กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 20-10-2013, 20:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์พูดเรื่องมีดหมอชาตรีที่ลงประมูลเพื่อทำบุญกฐินปีนี้ว่า "ตอนแรกที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "การพุทธาภิเษกครั้งนี้ พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้ทำชาตรีได้แล้ว ถ้าพวกแกอยากได้มีดหมอก็ไปหามา.." ปรากฏว่าไม่มีใครสนใจเลย อาตมาวิ่งพรวดเดียวถึงพยุหะคีรี กวาดมีดหมอที่มีอยู่ทุกร้านมาเกลี้ยงเลย ได้มาแค่ ๔๒ เล่ม แล้วก็เอามาให้เขาตีตัวอักษร ส่วนคนอื่นขยับช้าไปกันทีหลัง

ตอนอาตมาไปครั้งแรก มีดหมอปากกาด้ามงาฝักงา เขาคิดเล่มละ ๒๕๐ บาท ก็กวาดมาหมด จะเล่มใหญ่เล่มเล็กอะไรก็เอามาเกลี้ยงเลย มีใหญ่สุด ๗ นิ้วอยู่เล่มเดียว กว่าพวกจะรู้ตัวก็รอจนใกล้เวลาพุทธาภิเษกแล้ว ทั้ง ๆ ที่หลวงพ่อบอกล่วงหน้าเป็นเดือน ๆ คราวนี้พอใกล้เวลาแล้ว ต่างคนก็ต่างวิ่งไป ก็เกิดอุปสงค์สูงอุปทานต่ำ ปรากฏว่าใบมีด ๓ นิ้ว มีแต่ใบไม่มีด้ามไม่มีฝัก เขาคิดเล่มละ ๖๐๐ บาท..! แต่ท่านก็จ่ายกันเพื่อให้มีเอามาเข้าพิธี อยากขยับช้า..ช่วยไม่ได้

ด้วยความที่อาตมาตีตัวหนังสือก่อน ก็เลยไม่มีคำว่ามีดหมอ มีแต่คำว่ามีดชาตรีเฉย ๆ ฉะนั้น ๔๒ เล่มแรกก็จะมีแค่คำว่ามีดชาตรี ไม่มีคำว่าหมอ แปลว่าให้ตีกับชาวบ้านเขาอย่างเดียว ไม่ได้ให้เป็นหมอ..!

ส่วนเรื่องเอาแหวนจักรพรรดิลงประมูลเพราะรำคาญพวกในเว็บ ประเภทคนไม่รู้ เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในตัวหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็จะไปจ่ายให้เขาแพง ๆ เขาโฆษณาว่ารับมาจากมือหลวงพ่อเลย อาตมายืนยันว่า เพชรจักรพรรดิหลวงพ่อท่านไม่ได้แจก แล้วจะไปรับกับมือท่านได้อย่างไร ที่จำหน่ายก็แทบจะไม่พอจำหน่ายอยู่แล้ว อาตมาเป็นคนจำหน่ายเองทุกรุ่น ทำไมจะจำหน้าตาไม่ได้

แต่ละอย่างที่เขาเอามา ไม่รู้ว่าไปขุดมาจากที่ไหน แล้วก็มาบอกว่าเป็นของวัดท่าซุง เดี๋ยวพวกเราจะไปเสียเงินแพง ๆ แล้วก็ได้ของไม่ได้เข้าพิธีมา

ในเมื่ออาตมามีอยู่ก็เลยเอาลงเว็บประมูลกันเล่น ๆ ถ้าเป็นวงดั้งเดิมจะเป็นตัวเรือนชุบทอง แล้วท้องวงจะง้างเปิดได้ เพื่อที่ว่าใครนิ้วใหญ่กว่าจะได้ง้างออกไป ใครนิ้วเล็กกว่าก็บีบให้เล็กเข้ามา แต่ถ้าวงนี้ไปทำตัวเรือนใหม่เป็นทองคำแล้ว รู้สึกว่าทองชุบไม่สะใจ เอาไปทำเป็นทองคำเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2013 เมื่อ 20:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 21-10-2013, 09:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากขอความกรุณา พอดีเขากำลังแต่งตั้งรองผู้ว่าฯ
ตอบ : อยากเหนื่อยว่าอย่างนั้นเถอะ ถ้าอยากเหนื่อยก็ตั้งใจอธิษฐานขอกับพระท่าน อย่างไรก็ขอให้เหนื่อยสมใจ อาตมาคนหนึ่งหนียศหนีตำแหน่งสุดชีวิต ท้ายสุดก็หนีไม่รอด

ไปใช้คาถาสัมปฏิจฉามิ คำนี้แปลว่าสำเร็จทุกประการ นั่งภาวนาสักเช้าครึ่งชั่วโมง เย็นครึ่งชั่วโมง แล้วอธิษฐานขอเอา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-10-2013 เมื่อ 17:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 22-10-2013, 06:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ขวดน้ำเขาเขียนว่า Regency เห็นคำนี้ทีไรแล้วนึกถึงวีรกรรมสมัยก่อนบวช วันนั้นเขาจัดงานแต่งงานของพี่ชาย ทางด้านฝ่ายว่าที่พี่สะใภ้ขอโต๊ะจีนให้ทางบ้านเขา ๕ ตัว แต่ปรากฏว่าเขาตะบันมากันเสีย ๑๐ กว่าตัว แขกมาเกินเป็นเท่าตัวเลย มาแล้วก็มีหลายคู่ที่เขาควงสาวมาด้วย อาตมาเองก็ช่วยงานเขาอยู่แถว ๆ โต๊ะจีน กำลังยกพวกน้ำอัดลมไปลงโต๊ะ แล้วแขกรายหนึ่งเขาก็บอก “น้อง ๆ มีเหล้าไหม ?” ก็บอกว่า “มีครับ” “ช่วยเอามาให้หน่อย”

อาตมาก็ไปหยิบ Regency มาตั้ง ปรากฏว่ามาถึง “น้อง ๆ เปลี่ยนเลย ๆ เพื่อนพี่เขาจะเอาน้ำส้ม” เขาชี้ไปที่สาว อาตมาก็ไปเปลี่ยนเป็นน้ำส้มมาวาง เขาบอก “น้อง ๆ..เปลี่ยนใหม่ ๆ จะเอาเหล้าเหมือนเดิม” อาตมาเอาขวดน้ำส้มกระแทกโต๊ะโครม บอกว่า “แดกได้ก็แดก ถ้าแดกไม่ได้มึงกลับไปเลย..!” เงียบหมดทั้ง ๑๐ โต๊ะเลย ท้ายสุด ๓ - ๔ คนนั้นก็ถอนตัวไปแบบเงียบ ๆ เพราะฉะนั้น..โปรดรู้ด้วยว่า สมัยก่อนอาตมาเป็นคนอย่างไร ๑๐ โต๊ะตูก็จะลุยให้กระจายทั้ง ๑๐ โต๊ะนั่นแหละ..!

นิสัยแบบนี้ไม่ดี ที่เล่าให้ฟังเพื่อจะได้รู้ไว้ว่า ก่อนที่จะมาบวชเป็นอย่างนี้ แรงขนาดไหน ประเภทเตะถวายเจ้ามานับรายไม่ถ้วนแล้ว แล้วรับประกันว่าที่เขาเรียกน้องนั่นอาตมาแก่กว่าแน่นอน เพราะตอนนั้นอาตมาอายุ ๒๕ ปีแล้ว เพียงแต่ว่าเป็นทหารก็เลยตัดผมสั้นเหมือนกับเด็กมัธยม

สรุปว่างานนั้นกว่าจะเลิกเที่ยงคืนกว่า อาหารสักนิดหนึ่งก็ไม่เหลือติดโต๊ะไว้ เพราะคนมางานเกินเสียขนาดนั้น สรุปว่าพอล้างชามเสร็จก็หิวจนมือตีนสั่น วิ่งเข้าครัวไปเปิดตู้เย็นดู เจอลูกชิ้นแช่อยู่ ก็เลยต้องเอาลูกชิ้นมาลวกแล้วต้มกับบะหมี่กินแก้หิว สั่งโต๊ะจีนเป็นร้อยตัว ต้องไปต้มบะหมี่กิน ทุเรศเป็นบ้าเลย..!

พอเห็นคำว่า Regency ก็ระลึกชาติได้ นึกถึงวีรกรรมสมัยก่อน ของพวกนี้นึกได้ แต่ถึงเวลาก็ต้องลืมได้เหมือนกัน ถ้าลืมไม่ได้ปล่อยให้คาใจอยู่ ใจก็จะหมอง เกิดไปนึกเอาตอนก่อนตายก็ซวยเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2013 เมื่อ 08:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 22-10-2013, 06:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "มีคนสงสัยเรื่องคาถาเงินล้าน ว่าตกลงคำแรก พรหมมา หรือ พรัหมา เรื่องของคาถาเขาห้ามสงสัย ให้ภาวนาอย่างเดียว แต่ที่อาตมาติดออกเสียงพรัมมาเพราะว่าบาลีไม่มีพรหม บาลีมีแต่ พรหฺมฺ (พรัม) ถ้าใครเคยอาราธนาธรรมได้ จะเห็น พรัหมาจะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะฯ บาลีไม่มีพรหม มีแต่พรัม เพราะเป็นอักษรกล้ำ อาตมาว่าจนชิน ก็เลยติดพรัหมา

ส่วนคำว่าปะลายันติ อาตมาแก้คู่มือให้เป็น ล.ลิงแล้ว แต่ว่าไม่รู้เหมือนกันว่า คนตรวจปรู๊ฟของคุณชยาคมน์ทำอีท่าไหน แก้เป็นร.เรือตามเดิม บาลีไม่มีปะรา มีแต่ปะลา เพราะฉะนั้น..ต้องเป็นล.ลิง

แต่ว่าไม่ต้องไปสงสัยหรอก รู้มากก็ยากนาน ตัดอารมณ์ไม่ได้ ถึงเวลาภาวนามัวแต่สงสัยใจฟุ้งซ่านอยู่ ผลก็น้อย จะผิดจะถูกอย่างไรให้ตั้งหน้าตั้งตาภาวนาไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 11-07-2019 เมื่อ 17:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 237 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 22-10-2013, 06:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ไปนึกถึงหลวงตาที่อยู่ป่า ภาวนานะโมพุทธาแยะ ยังเสกก้อนหินกินได้เลย หลวงตาไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้จดไว้ เวลาอาจารย์สอนก็อาศัยจำอย่างเดียว พอไปท่องคาถาคิดว่าเป็นนะโมพุทธาแยะ ท่านก็ว่าไปเรื่อย กำลังใจมั่นคง เสกก้อนหินเป็นขนมกินได้ ถึงเวลาไม่ต้องบิณฑบาต ปรากฏว่าวันดีคืนดี คุณมหาประโยค ๙ จากกรุงเทพฯ ก็ไปซ้อมธุดงค์ เจอกับหลวงตาเข้า ตอนเช้าชวนบิณฑบาต หลวงตาบอกไม่ต้องบิณฑบาตหรอก ว่าแล้วหยิบก้อนหินขึ้นมาเป่า กลายเป็นขนมอยู่ตรงหน้า

มหาเขาเลื่อมใสมาก หลังอาหารแล้วก็ขอเรียนวิชา หลวงตาบอกไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ภาวนา นะโมพุทธาแยะ..เป็นเรื่องเลย มหาประโยค ๙ เขารู้ว่าบาลีไม่มีแยะ มีแต่ยะ "ไม่น่าจะถูกนะครับหลวงตา ผมเรียนบาลีมา มีแต่นะโมพุทธายะ ไม่มีแยะหรอก" เจริญเถอะ...รุ่งขึ้นอดทั้งคู่ เพราะหลวงตาใจไม่มั่นคง เวลาภาวนาเมื่อไรก็นึกว่าของตัวเองผิด อดแทบตาย ต้องออกจากป่าไปทั้งคู่

หลวงตากลับไปหาพระอุปัชฌาย์อาจารย์ “ตกลงที่ผมเรียนไปนี่นะโมพุทธาแยะ หรือนะโมพุทธายะครับ” อาจารย์ถาม “แล้วคุณภาวนาอย่างไร ?” “แรก ๆ ผมเข้าป่าไป ผมภาวนานะโมพุทธาแยะ เสกก้อนหินเป็นข้าวเป็นขนมกินได้ พอตอนหลังคุณมหายืนยันว่าต้องนะโมพุทธายะถึงจะถูก มัวแต่สงสัยอยู่ก็เลยกำลังใจไม่มั่น เสกหินกินไม่ได้อีก” ปรากฏว่าไปเจอพระอุปัชฌาย์เก่ง “โถ..คุณ นะโมพุทธาแยะนั่นตัวเมีย ใช้ได้เหมือนกัน แต่ถ้านะโมพุทธายะเป็นตัวผู้ จะขลังกว่าอีก..!”

พอพระอุปัชฌาย์ยืนยันว่าใช้ได้ ปรากฏว่า
หลวงตากำลังใจมั่นคง ต่อไปเสกยะก็ได้ แยะก็ได้ กินกระจายละคราวนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2013 เมื่อ 08:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 226 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 22-10-2013, 06:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : .....(ไม่ชัด).....ตกงานค่ะ
ตอบ : ไปเปลี่ยนใหม่ เป็นภาวนาคาถาเงินล้านดีกว่าไป เอาเยอะ ๆ เลยนะ สักวันละชั่วโมงต่อเนื่องไปเลย ถ้าภาวนาเป็นเดือนแล้วยังตกงานอีกก็ไปอยู่วัด..!

คาถาเงินล้านนี่ถ้าใช้เป็นแยกบทก็ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วพวกเราไม่มั่นใจ แยกแล้วกลัวไม่ขลัง คาถาปัดอุปสรรคภาวนาไว้เยอะ ๆ อุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตจะได้ลดน้อยลง แต่ถ้าจะเอาดีก็เล่นทั้งบทนั่นแหละ บทอื่น ๆ จะได้ไปด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2013 เมื่อ 08:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 22-10-2013, 06:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ดิฉันมองเห็นพระจันทร์เป็นสีแดงน่ากลัวค่ะ ?
ตอบ : พระจันทร์แดงลักษณะนั้นแสดงว่ามรสุมกำลังจะเข้า โบราณเขาเรียกว่าพระจันทร์สีเลือด ถ้าเป็นกลางวันอยู่ ๆ ฟ้าเหลืองอมส้มทั้งแถบเลย นั่นพายุใหญ่จะมา ที่ชาวเรือเรียกอุกาฟ้าเหลือง ลมอุกาจะมา

สมัยก่อนต้องป๊ะหมัดที่เกาะหลีเป๊ะ ป๊ะหมัดเป็นอิสลาม แต่ไม่ได้รังเกียจคนพุทธอะไรเลย พอถึงเวลาป๊ะหมัดจะสั่งลูกสั่งหลาน จัดการเชือดแพะทำเนื้อรวนเค็มไว้เป็นกระทะใบบัวเลย ลูกก็ถามว่าเชือดทำไมเยอะแยะ ? กินไหวหรือ ? “เออน่า..เดี๋ยวมีคนมาช่วยกิน” ปรากฏว่าพอลมอุกาเข้า ทั้งลมพายุทั้งฝน ๗ - ๘ วันติดต่อกัน ออกทะเลไม่ได้เลย ไม่มีอะไรจะกิน ป๊ะหมัดแกหุงข้าวต้มแกงรอไว้แล้ว คนอื่นก็มาอาศัยแกกิน

เฒ่าทะเลนี่ประสบการณ์เยอะ พอเห็นปุ๊บรู้เลยว่าสภาพดินฟ้าเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวบรรดาพวกลูกหลานจะต้องมาพึ่ง แกเห็นว่าทั้งเกาะเป็นลูกเป็นหลานของแกหมด ไม่เห็นจะรังเกียจเลยว่านั่นอิสลาม นี่คนไทย นั่นมอแกน แกสงเคราะห์เขาเสมอหน้ากันหมด นั่นถึงจะเป็นพรหมวิหาร ๔ จริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2013 เมื่อ 08:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 22-10-2013, 11:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วิธีการติดสินบนนี่แหละ ที่ตั้งแต่โบราณพวกพ่อค้าเขาใช้ เพื่อให้ตนรับได้ความสะดวก ประเทศจีนเขาเรียกว่าจิ้มก้อง คือเอาบรรณาการไปให้ แล้วตัวเองจะได้ค้าขายตามสบายอย่างที่ต้องการ แต่พอมาระยะหลัง ๆ การกระทำอย่างนี้เขาถือเป็นความชั่วร้าย

ความจริงเป็นทฤษฎีสมประโยชน์ ที่ฝรั่งเขาเรียกว่า “Win win” ชนะทั้งคู่ ฝ่ายผู้มีอำนาจก็ได้ทรัพย์สินเงินทองไป ฝ่ายผู้เข้าไปหาก็ได้สิ่งที่ตนเองต้องการไป ซึ่งทฤษฎีนี้ตอนหลังฝรั่งเผยแพร่ให้ยุ่งไปหมด แต่ดันเห็นว่าการคอรัปชั่นไม่ดี ก็ทฤษฎีอย่างนี้แหละที่ทำให้เกิดคอรัปชั่น

การรับเงินบนโต๊ะ ใต้โต๊ะอะไรก็ตาม ถ้าสามารถอำนวยความสะดวกให้เขาได้ จะว่าไปแล้วจริง ๆ ในเรื่องของศีลธรรมไม่น่าจะผิด เพราะเป็นการสมยอมกันทั้งคู่ ยกเว้นอยู่อย่างเดียวว่าเขาไม่มีปัญญา แล้วเราไปบีบบังคับให้เขาหามา แต่คราวนี้ส่วนที่เสียหายก็คือไปกินกระทั่งงบประมาณแผ่นดิน สมมติว่าถ้าเราจะประมูลงานอย่างหนึ่งในราคา ๑ ล้านบาท เราก็ต้องขยายถึง ๓ ล้านบาทเพื่อเอาส่วนเกินนั้นไปจ่ายให้กับท่านที่มีอำนาจในการอนุมัติพวกนี้ ก็เลยไปกินงบประมาณแผ่นดินเข้าให้ ซึ่งตรงนี้มีปัญหาแน่

เพราะนรกข้างล่างมีอยู่ขุมหนึ่งต่างหากเลย สำหรับพวกคอรัปชั่นโดยเฉพาะ ชื่อว่ายันตปาสาณนรก จะเป็นภูเขาเหล็กลุกแดงโร่ ๒ ลูกหมุนเข้าหากัน บรรดาสัตว์นรกก็โดนบด
อยู่ตรงกลางแหลกเป็นผง แล้วลมกัมมัชวาตพัดมาก็ฟื้นใหม่ กลายเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา ภูเขาก็หมุนเข้ามาใหม่ ไล่บดไปอีก เขาหมุนไล่บี้ไปเรื่อยจนกว่าจะหมดกรรม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2013 เมื่อ 13:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 22-10-2013, 12:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนบรรดาพ่อแม่จะมีค่านิยมย้ายลูกไปอยู่ที่สบาย ในเมื่อเป็นความต้องการของบุพการี ลูก ๆ ก็ต้องกัดฟันทำไป มีแต่อาตมาขัดใจมาตลอด แม่ไม่ให้เป็นทหารใช่ไหม ? สมัครไปเรียนเลย แม่ไม่ให้บวชใช่ไหม ? อาตมาก็ทำสิ่งที่แม่ไม่ต้องการให้ทำ ฉะนั้น..ค่อนข้างจะเป็นลูกอกตัญญูอยู่เหมือนกัน แต่บังเอิญว่าทำแล้วดีทุกอย่าง ท้ายสุดแม่ก็ต้องยอมรับ

ถึงเวลาแกก็มานั่งบ่น ๆ "ดูนะ..ปกติโต๊ะอาหารนั่งล้อมกันครบพอดี นี่แหว่งไปที่หนึ่ง มองทีไรก็คิดถึงลูกทุกที เห็นชุดเขียว ๆ เดินจากปากซอยมาคิดว่าลูก ชะเง้อแล้วชะเง้ออีก กลายเป็นเด็ก รด. เดินมา.." นั่นแหละความรักของพ่อแม่

บางทีลาราชการมา ๑๐ วัน มาอยู่กับแม่ ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำก็นอนหนุนตักแม่ แม่ก็ลูบ ๆ คลำ ๆ แล้วก็บ่น “อะไร..ยังเห็นมันนอนดิ้น ๆ เดินไม่ได้อยู่เลย นี่อายุ ๒๕ แล้วหรือ ?” คนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่เคยเห็นลูกโตหรอก เด็กสมัยนี้อ้อนพ่อแม่ไม่เป็น อาตมาขนาดเป็นนายทหาร อายุ ๒๕ - ๒๖ ปีแล้วยังนอนตักแม่อยู่เลย เรารักก็แสดงออกซึ่งความรักบ้างสิ จะไปบอกว่าเรารักแม่อยู่ในใจไม่ได้หรอก สมัยนี้ต้องแสดงออก รักใครเจอหน้ากระโดดกอดไปเลย เขาจะได้รู้ว่าเรารักจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-10-2013 เมื่อ 20:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 22-10-2013, 12:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องความรักแม่นึกถึงพี่ดาร์กี้ นึกถึงทีไรก็ “เออ..คนที่รักแม่รักครอบครัวจริง ๆ ขนาดนี้ก็มีอยู่” พี่เขาเป็นนักเรียนนายสิบรุ่นพี่ ๑ รุ่น แต่เรียนทันกัน เพราะว่านักเรียนนายสิบเขาเรียน ๒ ปี พี่เขาเข้าปีก่อน อาตมาเข้าปีนี้ สังเกตอยู่อย่างว่าพี่เขาไม่เคยลาเลย เพราะถ้าเราลาจะโดนตัดเบี้ยเลี้ยง ลา ๑๐ วันก็โดนตัด ๑๐ วัน อย่างรุ่นของอาตมานี่ ๑๐ วันจะได้เบี้ยเลี้ยง ๗๐๐ บาท ถึงเวลางวดเบี้ยเลี้ยง ๓ งวด ๓๐ วันก็ได้ ๒,๑๐๐ บาท

พี่ดาร์กี้เก็บเงินส่งบ้านหมด กินอาหารก็กินแต่โรงครัวสูทกรรม ไม่เคยซื้อกินเองเลยแม้แต่นิดเดียว ความหวังในชีวิตของพี่ดาร์กี้ก็คือเรียนจบแล้วได้รับราชการ จะได้มีสวัสดิการรักษาพยาบาล เป็นการประกันความเสี่ยงให้แม่ เพราะว่าพ่อก็ไม่มีแล้ว มีแต่แม่ บ้านอยู่พนมทวน ตัวดำปี๋เลย ที่เขาเรียกดาร์กี้ก็เพราะดำมาก

ส่วนใหญ่แล้วเพื่อน ๆ พอวันตรุษวันสารท ลอยกระทงสงกรานต์จะลากันหมด จะมีพวกรับจ้างเข้าเวรอยู่ ลองนึกถึงสมัยปี ๒๕๒๓ - ๒๕๒๕ รับจ้างเข้าเวรชั่วโมงละ ๗๐ บาท ตอนนั้นค่าแรงยังไม่เท่าไรเอง เข้าเวรชั่วโมงเดียวได้เกินค่าแรงขั้นต่ำอีก พวกเราก็รวยกันอื้อ

วันนั้นพี่ดาร์กี้แกนอนก่ายหน้าผาก อาตมาเห็นเข้าก็ถามว่ามีอะไร ? แกก็บอกว่า วันนี้จ่าสมพรบังคับให้ซื้อข้าวผัดกระเพราไปห่อหนึ่ง คือบรรดาจ่าหรือนายทหารที่มาจากประทวน ส่วนใหญ่จะมีครอบครัว มีลูกหลายคน ก็พยายามหารายได้ให้ครอบครัวตัวเอง คราวนี้พวกนี้เขาทำหน้าที่จ่ากองร้อยบ้าง ทำหน้าที่นายทหารเวรหรือสิบเวรบ้าง ก็เอาของมาขายให้พวกนักเรียน เพราะว่านักเรียนทหารไม่มีปากมีเสียง สั่งอะไรก็ต้องทำ แต่พี่ดาร์กี้ไม่เคยซื้อข้าวผัดกะเพรา จำได้ว่าตอนนั้นห่อละ ๕ บาท สมัยนี้ ๓๐ บาทซื้อได้หรือเปล่าไม่รู้ ?

พี่ดาร์กี้โดนบังคับให้ซื้อไป ๑ ห่อ แกกินเสร็จแล้วมาก่ายหน้าผาก บ่นว่า “กูกินดีอย่างนี้แล้วแม่กูจะอยู่อย่างไร ?” แกไม่เคยคิดตัวเองเลย อะไร ๆ ก็ทำเพื่อแม่ ตัวเองมาเรียนยังดีว่าแม่ยังแข็งแรงอยู่ ยังทำอะไรได้ ถึงเวลาก็ไปส่งธนาณัติให้แม่ ไม่เคยลากลับบ้านเพราะว่ากลัวว่าจะเสียเบี้ยเลี้ยง เห็นแล้วปลื้มใจแทนแม่เขาที่มีลูกอย่างนี้ ของอย่างนี้สอนกันไม่ได้ด้วย แต่ละคนจะเป็นนิสัยเฉพาะของตัวเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2013 เมื่อ 15:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 210 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 22-10-2013, 12:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันสวดคาถาเงินล้าน คนที่ทำน้ำหกราดใส่หัวอาตมามีใครบ้างวะ ? ...(หัวเราะ)... ถ้ารู้จักสังเกต อยู่ ๆ น้ำราดโครมลงมา ถ้าเป็นคนทั่วไปต้องตกใจแล้ว แต่ถ้าเรารักษากำลังใจอยู่ข้างใน ไม่ส่งออกก็จะไม่ตกใจ เพราะว่าอาการตกใจก็คือ สภาพจิตวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็วเพื่อรับรู้อาการที่เกิดขึ้น คราวนี้พอกลับมาเร็วเกินไป จะเกิดอาการสะดุ้งที่เรียกว่าตกใจ

ถ้าใครสามารถรักษากำลังใจของตัวเองไว้ในลักษณะนี้ ก็จะเป็นคนที่ไม่ตกใจกับเรื่องอะไร สภาพจิตจะคิดแก้ไขเหตุการณ์ให้ออกมาในลักษณะที่ดีที่สุด แต่ว่าญาติโยมหลายท่านชอบทำเรื่องอันตราย ก็คือขับรถไปแล้วภาวนาไป พี่จี๋เพิ่งเอารถไปชนกระจายมา เพราะว่าขับรถไปภาวนาไป พออารมณ์ใจทรงตัว จิตกับประสาทจะแยกออกจากกัน ถ้าไม่ใช่คนที่ฝึกจนเป็นฌานใช้งานจริง ๆ จะบังคับตัวเองไม่ได้

พี่จี๋เขาก็สงสัยว่า เห็นอยู่ว่ารถวิ่งเข้าใส่คันหน้า แล้วทำไมถึงทำอะไรไม่ได้ ฉะนั้น..โปรดระวังตรงจุดนี้ไว้ด้วย ถ้าจะภาวนาไปขับรถไป อย่าให้อารมณ์ใจลึกเกินไป ถ้าลึกเกินไปจนจิตกับประสาทเริ่มแยกออกจากกันเมื่อไร เดี๋ยวอุบัติเหตุก็จะเกิดขึ้น ตัวเองไม่เป็นอะไรหรอก เพราะสมาธิคุ้มได้ แต่ทรัพย์สินเสียหาย โปรดระมัดระวังเอาไว้ด้วย

อาตมาเองก็เกือบสวัสดีมาหลายทีแล้ว เพราะคนขับชอบภาวนา จนกระทั่งต้องตะโกนบอก “เฮ้ย..เมื่อไรจะเบรก ?” แล้วอาตมาก็หัวทิ่มตกเบาะทุกทีแหละ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2013 เมื่อ 13:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 22-10-2013, 12:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาตกลงใจจะทำหนังสือคู่มือภาวนาพระคาถาเงินล้าน ตอนนี้ข้อมูลเก็บเรียบร้อยแล้ว รูปเพิ่งจะได้มาจากตากล้องวันนี้ คาดว่าจะใส่รูปให้สะใจไปเลย เดี๋ยวเสร็จแล้วจะพิมพ์แจกตอนปีใหม่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-10-2013 เมื่อ 13:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 22-10-2013, 12:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้กำลังกวาดล้างเว็บพลังจิตกันอยู่ เห็นเขาอาสาสมัครกัน คือเว็บพลังจิตไปเสียมากอยู่ตรงประเภทโมทนา ไม่ใช่ว่าเราไม่เปิดโอกาสให้โมทนา เราเปิดโอกาสให้ มีกดปุ่มโมทนา แต่เขาไม่ยอม เขาต้องลงกระทู้ให้ได้ ลงว่า “โมทนาครับ” แล้วก็ต่อท้ายด้วยตัวตนของเขาประมาณ ๑ หน้าอย่างนี้ กินพื้นจะตายชัก กระทู้ที่จะมีประโยชน์ถัดไป กว่าจะหาเจอบางที ๓ หน้า ๕ หน้า

ตอนนี้กำลังไล่ตามกันอยู่ ห้องใครห้องมัน รับผิดชอบกันเอาเอง อันไหนดีก็เหลือไว้ อันไหนไม่ดีก็ลบทิ้งไป โดยเฉพาะส่วนที่ให้นโยบายไปก็คือ ถ้าเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาให้ลงเนื้อข่าวอย่างเดียว อย่าไปใส่อารมณ์วิพากษ์วิจารณ์ เพราะเรื่องจะบานปลายใหญ่โต ประเภทลงแล้วเสี้ยมให้พระทะเลาะกัน อย่างพุทธอิสระกับหลวงพ่อสามแยกลบทิ้งให้หมด ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย นอกจากใส่ข้างโน้นหน่อย ใส่ข้างนี้นิด แล้วก็กลายเป็นพระทะเลาะกัน

มีโอกาสประชุมผู้บริหารเว็บพลังจิต ก็เลยให้นโยบายไปช่วยจัดการที เขาบอกว่าค้างมานาน น่าจะต้องใช้เวลาสัก ๓ ปีกว่าจะกวาดได้เกลี้ยง อาตมาเองก็เชื่อ เพราะ ๓ วันที่ผ่านมาเขาเพิ่งจัดการในห้องหลวงพี่เล็กไปได้แค่ ๕ - ๖ หน้าเท่านั้น เพราะว่าบางกระทู้มีเป็นสิบ ๆ หน้าเลย กระทู้ไหน Hot หน่อย คนก็เข้าไปแสดงความเห็นหรือเข้าไปโมทนากันเป็น ๑๐ หน้า กว่าจะลบหมดก็มือหงิก

เรื่องของเว็บพลังจิตคาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะได้โดเมนเนมคืนมา แต่ว่าคงต้องเสียเงินมาก เนื่องจากเขายึดไปเพื่อขายโดยเฉพาะ จะว่าไปแล้วของเราจดทะเบียนต่ออายุไม่ทัน เจ้าพวกนี้เล็งอยู่ ปกติแล้วเขาจะมีการเตือนล่วงหน้า แต่นี่เขาไม่เตือน เลยเผลอหมดอายุ ถูกเขาแย่งจดชื่อไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2013 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 23-10-2013, 05:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระที่บิณฑบาต ลูกศิษย์ไม่ได้มาช่วยขน ก็เลยเอากับข้าวไปแจกชาวบ้าน ?
ตอบ : แล้วจะบิณฑบาตไปเยอะแยะขนาดนั้นทำไม ?

ถาม : เขาบอกว่าแจกได้
ตอบ : โง่เกินไป..ก็ในเมื่อรู้ว่าบิณฑบาตขนไม่ไหว แล้วจะเอาไปขนาดนั้นทำไม ?

ถาม : ถ้าเอาแจกติดหนี้สงฆ์ไหมครับ ?
ตอบ : เต็ม ๆ เลย ทั้งคนกินคนให้นั่นแหละ อาหารบิณฑบาตเราต้องคิดเสมอว่าเป็นสังฆทาน

พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้เลี้ยงพ่อแม่เท่านั้น ถ้าจะให้คนอื่นต่อ ต้องเป็นของที่กินเหลือแล้ว เพราะท่านเกรงว่าถ้าทำในลักษณะนั้น อันดับแรกก็คือ ไปประจบชาวบ้านเขา อันดับที่สองก็คือ คนที่เขาถวายจะเสื่อมศรัทธา เพราะว่าไม่ได้ฉลองศรัทธาของเขา เอาไปให้คนอื่น แล้วถ้าคนเสื่อมศรัทธามาก ๆ เข้า ศาสนาก็จะอยู่ไม่ได้

เพราะฉะนั้น..ที่โยมถามว่าพระบิณฑบาตจนกระทั่งเอาไปไม่ไหว ลูกศิษย์ที่จะช่วยก็ไม่มี ก็เอาไปไล่แจกคนอื่นเขา ทำได้ไหม ? ขอยืนยันว่าไม่ได้ แล้วไม่ต้องอ้างนะว่าเอาไปไม่ไหว ก็เสือกทะลึ่งบิณฑบาตเสียเยอะอย่างนั้นทำไม ?

อาตมาสมัยอยู่ที่วัดเทพศิรินทร์เพื่อดูแลหลวงปู่มหาอำพันที่ป่วย เดินไม่ถึงเสาไฟต้องกลับวัด เพราะล้นบาตร ของตัวเองอย่างเก่งก็ถุงหนึ่งตอนเช้า ถุงหนึ่งตอนเพล จบแล้ว ส่วนที่เหลือก็เอาไปที่ศาลาร่มเย็น ซึ่งเป็นส่วนกลาง ให้โยมเขาประเคนพระท่านอื่นไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2013 เมื่อ 10:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 23-10-2013, 05:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องแบบนี้ถ้าถามว่าพระทำอย่างนั้นมีความผิดไหม ? ความผิดของพระผิดเป็นปกติอยู่แล้ว แต่โยมที่เอาไปจะซวย เพราะเป็นหนี้สงฆ์ไม่รู้ตัว เพราะเขาถวายพระ แล้วพระไม่ได้มีสิทธิ์ให้คนอื่นส่งเดช พระพุทธเจ้าท่านอนุญาตแค่เลี้ยงพ่อกับแม่เท่านั้น ในเรื่องของการที่พระเลี้ยงพ่อแม่ ท่านก็บอกว่าสงเคราะห์ด้วยปัจจัย ๔ พอสมควร ก็คือพอที่ท่านจะดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่ว่าปัจจุบันนี้อย่างเณรคำสร้างบ้านให้พ่อแม่เป็นร้อยล้านบาท นั่นจะอ้างว่าพระพุทธเจ้าอนุญาตก็ไม่ใช่ พระองค์ท่านให้สงเคราะห์ตามสมควร

อย่างในธรรมบทพระท่านบิณฑบาตมาก็เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ แล้วตัวเองก็ไม่มีฉัน ก็ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ได้ผ้ามา เอามาเย็บมาย้อมดีแล้วก็ให้พ่อแม่นุ่ง ตัวเองก็เอาผ้าเก่าขาดของพ่อของแม่มาเย็บมาย้อมมานุ่งใหม่ ไม่รู้จะให้พ่อแม่อยู่ที่ไหน ก็ไปสร้างกระต๊อบในป่าให้พ่อแม่อยู่ พระพุทธเจ้าบอกถ้าลักษณะอย่างนี้ให้สงเคราะห์ได้ ไม่ใช่ประเภทซื้อรถเบนซ์ให้พ่อคันหนึ่ง ให้แม่คันหนึ่ง ให้พี่คันหนึ่ง ให้น้องคันหนึ่ง สร้างบ้านให้อีกคนละหลัง อย่างนั้นก็เจ๊งแล้ว

ต้องบอกว่าส่วนใหญ่ปัจจุบันนี้ พระเณรของเราไม่ได้ใส่ใจจะศึกษาจากพระอุปัชฌาย์อาจารย์ แล้วพระอุปัชฌาย์อาจารย์สมัยปัจจุบัน ก็ไม่ได้สนใจที่จะอบรมสัทธิวิหาริกของตน ประเภทบวชแล้วทิ้ง ที่เขาเรียกว่าอุปัชฌาย์เป็ด ไข่แล้วทิ้ง ไม่รู้จักฟัก ต้องบอกว่าปัจจุบันนี้อุปัชฌาย์ไก่ที่ฟักไข่เป็นมีน้อย ในเมื่อเป็นอย่างนี้ อะไรที่ตนคิดว่าสมควร ทั้ง ๆ ที่เป็นเรื่องผิดพระวินัยก็ทำ จะโทษท่านหรือ ? ท่านก็อาจจะบอกว่าไม่รู้ แล้วจะไปโทษพระอุปัชฌาย์ เกิดพระอุปัชฌาย์บอกว่าผมก็ไม่รู้ด้วยก็เจ๊งเลย อาจารย์ไม่รู้ ลูกศิษย์ไม่รู้ แล้วคนที่รับถ่ายทอดรุ่นถัด ๆ ไป จะมีใครรู้บ้าง ? เรื่องพวกนี้จำเป็นที่จะต้องระมัดระวังให้ดี

อาตมาปากเปียกปากแฉะกับพระกับเณรทุกเช้าทุกเย็นหลังทำวัตรค่ำ บางทีก็รู้สึกเบื่อตัวเองเหมือนกัน แต่ก็ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำแล้วเกิดเขาเข้าใจผิด ไปทำผิดทำพลาดอีก ตัวเองก็จะเกิดโทษด้วย เพราะว่าเป็นครูบาอาจารย์เขาแล้วไม่รู้จักอบรมสั่งสอน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2013 เมื่อ 10:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 23-10-2013, 05:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายนที่ผ่านมา คณะสงฆ์ภาค ๑๔ ประกอบไปด้วยจังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี สมุทรสาคร ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ สวดอภิธรรมถวายหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เสร็จงานอาตมาก็เดินมารอรถแท็กซี่หน้าวัด เพื่อที่จะไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ที่วัดศรีสุดาราม บางขุนนนท์ ปรากฏว่ามีรถเก๋งวิ่งมาถึงก็เบรก “หลวงพ่อไปไหนคะ ? หนูกับแฟนจะไปส่ง” เออ...ไปก็ไปวะ เขากับแฟนก็ไปส่ง

เมื่อวานนี้หลังจากที่บิณฑบาตในงานใส่บาตรถวายกุศลสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆมหาปริณายกเสร็จ ออกจากวัดท่าขนุนก็สายมากแล้ว ต้องมาฉันเพลกลางทาง แวะร้านอาหาร ฉันเสร็จสรรพเรียบร้อยมีผู้ถวาย แล้วเขาไม่ได้ถวายพระอย่างเดียว พระ ๒ รูปกับโยมอีก ๓ - ๔ คน เขาจ่ายแทนหมด หมดไป ๔๐๐ - ๕๐๐ บาท เพราะเป็นร้านอาหารป่า แล้วอาตมาดันไปสั่งปลาบึกผัดเผ็ด แพงฉิบ...เลย ไม่ได้ถามว่าเขาเป็นใคร แต่เขายืนยันว่าเขารู้จักอาตมา ระยะนี้หนีไปไหนไม่ค่อยรอด ไปหลบอยู่ซอกไหนมุมไหนต้องมีคนจำหน้าได้จนได้ อุตส่าห์ไปทำตัวลีบ ๆ นั่งฉันอาหารแล้ว เข้ามาเขายังจำได้อีก

แล้ววันนั้นจะรีบมาที่นี่ จะแวะไปหาอาจารย์ที่ มจร.วังน้อยก่อน ก็เลยไม่สามารถจะฉันอาหารป่าชนิดอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นตุ่นผัดเผ็ด แย้ผัดเผ็ด พังพอนผัดเผ็ด เพราะพวกนั้นส่วนใหญ่เขาทำแบบแกงสับนก คือสับละเอียด จะมีกระดูก เสียเวลา ก็เลยสั่งปลาบึกเพราะชิ้นใหญ่ดี ลืมนึกไปว่าปลาบึกราคาแพงที่สุด ตกลงโยมที่ตั้งใจเลี้ยงก็ได้บุญไปเต็ม ๆ แต่ก็คงกระเป๋าแห้งไปเลย

ถึงได้บอกว่าเรื่องของคาถาเงินล้านถ้าทำขึ้นนะ เราจะเป็นคนเงินบูด ใช้เงินไม่ได้ เก็บไว้นาน ๆ ถ้าไม่บูดก็ขึ้นราไปเลย

โยมส่วนใหญ่ไม่ได้คิด ส่วนใหญ่ก็ไม่คิดว่าอาตมาจะนั่งรถไฟฟ้าไป เขาก็กะเอาของมาถวาย แต่ไม่รู้จะหอบเอาขึ้นรถไฟฟ้าอย่างไร อาตมาเองนั่งรถทุกชนิดแหละ โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วันไหนได้นั่งจะมีความสุขมากเป็นพิเศษ สมัยก่อนเวลาจะเข้าเกาะพระฤๅษี จะมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่ที่ปากซอย เพราะรถใหญ่วิ่งลำบาก ตั้งแต่ปากซอยเข้าไปเป็นเตาขนมครกตลอดทาง มีแต่มอเตอร์ไซค์วิ่งลัดเลาะได้ จ้างมอเตอร์ไซค์เข้าไป ๖๐ บาท วันไหนได้นั่งรถมอเตอร์ไซค์นี่มีความสุขมาก ไม่อย่างนั้นเผลอ ๆ เดี๋ยวก็มีรถอาสาไปส่ง

สมัยก่อนเวลาเข้าทุ่งใหญ่ ถ้าเจอรถแล้วรถเขาถามว่าไปด้วยไหม ? บางคนเขาบอกไม่ไปด้วยหรอก..กำลังรีบ เพราะเดินเร็วกว่า รถไปแล้วไปติดหล่มตลอดทาง ต้องไปขุดไปเข็น ถ้าที่อื่นชวนขึ้นรถอาจจะไป แต่ถ้าในทุ่งใหญ่โดยเฉพาะหน้านี้ ถ้าชวนขึ้นรถไม่ไปหรอก เขาบอกเขากำลังรีบ...เดินดีกว่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2013 เมื่อ 10:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 23-10-2013, 06:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ดร.ศุภชัย ไพจิตร นามสกุลเดิม คือ ผ่องสวัสดิ์ แล้วมาเปลี่ยนใช้นามสกุลของคุณดาวใจ ก็เป็นศุภชัย ไพจิตร ท่านมาสัมภาษณ์เรื่องอานิสงส์ของการภาวนาคาถาเงินล้าน ก็ยกตัวอย่างไล่ให้ท่านฟังไปเรื่อย ๆ แล้วก็บอกว่า “นี่ต้องดูอาตมาเอง..ตั้งแต่นั่งมายังรับเงินไม่ขาดเลย” อานิสงส์คาถาเงินล้าน เป็นรูปธรรมที่เห็นชัดที่สุด

แต่ทางผู้จัดงานเขาคำนวณผิด วันสุดท้ายเขามีทอดผ้าป่าหนังสือ เพื่อเอาหนังสือไปเข้าห้องสมุด ปรากฏว่าเอาดารามา ๔ คน อาตมาไม่รู้จักหรอก รู้แต่ว่าเป็นดารา มีคนไปร่วมงาน ๒๐ กว่าคน ถ้าให้ครูบาหน่อแก้วฟ้าไปรับผ้าป่าแทน คนจะแห่กันไปเยอะกว่านี้ แสดงว่าเขาคำนวณผิด คิดว่าดาราจะเรียกคนได้มากกว่าพระ

การจัดงานสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๐ จบ ถวายสมเด็จพระสังฆราช ครั้งนี้ที่คนไปเยอะ อันดับแรกเลยก็คือ เป็นงานครั้งแรกเลยที่มีการสวดพระคาถาเงินล้าน อันดับต่อ ๆ ไปก็คือ บรรดาลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุง ลูกศิษย์หลวงตาวัชรชัย ลูกศิษย์หลวงตาม้า ลูกศิษย์หลวงพี่นิล ลูกศิษย์ครูบาหน่อแก้วฟ้า ฯลฯ บวก ๆ กันเข้าไปด้วย ก็เยอะไปเองโดยปริยาย ก็เลยทำให้คนไปมากกว่าที่คนจัดงานเขาคำนวณไว้ เขากะว่าเต็มที่ก็ ๕๐๐ คน แต่พวกเราไป ๒,๐๐๐ กว่าคน เกินไปแค่ ๔ - ๕ เท่าเอง..! ขนาดอาตมากะเกินไปเท่าตัวยังสู้ไม่ไหว เขาบอกว่า ๕๐๐ คน อาตมาก็บอกว่าเกิน กะเอาว่าประมาณสัก ๑,๐๐๐ คน ปรากฏว่าเกินหลายเท่า

ในส่วนที่ชื่นชมก็คือ ทางผู้ประสานงาน คุณชยาคมน์ ธรรมปรีชา จากชมรมโมทนาบุญ เว็บพลังจิต เขาประสานงานได้ดีมาก แล้วญาติโยมก็สู้ไม่ถอย เปียกเท่าไรก็สู้ ตกลงกลับไปเป็นหวัดกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? สรุปแล้วทุกคนมีความสุขกลับไป..ใช่ไหม? ต่อไปจะลำบาก ถ้าเป็นคนอย่างอาตมาก็เรียบร้อยเลย อาตมาถือว่าถ้าเคยภาวนาสูงสุดได้กี่จบ ก็จะเอาอันนั้นเป็นหลัก เราภาวนาสัก ๑๐๐ จบ ต่อไปจะต่ำกว่า ๑๐๐ ไม่ได้แล้วนะ

เงินที่ได้รับในวันสวดพระคาถาเงินล้าน ๑๐๐ จบถวายสมเด็จพระสังฆราช กลับไปต้องไปผึ่งเป็นวันกว่าจะแห้ง น้ำฝนลงไปสักครึ่งขันได้กระมัง ?

ในงานสวดพระคาถาเงินล้าน ส่วนที่ได้มากที่สุด เป็นส่วนที่พวกเรามองไม่เห็น หรือว่าน้อยคนจะมองเห็น การที่กำลังใจของคนหมู่มากรวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน สามารถใช้งานได้มากกว่าที่เราจะคิดถึง อาตมาอธิษฐานเผื่อไว้เลย อันดับแรกเลยก็อุทิศส่วนกุศลให้ท่านทั้งหลายที่ตายกันตอนกระชับพื้นที่ แล้วหลังจากนั้นก็ขอเลย ความดีที่ทุกท่านทำอยู่ รวมกับกำลังของพระท่านช่วยสงเคราะห์ ในเรื่องของประเทศชาติ ถ้าใครก็ตามที่ชุมนุมทางการเมือง แล้วทำไปโดยไม่ได้หวังดีต่อประเทศชาติ มุ่งแต่ประโยชน์ส่วนตัว ไม่มุ่งประโยชน์ส่วนรวม ขอให้เป็นฟืนเปียกจุดไม่ติด พวกเราเปียกกันหมดแล้วนี่ ได้นานเท่าไรก็ไม่รู้ แต่ได้แน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2013 เมื่อ 10:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 23-10-2013, 09:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อานิสงส์ของการกินเจ คืออะไรครับ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจด้วยความเมตตากรุณาต่อสัตว์โลกจริง ๆ ก็ถือว่าคุณกำลังปฏิบัติอยู่ในพรหมวิหาร ๔ ถ้าคนที่ปฏิบัติพรหมวิหาร ๔ ได้จริง ๆ อานิสงส์ต่ำสุดไปพรหมโลก แต่ถ้ากินเจแล้วไปอวดชาวบ้านเขาว่าตูดีกว่า ก็เจ๊งตั้งแต่ยกแรกแล้ว

ถาม : การกินเจก็ต้องวางกำลังใจที่ถูกต้องใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ใช่...ถ้าไม่ถูกจะเป็นมานะ ถือว่ากูกินเจ กูดีกว่าเขา คนอื่นกินเลือดกินเนื้อ ยังเป็นคนเลวอยู่ ถ้าอย่างนั้นกลายเป็นยกตนข่มท่าน กลายเป็นมานะถือตัวถือตน ตัวกูของกู
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2013 เมื่อ 10:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 23-10-2013, 09:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "รับปัจจัยจากงานสวดพระคาถาเงินล้านที่เซ็นทรัลเวิลด์ รับแล้วก็หนักใจ เพราะปกติตามที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านว่าไว้ก็คือ เรารับเงินที่เขาให้ก็ให้เขาไว้ที่นั่น แต่ที่นั่นคือให้ในวัด คราวนี้ตรงเซ็นทรัลเวิลด์ไม่ใช่วัด แล้วคนจัดงานก็ไม่ใช่พระ แล้วตูจะให้ใครล่ะ ? ถ้าให้เขาเดี๋ยวก็เป็นหนี้สงฆ์กันหัวโต ท้ายสุดก็เลยต้องหอบเงินกลับเอง

จะว่าไปแล้วก็สงสารทางด้านเจ้าภาพ ก็คือสภาศิลปินส่งเสริมพุทธศาสนาฯ เพราะว่าจัดงานแล้วขาดทุน คนไปเยอะเฉพาะวันที่อาตมาไป หลังจากนั้นก็โหรงเหรง ถึงขนาดต้องเลิกงานไปวันหนึ่ง แล้ววันสุดท้ายขนาดเอาดาราไป ๔ คน ยังมาประมาณ ๓๐ คน เขาคิดผิด เขาคิดว่าดาราเรียกคนได้มากกว่าพระ งานนี้ดาราเจ๊งไปเรียบร้อยแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2013 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 23-10-2013, 14:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คนเขาฝากเงินมาทำบุญค่าอาหาร แล้วผมทำหาย ?
ตอบ : ก็ควักของตัวเองมา..!

ถาม : แล้วถ้าผมไปขอโทษเขา กรรมจะลดลงไหม ?
ตอบ : ไม่ลดหรอก เพราะเจตนาเขาเต็ม เราจะไปสร้างกรรมเพิ่ม คือไปทำให้กำลังใจเขาตก

ถาม : เจ้าภาพฝากเงินมา ๗๒๐ บาท พอเราทำหาย ไม่มีเงินจะใช้หนี้ ไปขอเขาได้ไหม ?
ตอบ : ขอได้ แล้วคุณจะไปให้เหตุผลเขาอย่างไร ผมขอเงินคุณ ๗๒๐ บาท เพื่อจะใช้หนี้คุณ ? ฟังแล้วงง ๆ เหมือนกันนะ ลองไปทำดูก็แล้วกัน เผื่อจะสำเร็จ

ถาม : พูดง่าย ๆ ว่า พูดอย่างไรก็ได้ให้เอา ๗๒๐ บาทกลับมาให้ได้ ?
ตอบ : พูดง่าย ๆ ว่าคุณหา ๗๒๐ บาทมาถวายพระให้ได้

ถาม : เดือนนี้ไม่ค่อยมีลูกค้าเลยครับ เลยไม่ค่อยมีรายได้
ตอบ : ไปภาวนาคาถาเงินล้านไว้ เดี๋ยวมาเอง ต้องบอกว่าบุคลิกของคุณไม่เรียกลูกค้าเลย มีแต่ไล่ลูกค้ามากกว่า..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-10-2013 เมื่อ 14:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว