กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 12-08-2018, 19:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงลูกอมหลวงปู่หงษ์ ที่ให้บูชาที่บ้านเติมบุญ

"ปกติก็เห็นเขาทำลูกอมเป็นรูปอย่างอื่น อย่างเช่น ลูกอมหนุมานครองเมืองของหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม นี่เล่นทำลูกอมรูปหลวงปู่หงษ์ กะจะอมอาจารย์เลยหรือ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 12-08-2018, 19:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาก็เพิ่งรู้ว่า E-Donation ที่บริจาคออนไลน์ผ่าน Application ของกรุงไทยชื่อเติมบุญ อาตมาไปทำน่าจะทำเป็นคนแรกของทองผาภูมิ ปรากฏว่าได้ QR Code มาบอกเลยว่า ‘กรุงไทยเติมบุญ’ ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดเองหรือว่าแอบขโมยของเราไปก็ไม่รู้ ? แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยก็ช่วยโฆษณาบ้านเติมบุญให้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 12-08-2018, 19:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าโดนเขาทำอีกรอบนี่ใช้ยันต์เกราะเพชรได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : อะไรก็ได้ คว้าอะไรทันก็อย่างนั้นแหละ เป็นเรื่องปกติ จงทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย ไม่มีใครเขาอยากเห็นเราเด่นเกิน

ถาม : เดินไปหา เขาเอาเรื่องมาให้ครับ ?
ตอบ : ลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงเก่า ๆ ส่วนใหญ่มักเป็นวิสัยพุทธภูมิ ในเมื่อวิสัยพุทธภูมิก็คือตั้งใจจะเป็นพระโพธิสัตว์ บำเพ็ญบารมีจนกว่าจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม ต่อให้เลิกแล้ววิสัยก็ยังมีอยู่ วิสัยมีอยู่ถึงเวลาเรื่องวิ่งมาหาเองแหละ ทนรับ ๆ ไปเถอะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 12-08-2018, 20:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมนั่งภาวนาดูลมหายใจ รู้สึกตัวเองว่าไม่ได้นั่งอยู่ แต่ผมก็กลับไปดูลม ?
ตอบ : ก็ถูกแล้ว แต่อย่าไปดิ้นรนออกจากอาการอย่างนั้น พูดง่าย ๆ ก็คือ เรามีหน้าที่ตามดูตามรู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างนี้ ๆ แค่นั้นเอง

ถาม : พอผมตามดูไปเรื่อย ๆ สมาธิหลุดหมดเลยครับ ?
ตอบ : จะต้องหลุดเป็นปกติ เพราะว่าสมาธิของเราถ้าไม่ได้อธิษฐานตั้งเวลาไว้อย่างหนึ่ง และเข้าสุดกำลังของเราแล้วอย่างหนึ่ง ก็จะย้อนกลับเอง ถ้าย้อนกลับคลายตัวออกมา ต้องรีบหาวิปัสสนาญาณให้คิด ไม่อย่างนั้นแล้วจะฟุ้งซ่านไป รัก โลภ โกรธ หลง แล้วฟุ้งได้ดีมาก เพราะว่าเอากำลังสมาธิไปฟุ้ง

ถึงเวลา รัก โลภ โกรธ หลง มาฟ้าถล่มดินทลายเลย เพราะว่าเท่ากับเราไปเก็บกดอยู่ระยะหนึ่ง เรื่องนี้ต้องระวังให้ดี พอรู้ตัวว่าสมาธิคลายนี่ รีบวิ่งเข้าหาวิปัสสนาญาณไว้ก่อน พยายามเห็นทุกอย่างให้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา

ถาม : ผมคิดว่าก็เป็นเช่นนั้นเอง แต่ผมก็ยังงง ๆ อยู่ว่าถูกหรือเปล่า ?
ตอบ : เป็นเรื่องปกติ เหมือนกับว่าเราเดินสุดทางแล้วไปต่อไม่ได้ ก็จะถอยเอง เราก็แค่เริ่มใหม่ ถ้าหากว่าตอนนั้นเริ่มไม่ได้ เพราะสมาธิรู้สึกว่าเต็มที่แล้ว เราก็ไปหางานหาการอื่นทำ ประเภทกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า อะไรก็ได้ พอสภาพจิตคลายออกมาแล้ว สามารถที่จะรับได้ใหม่เราก็เข้าใหม่

หรือไม่ก็เอาอย่างอาตมา ปั่นจักรยานไปภาวนาไป ปั่นจากอ่อนนุชไปยันแถว ๆ มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติโน่น กี่สิบกิโลก็ไม่รู้ ? แล้วก็ย้อนกลับมา ดูซิว่าคราวนี้มึงจะภาวนาไหม ? พอเหนื่อยแล้วจิตก็จะวิ่งไปหาการภาวนาเอง


ถาม : จักรยานที่บ้านพังแล้ว ?
ตอบ : สายพานก็ได้ พวกนี้ถ้าเวลาเหนื่อย เวลาหิว ฯลฯ สภาพจิตจะหาหลักยึด พอหาหลักยึดแล้วจดจ่ออยู่ เราก็รีบดึงเข้าหาสมาธิเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 12-08-2018, 20:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมได้รับรางวัลจากธนาคารเป็นรถป้ายแดง มีคนมาติดต่อขอซื้อในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด

พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "แขกเข้าใจคำว่าทุกขลาภไหม ? ลาภที่ได้มาแล้วทำให้เกิดทุกข์ จับสลากได้รถแท้ ๆ แต่เดือดร้อนเพราะรถ บางคนไปเข้าใจว่าทุกขลาภก็คือลำบากแล้วค่อยได้ อันนี้ไม่ใช่หรอก ทุกขลาภคือได้แล้วลำบาก

เอารถไปให้เต็นท์รถเขาตีราคา เขาให้เท่าไรเอาแค่นั้นแหละ พูดง่าย ๆ ก็คือให้มา ๕ บาท ๑๐ บาท เราก็ได้ฟรีอยู่แล้ว ไม่ต้องไปคิดว่าต้องราคาแค่โน้นแค่นี้ เขาคิดให้แค่ไหนก็เอานั้น กำไรล้วน ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 12-08-2018, 20:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พูดถึงโชว์รูมด้านข้างนี่เพิ่งเห็นเขาทำถูกใจ รื้ออาคารข้างหน้าออกไปเลย เห็นเขาตกแต่งอยู่หลายยก ท้ายสุดก็รื้อทิ้ง เออ...ถูกใจ

อันดับแรกโชว์รูมใหญ่อยู่ข้างใน แต่ห้องเล็กอยู่ข้างหน้านี่บังหมดเลย อันดับที่สองก็คือถ้ารื้อข้างหน้าออกนี่จะมีลานจอดรถของลูกค้าเยอะเลย เพราะว่าตัวโชว์รูมเขาอ้อมบ้านเติมบุญ ในเมื่ออ้อมบ้านเติมบุญ ทางด้านโน้นจะมีมุมเดียวที่โชว์ให้ลูกค้าเห็นรถ ยังจะไปเอาไอ้หลังเล็ก ๆ ข้างหน้ามาบังอีกก็หมดเลย

ถึงเวลาลูกค้าก็ต้องมาจอดรถเต็มหน้าบ้านเติมบุญไปหมด บางวันจอดล้ำเข้ามาจนกระทั่งพวกเราจะเลี้ยวเข้าบ้านไม่ได้ ก็คือเขาจอดเกรงใจแบบไม่บังหน้าบ้านแล้ว แต่ขอบังสักครึ่งคันอะไรอย่างนี้ เพราะฉะนั้น...พอเห็นเขารื้อด้านหน้าออก เออ...เริ่มคิดเป็น ถ้าแบบนี้ถึงจะเจริญ เพราะว่าไม่มีอะไรขวางหน้าแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 12-08-2018, 20:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การเจริญสมาธิ พอเราดำเนินมาเรื่อย ๆ ก็ออกไปข้างนอกเอง ?
ตอบ : พอตันแล้วเราทิ้งไม่ได้ ต้องย้ำแล้วย้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะถ้าตันแปลว่ากำลังของเราไม่พอที่จะข้าม จุดที่เราจะข้ามสูงเกินไป เราก็เลยเหมือนอย่างกับเดินชนกำแพง ต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีกย้ำแล้วย้ำอีก สลับไปสลับมาระหว่างสมถะก็คือสมาธิ กับวิปัสสนาก็คือปัญญา สลับไปสลับมาสร้างสมกำลังไปเรื่อย ๆ ถ้ากำลังพอก็จะก้าวข้ามไปได้เอง แล้วเราก็จะรู้สึกว่า โอ๊ย...ได้อะไรเยอะมากเลย แต่พอชิน ๆ แล้ว อ้าว...ได้แค่นิดเดียวอีกแล้ว ตอนแรกจะรู้สึกว่าได้เยอะทุกครั้งแหละ

ถาม : จะพัฒนาก้าวกระโดดเอง ?
ตอบ : ก็คือเราทำไปเรื่อย ๆ จะสะสมตัวไปเหมือนอย่างกับน้ำ พอจำนวนมากพอก็จะไหลล้นข้ามเครื่องกั้นไปเอง คราวนี้ช่วงระหว่างสะสมนี่บางคนเจอไป ๓ ปี ๕ ปี จะเบื่อไม่ได้ ต้องตั้งหน้าตั้งตาทำไปเรื่อย ๆ ไป...สู้ต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 12-08-2018, 20:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การถามเยอะไม่ใช่เรื่องดี คนที่ถามเยอะส่วนใหญ่จะฟุ้งซ่านมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 12-08-2018, 21:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ครั้นจะขอร้องญาติโยมว่าอย่าเอาอาหารรสหวานมาถวายอาตมา ก็ขอไม่ได้ เพราะว่าคนกินหวานไม่รู้สึกว่าหวาน บางทีถึงเวลาเจอน้ำพริกกะปิ แหม...ของโปรด ที่ไหนได้ พอแตะเข้าไปไม่ใช่น้ำพริกกะปิธรรมดา แต่เป็นขนม หวานมาแต่ไกลเชียว น้ำพริกต้องเผ็ด เค็ม เปรี้ยว เผ็ดต้องนำ คราวนี้ของเราเล่นไปหวานนำ..เสียหมดเลย

โดยเฉพาะแกงส้ม คำว่า ส้ม ภาษาเก่าแปลว่า เปรี้ยว กลายเป็นแกงหวานแล้วจะส้มได้อย่างไร ? บ้านเราปัจจุบันนี้เป็นโรคอ้วนเกิน ๓๐% แล้ว แล้วก็เบาหวานอีก กลายเป็นโรคฮิตอันดับหนึ่ง ถ้าไม่อยากเป็นโรคนี้โปรดเอากระปุกน้ำตาลออกจากครัวไปเลย ไม่กินน้ำตาลเราไม่ตายหรอก แต่ถ้ากินเมื่อไรโรคภัยไข้เจ็บสารพัดจะถามหา

น้ำตาลที่กินได้คือน้ำตาลจากธรรมชาติ ถ้าหากว่าผ่านการสกัดแล้วก็อย่าให้ฟอกขาว อย่างเช่นน้ำตาลทรายแดง เป็นต้น แต่ก็ไม่ใช่กินแบบไม่บันยะบันยัง พระพุทธเจ้าท่านสอนให้มีโภชเนมัตตัญญุตา รู้ประมาณในการกินอย่างหนึ่ง สอนให้มีมัชฌิมาปฏิปทา รู้ความพอเหมาะพอควรพอดีอย่างหนึ่ง อะไรที่เกินพอดีต่อให้ดีแค่ไหนก็เป็นโทษทั้งนั้น เพราะฉะนั้น...กลับบ้านไปทุบกระปุกน้ำตาลทิ้งได้แล้ว ถ้าคุณสามีหรือคุณภรรยาโวยวายหา ก็บอกว่าไปหากินข้างนอกบ้านโน่น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 12-08-2018, 21:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะหลังหลังพอประชุมพระสังฆาธิการ เจอหน้ากันทีไรเพื่อนพระก็โวยทุกที “ทำไมอาจารย์เล็กรักษาหุ่นจริงวะ ?” ท่านว่าอย่างนั้น อาตมาก็ไม่ได้รักษาอะไร แค่หลังเพลไปแล้วไม่ฉันอะไรนอกจากน้ำร้อน ยกเว้นว่าหมอสั่ง อย่างเช่นมีอยู่ระยะหนึ่งต้องฉันกระเจี๊ยบตอนประมาณ ๕ โมงเย็น จำนวน ๕ ฝัก กระเจี๊ยบเขียวเผา หมอบอกว่าช่วยรักษาโรคกระเพาะกับความดันด้วย ฉันอยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ เล่นเอาท้องร้องจ๊อกไปเลยเหมือนกัน เพราะว่าให้อาหาร ถึงจะแค่หน่อยเดียว คือประมาณนิ้วมือ ๕ นิ้ว ฝักหนึ่งก็แค่นี้ คราวนี้พอลงไปแล้วก็ไปกวนกระเพาะให้รู้ว่ามีอาหาร

เพราะฉะนั้น...ถ้าหากว่าญาติโยมอยากลดน้ำหนักไม่ยากหรอก ทำแบบอาตมา หลังเที่ยงไปแล้วก็เหลือแต่น้ำร้อนอย่างเดียว...จบ รับประกันว่าเดือนหนึ่งลดได้ ๔-๕ กิโลกรัมเป็นเรื่องปกติ

ส่วนใครที่เป็นนักปฏิบัติมานานแล้วไม่ก้าวหน้า ก็ฉวยโอกาสรักษาศีล ๘ หลังเที่ยงแล้วไม่กินอะไรยกเว้นน้ำ ฉวยโอกาสลดน้ำหนักไปด้วย ปฏิบัติธรรมไปด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว พอถึงเวลาเพื่อนชวนกินข้าวเย็นก็บอกไปว่า "อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก ไม่กินหรอก" อย่าไปบอกเขาว่ารักษาศีล ๘ ไม่อย่างนั้นเขาจะว่าบ้า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 12-08-2018, 21:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครจะทำบุญหล่อพระพุทธเจ้าน้อยก็มาได้เลย มาร่วมบุญกัน มีซองหล่อพระของอาจารย์อาตมาเหลืออยู่ ต่อไปมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน เจ้าคุณอาจารย์ท่านเพิ่งจะหัดเป็นเจ้าอาวาส ท่านบอกว่า “ผมเป็นมือใหม่หัดขับ อาจารย์พระครูช่วยผมด้วย”

แต่จะว่าไปแล้วถือเป็นความโชคดีของญาติโยมทางด้านสามง่าม วัดสามง่ามสมัยก่อนเจ้าอาวาสรูปแรกเลยก็คือหลวงพ่อเต๋ เป็นพระเกจิอาจารย์ดังระเบิดเถิดเทิง ถามว่าดังเรื่องอะไร ? ดังเรื่องตะกรุดกับกุมารทอง ถามว่าหลวงพ่อเต๋ดังเรื่องตะกรุดขนาดไหน ? ดังขนาดไม่มีวัสดุจะทำตะกรุด ต้องไปตัดเอากระดาษถุงปูนมาลงอักขระแล้วทำตะกรุด ม้วน ๆ ให้โยมไปใช้

ถ้าได้ยินว่าตะกรุดถุงปูนนี่อย่าหัวเราะนะ ท่านไม่มีอะไรเหลือไว้ทำตะกรุดแล้ว ต้องเอาถุงปูนก่อสร้างนั่นแหละมาทำ แบบเดียวกับหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย สมัยก่อนไม่ได้มีร้านค้าให้ซื้อวัสดุมากมายแบบสมัยนี้ พอไม่มีวัสดุ หลวงพ่อแก้วก็โน่นเลย...เอาสังกะสีมุงหลังคามาตัดทำตะกรุด ญาติโยมก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าทำด้วยวัสดุอะไร ขอให้รู้ว่าหลวงพ่อทำ กูใช้ทั้งนั้นแหละ แล้วก็ขลังจริงเสียด้วย

ถัดมาก็หลวงพ่อแย้ม ส่วนใหญ่แล้วเขาเรียกหลวงปู่แย้ม เพราะว่าตอนท่านมรณภาพอายุเป็นร้อยเลย ผ่านสองเจ้าอาวาสเกือบ ๒๐๐ ปี เจ้าอาวาสรูปที่ ๓ คือท่านเจ้าคุณสมัย (พระศรีธีรวงศ์) เป็นอาจารย์สอนกรรมฐานให้อาตมาตอนเรียนปริญญาตรี อาตมาก็ดีใจ เพราะว่าอย่างน้อยก็ได้พระกรรมฐานมาประคองวัดต่อไป แล้วท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอด้วย เป็นเจ้าคุณด้วย ก็เลยบอกว่า "ท่านเจ้าคุณอาจารย์ย้ายจากวัดเดิมเถอะ ไปอยู่วัดนี้แหละ" ท่านถามว่า "จะดีหรือครับ ? คนในพื้นที่เขามีอยู่" ก็บอกไปว่า "ท่านเจ้าคุณอาจารย์เป็นเจ้าคณะอำเภอ ถ้าไม่ตั้งคนอื่นเสียอย่างแล้วใครจะมาเป็นเจ้าอาวาสได้ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 13-08-2018, 09:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตั้งแต่เหรียญท้าวเวสสุวรรณดังขึ้นมา คนก็แทบจะแขวนเหรียญท่านจนลืมไปว่า ด้านหน้าคือรอยพระพุทธบาท อย่างไรก็นึกถึงพระไว้ก่อนนะ แล้วค่อยนึกถึงท่านท้าวเวสสุวรรณ

คาถาบูชาที่ว่า เวสสะ ภุสสะ นั่นเป็นหัวใจพระคาถา มีบางคนไปหาอาจารย์บ๊ะแล้วท่านบอกว่าไม่มีคำนี้อยู่ ท่านก็จารลงให้ในเหรียญ ขอบอกว่าโปรดระวังไว้...ตัวคาถานี่ถ้าเราภาวนาหรืออาราธนาจะเป็นการเติมเต็มพอดี ก็เหมือนกับเตรียมพร้อมที่จะใช้งาน แต่ถ้าไปจารใส่เหรียญเหมือนกับปืนขึ้นลำอยู่ตลอดเวลา เผลอเมื่อไรเดี๋ยวก็ทำปืนลั่น เพราะฉะนั้น..มีคาถากำกับอยู่แล้ว แต่คราวนี้ท่านดูในเหรียญเห็นว่าไม่มีอักขระตัวนี้ ท่านก็เลยจารให้แทน

ลูกศิษย์ครูบาหน่อแก้วฟ้าเอารถไปลงข้างทาง เละทั้งคัน ปรากฏว่าคนขับไม่เป็นอะไร รอยขีดข่วนสักนิดก็ไม่มี ถ่ายรูปเหรียญท้าวเวสสุวรรณมาโชว์เพื่อน คราวนี้ก็แย่งกันเข้าไปสิ พอดีมีเรื่องของนักฟุตบอลทีมหมูป่าเชียงรายไปติดในถ้ำ ท่านผู้ว่าณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ก็พกท้าวเวสสุวรรณไปเพื่อที่จะค้นหาทีมหมูป่า ก็เลยยิ่งดังกันเข้าไปใหญ่ อย่าลืมที่ท่านให้พรไว้นะ ถ้าตั้งใจปฏิบัติเพื่อความเป็นพระโสดาบันจริง ๆ ท่านจะให้บริวารตามคุ้มครองตลอดชีวิต"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 13-08-2018, 09:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของกล้องวงจรปิดจะว่าไปแล้วไม่ได้ป้องกันเหตุร้ายโดยตรง แต่เป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ ก็คือพอเกิดอะไรขึ้นแล้วก็มาเปิดดู โดยเฉพาะถ้าเป็นกล้องของวัดท่าขนุนนี่แก้ที่ปลายเหตุล้วน ๆ เลย เพราะว่ารอบวัดมีกล้อง ๕๐ ตัว แต่คนมองไม่เห็น กล้องตัวเล็กมาก จะเห็นอยู่ชุดเดียวก็คือชุดอยู่ที่ตรงรอยต่อระหว่างกุฏิเจ้าอาวาสกับทางด้านกุฏิเตชะไพบูลย์ เพราะว่าตรงจุดนั้นไม่มีที่ให้ซ่อน ก็เลยต้องทำแท่นติดไว้ให้เห็น นอกนั้นหาไปเถอะ ๕๐ ตัว มองไม่ค่อยเห็นหรอก

โดยเฉพาะในศาลาใหญ่มี ๑๒ ตัว ญาติโยมไม่รู้หรอกว่าทำอะไรก็ออกสื่อไปหมด กล้องที่วัดเคยจับขโมยไป ๒ ครั้งแล้ว ชัดเจนดีมาก ไม่รู้เขาเรียกว่าระบบอะไร แต่ชัดอย่างกับตาเราเห็น ส่วนใหญ่กล้องวงจรปิดจะเห็นไม่ค่อยชัด จะเบลอ ๆ แล้วที่แน่ ๆ ก็คือ อาตมาสงสัยเหมือนกันว่าทำไมของเราราคาไม่กี่สตางค์ ทั้งหมด ๕๐ ตัวพร้อมกับ Hard disk ๒ TB อีก ๖ ตัว รวมกันแล้วแค่ ๓ แสนกว่าบาท ได้ยินว่ากล้องของรัฐสภาตัวหนึ่งก็ ๑๔๐,๐๐๐ บาทเข้าไปแล้ว แสดงว่าของเราบริษัทขายไม่เป็น หรือว่าของวัดเราไม่มีเงินทอน ไม่อย่างนั้น ๕๐ กว่าตัวของอาตมาถ้าเข้าสภาก็ซื้อได้แค่ ๒ ตัว ตัวที่ ๓ คงจะได้สักครึ่งเดียวเท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 15:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 13-08-2018, 19:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การสร้างจีวรพระสุปฏิปันโนให้บูชา ?
ตอบ : ช่วงนั้นเทคโนโลยีการสร้างอะไรก็ยาก กว่าจะปั๊มวงเอาจีวรออกมาให้ติดได้นี่ยุ่งอย่าบอกใคร ตอนหลังที่มีไมโครเวฟออกมา พี่อรรณพถึงได้ทำพระรุ่นสังฆาฏิได้ เอาสังฆาฏิไปอบจนกรอบแล้วถึงบดเป็นผง ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ทำไม่ได้ แต่ไมโครเวฟช่วยได้

พวกนี้บางทีจะว่าไปแล้วอยู่ที่คน แบบเดียวกับเรื่องเป่ายันต์เกราะเพชร ถ้าหากว่าอาตมาไม่ไปดิ้นรนเอาไว้ตามที่หลวงพ่อท่านสั่งก็เจ๊งเลย เพราะว่าท่านสั่งให้พระทั้งวัดครอบครู แต่คณะกรรมการสงฆ์คิดอย่างไรก็ไม่รู้ ปรึกษากันเสร็จแล้วบอกว่า หน้าที่เป่ายันต์เป็นเรื่องของหลวงพ่อ ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเรา เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปครอบครูหรอก

ท่านสั่งให้พระทั้งวัดครอบครูเลยนะ ท่านบอกว่าให้ภาวนาจับภาพพระให้เป็นปกติ แล้วก็ทำขันครูมา ปรากฏว่ากรรมการสงฆ์สั่งห้าม ส่วนอาตมานี่อะไรที่ท่านสั่งกูจะทำด้วยชีวิต แค่ห้ามนี่ห้ามกูไม่ได้หรอก ก็เลยไปขอป้าศุทำพานให้ ท่านชาติชายรุ่นน้องก็ตามไปด้วย ป้าศุมองหน้าถอนหายใจเฮือก “สองคนรวมกันยังไม่ได้ ๑๐ พรรษาเลยหลวงพี่” ตอนนั้นอาตมา ๗ พรรษา ท่านชาติชาย ๒ พรรษา “เดี๋ยวโยมทำให้พระผู้ใหญ่ที่รับใช้หลวงพ่ออยู่ใกล้ ๆ ในศาลา ๑๒ ไร่ด้วยก็แล้วกัน ถึงเวลาจะได้ไม่ต้อง "โดน" คนเดียว”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 20:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 13-08-2018, 19:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ท่านอรรณพบอกว่า พระอาจารย์เล็กใกล้ชิดหลวงพ่อ เป็นคนในสมัยนั้นที่ได้ศึกษาวิชาของหลวงพ่อมาเยอะที่สุด ?
ตอบ : อาตมาเองจะว่าเรียนจริง ๆ ก็ไม่ใช่เรียนหรอก โดนหลวงพ่อหลอกมากกว่า ก็คือตอนช่วงนั้นเพิ่งจะวัยรุ่น อยากเก่ง อยากดัง ท่านก็เลย “เอาคาถาบทนี้ไปลูก มีผลอย่างนี้ ๆ ๆ ไปภาวนาไว้ อย่าลืมจับลมหายใจเข้าออกครั้งละครึ่งชั่วโมง แล้วรักษาศีล ๕ ด้วยนะลูก ไม่อย่างนั้นจะไม่ได้ผล” ก็ทำไป พอได้ผลวิ่งไปรายงานท่าน “เออ..ดี ๆ ๆ เดี๋ยวเอาบทนี้ไป บทนี้เป็นอย่างนี้ ๆ ไปทำต่อ” กว่าจะรู้ก็โดนท่านหลอกให้ภาวนาจนติดแล้ว ครูบาอาจารย์ท่านรู้จริง ๆ ว่าลูกศิษย์ชอบแบบไหน ท่านก็หลอกให้ทำไปเรื่อย ๆ ส่วนอาตมาเองพอถึงเวลาไปรายงานผลว่า "ผมทำได้แล้วครับ เป็นอย่างนี้อย่างนี้ ๆ" “เออ..ดี ๆ ลูก เดี๋ยวเอาบทนี้ไป ไปทำต่อ” ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้จะได้มาใช้งานจริง ๆ

คนอื่นเขาไม่เอากัน โดยเฉพาะสมัยนั้นหลวงพี่โอ หลวงพี่นันต์ หลวงพี่ทีป เวลาออกกิจนิมนต์จะต้องไปด้วยกัน เพราะว่าชาวบ้านเขาเจาะจงมา พอถึงเวลา “เอ้า...เล็ก..เจิมบ้านให้เขาหน่อย” “เอ้า...เล็ก..ถอนศาลให้เขาหน่อย” ตูจะบ้า...! หัวแถวไม่ขยับเลย หันมาสั่งทางท้าย จนกระทั่งบางทีอาตมาก็เหนื่อยเต็มทีแล้ว บอกว่า “อะไรกันวะ ? หลวงพี่อยู่กับหลวงพ่อกันมาเป็นสิบ ๆ ปี ไม่เอาอะไรเลยหรือ ?” “เป็นแล้วมันเหนื่อย” ท่านว่าอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 20:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 13-08-2018, 19:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สองพรรษาแรกอาตมาออกกิจนิมนต์ไม่มีเว้นเลย เพราะว่าพระวัดท่าซุงส่วนใหญ่แล้วชอบภาวนา ไม่ชอบสวดมนต์ ในเมื่อสวดมนต์ไม่ได้ท่านก็ไม่กล้าออกกิจนิมนต์ เพราะว่าอายชาวบ้านเขา ส่วนอาตมาไปเป็นนาคอยู่วัด ๓๗ วัน ล่อมนต์พิธีหมดทั้งเล่มเลย บวชเสร็จก็ออกงานได้แล้ว ท่านโน้นเห็นสวดได้ก็ “เออ...เล็กไปแทนหลวงพี่หน่อย” ท่านนี้ก็ “ท่านเล็ก..ไปแทนผมที” ก็ไปแทนเขาไปเรื่อย

มีอยู่บ้านหนึ่ง บ้านเดียวไป ๑๘ ครั้ง..! ไปตั้งแต่สวดต่อนาม ก็คือต่ออายุคนตาย เสร็จแล้วก็สวดอภิธรรมตลอด ๗ วัน ประเภทสวดมนต์เย็นฉันเช้า ครบรอบ ๕๐ วัน ก็สวดมนต์เย็นฉันเช้า ครบรอบ ๑๐๐ วัน ก็สวดมนต์เย็นฉันเช้า บ้านเดียวไป ๑๘ ครั้ง ไปเสียจนกระทั่ง
จำได้หมดทุกซอกทุกมุมของบ้านเขาเลย

ไปตั้ง ๑๘ รอบ ไม่ใช่คิวตัวเองด้วยนะ แต่ว่าไปแทนรุ่นพี่เขา พอถึงเวลาคนเขาเห็นไม่มีชื่อ “เอ้า...ท่านเล็กไปแทนผมที” เป็นอะไรที่ต้องบอกว่าสะใจจริง ๆ ไปอยู่ ๒ ปีเต็ม ๆ ออกได้ทุกวัน จนกระทั่งมั่นใจว่าแต่ละงานมีพิธีกรรมอย่างไรบ้าง แล้วเขาสวดบทไหนบ้าง จะเป็นงานแต่ง งานศพ ขึ้นบ้านใหม่ ฯลฯ เป็นหมดแล้ว ก็เริ่มให้รุ่นน้องไปแทน “เอ็งไปศึกษาบ้าง”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2018 เมื่อ 20:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 13-08-2018, 21:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระคาถาเงินล้าน เขาบอกว่าที่สวดกันทุกวันนี้ยังไม่ครบบท ต้องขึ้น "ปาสุอุชา" ก่อน ?
ตอบ : อยู่ที่ความมั่นใจของเรา อย่าลืมนึกถึงพระก็แล้วกัน โดยเฉพาะว่าต้องทำจริง ๆ คาถาเงินล้านเป็นส่วนที่อาตมาทุ่มเวลาให้ไป ๓ ปีเลย ด้วยความรู้สึกตอนนั้นว่า สมัยหลวงปู่ปานก็มีนายห้างประยงค์ ตั้งตรงจิตร มีนายแจ่ม เปาเล้ง เป็นตัวอย่าง ทำไมสมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงไม่มีตัวอย่างวะ ? ในเมื่อไม่มีตัวอย่างเราทำเองก็ได้ ก็ใส่เองไปเลย

ตอนแรกก็วันละ ๙ จบ ไป ๆ มา ๆ ก็เพิ่มเป็น ๓๐ จบเพราะหลวงตาวัชรชัยบอก
ว่า “ข้าชอบบารมี ๓๐ ทัศ ข้าเอา ๓๐ จบ” พอได้ยินเท่านั้นแหละอาตมาก็เลยเพิ่มไปอีกหนึ่งศูนย์ กลายเป็น ๓๐๐ จบ ก็ไล่ไปเลย จนกระทั่งสูงสุดนี่ตั้งแต่ตี ๓ ยันหนึ่งทุ่ม ได้ประมาณ ๑,๒๐๐ จบ แต่ว่าภาวนาจริง ๆ นะ ไม่ใช่ประเภทจ้ำ ๆ ให้จบ ทำอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ นับจนประคำขาดนับครั้งไม่ถ้วน ทุกวันนี้เขาก็ถามว่าทำไมทำอะไรคล่องตัวไปหมด ? บอกว่า อ๋อ...ลงทุนมา ๓ ปีแล้ว

ถาม : ตอนนี้ที่ทำคือเก็บกำไรหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ตอนนี้มีทางเดียวก็คือรอรับปันผล ลงทุนไว้เยอะ ตอนนี้รอปันผลอย่างเดียว ของพวกนี้นอกจากพี่ ๆ เขาไม่มีความสนใจจะทำแล้ว ที่สำคัญคือไม่มีความอดทน เพราะว่าต้องทำไประยะหนึ่งถึงจะเกิดผล

แบบเดียวกับกสิณ ถึงเวลา ๒ เดือนแรกนี้ยังไม่ได้อะไรหรอก แต่ต้องอดทนทำเช้า กลางวัน เย็น ทำไปเรื่อยจนกระทั่งจับจุดได้ว่า ทำอย่างไรที่ภาพจะติดตาได้ง่ายที่สุด ทำอย่างไรเราถึงจะประคองภาพเอาไว้โดยที่ทำอย่างอื่นได้ด้วย คุยไปได้ด้วย อะไรอย่างนี้ ใช้เวลานาน แต่พอทำได้กองหนึ่ง ที่เหลือก็เหมือนกันแล้ว เพียงแต่เปลี่ยนคำภาวนากับเปลี่ยนวัสดุแค่นั้น เขาไม่ค่อยอดทนทำกัน พอถึงเวลาก็มานั่งมองความสำเร็จของคนอื่น ไปมองสมบัติเศรษฐีแล้วมีประโยชน์อะไร ? นั่นสตางค์ของเขา ไม่ใช่สตางค์ของเรา


ถาม : ต้องมีเคล็ดลับอะไรบางอย่างด้วย ?
ตอบ : ก็ต้องศึกษาไปด้วย ศึกษาไปแล้วถึงจะได้เทคนิคของตัวเอง แบบเดียวกับที่อาตมาบอกกับพระใหม่ท่านว่า ผมทำอะไรยิ่งทำจะยิ่งง่าย จะยิ่งรวบรัดไปเรื่อย ๆ เพราะว่าผมไม่ชอบของยาก แต่พวกคุณกลายเป็นยิ่งทำก็ยิ่งยาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2018 เมื่อ 10:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 13-08-2018, 21:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมถวายเหรียญเงิน "เหรียญดีนาร์ของซาอุดิอาระเบียนี่เงินแท้นะ เงินแท้ ๆ เลย เขาส่งมาให้สร้างพระเสียเยอะแล้ว รวยจนไม่รู้ว่าจะทำอะไร ดูอย่างประเทศโอมาน ของเขาเหรียญหนึ่งเท่ากับของเรา ๑๐๖-๑๐๘ บาท ใหญ่กว่าเงินดอลลาร์สามเท่าตัว ใหญ่กว่าเงินปอนด์อีก เราไปคิดว่าเงินปอนด์ใหญ่ เงินตะวันออกกลางใหญ่กว่าเยอะ

เศรษฐกิจมั่นคง ไม่มีเรื่องภายนอก ไม่มีเรื่องภายใน เงินก็ใหญ่ แข็งค่าไปเรื่อย ๆ ของเราไปนี่ไม่ไหว ร้อยกว่าบาทยังไม่ได้กินข้าวเลย ไปอังกฤษทีหนึ่ง ดูตลอดเมนูแล้วจิ้มไอ้ที่ถูกที่สุดนี่จานละ ๑๓ ปอนด์ครึ่ง โอ้พระเจ้า...กินไปทีหนึ่ง ๘๐๐ บาท ถูกที่สุดจานละ ๘๐๐ บาทไม่พอยาขี้ฟันด้วย น้ำชากาหนึ่ง ๓ ปอนด์ ๒๐๐ กว่าบาท น้ำชากาเล็ก ๆ เอง

ลูกเจนนี่มาบอกว่า “หลวงพ่อ..เดี๋ยวหนูจบแล้วทำงานสัก ๒ ปี หนูจะไปต่อโทอังกฤษนะคะ” “คิดให้ดีนะ เงินเขาแพงมากเลย” “แต่โทเรียนปีเดียวค่ะหลวงพ่อ” “เออใช่..โทเรียนปีเดียว แต่ก็ยากโคตรเลย” ไปถึงนี่เขาถามว่าคุณสนใจเรื่องไหน ? กำหนดหัวข้อมาเลย เสร็จสรรพเรียบร้อยไล่เราเข้าห้องสมุดไปทำเลย ไปค้นเอาเอง ค้นเสร็จแล้วก็นำมาเสนออาจารย์

เด็กต่างประเทศอย่างอังกฤษไม่ใช่ว่าเข้าอินเตอร์เน็ต เขาไล่ไปเข้าห้องสมุดเลย หนังสือทุกเล่มที่คุณเอามาอ้างอิง คุณต้องมีอยู่ในมือ พูดง่าย ๆ ก็คือถึงเวลาต้องรีบไปจองห้องสมุด วันนั้น เวลานั้น เราจะต้องยืมเพื่อเอามาให้อาจารย์ดู อ้างอิงเล่มไหน ? หน้าไหน ? เปิดมาเสียดี ๆ เราไปเที่ยวอังกฤษนี่จะเห็นว่า พวกเด็กวัยรุ่นทำไมเข้าแถวหน้าห้องสมุดยาวเป็นไมล์ ? เพื่อไปยืมหนังสือ บ้านเราเอะอะก็ Copy จากอินเตอร์เน็ตเอามาส่ง เละเทะไม่เป็นท่า เพราะว่าลอกมาแปะ ๆ ไม่ได้ต่อเนื่องกันเลย

วันก่อนถึงได้ด่านิสิตไปว่า "พวกคุณตั้งใจเรียนให้จบ ไม่ใช่เรียนให้รู้ เพราะว่าการเรียนให้จบอย่างเดียว ความรู้ของเราจะด้อยลงไปทุกวัน ๆ ลองนึกดูว่าถ้าหากว่าครูบาอาจารย์ท่านให้มา ๑๐๐ % แล้วคุณจะเรียนแค่ให้จบ อย่างดีคุณก็ได้มาแค่ ๕๐ % แล้วถ้าคุณไปสอนลูกต่อ แล้วลูกมีความประพฤติเหมือนกับคุณก็ได้แค่ ๒๕ % ถ้าลูกไปสอนลูกของเขาคือหลานของคุณต่อ แล้วหลานจะได้เท่าไร ? ปัญญาอ่อนเลยนะนั่น..!"

บางทีต้องด่าแรง ๆ เขาถึงจะรู้สึกกัน อาตมาเองพอถึงเวลาเรียนหนังสือ ลาออกจากเจ้าคณะตำบลเพื่อที่จะมาเรียน เพื่อน ๆ ก็ว่า “เฮ้ย...อย่าไปลาออก ให้เลขาฯ ทำงานแทนก็ได้” แล้วจะไปนั่งถ่างขาไว้ทำไม ? ทำก็ได้ไม่เต็มที่ เรียนก็ได้ไม่เต็มที่ ก็เอาสักอย่างหนึ่งไปเลยสิ พอถึงเวลาจบมาเขาก็คืนตำแหน่งให้ เพราะว่าไม่มีคนที่เหมาะสมกว่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2018 เมื่อ 10:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 13-08-2018, 21:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถึงเวลาเราทำอะไรต้องทำจริง ที่เสด็จในกรมหลวงชุมพรท่านลงไว้หลังเหรียญท่านว่า กะยิรา เจ กะยิราเถนัง ทำอะไรทำให้จริง ไม่เห็นหรือว่าท่านเป็นฆราวาสแท้ ๆ ประสบความสำเร็จเรื่องการศึกษาอภิญญาสมาบัติ ไสยเวทย์อาคมระดับเกจิอาจารย์เลย ก็เพราะว่าท่านทำจริง ถึงเวลาก็สักยันต์ อาบน้ำว่าน

ในหลวงรัชกาลที่ ๖ ที่ถือว่าเป็นพี่ ก็ถามแบบหยอกเล่น “เป็นอย่างไรอาภากร ไปเรียนวิชาพวกนี้ตั้งใจจะกบฏใช่ไหม ?” ท่านเลยบอกว่า “ถ้าความคิดที่จะชิงราชบัลลังก์มีอยู่ในใจแม้แต่น้อยหนึ่ง ขอให้พระอย่าได้คุ้มครองเลย” แล้วท่านก็ชักอาวุธปืนใส่เข้าปากเหนี่ยวไกให้ดูเลย ไม่ลั่นสักนัด ประกาศให้เห็นชัด ๆ เลย ไม่ต้องมาระแวงผม ที่เรียนเพราะผมชอบ ไม่ได้เรียนเพื่อที่จะมาชิงราชสมบัติ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2018 เมื่อ 10:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 14-08-2018, 08:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,110
ได้รับอนุโมทนา 4,400,223 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ทำอะไรทำให้จริง ลำบากก่อนแล้วสบายเมื่อปลายมือ สมัยนั้นอยู่วัดท่าซุง กลางคืนอาตมาจะนอนเมื่อไรอยู่ที่ว่าหมดแรงเมื่อไร ก็คือปฏิบัติไปเรื่อย เดินจงกรม ภาวนา สลับกันไปสลับกันมา ส่วนใหญ่ก็ไปอยู่ในป่าช้า อยากทดสอบตัวเองว่ากลัวไหม ?

ตามดูอยู่เป็นปี ๆ กว่าจะรู้ว่าความกลัวทั้งหมดมาจากความกลัวตาย อย่างกลัวผี ผีจะมาทำอะไร ? มาหลอก เดี๋ยวมาบีบคอเรา..ตาย กลัวเสือ เสือจะมาทำอะไร ? กัดเรา..เดี๋ยวเราตาย กลัวงู งูมาทำอะไร ? มากัด..เดี๋ยวเราตาย ทุกอย่างมาลงตรงตัวตายหมด กลัวแมลงสาบอย่างนี้ ลองดูสิว่าอ้อมไปไกลมากเลยนะ เห็นแมลงสาบแล้วขยะแขยงทนไม่ได้ ถ้าหากว่าอาการหนักมาก ๆ ก็ถึงตาย..! ท้ายสุดลงตรงตายหมด แค่ตายเรื่องเดียวอาตมาตามดูอยู่เป็นปี ๆ

สวนไผ่ ๖ ไร่นั่นเป็นที่อยู่เลย อย่างน้อย ๆ วันหนึ่งก็ ๖ ชั่วโมงอยู่ในนั้น เพราะว่าเข้าเวรหน้าตึกหลวงพ่อ ๖ ชั่วโมง พอถึงเวลาหลวงพี่ไพบูลย์มาเปลี่ยน หรือว่าหลวงน้ามีชัยมาเปลี่ยน อาตมาก็หายแวบเข้าไปข้างใต้นั่นแหละ ไม่ต้องมาหากูหรอกจนกว่าจะทำวัตรเย็น ทำวัตรเสร็จสรรพเรียบร้อยหายไปอีกแล้ว พูดง่าย ๆ ว่าเหี้ยกี่ตัว งูเหลือมกี่ตัว ที่อยู่ข้างใต้นี่รู้จักกันหมด อยู่เสียจนกระทั่งกลายเป็นพวกเดียวกันไปแล้ว

จำเป็นต้องรักษาอารมณ์ให้ต่อเนื่อง แล้วประสบการณ์ที่ชอกช้ำมากที่สุดก็คือ พออารมณ์ใจดีแล้วก็พลิกเลย จากเทวดาเป็นหมาไปเลย โดนเข้าหลาย ๆ ครั้งแล้วจะเข็ด พวกเราทุกวันนี้ที่ยังเอาดีไม่ได้เพราะว่ายังไม่เข็ด ถ้าเข็ดแล้วจะเริ่มเอาดีเอง กูจะไม่ปล่อยให้หลุดไปอีกเด็ดขาด...! ขนาดตั้งปณิธานไว้แบบนั้นนะ บางทีประคองเอาไว้ทั้งหลับ ทั้งตื่น ทั้งยืน ทั้งนั่ง เดือนหนึ่ง สองเดือน สามเดือน ทรงอารมณ์ไม่มีหลุดเลย เผลอหน่อยเดียวหลุดอีกแล้ว หลุดตรงไหนไม่รู้ตัวด้วย โอ้โฮ...กว่าจะตามเจอแต่ละอย่างแทบตายเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2018 เมื่อ 10:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:41



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว