กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #141  
เก่า 22-09-2014, 09:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระเกจิอาจารย์ของอยุธยาช่วงนี้ มีหลวงพ่อรวย วัดตะโก หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน เวลานิมนต์พุทธาภิเษกเขาก็เอา “รวย เพิ่ม พูน” ต้องบอกว่าชื่อของท่านได้เปรียบ

หลวงปู่พูน วัดบ้านแพน ท่านน่ารักมาก เจอหน้ากันทีไรท่านก็ให้ความรู้ตลอด ต้องบอกว่าท่านเป็นอาจารย์ที่ไม่หวงวิชา คุยกันไปท่านก็ช่วยแนะนำตลอด ที่ขำที่สุดคือไปรับพระครูพร้อมกัน บอกว่า “หลวงพ่อ หลวงพ่ออยู่มาจนเกือบ ๘๐ ปีแล้วนะ นี่ผมเพิ่ง ๕๐ กว่า ฉะนั้น..ผมถือว่าผมมาเร็วแล้วละ”

มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านเล่าเรื่องให้ฟังว่า ไปเจอหลวงพ่อรูปหนึ่งปลุกเสกปลัดขิก ปลักขิกก็ดิ้นดุ๊กดิ๊ก ๆ แล้วก็หล่นจากมือได้ ท่านก็บอกว่า “ข้ากำหนดใจดูแล้ว ก็ไม่ได้มีพลังอะไรเลย แล้วทำให้ปลัดขิกดิ้นได้อย่างไรวะ ?” แล้วท้ายสุดท่านก็สังเกตมือ คือเขาเสกในอุ้งมือ ๒ มือแล้วซ่อนนิ้วก้อยพับไว้ด้านใน พอถึงเวลาก็ใช้นิ้วก้อยช่วยดัน ไปเจอคนเป็นเข้าเขาก็ดู ไอ้นี่พลังสมาธิไม่มีเลย แล้วทำให้ปลัดขิกดิ้นได้อย่างไร ? ความลับเลยแตก

แล้วก็มีหลวงปู่หวล วัดพุทไธศวรรย์ โยมไปถามท่านเรื่องหลวงพ่อเสือดำ เสกจตุคามแล้วดิ้นจากบาตรได้ ท่านบอกว่า “เอ็งเห็นหรือเปล่า เขาเสกท่านี้ (ท่านทำท่าเขย่าให้ดู) แบบนี้ข้าก็เสกให้ดิ้นได้” หลวงพ่อหวลนี่พูดชัดมากเลย แล้วเวลาพระแก่ ๆ ท่านอยู่ด้วยกัน มีหลวงพ่อหวล หลวงพ่อแขก หลวงพ่อพูน ส่วนอาตมาก็เป็นพระเล็กเด็กน้อย ดันโดนนิมนต์ไปร่วมปลุกเสกด้วย ก็ไปนั่งอยู่ในวง ได้ความรู้เพียบเลย ท่านบอกว่า “เขาเสกท่านี้ ข้าก็เสกได้ อย่างไรเดี๋ยวก็เขย่าจนกระเด็นออกจากบาตรเองแหละ” ท่านทำท่าเขย่าให้ดูเลย

เดี๋ยวนี้หลวงพ่อหวล หลวงพ่อแขก เป็นเจ้าคุณกันหมดแล้ว ยังเหลือหลวงพ่อพูนว่าเมื่อไรจะได้เป็นบ้าง เพราะว่ายังเป็นพระครูอยู่ รู้สึกว่าแต่ละปีเขาจะมีตำแหน่งเจ้าคุณให้ฝ่ายพระเกจิอาจารย์ด้วย จะมีคำว่า "มงคล" อยู่ในพระราชทินนามให้รู้ว่ายกขึ้นมา เพราะว่าท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากจริง ๆ

อย่างหลวงปู่สุภา ถ้าไม่ได้อยู่ถึงร้อยกว่าปี ก็คงไม่ได้เหมือนกัน ไปได้เป็นพระมงคลวิสุทธิ์ ตอนอายุ ๑๑๔ ปี ถ้าอยู่ไม่ถึงจะได้เป็นไหม ? นึกถึงอีกท่านก็หลวงพ่อสำราญ วัดปากคลองมะขามเฒ่า อายุ ๘๑ ปี แล้วค่อยเป็นพระมงคลชัยสิทธิ์ อาตมาไปกราบถวายมุทิตาสักการะท่าน ถามว่า “หลวงปู่เป็นอย่างไรบ้างครับ เป็นเจ้าคุณแล้วหนักขึ้นบ้างไหม ?” ท่านบอกว่า “เฮ้ย..ข้าก็ทำความดีมา เขาก็ต้องเห็นบ้างสิวะ” โห..เห็นเร็วมากเลยครับหลวงปู่ มาเห็นเอาตอน ๘๐ กว่า ถ้าตายก่อนก็ไม่ได้กับใครหรอก

บางทีเวลาพระเกจิอาจารย์ท่านอยู่ด้วยกัน แล้วท่านไม่มีอะไรจะคุย ท่านก็นั่งกันเงียบ ๆ ส่วนอาตมาเป็นพระเล็กเด็กน้อย เข้าไปขอความรู้เรื่องนี้เรื่องนั้น พอท่านพูดกันขึ้นมา ท่านนั้นนึกได้ ท่านนี้นึกได้ ก็ช่วยเสริมให้ สนุกสนาน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2014 เมื่อ 01:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #142  
เก่า 22-09-2014, 10:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เคยได้รับตะกรุดจากหลวงพ่อพูนมา ท่านก็สอนว่าให้ใช้อย่างไร ?
ตอบ : "ถึงเวลาจะสู้เอาไว้ข้างหน้า ถึงเวลาจะหนีเอาไว้ข้างหลัง เข้าหาผู้หญิงเอาไว้ข้างซ้าย เข้าหาผู้ใหญ่เอาไว้ข้างขวา" ท่านแนะนำหมด หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพนนี่ ต้องบอกว่าถ้านับแล้วก็เป็นสายเดียวกัน เพราะว่าหลวงพ่อพระครูรัตนาภิรมย์ วัดบ้านแพน ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อฤๅษี อาตมากราบเรียนถามหลวงพ่อพูนว่า “พระครูรัตนาภิรมย์วัดบ้านแพนมี ๒ องค์ องค์ไหนที่เป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อฤๅษีครับ หลวงปู่จ้อยหรือหลวงปู่อยู่ ? ” ท่านบอกว่าหลวงปู่อยู่ เพราะว่าหลวงปู่จ้อยไม่ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

พระอุปัชฌาย์สมัยนั้นเขาก็แต่งตั้งเหมือนกัน ถ้าไม่ได้รับการแต่งตั้งก็เป็นพระอุปัชฌาย์ไม่ได้ อาตมาเองไปคิดว่าเป็นหลวงปู่จ้อยอยู่ตั้งนาน เพราะว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยเอ่ยถึงหลวงปู่จ้อยหลายครั้ง แล้วท่านก็งอนิ้วไล่ให้ฟังว่า เจ้าอาวาสตั้งแต่รูปแรกของวัดบ้านแพนมีใครบ้าง จนกระทั่งมาถึงท่าน โห...อายุ ๘๐ นี่ความจำเป๊ะเลย พ.ศ.นั้นถึงพ.ศ.นั้นไม่มีพลาดเลย


ถาม : เป็นความจำหรือความเป็นทิพย์คะ ?
ตอบ : พระที่ปฏิบัติสมาธิภาวนาส่วนใหญ่ความจำจะดี ต้องบอกว่าเป็นความเคยชินด้วย ท่านอยู่วัดของท่านมา ท่านย่อมรู้ว่าเจ้าอาวาสเดิม ๆ เป็นใครบ้าง แต่ถึงขนาดบอก พ.ศ.ละเอียดนี่เราต้องคิดนะ เป็นเราก็จำได้ว่านี่องค์ที่ ๑ องค์ที่ ๒ ไม่ถึงขนาดบอก พ.ศ.ได้ นี่ท่านเล่นไล่ ๑,๒,๓ แต่ละรูปตั้งแต่ พ.ศ. ไหนเลย อยุธยาอย่างหนึ่ง นครปฐมอย่างหนึ่ง ไม่ค่อยขาดพระเกจิอาจารย์ จะต้องมีต่อเนื่องกันมาเรื่อย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2014 เมื่อ 19:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #143  
เก่า 22-09-2014, 10:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นครปฐมถ้าขาดหลวงปู่แผ้วแล้วก็คงเหลือรุ่นหลัง รุ่นหลังก็มีหลวงพี่ยุ่ง วัดปลักไม้ลาย หลวงพี่โรจน์ วัดสระพัง อย่างไรคงไปไม่ถึงหลวงพี่น้ำฝนหรอก เสาร์อาทิตย์อย่าวิ่งถนนเส้นนั้นนะ รถออกมาจากวัดหลวงปู่แผ้วนี่ เจ้าประคุณเถอะ..พารถติดไปทั้งสายเลย ท่านอาจารย์สังเวียนนี่ได้เปรียบ ทำพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลตอนนั้น ทำตะกรุดเป็นคันรถสิบล้อเลย ถึงเวลางานก็เอาออกจำหน่าย จำหน่ายทีรายรับเป็นล้านเพราะว่าท่านจะเปิดวีดิโอที่เขาลองตะกรุดหลวงปู่แผ้วกันให้ดูเลย

ท่านเคยพูดถึงทีหนึ่งเป็นใครจำไม่ได้ ที่พระรูปนั้นเวลาแจกวัตถุมงคลแล้วเอาขวานฟันหลังให้ ท่านบอกว่า “เอ็งเห็นไหม ?” ตอบว่า "เห็นครับ" ท่านก็บอก “รู้แล้วสิ ?” "รู้ครับ" คือท่านจะเอาขวานวางบนโต๊ะ เอาขวานไถกระดาษขาด แล้วก็ฟันหลังคนปั้ก..! ไม่เป็นไร ขวานนั้นมีคมอยู่แค่มุมหลังนิดเดียว นอกนั้นเขาลบคมหมด เพราะฉะนั้น..เวลาตัดกระดาษท่านจะต้องไถขึ้นหน้าอย่างเดียว ไม่สามารถจะไถกลับหลังได้ ไถกลับหลังกระดาษจะไม่ขาด แล้วเวลาฟันเอาหน้าขวานกินเต็ม ๆ มุมขวานด้านหลังที่มีคมนิดหนึ่งที่งอขึ้นก็ไม่โดน หรือถ้าใครโดนก็จะเป็นรอยเลือดไหลอยู่ด้านล่างนิดหนึ่ง เขาก็คิดว่า โอ๊ย..ฟันแรงขนาดนั้นเลือดออกนิดเดียวเอง เหนียวจริง ๆ

เวลาไปอยู่ ๆ กับพวกนี้แล้วก็ เออ..คนที่ไม่มีความสามารถ ก็พยายามแหกตาให้ชาวบ้านเขาคิดว่ามี ส่วนท่านที่มีความสามารถจริง ๆ ท่านก็นั่งเงียบ ๆ ถึงเวลาคนก็หยิบขวานของท่านไม่ได้ เพราะท่านใส่ย่ามไปเลย ถ้าหยิบขวานมาดูก็จะรู้ มีคมอยู่ตรงปลายหลังหน่อยเดียว ฉะนั้น..เวลาท่านตัดกระดาษท่านจะต้องไถขึ้นหน้า ถ้าขวานคมจริงก็หยิบกระดาษมาตัดให้เขาดูเลยสิ นี่ต้องวางกระดาษกับพื้นแล้วไถเอา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2014 เมื่อ 19:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #144  
เก่า 22-09-2014, 10:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "นักเลงสมัยก่อนต้องเก่งจริง ไม่อย่างนั้นไม่ดังหรอก สมัยก่อนนี่แค่ประเภทหัวแตกเขาถือว่าหมดทางหากินแล้ว ไม่เก่งจริง ไม่เหนียวจริง ฉะนั้น..คนสมัยก่อนเขาจะสอนวิธีว่า ตีคมแฝกตีแบบไหนเป็นการตีสั่งสอน ตีแบบไหนที่จะเอาให้ตายเลย

คมแฝกมีแค่ ๒ จังหวะ จังหวะตีจริงกับจังหวะตีหลอก เขาเรียกไม้ยั่วกับไม้ยับ คมแฝกสมัยก่อนมักจะใช้ไม้มะเกลือ อาศัยตัวไม้อย่างเดียวก็หนักอย่าบอกใคร สมัยเด็กอาตมาเคยเล่นอยู่ระยะหนึ่ง แต่ว่าไม่ประทับใจ สู้หนังสติ๊กไม่ได้ หลวงปู่อินทร์ท่านบอกว่า “หนังสติ๊กดีที่สุดไอ้หนู เหนียวเท่าเหนียว ถ้าโดนเข้าไปก็ร้องจ๊ากทุกรายแหละ” ถามว่าทำไม ? ท่านว่ากระสุนดินเป็นปฐวีธาตุ ล้างอาถรรพ์ได้ ฉะนั้น..กระสุน
ดินยิงไปเถอะ เหนียวเท่าเหนียวก็จุกหน้าเขียว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2014 เมื่อ 19:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #145  
เก่า 22-09-2014, 11:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ป้าเขาบูชาพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านไป เขาอยากให้เป็นมงคลแก่ชีวิต จึงฝากถามว่า ควรจะเริ่มบูชาติดตัววันไหนดี ?
ตอบ : เริ่มได้เลย แต่ที่สำคัญคือให้ภาวนาคาถาเงินล้านทุกวัน บอกป้าว่าต้องขยันนะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2014 เมื่อ 01:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #146  
เก่า 22-09-2014, 11:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ศาลพระภูมิตั้งผิดทิศ จะถอน ?
ตอบ : ให้จุดธูปบอกว่ากล่าวท่านก่อน ว่าขออนุญาตย้ายไปในทิศที่ถูกต้อง ขอให้ช่วยให้มีความสุขความเจริญด้วย แล้วก็ย้ายไปเถอะ

ถาม : หนูจะนำท่านท้าวมหาราชใส่ไว้ในศาลด้วย ?
ตอบ : ก็ได้อยู่ แต่ท้าวมหาราชท่านเป็นเจ้านายของพระภูมิ ควรจะตั้งอยู่ที่ศาล ๔ เสาไม่ใช่ตั้งที่ศาลพระภูมิ

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : เสียดาย ไม่ต้องไปตั้งที่ศาลหรอก เอาบูชาไว้ที่หิ้งพระของเรานั่นแหละ ดีกว่าด้วย กราบพระจะได้กราบท่านไปด้วย

ถาม : แม่เขาจะถอนออกเลย ให้มีแต่ศาลตี่จู้เอี้ย ?
ตอบ : ถ้าถอนออกอย่างไรก็ต้องสร้างใหม่ บอกคุณแม่ด้วยแล้วกันว่า ถ้าถอนออกต้องสร้างใหม่ ไปถอนออกเฉย ๆ เดี๋ยวเป็นเรื่อง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2014 เมื่อ 19:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #147  
เก่า 22-09-2014, 11:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เสกวัตถุมงคลที่ไม่ใช่รูปพระให้มีอานุภาพเหมือนพระนี่สาหัสเลย อาตมาพยายามเลี่ยงสุดชีวิต วัตถุมงคลที่ปลุกเสกง่ายที่สุดคือพระพุทธรูป เพราะว่าเป็นพระอยู่แล้ว ถ้าวัดไหนนิมนต์ไปปลุกเสกพระพุทธรูปจะชอบใจมาก"

ถาม : พระปิดตาคือพระสงฆ์หรือครับ ?
ตอบ : พระปิดตาก็คือพระสงฆ์ อยู่ในพระรัตนตรัยก็ง่ายหน่อย ถ้าหลุดจากพระรัตนตรัยนี่ลำบาก อาตมาถึงได้ชื่นชมหลวงปู่หลวงพ่อที่ทำเครื่องรางของขลัง โดยเฉพาะท่านที่สามารถเสกให้อานุภาพเหมือนพระได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2014 เมื่อ 19:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #148  
เก่า 22-09-2014, 12:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงบ่ายวันจันทร์ถ้าใครไม่ติดงานก็เจอกันที่วัดราชคฤห์ ถ้าครูบาต้นบุญมาด้วย ก็จะเห็นคนที่เอาปืนลองวัตถุมงคลกันตรง ๆ เสียดายที่อาตมาเป็นพระจึงใช้ปืนไม่ได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านรับรองไว้ว่า วัตถุมงคลเหนียวแค่ไหน อาตมาก็ยิงออก เพราะกำลังใจเกินวัตถุมงคล หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเองก็กำลังใจเกินวัตถุมงคล คือยิงออก ท่านบอกว่าถ้าไม่ใช่วาระกรรมจริง ๆ ก็ไม่สามารถที่จะทำให้เขาตายได้

สมัยที่หลวงพ่อท่านขึ้นจากเรือหลวงธนบุรีเพราะว่าเรือไปจมที่เกาะช้าง ก็เท่ากับว่าท่านตกงาน ไม่มีเรือให้ประจำการ ทางกรมตำรวจจึงขอตัวไปเอาไปปราบพวกอ้ายเสือที่หนังเหนียว เพราะหลวงพ่อทั้ง ๓ องค์เป็นประเภทยอดฝีมือ ถ้าเราอ่านประวัติหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านบอกว่าเฉพาะพวกที่สุดยอดที่ท่านต้องไปยิงทิ้ง เพราะตำรวจอื่นปราบไม่ได้ ก็มีตั้ง ๓๐ กว่าราย

คราวนี้ที่พื้นที่อยุธยามีขาใหญ่อยู่ท่านหนึ่ง ไม่ใช่โจร แต่เหมือนกับเป็นหัวหน้าชุมโจร เพราะว่าเวลาโจรไปปล้นวัวปล้นควายใครมา ก็แวะบอกกับเขาว่าซ่อนไว้ที่ไหน ต้องการค่าไถ่เท่าไร ถ้าเจ้าของมาตามก็ให้บอกเขาด้วย ถ้าเจ้าของเอาค่าไถ่มาส่ง ก็ให้บอกว่าวัวควายอยู่ที่ไหน ตำรวจพยายามจะจับแต่จับแกไม่ได้ เพราะว่ายิงไม่ออก จะค้นบ้านแกบอกไม่ให้ค้น "บ้านข้า ถ้าขึ้นมาค้น พ่อฟันหัวขาดเลย" แกยืนถือดาบอยู่บนบันได ตำรวจจะยิงก็ยิงไม่ออก ขึ้นไปโดนฟันหัวขาดเอาจริง ๆ

ปรากฏว่าพอทางกรมตำรวจขอให้หลวงพ่อไปปราบ ท่านบอกว่า ไปถึงความรู้สึกบอกเลยว่าคนนี้ฆ่าไม่ได้ เพราะว่าเขามีของดีจริง ไปถึงก็ตะโกนเรียก เขาก็ถาม "ไอ้หนูมาทำอะไร ?" "มาขอเลือดลุงเซ่นปืนหน่อย" นักเลงเขาคุยกันอย่างนี้ เขาก็หัวเราะ "ถ้าเอ็งสามารถเอาเลือดข้าออกได้แค่แมลงวันกินอิ่ม ข้ายอมกราบตีนเอ็งเลย"

หลวงพ่อท่านก็เลยต้องยิง ยิงเฉียดสะโพกให้ได้แผลหน่อยหนึ่ง เขายอมกราบจริง ๆ บอกว่า "คนดีมาแล้ว" ตอนหลังหลวงพ่อท่านก็เลยขอร้องว่า มีความสามารถขนาดนี้ให้มาช่วยราชการดีกว่า ก็เลยแนะนำทางกรมตำรวจไป ทางกรมตำรวจก็เลยบรรจุเข้ารับราชการ รู้สึกว่ายศสุดท้ายเป็นร้อยตำรวจเอกขุนบำราบปรปักษ์ พอแกไป ชุมโจรภาคกลางนี่ยอมหมด ไม่มีใครยิงออก แต่หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่าท่านยิงออก แต่ฆ่าเขาไม่ได้ ความรู้สึกบอกชัดว่า คนนี้ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย ต้องปล่อยไปตามวาระ

พอมีคนทำหน้าที่แทน ไม่นานหลวงพ่อท่านก็มาบวช ไม่อย่างนั้นคงมีอีกหลายศพ ท่านบอกว่าเฉพาะพวกหนังเหนียวที่ตำรวจปราบไม่ได้ ท่านยิงไป ๓๐ กว่าศพ ตอนบวชนี่มานอนเป็นทางเลย เขาไม่ยอมอโหสิกรรมให้ ต้องประเภทนั่งกรรมฐาน อุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตา บวชพระให้ตั้งหลายปี กว่าเขาจะยอมยกโทษให้

ถ้าเป็นอาตมามีคนมาขอเลือดเซ่นปืน ก็ต้องคุยกันหน่อย นักเลงท้ากันชัดมากเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2014 เมื่อ 19:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #149  
เก่า 22-09-2014, 12:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หลวงพ่อท่านบอกว่าไม่ได้ยิงปืนแม่นตั้งแต่แรกหรอก แต่เกิดจากการฝึก ช่วงนั้นเสด็จในกรมพระกำแพงเพ็ชรอัครโยธิน เป็นเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ มีพลเรือตรีพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นนายทหารเรือที่มีชื่อเสียงมาก ท่านว่าวันนั้นเสด็จในกรมพระกำแพงเพ็ชรฯ เรียกพบ พอ ๓ คนไปถึง เข้าไปเจอเสด็จในกรมพระกำแพงเพ็ชรฯ กำลังเสวยน้ำจัณฑ์ก็คือสุรา อยู่กับเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ

เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ พอท่านเห็นหน้าก็อยากลองฝีมือ ตรัสว่า "เฮ้ย..แกเอามะม่วงลงมาทำน้ำปลาหวานแกล้มเหล้าหน่อย" หลวงพ่อวัดท่าซุงพอได้ฟังก็รู้ท่า ชักปืนยิงเปรี้ยง มะม่วงกระจาย เสด็จในกรมหลวงชุมพรท่าว่า "ทุด..ยิงแบบนั้นจะได้แดกหรือวะ ?" แล้วพระองค์ก็แสดงให้ดู ยิงตัดขั้วมะม่วงลงมาเลย บอกว่ายิงแบบเอ็งไม่ได้แดกหรอก วันนั้นที่เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ แวะไปหาเสด็จในกรมพระกำแพงเพ็ชรฯ เพราะว่าฝรั่งเศสเอาเรือรบมาปิดอ่าว แล้วเขาก็แสดงฝีมือให้คนไทยดู ฝรั่งเศสให้ทหารไทยคาบบุหรี่ไว้ แล้วก็ยิงตัดบุหรี่ได้

เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ท่านบอกว่าหยามเกียรติทหารไทย ท่านจะลงไปเล่นด้วยก็คนละชั้น ท่านเลยมาหาทหารที่มีฝีมือไปแสดงแบบเดียวกันบ้าง เสด็จในกรมพระกำแพงเพ็ชรฯ ก็แนะนำ ๓ ทหารเสือของท่าน แต่ฝีมืออย่างนี้ยังสู้เขาไม่ได้ ท่านบอกว่าให้ไปฝึกยิงให้ได้อย่างเขา อนุมัติให้เบิกกระสุนได้ไม่อั้น ตอนหลังท่านก็ถ่ายทอดคาถากระสุนคด ประเภทยิงไปข้างหน้าไปถูกเป้าข้างหลังอะไรได้

เสียดายว่าเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ ไม่ได้เป็นใหญ่เป็นโตเหมือนเสด็จในกรมพระกำแพงเพ็ชรฯ เพราะว่าท่านอยู่ยงคงกระพัน ชอบไปหาหลวงปู่หลวงพ่อเพื่อศึกษาวิชา มีคนไปยุยงในหลวงรัชกาลที่ ๖ ว่าท่านจะชิงบัลลังก์ จึงโดนกดเอาไว้ ส่วนเสด็จในกรมพระกำแพงเพ็ชรฯ
ได้รับความวางพระราชหฤทัย ดำรงตำแหน่งใหญ่ ๆ โต ๆ มีอยู่ช่วงหนึ่งเสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ โดนถอดยศ พอโดนถอดยศท่านก็ไปศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณ ช่วยรักษาชาวบ้านจนเขาเรียกกันว่า "หมอพร"

จำไว้ว่าลูกผู้ชายไทยต้องรักชาติ ขนาดฝรั่งให้คาบบุหรี่แล้วยิงให้ดู ถือว่าหยามเกียรติกัน ต้องทำให้ได้อย่างนั้น..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 22-09-2014 เมื่อ 20:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #150  
เก่า 22-09-2014, 13:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ก่อนปี ๒๕๒๘ วัดท่าซุงงานยังไม่เร่งรัดมาก ตอนเย็น ๆ หลวงพ่อท่านยังแข็งแรง ท่านก็จะเดินตรวจงานรอบวัด พอตรวจงานเสร็จท่านจะมานั่งพักที่ม้านั่งหินอ่อน ตรงหน้าซุ้มประตูวัดหน้าโบสถ์ ตอนนั้นใครจะคุยเรื่องอะไรก็ได้ ท่านคุยด้วยหมด ถ้าเวลาทั่ว ๆ ไปคุยนอกทุ่งนอกท่าไม่เป็นอรรถไม่เป็นธรรมโดนทั้งนั้น

ช่วงนั้นเป็นช่วงผ่อนคลาย เห็นงานเรียบร้อยสบายใจดีท่านก็นั่งคุย แต่หลวงพ่อท่านไปไหนก็มีหมาเป็นองค์รักษ์ ต่อให้ไม่มีพระตาม หมาก็ตาม ตัวแรกก็ "แม่นม" พอแม่นมตายก็เป็น "โคล่า" ลูกแม่นมมาทำหน้าที่แทน รุ่นพวกเราทันแต่โคล่ากระมัง หลายคนก็ไม่ทัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2014 เมื่อ 19:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #151  
เก่า 22-09-2014, 13:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พวกน้ำหมักต่าง ๆ รักษาโรคได้จริงหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : โบราณเขาบอกว่าลางเนื้อชอบลางยา บางคนเหมาะกับยาบางอย่าง ดังนั้น..แม้ว่าบางคนรักษาหาย คนอื่นก็ไม่แน่ว่าจะหาย คนที่รักษาหายเขาก็บอกว่าจริง คนที่รักษาไม่หายเขาก็บอกว่าไม่จริง แต่ถ้าเป็นคำแนะนำของอาตมาก็คือ ถ้าราคาไม่แพงมากนักก็ลองดู ถ้าหายก็ถือว่ากุศลยังพอมีอยู่ ถ้าไม่หายก็เสมอตัว ทนป่วยต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2014 เมื่อ 19:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #152  
เก่า 22-09-2014, 13:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมนั่งสมาธิรู้สึกแค่ฌาน ๑, ๒, ๓ หลังจากนั้นตัวก็ลอยไปตามที่ต่าง ๆ ที่ไม่ใช่สภาพแวดล้อมจริง บางครั้งเจอบางคนมาชวนคุยในเรื่องต่าง ๆ พอเราสนใจก็กลับมามีความรู้สึกที่ร่างกายเดิม อยากถามว่าตอนที่ลอยออกไปเป็นฌานอะไรครับ ?
ตอบ : เรื่องของสมาธิ โดยเฉพาะในส่วนของทิพจักขุญาณ หรือในส่วนของมโนมยิทธิ ถ้าเราเห็นได้จะเป็นส่วนของอุปจารสมาธิ ถ้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้จะเป็นกำลังของฌาน ๔

ถาม : ตอนที่ลอยออกไปแล้ว ให้ภาวนาต่อ รู้ลมหายใจ หรือคิดเรื่องเฉพาะหน้า ไม่สนใจเรื่องการภาวนาหรือลมหายใจ ?
ตอบ : ถ้าเรากลับมาดูลมหายใจและการภาวนา เท่ากับดึงจิตกลับมาสู่สภาพที่ต่ำกว่า ถ้าดึงกำลังใจมาที่ต่ำกว่าก็ไม่สามารถไปไหนได้ เพราะความรู้สึกทั้งหมดจะกลับมาที่กายเดิม ดังนั้น..ไม่ควรสนใจลมหายใจเข้าออกหรือเรื่องของร่างกาย ปล่อยให้เป็นไปตามเหตุการณ์เฉพาะหน้าตอนนั้น

ถาม : ทำไมตอนที่ออกไปแล้วถึงไม่ใช่สภาพแวดล้อมจริง ?
ตอบ : คุณรู้อย่างไรว่าไม่ใช่สภาพแวดล้อมจริง เนื่องจากว่าเราไปในเขตของความเป็นทิพย์ สภาพแวดล้อมนั้นเป็นสภาพแวดล้อมที่เป็นทิพย์ จะว่าไปแล้วคือสภาพแวดล้อมที่แท้จริง ที่เราเจอทุกวันนี้ของปลอมล้วน ๆ แต่สภาพแวดล้อมที่เป็นทิพย์จริงเฉพาะระดับนั้น มีสภาพที่จริงกว่านั้น ละเอียดกว่านั้นอีก ค่อย ๆ ทำไป

ถาม : เราควรสนใจคนที่มาชวนคุยหรือเปล่า ?
ตอบ : ถ้าหากว่าไม่มีจุดมุ่งหมายที่แท้จริงอยู่ที่หนึ่งที่ใด เขาชวนคุยก็คุยด้วย มีโอกาสก็ถามหวยมาแบ่งกันบ้าง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2014 เมื่อ 19:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #153  
เก่า 22-09-2014, 13:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำอย่างไรถึงจะอยู่ในสภาพที่กายในออกไปได้นาน ๆ ?
ตอบ : ต้องซักซ้อมเรื่องของกำลังสมาธิให้สูงขึ้น และมีความคล่องตัวมากขึ้น ถ้ากำลังสมาธิของเราไม่เพียงพอ ออกไปได้ระยะหนึ่งกำลังตก ก็จะกลับคืนสู่ร่างกายตามเดิม หรือว่าเกิดอะไรที่น่าสนใจขึ้นเกี่ยวกับร่างกาย สภาพจิตจะกลับสู่ร่างกายเอง ก็ไม่สามารถไปต่อได้ ในส่วนที่กำลังตกนั้น ในเมื่อสมาธิของเรากำลังไม่พอ ให้สังเกตว่าความชัดเจนจะหมดไปก่อน หลังจากนั้นพอจิตดึงกลับสู่ร่างกาย ความชัดเจนจะไม่มี จะหายไปเลย

ถาม : ตอนที่ออกไปทำไมไปสวรรค์หรือพระนิพพานไม่ได้ หรือเพราะหาไม่เจอ ?
ตอบ : อันนี้เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่ ๑ ที่สำคัญที่สุด คือไม่ได้พิจารณาตัดร่างกาย ถ้าเราพิจารณาจนเห็นชัดว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราอย่างแท้จริง สภาพจิตไม่เกาะไม่ห่วงในร่างกาย ก็สามารถที่จะออกไปได้โดยง่าย แล้วจะรู้เห็นได้ละเอียดยิ่ง ๆ ขึ้น

ข้อที่ ๒ คือ เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ก่อนว่าจะไปที่ไหน นั่งสมาธิจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้ว ให้ตั้งใจว่าเราจะไปที่ไหน แล้วภาวนาต่อไป เมื่อสภาพจิตหลุดออกไป จะตรงไปยังสถานที่ที่เราต้องการ การที่เราออกไปแล้วไปไหนไม่ถูก บางคนออกไปแล้วมืดมาก เปะปะไปหน้าไปหลัง ไปซ้ายไปขวา ไปไม่ถูกแล้วย้อนก็กลับร่างกายตัวเอง ให้รู้ว่าเป็นเพราะเราขาดการพิจารณาวิปัสสนาญาณ ถ้าพิจารณาตัดร่างกายได้ละเอียดเท่าไร ก็สามารถรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ละเอียดเท่านั้น ก็แปลว่านอกจากไม่ได้ตัดร่างกายแล้ว เรายังไม่ได้ตั้งเป้าไว้ด้วยว่าออกไปแล้วจะไปไหน ก็เลยหาสวรรค์หาพระนิพพานไม่เจอ


ถาม : คนที่เข้ามาชวนคุยเป็นใครครับ ?
ตอบ : ตรงนี้ความจริงไม่ต้องถาม ในสภาพความเป็นทิพย์ ทันทีที่อยู่ต่อหน้าเขา สภาพจิตจะรายงานว่าเขาเป็นใคร ถ้าไม่มั่นใจให้ถามเขาด้วยตัวเราเอง ในเขตอื่นเขาไม่มีการโกหกกัน

ถาม : ถ้าทำสมาธิจนกายในออกไปได้แล้ว ต้องทำอย่างไรถึงจะก้าวหน้าในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ?
ตอบ : เป็นคำตอบที่ได้ตอบไปแล้วคือ หมั่นพิจารณาในวิปัสสนาญาณต่าง ๆ เอาไว้ ให้รู้เห็นอย่างชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่มีอะไรที่ควรแก่การยึดถือมั่นหมาย เราออกไปในลักษณะนั้นจะเห็นชัดมาก เพราะเหมือนกับการถอดเสื้อ หรือเหมือนกับเราขับรถแล้วออกจากรถไป จะเห็นว่าเสื้อไม่ใช่ตัวเรา รถยนต์ไม่ใช่ของเราอย่างชัดเจน ในเมื่อร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ร่างกายของคนอื่นก็ไม่ใช่ของเรา

ถ้าเห็นกว้างออกไป เออ...ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่ใช่ของเราเลย ไม่มีอะไรควรค่าแก่การยึดถือมั่นหมายทั้งหมด ควรจะพิจารณาบ่อย ๆ ทุกวัน ๆ วันละหลาย ๆ รอบ ยิ่งพิจารณาละเอียดมากขึ้นเท่าไร ความก้าวหน้าในการปฏิบัติจะยิ่งมีมากเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2014 เมื่อ 19:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #154  
เก่า 22-09-2014, 13:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราซื้อวัตถุมงคลมาในราคาถูก แล้วเก็บไว้ขายแพง ๆ จะบาปหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าอีกฝ่ายยินดีซื้อต่อในราคาแพงก็ไม่บาป ถ้าเราไปบีบคอให้เขาซื้อในราคาแพงก็บาป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2014 เมื่อ 19:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #155  
เก่า 23-09-2014, 09:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ตอนนี้รายจ่ายที่หนักของศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย กลายเป็นพวกเครื่องเสียง ไฟฟ้า พัดลม ตอนแรกจะติดเครื่องปรับอากาศ ปรากฏว่ากำลังไฟไม่พอ เขาดูแล้ว พื้นที่หนึ่งไร่แล้วสูงตั้ง ๘ เมตร เครื่องปรับอากาศขนาด ๒๘,๐๐๐ บีทียู ชั้นหนึ่งต้องใช้ ๕๐ ตัวถึงจะพอ ในเมื่อกำลังไฟไม่พอ ก็เลยเปลี่ยนเป็นพัดลมแทน ติดพัดลมไม่ต้องนับตัวกันเลย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะไม่เย็น

ชั้นสองก็ติดเท่ากับชั้นแรก ยกเว้นไฟฟ้าแสงสว่างที่ลดกำลังวัตต์ลงได้ เพราะแค่สูง ๔ เมตร เพดานเตี้ยกว่า อะไรที่เราคิดว่าเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่น่าจะมาก เช่น มุ้งลวดเหล็กดัด หน้าต่างกระจก ของชั้นแรกโดนไปสองล้านกว่าบาท เหล็กดัดชั้นเดียว ช่างตีราคามาล้านสี่แสนกว่าบาท เพราะว่าทำทั้งทีก็อย่าให้น่าเกลียด จึงสั่งทำเป็นเสตนเลส คราวนี้ช่องหน้าต่างแต่ละช่องยาวเกือบ ๘ เมตร แต่ละช่องเท่ากับรั้วบ้านเลย จะไม่ติดก็ไม่ได้ เพราะจะเอาพระพุทธรูปเก่าที่มีราคาไปไว้ให้โยมได้เห็น ได้กราบ ได้ไหว้ รู้สึกว่าท้าทายดีเหมือนกัน เผื่อจะมีคนระเบิดตึกเข้าไปขโมย

ขนาดย้ำกับช่างว่าไม่ใช่กระชากทีเดียวหลุดนะ ต้องแข็งแรงที่สุด ช่างบอกว่าขอเวลาดำเนินการ ๓ เดือน แค่มุ้งลวดเหล็กดัดอย่างเดียวใช้เวลา ๓ เดือน ที่จะใช้ศาลาในงานทำบุญถวายหลวงปู่สาย วันที่ ๑๔ กันยายนคราวนี้ยังไม่มีพระประธาน พระประธานจะหล่อปีหน้า ในส่วนของไฟฟ้าแสงสว่าง พัดลมและพระประธาน พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม วัดปากน้ำภาษีเจริญและคณะศิษย์ ขอเป็นเจ้าภาพทั้งหมด ส่วนเครื่องเสียงนั้น ชมรมโมทนาบุญเว็บพลังจิต โดยคุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา ขอเป็นเจ้าภาพ จะจัดเป็นผ้าป่าไปถวายเป็นค่าเครื่องเสียงทั้งหมดในศาลา

มณฑปตั้งพระพุทธรูปทองคำนั้น คาดว่า
กว่าที่ช่างจะทำให้ได้ก็ต้องปีหน้า ช่วงนี้กำลังถ่ายแบบอยู่ ออกแบบแล้วต้องมาเขียนรายละเอียด กว้างเท่าไร สูงเท่าไร ขั้นตอนนี้ช้ามาก ช่างต้องคำนวณละเอียด เสร็จแล้วต้องเอาช่างฝีมือระดับสุดยอดเซียนมาทำ นอกจากช้าแล้วยังแพงอีกต่างหาก

เคยเห็นบุษบกตั้งพระธาตุหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่สิงห์ หลวงปู่มั่นไหม ? จะทำหน้าตาแบบนั้นแหละ จะเป็นบุษบกลักษณะเหมือนกับเรือแล้วมี ๓ ยอด ของเราจะเพิ่มบุษบกเล็ก ไว้สำหรับพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว สำหรับพระพุทธรูปทองคำองค์เล็กและ พระพุทธรูปหยกองค์เล็ก ช่างไปออกแบบเป็นปีแล้ว ออกแบบไม่นาน แต่ถ่ายแบบช้า เพราะ
ต้องแจงรายละเอียดออกมาว่า แต่ละชิ้นกว้างเท่าไร ยาวเท่าไร ใช้วัตถุแบบไหน กะว่าให้เวลาเขาสัก ๒ ปี พอเสร็จที ให้โยมเข้าไปเห็นก็ โอ้โห..อลังการ จะตั้งพระทองคำทั้งที เอาให้สวยแบบสุด ๆ ไปเลย ไม่ต้องไปเสียดายเงิน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2014 เมื่อ 09:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #156  
เก่า 23-09-2014, 09:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนไปรดน้ำศพป้านิภาและช่วยเอาลงโลง ป้าเขาไปง่าย ๆ เลย นั่งคุย ๆ แล้วอยู่ ๆ ก็เงียบไปเฉย ๆ กว่าลูกหลานจะรู้ หมดลมไปสักพักหนึ่งแล้ว ป้านิภาอายุ ๙๑ ปี ไม่เสียทีที่เป็นลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุง ปฏิบัติธรรมมาตลอด ป้านิภาตายแล้วไปดี

เขาบอกว่ารดน้ำศพ ๔ โมงเย็น จัดงานศพที่วัดรางขาม
ที่บ่อพลอย อยู่ใกล้ ๆ จุฬามณีที่ป้าเขาอยู่ อาตมาวิ่งจากกรุงเทพฯ ไป พอเอาศพลงเรียบร้อย มอบปัจจัยให้ลูกสาวป้า ๑๐,๐๐๐ บาท บอกว่าขอร่วมจัดงานศพให้ป้านิภาด้วย อาตมาไม่ได้มาเผาหรอกเพราะติดงาน

บรรดาลูกศิษย์ก็เหงาเลย ก่อนหน้านี้มีอะไรก็ต้องพึ่งป้านิภา ป้าเขาฝึกมโนมยิทธิมาแล้วใช้ในลักษณะดูหมอ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาเยอะมาก หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกไว้แล้วว่า มโนมยิทธิถ้าไม่ถึงระดับดูหมอได้ ยังไม่จัดว่าคล่องตัว ฉะนั้น...ต้องดูหมอได้ ดูได้ต้องดูตรงด้วยนะ ไม่ใช่มั่วเอา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2014 เมื่อ 09:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #157  
เก่า 23-09-2014, 14:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีระเบียบบังคับไม่ให้เจ้าอาวาสออกใบอนุโมทนาบัตรเกิน ๕ แสนบาท เขากลัวจะมีปัญหาเรื่องไปขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สมัยเจ้าคุณ...ท่านเล่นออกใบอนุโมทนาบัตรครั้งหนึ่งเป็น ๑๐ ล้าน แต่โยมอาจจะถวายแค่ล้านเดียว พอยอดบริจาคถึงก็ไปขอเครื่องราชฯ ได้ คุณหญิงคุณนายเขาก็ชอบ

จนกระทั่งเจ้าคุณ...ท่านโดนจับสึก เขาก็เลยออกระเบียบบังคับไว้ว่า เจ้าอาวาสออกใบอนุโมทนาบัตรได้สูงสุดไม่เกิน ๕ แสนบาท ครอบครัวแสงอุทัยบริจาคมาล้านบาทเศษ ไม่ได้ต้องการใบอนุโมทนาบัตรหรอก แต่พระเอาโปร่งใสไว้ก่อนดีกว่า อาตมาจึงออกใบอนุโมทนาบัตรให้ แต่ต้องแยกเป็นใบละไม่เกินห้าแสนบาท"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2014 เมื่อ 14:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #158  
เก่า 23-09-2014, 14:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานเพิ่งจะรู้ว่าเครื่องใช้สำนักงานลดราคาได้ถึงครึ่งหนึ่ง สั่งโต๊ะคอมพิวเตอร์ ๖ ตัวให้ห้องสมุด เพื่อให้เขาใช้ค้นคว้าข้อมูลกัน ราคาตัวละ ๗,๕๐๐ บาท ลดฮวบลดมาครึ่ง ส่งถึงทองผาภูมิเลย เพราะว่าอาตมาใช้ของเขามาตลอด ตู้หนังสือยุคแรก ๆ ๒๐-๓๐ ใบก็ของเขาทั้งหมด โต๊ะหนังสือก็ใช่ อาตมาสามารถวางหนังสือเต็มชั้นตู้โดยที่เหล็กรองของเขาไม่แอ่น ยี่ห้ออื่นแอ่นหมดเลย

เปิดห้องสมุดทั้งทีก็ให้มีอินเตอร์เน็ตบ้าง แต่ถ้าใครไปเล่นเกม จะโดนตบกะโหลก...! เพราะว่าทางองค์การโทรศัพท์เขาให้ฟรีมา ๑ ช่อง เขาขอเช่าที่ของวัดท่าขนุนเพื่อตั้งเครื่องส่งสัญญาณไวร์เลสให้ครอบคลุมทั้งอำเภอ เนื่องจากยอดเขาอยู่ในวัด อาตมาบอกเขาว่าไม่อยากเก็บค่าเช่า เขาเลยตกลงให้ทางวัดใช้คลื่นฟรี ๑ ช่อง

ตอนนี้หนังสือเข้าไปเยอะแล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่ได้จัดเป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน เพราะว่าอันดับแรก..หนังสือมีไม่ครบทุกประเภท อันดับสอง..คนจัดไม่มีเวลา ได้แต่ขอร้องว่า ใครอ่านแล้วช่วยใส่คืนที่เดิมด้วย พอศาลาใหญ่ข้างในใช้ได้ ก็จะเปิดห้องสมุดได้เต็มที่ ไม่ต้องใช้พื้นที่จัดงานแล้ว ถ้าศาลาใหญ่ยังใช้ไม่ได้ ก็ต้องอาศัยจัดงานที่ห้องสมุดใต้ฐานพระ ซึ่งกว้างเท่ากับศาลาหลังหนึ่ง ฐานพระขนาด ๙๐๐ ตารางเมตร ส่วนศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ๑,๖๐๐ ตารางเมตร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2014 เมื่อ 16:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #159  
เก่า 23-09-2014, 15:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนที่เสกของ ระหว่างทำปรากฏว่าตัวเองหายและของหาย เหลือแต่ความว่าง พระอาจารย์เคยเป็นไหมครับ ?
ตอบ : ต้องตัวเองหายก่อน

ถาม : เป็นเพราะอะไรครับ ?
ตอบ : ถ้าพิจารณาจนถึงระดับนั้น เขาเรียกว่า อภิญญาผลสมาบัติ ไม่ใช่สมาบัติทั่วไป เพราะเป็นสมาบัติที่ประกอบไปด้วยวิปัสสนาญาณคือความรู้แจ้ง ว่าร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นสาระแก่นสาร ไม่มีอะไรเป็นเราเป็นของเรา

ถาม : แต่คนธรรมดาก็ทำได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าทำถึงก็ได้ ดึงกำลังใจให้เท่าพระโสดาบันขึ้นไปก็เป็นอภิญญาสมาบัติ

ถาม : แต่ได้แค่พักเดียวครับ
ตอบ : เราก็เอาแค่พักเดียว จะไปเอาอะไรมากมาย

ถาม : จะได้ทุกครั้งไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่คุณเอง ไปถามคนอื่นไม่ได้หรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-09-2014 เมื่อ 11:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #160  
เก่า 23-09-2014, 15:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เสือมเหศวรเรียกมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปส่งบ้าน ปรากฏว่ามอเตอร์ไซค์วิ่งออกนอกทาง คนขับไม่รู้จักแก เห็นแกอ้วน ๆ แต่งตัวดีหน่อย คาดว่าคงเป็นคหบดีบ้านนอกพกเงินเยอะ กะจะปล้น โดยอ้างว่าเป็นทางลัด พอไปถึงกลางดงอ้อยเบรกเอี๊ยด..! หันมาเจอเสือมเหศวรเอาปืนจิ้มพุง บอกว่า "มึงยังอ่อนนักไอ้หนู มึงยังไม่ทันจะเกิดเลย กูก็เลิกหากินแล้ว" แกเล่าให้ฟัง อาตมาก็ขำ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2014 เมื่อ 16:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:06



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว