กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-04-2012, 19:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐานวันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕

ทุกคนขยับตัวนั่งในท่าที่สบายของเรา จะขัดสมาธิ นั่งพับเพียบ หรือนั่งห้อยเท้าก็ได้ ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป ไหลตามลมหายใจออกมา พร้อมคำภาวนาตามอัธยาศัยที่เราเคยถนัดและชอบใจ

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๕ หลายท่านอาจจะเดินทางมาที่นี่ไม่สะดวก เพราะมีการปิดถนนเพื่ออัญเชิญพระศพของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ไปยังท้องสนามหลวง เพื่อทำการพระราชทานเพลิงในวันพรุ่งนี้ ถ้าท่านใดต้องการมีส่วนร่วม ไม่กลัวว่าจะเดินทางลำบาก ก็สามารถไปร่วมงานพระราชทานเพลิงครั้งนี้ที่พระเมรุท้องสนามหลวงได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ บรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ก็จะเสด็จไปยังที่นั่น

ท่านใดที่ไม่สะดวก ถ้าเป็นในกรุงเทพฯ ก็ให้หาข้อมูลดูว่าวัดใดในเขตที่เราอยู่ รับเป็นที่วางดอกไม้จันทน์ถวายพระศพ ก็ให้ไปร่วมงานที่วัดนั้น ส่วนต่างจังหวัดนั้น ทางราชการกำหนดให้วัดของเจ้าคณะอำเภอทุกอำเภอต้องจัดงานนี้

แม้ว่าสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี จะเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ระดับสูงมาก ทั้งยังได้รับการถวายพระเกียรติยศ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานสัปตปฎลเศวตฉัตรให้เป็นเครื่องยศสูงสุดด้วย แต่ว่าพระองค์ท่านก็ไม่อาจก้าวพ้นจากความตายไปได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า คนและสัตว์เกิดมาเท่าไรตายหมดเท่านั้น ชีวิตมีความตายเป็นเบื้องหน้า ก้าวเข้าไปหาความตายอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นผู้อื่นตาย เราต้องคิดอยู่เสมอว่า เราก็จะตายเช่นกัน

การระลึกถึงความตายทำให้เป็นผู้ไม่ประมาท เมื่อรู้ตัวว่าจะตายก็ต้องสั่งสมบุญกุศลไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เมื่อถึงเวลาล่วงลับดับขันธ์ไปแล้ว ถ้ายังไม่หลุดพ้น ก็ยังได้อาศัยบุญกุศลนี้ ก้าวไปสู่ภพภูมิที่ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป ยิ่งเราเป็นนักปฏิบัติ มีการรักษาศีล นั่งสมาธิภาวนาเป็นปกติ ก็จะยิ่งเห็นได้ชัดเจนว่า ความตายนั้นอยู่กับเราทุกลมหายใจเข้าออก

หายใจเข้าถ้าไม่ได้หายใจออกก็ตาย หายใจออกถ้าไม่ได้หายใจเข้าไปใหม่ก็ตาย ไม่ใช่แต่ตัวเราเท่านั้นที่ตาย บุคคลรอบข้างตัวเราตายไปนับไม่ถ้วนแล้ว บรรพบุรุษปู่ย่าตาทวดของเรา ตายซ้ำตายซ้อนมานับไม่ถ้วน คนที่เรารัก คนที่เรารู้จัก ทั้งที่อายุมากกว่า อายุเท่ากัน อายุน้อยกว่า ตายให้เราเห็นเป็นจำนวนมากต่อมาก ความตายนี้ต้องมาถึงตัวเราอย่างแน่นอนไม่วันใดก็วันหนึ่ง เราจึงต้องสั่งสมบุญกุศลเอาไว้ ด้วยการให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนาเป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2012 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 77 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 25-04-2012, 19:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จะว่าไปแล้วความตายไม่ใช่ของที่น่ากลัว เพราะว่าความตายนั้นเป็นแค่การเปลี่ยนรูปขันธ์ เปลี่ยนภพภูมิไปตามบุญกรรมที่เราสร้างไว้เท่านั้น ถ้าหากว่าเราสร้างกรรมดีไว้มาก ก็เปลี่ยนไปสู่รูปขันธ์ที่มีความเป็นทิพย์ มีความสุข สะดวกสบาย อย่างเช่นเทวดา นางฟ้า หรือพรหม เป็นต้น

ถ้าหากว่าเราสร้างความดีไว้น้อย ก็อาจจะได้เกิดเป็นเทวดาชั้นรอง ๆ ลงมา อย่างเช่น รุกขเทวดา ภุมมเทวดา หรือว่าเกิดมาเป็นมนุษย์ แต่ถ้าหากว่าเราสร้างกรรมไว้มาก ก็ต้องลงในภพภูมิที่ต่ำไปเรื่อย ๆ ยิ่งสร้างกรรมหนักก็ยิ่งอยู่ในภพภูมิที่ต่ำลงไปมาก ไล่จากสัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย เปรต สัตว์นรก

เมื่อเราเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วก็อย่าให้ขาดทุน เกิดใหม่อย่างแย่ที่สุดก็ต้องให้ได้เป็นมนุษย์อีก ดังนั้น..เราต้องปฏิบัติในมนุสสธรรมก็คือมีศีล ๕ เป็นปกติ เว้นจากการฆ่าสัตว์หรือทรมานสัตว์ให้ลำบากโดยเจตนา เว้นจากการลักขโมย หยิบฉวย ช่วงชิง สิ่งของที่เจ้าของไม่ได้ให้ เว้นจากการแย่งชิงสิ่งที่เขารัก คนที่เขารัก เว้นจากการพูดจาโกหกมดเท็จ หลอกลวงคนอื่นเขา เว้นจากการดื่มสุราเมรัย และเสพยาเสพติด เป็นต้น

หรือจะปฏิบัติในเทวธรรมก็ต้องมีศีล ๕ เป็นพื้นฐาน และประกอบไปด้วยหิริ โอตตัปปะ รู้จักละอายต่อความชั่ว เกรงกลัวว่าผลของความชั่วจะส่งผลร้ายแก่เรา ถ้าหากว่าจะเป็นเทวดาชั้นสูงขึ้นไป ก็จำเป็นที่จะต้องมีกรรมบถ ๑๐ มีฌานสมาบัติ เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-04-2012 เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-04-2012, 19:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าเราไม่นิยมการเกิดอีก ก็จำเป็นที่จะต้องละสังโยชน์ให้ขาด เพื่อจะได้ก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้า การที่เราก้าวเข้าสู่ความเป็นพระอริยเจ้าเบื้องต้นคือพระโสดาบันนั้น จำเป็นต้องมีศีลทุกสิกขาบทบริสุทธิ์บริบูรณ์ ต้องไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล

ต้องมีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อย่างจริงใจ ไม่ล่วงล้ำก้ำเกินด้วยกาย วาจา ใจทั้งต่อหน้าและลับหลัง และรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย ถ้าหากว่าตายแล้วเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว

เมื่อเป็นดังนี้จะเห็นได้ว่า ความตายไม่ใช่ของน่ากลัว ซ้ำยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องระลึกถึง เพื่อที่จะได้ไม่ประมาทในการสั่งสมความดี ที่จะได้ก้าวล่วงหลุดพ้นไปสู่พระนิพพาน แล้วเรายังต้องมีศีลเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นศีลในลักษณะของมนุสสธรรม ศีลในลักษณะของเทวธรรม หรือว่าศีลอันเป็นบาทฐานของพระอริยเจ้า

การที่เราจะมีศีลทรงตัวได้ ก็ต้องมีสมาธิเป็นเครื่องหักห้ามใจตนเองไม่ให้ละเมิดศีล ถ้ากำลังสมาธิของเราไม่พอ เราก็ยังละเมิดศีลอยู่เป็นปกติ ถ้ากำลังสมาธิของเราเพียงพอ ก็สามารถที่จะหักห้ามใจตนเอง ไม่ให้กาย วาจา ไปก่อในสิ่งที่ละเมิดศีลจนเกิดเป็นโทษขึ้นมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 03:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 26-04-2012, 19:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จากนั้นก็ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า การเกิดมาในโลกนี้หาสาระแก่นสารอะไรไม่ได้ เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง และตายไปในที่สุด ระหว่างที่ดำรงชีวิตอยู่ก็เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อน ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในโลกซึ่งมีความทุกข์เช่นนี้ หาความเที่ยงไม่ได้เช่นนี้ มีความตายเป็นปกติเช่นนี้ จะไม่มีสำหรับเราอีกต่อไป ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว

ถ้ากำลังใจของเราทรงตัวตั้งมั่นดังนี้แล้ว ก็ให้ย้อนกลับมาดูสมาธิภาวนาของเรา ก็คือลมหายใจเข้าออก ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ให้กำหนดดูลมหายใจของเราไป ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ให้กำหนดรู้คำภาวนาของเราไป ถ้าลมหายใจเบาลง คำภาวนาหายไป ก็ให้กำหนดดู กำหนดรู้ไว้อย่างนั้น

เอาใจจดจ่อแน่วแน่ว่า เรากำลังปฏิบัติความดีอยู่ ถ้าหมดอายุขัยตายลงไปขณะนี้ก็ดี เราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว ให้กำหนดกำลังใจเอาไว้อย่างนี้ จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๕๕
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-05-2012 เมื่อ 03:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 12-05-2012, 09:22
ชินเชาวน์'s Avatar
ชินเชาวน์ ชินเชาวน์ is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Oct 2008
ข้อความ: 260
ได้ให้อนุโมทนา: 13,956
ได้รับอนุโมทนา 50,192 ครั้ง ใน 1,278 โพสต์
ชินเชาวน์ is on a distinguished road
Default

สามารถรับชมได้ที่

http://www.sapanboon.com/vdo/demo.ph...ame=2555-04-08

ป.ล.
- สามารถชมบนไอโฟนและแอนดรอยด์ได้
- ห้ามคัดลอกไฟล์ไปเผยแพร่ที่อื่นเด็ดขาด !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชินเชาวน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:03



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว