีไปหมด เขาเลยเรียกว่า พญาเสือ เหมือนกับมีอำนาจข่มเสืออื่นได้

ในด้านของไสยศาสตร์ คนโบราณเขาเชื่อว่า เสือไฟมีอำนาจข่มพวกภูตผีปิศาจได้ เขาจะพยายามหาหนังเสือไฟมาสักชิ้นหนึ่งก็ยังดี เวลาเข้าป่าเจอผีหรืออะไรรบกวนแล้วแก้ไขไม่ได้ เขาก็จะดึงขนของมันหย่อนลงไปในกองไฟ พอเผาเป็นควันแล้วพวกที่รบกวนมันจะหนีไปเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 31-01-2019 เมื่อ 18:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 10-12-2009, 12:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในขณะที่กำลังคุยเกี่ยวกับเรื่องตะขาบในประวัติหลวงพ่ออุตตะมะ ที่มีขนาดตัวกว้างเป็นฟุต ยาวเป็นวา หลวงพ่อก็เล่าให้ฟังว่า

"ตั้งแต่เด็ก ๆ ได้รับการอบรมมาจากผู้ใหญ่ว่า ถ้าเจอตะขาบตัวใหญ่ขนาด ๓ นิ้วมือขึ้นไป แสดงว่าตะขาบตัวนั้นสามารถรวมมุกพลังได้แล้ว พวกนี้เขาจะมีศูนย์รวมพลังของเขาอยู่ พอเขารวมได้จะเป็นลักษณะไข่มุก เขาให้เอากระทะครอบมันไว้ แล้วตีดัง ๆ ตะขาบมันจะได้ยินเหมือนเสียงฟ้าร้องหรือฟ้าผ่าใกล้ ๆ แล้วมันจะพ่นไข่มุกออกมาต่อต้าน เราก็เก็บมุกของมันมา แสดงว่าคนโบราณเขาเจอเป็นปกติ แต่เราไม่ได้เจอ

ส่วนพวกงูตัวใหญ่ ๆ ถ้ามุกพลังของมันไม่ได้อยู่ในท้องก็จะอยู่ที่ส่วนอื่น ถ้าหากใครเขาฆ่างูใหญ่ ๆ ตาย แล้วเรามีโอกาสอยู่ใกล้ ๆ ถ้าค้นดูอาจจะเจอ ลักษณะจะเหมือนกับหินหรือแก้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2009 เมื่อ 17:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 10-12-2009, 12:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงหลัง ๆ เวลาที่เกิดอารมณ์กระทบ พอพิจารณาได้แล้วมันวางได้ มันจะเกิดความรู้สึกตามมา ๒ แบบ แบบแรกก็คือ เบื่อที่มันไม่จบไม่สิ้นเสียที กับอีกแบบหนึ่งมันเฉย ๆ
ตอบ : สังเกตอารมณ์นิดหนึ่ง อย่างน้อย ๆ ให้มันเบื่อได้

ถาม : แล้วเฉยมันเกิดจากอะไร
ตอบ : เฉยมันเกิดจากสองอย่าง อย่างแรกคือ สมาธิแน่นไป อย่างที่สองก็คือพิจารณาไม่ถึง จิตมันไม่ยอมรับจริง ๆ

ถาม : ที่ถูกจะต้องเบื่อหรือคะ
ตอบ : ถ้ายอมรับมันจะเบื่อ แล้วถ้ามันถอนออกจากความเบื่อ มันจะปล่อยวาง คราวนี้เราใช้คำว่าเฉย เราต้องสังเกตอารมณ์ตัวเองว่ามันเฉยแบบไหน มันเฉยแบบรู้เท่าทันแล้วปล่อยวางหรือเปล่า? หรือเฉยในแบบสมาธิกดมันเอาไว้ แล้วอารมณ์มันไม่กำเริบอีก เราก็เลยรู้สึกว่าเฉย ถ้าหากว่าเป็นเฉยแบบรู้เท่าทันแล้วปล่อยวางจึงจะใช้ได้

ถาม: เวลาหนูมีเรื่องกระทบเบา ๆ ก็จะพิจารณาว่าจิตอยู่กับเรา ไอ้ที่เกิดมันเป็นเรื่องธรรมดาไม่เกี่ยวกับเรา กับอีกแบบหนึ่งคือเรื่องมันแรงมาก หนูจะโดดไปเกาะพระที่นิพพาน ให้เห็นชัด ๆ ไปเลยว่ามันไม่เกี่ยวกับเราจริง ๆ
ตอบ : จะแรงหรือจะเบาเอาให้ได้อย่างหลัง คือ ส่งใจไปนิพพานไว้ก่อน แบ่งความรู้สึกส่วนหนึ่งเกาะนิพพานไว้ก่อน เราจะได้เห็นชัด ๆ ว่า นี่มันไม่เป็นเรื่องของเรา ถ้าเปรียบดูแล้วร่างกายมันเหมือนกับบ้าน คนมันมาเตะประตูรั้วบ้าง มาทุบประตูบ้านบ้าง ขว้างฝาผนังบ้างก็เรื่องของมัน เราอยู่ในบ้านเราก็ไม่เดือดร้อนอะไร แต่คราวนี้เราไม่ได้อยู่ในบ้านเสียด้วย เราเผ่นไปรอที่นิพพานแล้วมองมันเสียด้วยซ้ำไป

ถาม : ถ้าทำอยู่แค่นี้ ไม่ได้มากกว่านี้ แต่ทำให้ละเอียดยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ ใช้ได้หรือเปล่าคะ
ตอบ : ทำให้มันคล่องตัวขึ้นไปเรื่อย ๆ ทันทีที่กระทบ แล้วเราไปอยู่นิพพานได้เลยแล้วเราจะปลอดภัย

ถาม : แล้วถ้าพิจารณานั่งนิ่ง ๆ ยังมีความจำเป็นอยู่ไหม
ตอบ : ถ้ามันมีเวลาอยากคิด ให้มันคิดได้ แต่ถ้ามันไม่คิด ส่งใจไปอยู่นิพพานที่เดียวก็พอแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-12-2009 เมื่อ 09:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 10-12-2009, 12:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูพยายามมองตัวเองว่ายังห่วย ซึ่งมันก็ยังห่วยอยู่ แต่บางอารมณ์ก็ดันไปเปรียบเทียบว่าคนอื่นว่าเขาแย่กว่าเรา อะไรอย่างนี้
ตอบ : นั่นเรื่องปกติ ตราบใดที่ยังมีสักกายทิฏฐิ ยังมีมานะอยู่ เจ้าสองตัวนี้มันจะทำให้เราเผลอคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นเขา

ถาม : แล้วพวกนี้ถ้าเราไม่ไปตัดอะไร มันจะใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : สิ่งที่เราทำอยู่มันเป็นการตัด อย่างเช่นว่าเราฝึกสมาธิอยู่ตรงเฉพาะหน้า มันก็ไม่สามารถจะโตต่อไปได้ ถ้ามีปัญญาก็ไปค่อยตัดไปละมันได้ แล้วเดี๋ยวมันก็จะหมดสภาพของมัน ตอนนี้ตัดกิ่งใหญ่ไม่ได้ ตัดกิ่งเล็ก ๆ เท่าไม้จิ้มฟันไปก่อน แล้วค่อยตัดกิ่งใหญ่ ๆ อย่างลูกของเรา

ถาม : หลัง ๆ พอภาวนากำลังจะสงบ มันกลายเป็นมีกิเลสระหว่างวันโผล่ขึ้นมาให้เห็นอย่างชัด ๆ เลย อย่างนี้ฟุ้งซ่านหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ไม่เรียกว่าฟุ้ง มันเป็นช่วงที่จิตกำลังจะสงบ จะเริ่มเข้าสู่อารมณ์ของอุปจารสมาธิ ช่วงนั้นกิเลสจะแทรกได้เต็ม ๆ ถ้าเป็นอุปจารฌานหรือปฐมฌานมันจะแทรกไม่ได้ ในเมื่อเราเผลอ เปิดโอกาสให้มันแทรกเข้ามาก็เป็นเรื่องดี เราจะได้ดู

ถ้าหากว่าเป็นมหาสติปัฏฐานสูตร ช่วงทันทีที่กิเลสมันโผล่ จังหวะนั้นเป็นช่วงจิตในจิต คือรู้เท่าทันอาการมัน เห็นหน้าของมัน แล้วก็พิจารณาต่อไปเลยว่ามันเป็นรัก โลภ โกรธ หลงอย่างไร ก็จะเป็นธรรมในธรรม รู้ทันแล้ววาง....รู้ทันแล้ววาง อย่าไปปรุงไปแต่ง ไปตามมัน เราเป็นแค่คนดูเฉย ๆ อย่าไปเป็นคนเล่น ถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้น เดี๋ยวกิเลสมันก็พัง เพราะว่าเราไม่ไปปรุงไปแต่ง ไม่ไปต่อเติมเสริมความ มันเหมือนกับไฟลุกขึ้นมา พอไม่มีเชื้อมันก็จะดับ แต่ถ้าเราไปปรุงไปเติมไปแต่ง ไปเสริมความให้มัน มันมีเชื้อเข้า คราวนี้ก็จะลุกลามไปเรื่อย อย่างเช่นเราไปคิดต่อว่า คนนั้นไม่ดีกับเราอย่างนั้น คนนี้ไม่ดีกับเราอย่างนี้ มันเป็นอย่างนั้น มันเป็นอย่างนี้ คราวหน้าเราจะเอาคืนบ้าง คราวนี้ไปกันใหญ่ พอถึงตรงนี้แล้วเบรกไม่อยู่ จะหาวิธีไหนเอาคืนหว่า ? ก็ว่าไปเรื่อย กว่าจะรู้ตัวก็ฆ่าเขาไปสามร้อยกว่าวิธีแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2019 เมื่อ 13:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 10-12-2009, 13:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อคะ..ถ้ามีสติระหว่างหลับกับตื่นเท่ากัน นี่ต้องไม่ฝันเลยใช่หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : บางทีก็เป็นนิมิต แล้วเราแยกไม่ออกว่าเป็นฝันหรือนิมิต นิมิตส่วนใหญ่จะบอกเหตุที่เกิดขึ้นล่วงหน้า หรือไม่ก็นิมิตเห็นบางสิ่งบางอย่างที่เคยทำมาในอดีต ฉะนั้น..ต้องแยกให้ออก นิมิตกับฝันหน้าตามันเหมือนกัน

ถาม : หลวงพ่อคะ หนูมีพระองค์หนึ่ง ตั้งใจจะมาถวายหลวงพ่อ แล้วลูกไปปัดตกแตกเสียแล้วค่ะ
ตอบ : ซ่อม

ถาม : ซ่อมแล้วมาถวายใหม่หรือคะ ?
ตอบ : ซ่อมแล้วปิดทองให้ดี จะได้อานิสงส์เพิ่มขึ้น ถ้าหากว่าเผลอเกิดใหม่จะเป็นเบญจกัลยาณี เขาเรียกพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ส่งไปให้ช่างซ่อมปิดทอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2009 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 10-12-2009, 13:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อคะ แล้ววิธีหยุดพักอย่างเต่านี่ทำอย่างไร หยุดแบบไม่ให้ถอยหลังน่ะค่ะ ?
ตอบ : เต่ามันมีหัว ๑ มีตีน ๔ รวมแล้วเป็น ๕ เราก็ปิดกั้นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ของเราเสีย อย่าให้มันกระทบ อย่าให้มันปรุงแต่ง สู้มันไม่ไหวก็อย่าให้มันทำอันตรายเราได้ ฟังแล้วกลุ้มใจไหม ?

ถาม: ก็อยู่ในสมถะของเราไป ?
ตอบ : ยังฆ่ามันไม่ตายก็ยื้อมันไปเรื่อย ๆ ดูว่าใครจะอึดกว่ากัน

ถาม : แข่งกันอึด แข่งกันยื้อ ?
ตอบ : จะเป็นช่วงที่ชีวิตมีรสชาติมากเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-12-2009 เมื่อ 09:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 10-12-2009, 13:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อเล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของปรอทว่า "ส่วนใหญ่คนที่ทำปรอทแล้วที่ไปหลงมัน ก็เพราะว่าพอทำได้แล้วอานุภาพมันเกิด อย่างปีที่อาตมาไปพม่า พระไทยไป ๕ รูปสึกเกลี้ยงตั้งแต่ทำปรอทได้ขั้นแรก เพราะขั้นแรกมันเป็นมหาเสน่ห์

ไม่น่าเชื่อว่าขนาดอยู่ในป่า พวกสาว ๆ ก็ตะเกียกตะกายมาส่งน้ำส่งข้าวให้ ท้ายสุดต้องสึกไปจนได้ ก็พวกลูกสาวชาวบ้านแถวนั้นแหละ ถ้าหากธรรมดาเราคงไม่รู้สึกว่าน่าสนใจหรอก อาจเป็นไปได้ว่า ไม่ได้เจอผู้เจอคนนาน ๆ เจอใครมันก็ดูดีไปหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2009 เมื่อ 17:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 10-12-2009, 13:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า "เชื่อไหมว่าในพม่า มีนิกายหนึ่งที่ไปจากไทย แล้วมีชื่อเสียงเป็นที่นับถือมาก คือ นิกายมหาเย็น

มหาเย็น จริง ๆ ท่านเป็นพระวัดบวรฯ ท่านธุดงค์ไปพม่า ด้วยความที่ท่านเป็นธรรมยุติ ท่านเน้นมากในเรื่องของอภิสมาจาร ทำให้ดูน่าเลื่อมใส คนก็เลยเกิดศรัทธา สร้างวัดให้ท่าน คราวนี้พอท่านสร้างวัดแล้วลูกหลานเขามาบวชด้วย ท่านเองก็สามารถอบรมเขาให้ได้แบบเดียวกับท่าน คนก็เลยยิ่งเลื่อมใสเข้าไปใหญ่ ช่วงแค่สามสี่ปี เขาสร้างวัดถวายวัด ๒๐ กว่าวัด ฟังตรงนี้แล้วฉุกใจคิดอะไรบ้างไหม? เขาสร้างวัดถวาย ไม่ใช่ท่านสร้างเอง

เราลองนึกถึงสมัยพุทธกาล พระเจ้าพิมพิสารถวายวัดเวฬุวัน อนาถบิณฑิกเศรษฐีถวายวัดเชตวัน นางวิสาขามหาอุบาสิกาถวายวัดบุพพาราม นางอัมพปาลีถวายวัดอัมพวัน หมอชีวกถวายวัดอัมพวันเหมือนกัน เขาก็เลยเรียกแยกเป็น ชีวกัมพวัน สมัยก่อนล้วนแล้วแต่ญาติโยมช่วยบำรุงพระภิกษุสามเณร ช่วยสร้างเสนาสนะต่าง ๆ ให้ แต่สมัยปัจจุบันพระต้องสร้างเองทั้งนั้น มันเกิดจากอะไร ที่อยู่ ๆ ความนิยมเก่าที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างถวายพระสูญหายไปเฉย ๆ กลายเป็นพระต้องไปตะเกียกตะกายทำเอง

สมัยรัชกาลที่ ๖-๗ แม้กระทั่งพระเจ้าแผ่นดิน อำมาตย์ เสนาบดีต่าง ๆ ก็ยังนิยมสร้างวัด จากที่ลองพิจารณาดูช่วงเปลี่ยนผ่านของมัน น่าจะเป็นช่วงที่ประเทศของเราสนับสนุนอุตสาหกรรมการส่งออก สมัยนั้นมีข้าว ไม้สัก ยางพารา ข้าวโพด แร่ดีบุก แต่ละอย่างต้องใช้แรงงานมาก ในเมื่อแรงงานเข้าไปอยู่ภาคอุตสาหกรรมนี้หมด ส่วนที่จะมาช่วยในเรื่องของวัดวาอารามก็น้อยลง แต่ก็ยังดี คนเขาก็ยังอยากทำบุญอยู่ ก็เลยเปลี่ยนเป็นถวายปัจจัยให้พระคุณเจ้าไปสร้างเอง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา พระคุณเจ้าก็ต้องสร้างกันเองมาตลอด มันผิดธรรมเนียมไปเยอะเลย มานั่งคิด ๆ ดู ว่าน่าจะเป็นช่วงนี้แน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2009 เมื่อ 17:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 10-12-2009, 13:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อคะ ขอธรรมะสำหรับการไปธุดงค์
ตอบ : ไม่มีอะไร คิดเสียว่าไปตาย สบายที่สุด

ถาม : บรรยากาศมันไม่ให้ค่ะ
ตอบ : ก็นอนนอกเต็นท์ นอนในมุมที่รกที่สุด ไกลคนที่สุด เดี๋ยวบรรยากาศความตายมันก็มาเอง ในเมื่อมันไม่ให้เราก็สร้างบรรยากาศเองสิ ตั้งใจว่างูมากี่ตัวให้มันมาทางนี้ ยิ่งหน้าหนาว งูมันจะหาที่อุ่น

งูเป็นสัตว์ที่น่าสงสารมาก พวกสัตว์เลื้อยคลานส่วนใหญ่จะเลือดเย็น อุณหภูมิร่างกายจะเท่ากับอุณหภูมิอากาศ บางทีมันตากแดดเก้าโมงสาย ๆ มันจึงจะขยับตัวได้ ถ้าเจอคนมันจะเข้าไปหาเลย
อาตมามีประสบการณ์ งูนอนทับอกมาหลายครั้งแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 10-12-2009, 13:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ก่อนหน้านั้นมีความรู้สึกว่าถ้าอยากให้สมาธิทรงตัว เราต้องไปสถานที่ที่เขาปฏิบัติ อย่างไปธุดงค์ หลัง ๆ มานี่ก็คือ ความรู้สึกที่จะไปธุดงค์ก็คือ ไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้ ความรู้สึกมันไม่ต่างกัน
ตอบ : จะว่าไปแล้วอันนี้เป็นความรู้สึกที่ถูกต้อง การปฏิบัติมันอยู่ที่ไหนก็ได้ แต่ว่าการไปในสถานที่บางแห่ง สิ่งแวดล้อมจะชักนำให้เราอยากปฏิบัติ หรือว่าต้องเร่งรัดตัวเองมากขึ้น คือ สิ่งแวดล้อมมันพาไป ถ้าหากว่ามีสิ่งแวดล้อมแบบนั้นก็ควรที่จะไป เพื่อที่จะได้เอาความก้าวหน้าใส่ตัวของเรา

ถาม : พอเราจะไป เราก็เริ่มตั้งความหวังว่าเราจะได้อะไรกลับมาบ้างไหม
ตอบ : ต้องตั้งใจว่าเราจะทำให้ดีที่สุด ส่วนจะได้หรือไม่ได้อะไรเรื่องของมัน ถ้าไปตั้งใจว่าต้องได้อย่างนั้น ต้องได้อย่างนี้เดี๋ยวพัง กลายเป็นโลภะเจตนา

ถาม : แต่ถ้าเราคิดล่วงหน้าว่าเราจะทำอะไรบ้าง
ตอบ : ถ้าจะไปทำอะไรบ้างไม่เป็นไร แต่อย่าไปคิดว่าเราจะได้อะไร คิดว่าเรามีหน้าที่ทำ ส่วนจะได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องของมัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 144 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 10-12-2009, 13:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพ่อเล่าเรื่องผีให้ฟัง แล้วท่านก็อธิบายว่า "เวลาผีเขาจะหลอกเรา เขาจะใช้กำลังดึงธาตุ ๔ ในอากาศมารวมตัวกันให้เป็นสสาร ซึ่งปกติมันเป็นสสารอยู่แล้ว แต่มันไม่เป็นระเบียบ ก็ดึงมันมาทำให้หยาบ มันจะได้ปรากฏตัวได้ ถ้าหากกำลังไม่พอ เขาจะทำตรงนี้ไม่ได้ ถ้าหากตัวไหนที่มาหลอกเราแสดงว่ากำลังเขาพอใช้ได้ บางรายแย่ ๆ ก็ได้ยินแต่เสียง ได้แต่กลิ่น เห็นแต่เงาวูบวาบ ๆ เท่านั้น พวกนั้นกำลังน้อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 10-12-2009, 13:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูอยากจะถามว่าเวลาหมาพูด มันจะพูดว่าอย่างไรคะ ?
ตอบ : มันก็พูดว่าโฮ่ง

ถาม : แล้วหมาที่เป็นเทวดาละคะ ?
ตอบ : พูดได้แต่ภาษาหมาจ้ะ เพราะเขาโดนบังคับให้อยู่ในร่างหมา เขาไม่ได้พูดภาษาคนหรอกจ้ะ เขาอยู่ในร่างหมาก็ใช้ภาษาหมาอยู่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2009 เมื่อ 17:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 10-12-2009, 13:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ขณะที่พี่สาวท่านหนึ่งกำลังเล่นกับสุนัข แล้วสุนัขรู้สึกกลัว ไม่เล่นด้วย หลวงพ่อท่านก็กล่าวว่า "เคยบอกว่าสัตว์เขารู้ ฝรั่งเขาพยายามศึกษาเรื่องนี้ ศึกษาจนกระทั่งได้ข้อสรุปว่าในแต่ละอารมณ์ ร่างกายเราหลั่งสารเคมีออกมาไม่เหมือนกัน แล้วสัตว์มันสัมผัสได้ มันก็เลยรู้ว่าเราคิดดีหรือคิดร้ายกับมัน อย่างในแบบของพวกเรา ทิพจักขุของสุนัขมันดีกว่าของพวกเรา แถมมันยังเป็นนิรุตติปฏิสัมภิทาด้วย มันรู้ทุกภาษาในโลก ลองเอามันไปโยนแถว ๆ อเมริกาสิ มันยังคุยกับหมาอเมริการู้เรื่อง เอามันไปโยนที่ขั้วโลก มันก็คุยกับหมาพวกเอสกิโมได้"

ถาม : เป็นหมาที่มีฤทธิ์
ตอบ : อันนี้เขาเรียกว่ากรรมวิปากชาฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากวิบากกรรม กรรมที่ทำให้เขาไปเกิดอย่างนั้น ก็ต้องมีสิ่งทดแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-12-2009 เมื่อ 09:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 10-12-2009, 13:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อคะ ตอนที่ถักหมวก หลวงพ่อบอกว่าถ้าสติเราตามดู เราทัน มันเป็นวิปัสสนาแล้ว ยังไม่ค่อยเข้าใจ ความรู้สึกมันต่างกันไหมคะกับการกดทับ
ตอบ : สติที่จดจ่ออยู่กับเฉพาะหน้า มันจะไม่ปรุงไปในด้านรัก โลภ โกรธ หลง นั่นแหละคือวิปัสสนาญาณ

ถาม : แล้วอย่างนี้เวลาเราถักหมวก เรารู้สึกว่าเราปวดมือ แล้วเราก็รู้ว่าปวดมือ แต่เราก็ถักของมันไป อันนี้มันเป็นฌานหรือเป็นวิปัสสนาคะ
ตอบ : อยู่ที่เรา ถ้าเราเห็นว่าสภาพแท้จริงร่างกายของเรามันเป็นอย่างนี้ก็เป็นไป งานยังไม่เสร็จก็ยังไม่เลิก จะเป็นวิปัสสนา

ถาม : ไม่ใช่ว่าเราใช้การกดทับเวทนาหรือคะ
ตอบ : ถ้าหากใช้การกดทับ มันจะไม่ใส่ใจอาการของมัน มันจะอยู่ที่สมาธิหรือลมหายใจ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2019 เมื่อ 13:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 11-12-2009, 09:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะซื้อกองทุนรวม เพื่อจะเอาไว้ออมทรัพย์ใช้ยามป่วยค่ะ ?
ตอบ : พวกเราคงรู้จัก คุณหมอสมศักดิ์ สืบสงวน กันดี สมัยก่อนอาตมาคุยกับท่านเป็นประจำ คุยกันเรื่องนั้นบ้างเรื่องนี้บ้าง สุดท้ายก็จะดึงเนื้อหามาสรุปเข้าหัวข้อธรรมะ

พอคุณหมออายุ ๕๕ ปี คุณหมอก็จัดแจงเกษียณตัวเองก่อนที่รัฐบาลจะมี early retire หลังจากนั้นคุณหมอก็ไปอยู่วัดเป็นประจำ เดือนหนึ่งจะอยู่วัดอย่างน้อย ๑๐ วัน พออาตมาออกจากวัดมาแล้วย้อนกลับไป ก็ไปเจอกัน คุณหมอก็มาจับแขน แล้วบอกว่า "อย่างที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสเอาไว้ ไม่ผิดจริง ๆ" ถามคุณหมอว่า "งวดนี้เรื่องอะไรอีก"

คุณหมอก็เล่าให้ฟังว่า "ก็ตัวผมนะสิครับ ผมคิดว่าได้เงินบำเหน็จมา บวกกับเงินของตัวเอง ฝากเอาไว้จำนวนเท่านี้ ๆ ได้ดอกเบี้ยมาเท่านี้ ๆ อย่างไรก็พอใช้ ปรากฏว่าค่าของเงินมันตก ที่คิดว่าพอใช้ตอนนี้ไม่พอแล้ว พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า ทุกอย่างอนิจจัง ผมดันไม่เชื่อเอง"
ดังนั้นเก็บเงินไว้เถอะ เผื่อว่าตอนแก่ ๆ อาจจะได้ใช้บ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2019 เมื่อ 13:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 140 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 11-12-2009, 10:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อเป็นไปได้ไหมคะ ที่ช่วงแรกพอมันเปลี่ยนจากฌานหนักเป็นฌานใช้งานแล้ว อารมณ์มันจะเบาขึ้น ต่อไปมันก็จะเบาขึ้นเรื่อย ๆ หรือพอเปลี่ยนแล้วมันเบาเลยทีเดียว
ตอบ : ไปตามสภาพของความคล่องตัว คล่องตัวมากก็เบา

ถาม : หนูมานั่งแยกอารมณ์ระหว่างวิปัสสนากับอรูปฌานค่ะ อย่างตัววิปัสสนาอารมณ์มันไม่มีของมันมาแล้วตั้งแต่ต้น แต่ตัวอรูปฌานก็คือมันมีของมันอยู่แล้ว แต่เราไปทำให้มันไม่มี
ตอบ : ถ้าหากพิจารณาง่าย ๆ ให้ดูตรงที่ว่า วิปัสสนาเรารับรู้แล้วปล่อยวาง ส่วนอรูปฌานมันเป็นการกด ใช้กำลังฌานมาคานไว้ ให้แยกอย่างนี้ อย่างที่เราดูมันกลายเป็นทำของง่ายให้ยาก

ถาม : อีกอย่างก็คือเวลาอยู่ในอารมณ์วิปัสสนามันจะเป็นลักษณะหยุดการปรุงแต่งไว้แค่นี้ ถ้าอยู่ในอรูปฌานมันจะหยุดการหมายจำ หมายรู้
ตอบ : จริง ๆ อรูปฌานมันหยุดการปรุงแต่งได้ เพียงแต่มันเป็นการปรุงแต่งสภาพจิตอีกแบบ หยุดได้เหมือนกันแต่มันไปปรุงอีกตัว

ถาม : วันนั้นไล่ไปไล่มา มันไปเจอความรู้สึกที่ว่า หนูผูกอยู่กับหลวงพ่อ ก็มาคิดว่าอย่างนี้เราจะละดีหรือเปล่า หนูก็เลยตัดสินใจละ อีกอย่างการนึกถึงหลวงพ่อไม่ว่าจะเป็นลีลาท่าทาง ปฏิปทาอะไรก็ตาม มันรู้สึกว่ามันยินดีมากนะ มันชอบใจนะ ดูไปดูมาตัวนี้มันเป็นตัวยินดี ถามว่ามันดีไหม..มันก็ดี แต่ความรู้สึกของหนูก็คือมันมีที่ดีกว่านั้น ก็คืออารมณ์เป็นกลาง ๆ ค่ะ ก็เลยมาถามว่าที่หนูรู้มานี่ มันถูกหรือเปล่า
ตอบ : ถูก คลำให้เจอแล้วกัน ว่าที่มันไม่ดีไม่ร้ายเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าเจอเมื่อไหร่มันจะเป็นส่วนสังฆคุณที่แท้จริง ไม่ใช่ตัวตน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-12-2009 เมื่อ 10:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 11-12-2009, 10:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อคะ โผฐฐัพพะ คืออะไรคะ
ตอบ : การสัมผัสถูกต้อง ก็คือ ประสาทส่วนหนึ่งที่เป็นผิวหนัง

ถาม : แล้วอย่างนี้จัดว่าเป็นอารมณ์ด้วยหรือเปล่าคะ
ตอบ : ถ้าหากไปยินดียินร้ายกับมัน มันก็จะเกิดโผฐฐัพพะวิญญาณ คือ ความรู้สึกขึ้นมา แล้วก็จะพาให้เกิดอารมณ์ยินดียินร้าย หรือไม่ยินดียินร้าย

ถาม : แล้วอย่างธรรมารมณ์เล่าคะ
ตอบ : ธรรมารมณ์ คือความคิด , กายสัมผัส คือโผฐฐัพพะ , ใจครุ่นคิด คือธรรมารมณ์

ถาม : ทำ ๆ ไปแล้ว อย่างที่เราว่ามันดีแล้ว แต่ปรากฏว่ามันยังไม่ดี อย่างเช่นการภาวนา ยิ่งภาวนามันก็ยิ่งรู้สึกว่าดี ทำไปทำมา มันมีความพอใจในการภาวนามากเลย อ้าว ปรากฏว่าแม้กระทั่งอารมณ์พอใจในการภาวนา มันก็ยังเป็นอารมณ์ที่ไม่ดีสำหรับเรา คิดว่ามันดีแล้วก็ยังไม่ดีอีก
ตอบ : มันคิดย้อนหลัง เคยเปรียบเทียบไว้ว่าเหมือนกับการขึ้นบันได เราขึ้นบันไดขั้นนี้ เราก็ว่าบันไดนี้ดีแล้ว...ใช่แล้ว แต่พอก้าวไปอีกชั้น อ้าว..นี่ยังดีไม่พอ...ยังสูงไม่พอ แล้วก็มายึดมั่นถือมั่นว่าอันนี้ดีแล้ว ใช่แล้ว จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ

ถาม : เหมือนกับว่ามันปรับ ๆ ไปเรื่อย ๆ ให้เหลือแต่อารมณ์ที่มันเป็นกลางจริง ๆ
ตอบ : เดี๋ยวก็รู้ ถ้าเลิกพูดเมื่อไหร่ ก็จะเฉยจริง ๆ แล้วจะเห็นของจริงนิ่งเป็นใบ้ ถ้าพูดได้ก็ยังไม่จริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-12-2009 เมื่อ 10:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 121 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 11-12-2009, 10:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หลวงพ่อคะ ในการปฏิบัติ มันต้องมีการละรูปกับนาม ทีนี้การเห็นจิตในจิต เห็นกิเลสในใจตัวเองตรงนี้ ถือว่าเรากำลังละในส่วนที่เป็นนามด้วยหรือเปล่าคะ
ตอบ : ใช่

ถาม : แล้วทีนี้มันจำเป็นต้องละตัวรูปด้วยใช่ไหมคะ
ตอบ : ถ้าหากว่านามมันปรากฏก็ละในส่วนของนาม ถ้าหากว่ารูปปรากฏก็ละในส่วนของรูป อะไรมาก็ละส่วนนั้น

ถาม : คือหนูคุยกับพี่เขา แล้วพี่เขามักจะละในส่วนของนาม หนูก็เลยบอกว่าน่าจะมีการละในส่วนของรูปเพิ่มไปด้วย
ตอบ : เปิดศึกหลายด้านเดี๋ยวจะแย่ ศัตรูอยู่นิ่ง ๆ ไปกวักมือเรียกมันมาเดี๋ยวก็เดี้ยง อะไรมาก็ละมัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 121 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 11-12-2009, 10:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีพี่สาวท่านหนึ่ง พยายามถักหมวกไม่ทันจะสำเร็จ พี่เขาก็เลิกล้มความตั้งใจไปก่อน หลวงพ่อเล็กเลยกล่าวให้กำลังใจว่า "กลับไปแล้วทำให้ได้ อะไรก็ตามที่ทำแล้วไม่สำเร็จ มันบั่นทอนกำลังใจตัวเอง ปัจจุบันนี้ความกล้าอย่างเดียวมันไม่เพียงพอจะใช้งาน มันต้องบ้าด้วย โดยเฉพาะคนไปนิพพาน...บ้าปกติไม่พอหรอก..ต้องบ้ากว่าคนทั่วไปอย่างน้อย ๔ เท่า

ไปสะสมความมั่นใจใหม่ให้สำเร็จ มันจะช่วยอะไรได้เยอะ คนที่เขาสะสมความมั่นใจมามากเพราะว่าประสบการณ์มาก แล้วสิ่งต่าง ๆ ที่ทำจะประสบความสำเร็จ ในเมื่อประสบความสำเร็จก็จะเกิดความมั่นใจ เกิดความกล้าที่จะทำสิ่งอื่น ๆ ต่อไป เพราะฉะนั้นลงมือ..ก็ทำได้ มันจะออกมาขี้เหร่แค่ไหนก็ทำเถอะ ทำให้เขารู้ว่าเราก็ทำได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกเสมอว่า สิบนิ้วเท่ากัน ถ้าเขาทำได้เราก็ต้องทำได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 26-08-2014 เมื่อ 09:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 124 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 11-12-2009, 10:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แต่ก่อนที่ปฏิบัติ จับภาพพระพุทธรูป สีจะไม่ชัด ตอนนี้ก็เปลี่ยนค่ะ ครึ่งหนึ่งค่อนข้างเข้มอีกครึ่งหนึ่งยังไม่เข้ม แต่ก็ยังไม่ขาว หนูต้องทำอย่างไรต่อคะ
ตอบ : รักษาภาพพระไว้ แล้วพยายามดูเรื่องของศีล สมาธิให้ดีกว่านี้ อย่าไปใส่ใจว่าเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน

ถาม : มีเพื่อนเขาฝากถามมาว่า เขาจะไปฝึกมโนฯ ที่วัดของหลวงพี่ หลวงพี่เปิดสอนหรือเปล่าคะ
ตอบ : ไม่เคยสอน ทำเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2019 เมื่อ 13:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:30



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว