กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 27-03-2011, 13:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าจะขอสมบัติจากท่านท้าวมหาราช ต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็ไปหาท่านสิ..!

ถาม : สงสัยต้องไปถ้ำมรกตค่ะ
ตอบ : ตอนนี้พระครูแสงจะรับอาสาโยมหรือตามโยมไปก็ไม่รู้ ไปที่ภูเขาทอง เขากำลังจินตนาการบรรเจิดว่าจะเช่าช้างของชาวบ้านขี่เข้าไป


ถาม : หลวงพี่แสงท่านรู้ทางหรือครับ ?
ตอบ : บอกท่านไปนานเนกาเลแล้ว มีโยมอยู่คนหนึ่ง เขาอยากได้ทองมาก อาตมาบอกว่าไปเอาได้เลย บอกทางให้เขาไป ปรากฏว่าพอไปแล้วต้องถอยกลับมาไม่เป็นขบวน เพราะว่าเจอทาก มีทากชนิดหนึ่งเรียกว่า ทากตอง อยู่บนต้นไม้ พอเราเดินผ่านก็จะพุ่งลงมาใส่

เจออย่างนั้นก็ถอยกลับมาไม่เป็นขบวนเลย ตามสำนวนของลิลิตตะเลงพ่ายว่า "หนีญะญ่าย พ่ายจะแจ" พอเขารวบรวมความกล้าได้อีก ก็จะไปใหม่ เขาคิดว่าในเมื่อไม่ได้หลวงพี่ไป ก็เอาหลวงน้องไปแล้วกัน หารู้ไม่หลวงน้องนั่นแหละเป็นสายล่อฟ้าเลย ไปที่ไหนจะต้องมีเรื่อง ถ้าไม่มีเรื่องกับคน ก็ต้องมีเรื่องกับผี คาดว่าไม่น่าจะรอดกลับมา..!

ตรงนั้นสิ่งที่อันตรายที่สุดไม่ใช่ผีและเทวดา แต่เป็นสัตว์ที่ไม่รู้จักอยู่ ๒ ตัว บอกไม่ถูกว่าเป็นตัวอะไร อาตมาไปนอนที่นั่น เอาจีวรคลุมโปงอยู่ข้าง ๆ กองไฟ พอดึก ๆ เขามา ความจริงอาตมานอนอยู่ข้างลำธาร เสียงน้ำในลำธารไหลน่าจะกลบเสียงอื่นหมด แต่เขามาแล้วทำให้เรารู้สึกตัวตื่น เพราะเวลาเขาเดินแผ่นดินจะสะเทือน น้ำหนักตัวเขามาก

พอมองลอดจีวรออกมาก็คือผ้าจีวรบาง พอที่จะมองผ่านผ้าไปได้ เห็นว่าเขายืน ๒ ขาอยู่ แต่ความสูงน่าจะถึง ๓-๔ เมตร ขอยืนยันว่าเป็นสัตว์แน่นอน เพราะติดต่อด้วยกำลังใจแล้วเขารับไม่ได้ แสดงว่าไม่ใช่พวกในเขตทิพย์ คราวนี้การที่เขายืน ๒ ขาเลยไม่รู้ว่าเป็นคน ? เป็นหมี ? หรือเป็นลิง ? เขาก็มาจิ้ม ๆ ชี้ ๆ ว่า ตัวเล็ก ๆ อะไรสองตัวมานอนเกะกะอะไรอยู่ตรงนี้ แล้วสักพักหนึ่งเขาก็เดินขึ้นไปทางภูเขาทอง

เกรงว่าถ้าไปเจอเจ้าสองตัวนี้ขึ้นมา เกิดเขาอารมณ์ร้ายแล้วเดี๋ยวจะซวย เพราะเรื่องผีเรื่องเทวดาเราเจรจากันได้ แต่กับสัตว์นั้นเจรจายาก โชคดีที่ว่าวันนั้นตั้งใจสร้างกำแพงกั้นเอาไว้ก่อน ใช้คาถาอิติปิโส ๘ ทิศ เสกหิน ๘ ก้อน โยนไป ๘ ทิศ แต่ต้องอธิษฐานว่า เมื่อได้อรุณแล้ว ขอให้เสื่อมอานุภาพ ไม่อย่างนั้นแล้ว เขตนั้นจะไม่มีใครสามารถเข้าออกได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-03-2011 เมื่อ 13:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 27-03-2011, 14:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ประวัติศาสตร์พม่ากับประวัติศาสตร์ไทย ตรงกันไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ค่อยตรงกัน อย่างทางพม่าเขาระบุว่า พระนเรศวรมหาราชโดนทางพม่าทำไสยศาสตร์ถึงแก่ความตาย คือทางพม่าเขาจะเชื่อเรื่องเคล็ดลางไสยศาสตร์มาก แต่ของไทยบอกว่าพระนเรศวรเป็นฝีลักษณะติดเชื้อเหมือนเป็นบาดทะยัก

แปลกตรงที่ว่า ประวัติศาสตร์อาจจะสูญหายไป ช่วงเสียกรุงครั้งที่ ๒ เลยไม่มีเนื้อหาที่ระบุชัดเจนว่า มีการอัญเชิญพระบรมศพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาที่เมืองไทย หรือว่าทำการปลงพระศพกันที่พม่า ? ก็เลยมีคนพยายามที่จะโยงประวัติศาสตร์

โดยเฉพาะที่เมืองหางนั้น มีพระเจดีย์องค์หนึ่งชื่อเจดีย์พระนเรศวร เขาเชื่อว่าเป็นที่บรรจุพระอัฐิของท่าน ทีนี้เราลองมาคิดดูว่า ทหารไทยไปเป็นหมื่นเป็นแสน จะเอาศพเจ้านายคนเดียวกลับมาไม่ได้หรืออย่างไร ? ยิ่งเจ้านายที่เป็นศูนย์รวมจิตรวมใจของคนทั้งประเทศ เราลองคิดดูว่า ถ้าเป็นเราไปกันขนาดนั้นจะเผาศพเจ้านายที่ต่างประเทศหรือ ?

ถาม : ใครเป็นคนสร้างเจดีย์พระนเรศวร?
ตอบ : สมัยนั้นเวลาไปที่ไหน ส่วนใหญ่เขามักจะสร้างสิ่งที่ระลึกเอาไว้ แบบเดียวกับพระนางเจ้าจามเทวี ท่านไปถึงที่ไหนก็สร้างวัดไว้ตรงนั้น เดินทางจากลพบุรีกว่าจะถึงหริภุญชัย ก็สร้างวัดไว้เป็นร้อยวัด

ทางพม่าเขานิยมสร้างเจดีย์ ทหารไปกันตั้งเยอะตั้งแยะ ก่ออิฐกันคนละก้อน ก็เสร็จแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-03-2011 เมื่อ 18:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 27-03-2011, 14:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ที่อัศจรรย์อย่างหนึ่ง คือ พระมหาธาตุมุเตา (มุเตา แปลว่าจมูกร้อน) พม่าเรียก ชุยมอดอ เป็นเจดีย์องค์เดียวในพม่า ที่มียอดฉัตรแบบไทย เพราะว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยกยอดฉัตรถวายเอาไว้ตอนที่ไปตีหงสาวดี

ได้ถามทางด้านฝั่งพม่าเขาว่า ทำไมถึงไม่เปลี่ยนยอดฉัตรกลับไปเป็นแบบพม่า ? เพราะถ้าปล่อยเอาไว้ เท่ากับว่าเป็นการตอกย้ำว่าคนไทยเคยมายึดแผ่นดินนี้ และแสดงพระราชอำนาจไว้โดยการยกฉัตรเจดีย์เสียใหม่ ทางด้านพม่าเขาให้เหตุผลซึ่งค่อนข้างจะเป็นไสยศาสตร์มากกว่าวิทยาศาสตร์

เขาบอกว่าสิ่งที่บุคคลซึ่งทรงกฤษฎาอภินิหารระดับนั้นได้ตั้งเอาไว้ ส่วนใหญ่ท่านจะอธิษฐานขอบางอย่างไว้ ถ้าอยู่ ๆ ไปรื้อ ใครจะไปรู้ว่าจะเกิดโทษอะไรบ้าง กลายเป็นว่า พระมหาธาตุมุเตาเป็นเจดีย์องค์เดียวที่ประกาศความเป็นไทยชัดที่สุด เพราะยอดฉัตรเป็นไทย และเป็นหนึ่งในสิบสองสถานที่สำคัญที่พม่าเขาจะต้องไปให้ได้ในชีวิต

ฉัตรแบบพม่าจะมีลักษณะเป็นคล้าย ๆ พระมงกุฏครอบลงมา แต่ฉัตรแบบไทยเป็นแบบร่มเป็นชั้น ๆ ลงมา


ฉัตรพม่า


ตอนนี้วัดหนองบัวที่สร้างไว้ ทหารเขาสกัดตัวหนังสือไทยออกหมด โดยเขาให้เหตุผลว่า เดี๋ยวจะเป็นข้ออ้างให้ทางรัฐบาลไทยมายึดพื้นที่ว่าเป็นเขตของคนไทย เขาฟุ้งซ่านได้ดีมากเลย..! ตกลงว่าตัวหนังสือที่เราอุตส่าห์ใช้ภาษาพม่าอยู่ด้านบน แล้วยอมให้ภาษาไทยอยู่ล่าง ปรากฏว่าเขาสกัดภาษาไทยทิ้งหมดแล้ว
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg ฉัตร.jpg (18.8 KB, 1035 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2011 เมื่อ 18:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 27-03-2011, 14:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default



มีอยู่อย่างหนึ่งที่พม่าทำไว้ที่เชียงใหม่ เป็นความเชื่อถือของเขา คือ กาแล ลักษณะไม้กากะบาด เป็นไม้สะกดผีของพม่าเขา พอฝังศพเสร็จแล้วก็จะปักไม้กากบาดไขว้ไว้บนหลุมศพ

ถาม : ไม่ให้วิญญาณออกมาอาละวาดหรือครับ ?
ตอบ : ใช่..คราวนี้ที่พม่าบังคับให้คนทางเหนือใส่กาแลเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้มีบุญมาเกิด ไม่อย่างนั้นแล้ว ถ้ามีผู้มีบุญมาเกิด เดี๋ยวจะนำคนไปแข็งเมืองและยึดบ้านยึดเมืองคืนจากพม่าได้ ปัจจุบันนี้เราเห็นว่ากาแลเป็นของสวย ก็เลยทำกันใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วโบราณเขาถือว่าเป็นของอาถรรพ์

ถาม : พม่ามองว่ากาแลเป็นอาถรรพ์ ?
ตอบ : ไม่ใช่มองว่า แต่เป็นสิ่งที่เขาเจตนาเลย

ถาม : ถ้าเป็นอาถรรพ์ ตอนนี้จะยังส่งผลอยู่หรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าสิ่งที่เขาเชื่อเป็นจริง ก็คงจะส่งผลแน่

ถาม : เห็นตำหนักของสมเด็จย่าก็มีกาแล
ตอบ : ที่เกาะพระฤๅษีมีเยอะแยะ

ถ้าตามความเชื่อของเขา จะเป็นการสะกดทุกอย่าง แต่จุดมุ่งหมายจริง ๆ คือป้องกันคนมีบุญมาเกิด ถามว่าป้องกันได้หรือไม่ ? ไม่ได้หรอก ภาคเหนือพระอรหันต์มีเพียบเลย
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg 13062_full.jpg (18.5 KB, 1021 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2012 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 27-03-2011, 14:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของการเมืองการปกครอง เราจะเห็นได้ว่า ระบอบต่าง ๆ ก็ขึ้นอยู่กับคน ต่อให้ระบอบดีขนาดไหนก็ตาม ถ้าหากว่าคนมีความดีไม่เพียงพอ ระบอบก็เละจนได้ พระพุทธเจ้าจึงไม่ได้สรรเสริญเลยว่าระบอบการปกครองแบบไหนดี แต่พระองค์ท่านมอบหลักธรรมให้สำหรับแต่ละระบอบว่า ถ้าปกครองในลักษณะไหน ต้องใช้ธรรมอย่างไรไปกำกับถึงจะดี

ถ้าเป็นระบอบกษัตริย์ต้องมีทศพิศราชธรรม ถ้าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิก็ต้องมีจักรวรรดิวัตร ถ้าเป็นสามัคคีธรรมหรือสมัยนี้เรียกว่าประชาธิปไตย ต้องมีอปริหานิยธรรม เพราะฉะนั้น..ในการปกครองต่าง ๆ ถ้าขาดธรรมาธิปไตย ก็ไปไม่รอดสักราย แต่เราจะบอกว่าอัตตาธิปไตย ถือตนเป็นใหญ่ไม่ดีได้ไหม ? ไม่ได้หรอก

อย่างสมัยรัชกาลที่ ๕ บ้านเมืองเราเจริญอย่างมาก นั่นเผด็จการเต็มขั้นเลยนะ อัตตาธิปไตยชัด ๆ แล้วโลกาธิปไตย ถือเสียงข้างมากเป็นใหญ่ หรือประชาธิปไตยอย่างในปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร ? ก็แค่พวกมากลากไป ดังนั้น..ไม่ว่าจะเป็นการปกครองแบบไหน ถ้าไม่มีหลักธรรมกำกับ ของดี ๆ ก็พาให้เละจนได้

พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกหรอกว่าระบอบการปกครองไหนดีล้วน ๆ ควรให้ปฏิบัติตาม เพราะรู้อยู่ว่าขึ้นอยู่กับคน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2011 เมื่อ 18:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 27-03-2011, 15:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำธุรกิจ เปิดมา ๔-๕ ปีแล้ว มีแต่ปัญหา ไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิดหรือเปล่า ? ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับเรื่องตั้งศาล ? เห็นมีคนเคยบอกว่าเป็นที่สงฆ์ค่ะ
ตอบ : ถ้าเป็นที่สงฆ์แก้ง่ายจะตายไป จุดธูปเทียนบอกกล่าวเจ้าที่แถวนั้น ว่าแต่ละปีเราจะชำระหนี้สงฆ์ให้ เราก็เอาเงินใส่ซองสัก ๓๐๐ - ๕๐๐ บาท ถือว่าเป็นการเช่าที่สงฆ์ในปีนั้น เอาไปถวายพระ บอกพระท่านว่าเป็นการชำระหนี้สงฆ์

ถาม : เรื่องการตั้งศาลล่ะคะ ?
ตอบ : เรื่องการตั้งศาลสำคัญตรงทิศ เอาตัวสถานที่เป็นหลักให้ศาลอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือของที่ ศาลของเราอยู่ทิศไหน ?

ถาม : ทิศใต้
ตอบ : เป็นศาลอะไร ?

ถาม : ศาลพระพรหม
ตอบ : ศาลพระพรหมอยู่ทิศนั้นได้ แสดงว่าไม่ได้เกี่ยวกับศาล

ถาม : แล้วต้องมีศาลพระภูมิทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือด้วยอีกหรือไม่ครับ ?
ตอบ : มีพระพรหมแล้วจะมีพระภูมิไปทำซากอะไร..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-03-2011 เมื่อ 18:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 27-03-2011, 20:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากให้ช่วยอธิบายเรื่องที่หลวงพ่อบอกว่า อย่าคิดว่าเราดีกว่าเขา เลวกว่าเขา
ตอบ : ตรงตามนั้นเลย ยังจะต้องอธิบายอะไรอีก ?

ถาม : ควรคิดว่าอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : เลิกคิดเท่านั้นเอง เห็นว่าทุกคนเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ใครจะดีใครจะเลวก็ตายเหมือนกันหมด ในเมื่อตายเหมือนกันทั้งหมด จะมีใครดีกว่าใครเลวกว่าเล่า ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 28-03-2011, 00:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ปี ๒๕๔๙ ทหารปฏิวัติและยึดอำนาจ มีโยมมาถามอาตมาว่า บ้านเมืองเราจะดีขึ้นแล้วใช่ไหม ? อาตมาบอกว่า บ้านเราถ้าไม่ถึงปี ๒๕๕๖ แล้วดียาก

ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อ แต่ปัจจุบันนี้ยืนยันได้แล้ว ถึงปี ๒๕๕๔ แล้วยังเอาดีไม่ได้เลย แต่ปี ๒๕๕๖ ก็ไม่ใช่ดีพรวดพราดขึ้นไปนะ ดีในลักษณะเข็นครกขึ้นภูเขา เข็นกันหลายปีทีเดียวกว่าจะดีจริง

ของบางอย่างบอกไป ก็เหมือนกับบ้าอยู่คนเดียว เพราะสถานการณ์ตอนนั้นตรงกันข้ามกับสิ่งที่พูด ตอนนั้นประชาชนดีใจ สนับสนุนการปฏิวัติ ถึงขนาดเอาดอกไม้ไปไล่แจกทหาร คิดว่าบ้านเมืองน่าจะดีขึ้น

เรื่องลักษณะอย่างนี้เคยมีอยู่ ๒-๓ ครั้ง ครั้งหนึ่งก็คือ คุณบังเอิญ อ่องคล้าย ภรรยาของจ่าปัญญาที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ช่วงที่กิจการท่านดี ท่านก็ไล่กว้านซื้อที่ดิน ซื้อไปสามร้อยกว่าแปลง แปลงใหญ่ ๆ ขนาด ๓๐๐-๕๐๐ ไร่ ก็มี

พอปี ๒๕๔๐ เศรษฐกิจตก คุณบังเอิญก็มาถามว่า กว่าจะดีขึ้นอีกนานไหม ? เพราะตอนนี้เงินสดในมือไม่มีเลย อาตมาก็บอกไปว่า อย่างของคุณบังเอิญต้องอีกประมาณ ๘ ปี คุณบังเอิญจากไปด้วยความไม่เชื่อ ไม่น่าจะเป็นไปได้ ไม่น่าจะนานอย่างนั้น เพราะถ้าเขาสามารถขายที่ดินได้สักผืนเดียว เขาก็ยืนได้สบายแล้ว

หลังจากนั้น ๘ ปีผ่านไป คุณบังเอิญก็มาใหม่ มาขอขมาที่คราวนั้นไม่เชื่อ อาตมาบอกว่า สิ่งที่อาตมาพูดเป็นเรื่องที่คนทั่วไปมองไม่เห็น ไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้ว ไม่ต้องขอขมาก็ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 28-03-2011, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนอีกรายหนึ่งตายไปแล้ว เป็นผู้มีอิทธิพลขาใหญ่ของทองผาภูมิ ท่านลงทุนกู้เงินธนาคารมา ๗๐๐ ล้านบาท เพื่อสร้างเมืองใหม่ที่ทองผาภูมิ เนื่องจากหลักทรัพย์ของท่านพอค้ำประกัน ธนาคารจึงให้กู้

ท่านตั้งใจจะขยายตัวเมืองทองผาภูมิออกมา เพราะว่าตัวเมืองทองผาภูมินั้น บ้านมาก่อนถนน ที่ไหนก็ตามถ้าบ้านมาก่อนถนน จะขยายถนนไม่ได้ ที่ทางจะคับแคบ ทำอะไรก็ไม่สะดวก

ช่วงนั้นเศรษฐกิจรุ่งมาก เพราะเป็นช่วงปลายรัฐบาลน้าชาติ ทองผาภูมิสมัยนั้น ที่ไร่หนึ่งราคาถึง ๑ ล้านบาทก็ยังไม่ค่อยมีคนอยากจะขายเลย ปัจจุบันนี้ที่ไร่หนึ่งราคา ๓ - ๔ หมื่นบาทก็ขายได้แล้ว

ก่อนจะกู้เงิน ท่านมาถามอาตมาว่า จะทำกิจการอย่างนี้จะดีหรือไม่ ? อาตมาเตือนไปว่าอย่าทำเลย เพราะอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเศรษฐกิจจะแย่ แต่เขาดูจากเหตุการณ์แล้ว ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะช่วงนั้นเศรษฐกิจรุ่งจริง ๆ ปั่นราคาที่ดินจนกระทั่งใครจับก็ได้กำไรเดี๋ยวนั้นเลย สรุปว่าท่านไม่เชื่อ ไปกู้เงินธนาคารมาทำ ทำไปได้แค่ประมาณสองปีเศษ โครงการยังไม่เสร็จเรียบร้อย เปิดให้จองยังไม่ทันจะเท่าไร เศรษฐกิจก็ตก

ท่านสบายใจมาก วัน ๆ มีแต่ธนาคารคอยไปประคับประคอง เจ็บไข้ได้ป่วยธนาคารก็ต้องไปช่วย หาหมอหายาไปให้ เพราะลูกค้าคนนี้ห้ามตายเป็นอันขาด..! จนถึงทุกวันนี้ ๑๕-๑๖ ปีผ่านไป โครงการของท่านยังขายได้ไม่ถึงครึ่งเลย

เพราะฉะนั้น..บางอย่างพูดไปก็ไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากว่าค้านจากเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนั้น แต่วันนี้ที่พูดขึ้นมา เพื่อให้พวกเราทราบว่า บ้านเราสถานการณ์ยังจะอึมครึมและเลวร้ายไปอีกพักใหญ่ ส่วนพักใหญ่ของอาตมานานแค่ไหน ? บอกแล้วเดี๋ยวโยมจะเป็นลม เพราะฉะนั้น..อดทนอดกลั้น สู้ต่อไป โบราณบอกว่า ชีวิตยังไม่สิ้น ก็ให้ดิ้นกันต่อไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 03:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 28-03-2011, 00:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"นึกถึงปลาที่ติดแห้งอยู่บนบก ก็ต้องตะเกียกตะกายไปเรื่อยแหละ พอหมดแรงก็นอนอ้าปากพะงาบ ๆ มีแรงก็ตะกายต่อ ตัวไหนดวงดีไปถึงแหล่งน้ำทันก็รอดไป ตัวไหนดวงไม่ดี ไปไม่ถึงแหล่งน้ำ ก็กลายเป็นอาหารของสัตว์ต่าง ๆ ไป

ความจริงเรื่องอย่างนี้ไม่สมควรที่จะบอก แต่ที่บอกให้รู้ก็เฉพาะในส่วนที่พอจะพูดได้ เผื่อพวกเราจะได้ทำใจล่วงหน้าไว้บ้าง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 03:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 28-03-2011, 11:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไปหาหมอแล้ว หมอวินิจฉัยโรคไม่ได้ ทำอย่างไรจึงจะหายครับ ?
ตอบ : หาน้ำมันชาตรีของวัดท่าซุงมาดีกว่า อธิษฐานกินรักษาโรค ถ้าไม่เกินกฎของกรรมจะรักษาได้ทุกโรคจ้ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 16:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 28-03-2011, 11:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ...ระหว่างทางเสียชีวิตลงกะทันหันค่ะ
ตอบ : ไม่กะทันหันหรอกจ้ะ เพียงแต่เราทำใจไม่ทันเท่านั้นเอง

มีนิทานเล่าว่า คนหัวหมอคนหนึ่ง ตายแล้วไปต่อว่าพระยายม ว่า ทำไมอยู่ ๆ ถึงได้เอาชีวิตเขามา ไม่มีการตักเตือนกันล่วงหน้าก่อน ทำอย่างนี้ถือว่าผิดระเบียบ..!

พระยายายมบอกว่า "ข้าส่งจดหมายไปให้เอ็งตั้งหลายฉบับเป็นการเตือน เอ็งไม่ได้รับเลยหรือ ?"
"ไม่เคยได้รับเลย ท่านส่งไปจริงหรือ ?"

"ส่งไปจริง"
"ส่งไปแบบไหน ?"
"ครั้งแรกที่ข้าส่งไป คือให้เอ็งเจ็บไข้ได้ป่วย แต่เอ็งไม่เคยรู้ตัวใช่ไหมว่าจะตาย ? ครั้งต่อไปก็ผมหงอก ครั้งต่อไปก็ฟันหัก ครั้งต่อไปหูก็เริ่มหนวก ทำไมเอ็งถึงไม่ฟังคำเตือนของข้าบ้างเลย ?"

สรุปว่าพระยายมท่านส่งจดหมายเตือนมาโดยตลอด เพียงแต่เราไม่พยายามรับรู้เอง เรื่องนี้เป็นนิทานนะจ๊ะ ไม่ใช่เรื่องจริง แต่เป็นนิทานอิงธรรมะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 16:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 28-03-2011, 12:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เตือนโยมคนหนึ่งว่า "รู้จักคำว่า "อบายมุข" ไหม ? คำนี้ถ้าแปลตรง ๆ แปลว่า ปากทางแห่งความฉิบหาย เพราะฉะนั้น..ถ้าเลี่ยงได้ก็จะดี อยากประสบความสำเร็จในชีวิตนี้ให้ทุ่มเททำงาน ไม่มีหรอกทางที่รวยง่าย ๆ ถ้ามีเขาก็รวยกันหมดแล้ว

เขาทำวิจัยแล้วพบว่า การพนันทุกประเภท เจ้ามือมีโอกาสชนะ ๙๘ เปอร์เซ็นต์ คนแทงมีโอกาสแค่ ๒ เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น..คนเล่นมีโอกาสหมดตัว โดยเฉพาะได้เงินมาง่าย ก็จ่ายง่ายไม่มีเหลือ โบราณเขาเรียกว่าเงินร้อน ในชีวิตอาตมายังไม่เคยเห็นใครรวยเพราะเรื่องนี้เลย

แต่มีกำลังใจอยู่ส่วนหนึ่งของนักเล่นการพนัน ถ้าปรับเปลี่ยนได้ จะเป็นนักปฏิบัติที่สุดยอดมากเลย สมัยอาตมายังวัยรุ่นอยู่ ทางบ้านมีรุ่นพี่คนหนึ่งนั่งตีป๊อกเด้งไม่ลุกไปกินอะไรเลย นั่นถือว่าระดับนิโรธสมาบัติเลยนะ..! ไม่กินไม่ถ่าย นั่งอยู่อย่างนั้นได้ทั้งวันทั้งคืน..!

อาตมาลองไปนั่งดูอยู่สามสี่ชั่วโมงเท่านั้น พอหลับตาเห็นแต่โพธิ์ดำ โพธิ์แดง ดอกจิก ข้าวหลามตัด บินให้ว่อนเลย แสดงว่าเพ่งเป็นกสิณแทน

แต่ถ้าเรื่องไฮโลต้องจ่าวิโรจน์ (จ.ส.อ.วิโรจน์ ย่านงูเหลือม) น่าจะเกษียณอายุไปแล้ว จ่าวิโรจน์นั่งกินเหล้าอยู่ใกล้ ๆ วงไฮโล เวลาเขาแทงกัน จ่าวิโรจน์ก็กินเหล้าไปฟังไป พอเขาเล่นไปได้สักพัก จ่าวิโรจน์ก็ขอเล่นบ้าง "น้อง ๆ ขอพี่ตาแทงตาเดียว พี่จะแทงอวดสาว"

พอเจ้ามือเขย่าลูกเต๋าเสร็จ จ่าวิโรจน์แทงคนเดียวสิบกว่าตัวถูกรวดเลย เขาเซียนขนาดนั้น ฟังเสียงรู้ว่าออกอะไรบ้าง นั่นระดับทิพจักขุญาณเลยนะ แต่เขามีสัจจะ เล่นแค่ตาเดียวก็เลิก ไม่อย่างนั้นมือระดับนั้นลงไปเล่นเจ้ามือหมดตูดแน่..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2011 เมื่อ 15:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 28-03-2011, 14:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พวกเราต้องเชื่อว่าพระพุทธเจ้าเป็นสุดยอดของอัจฉริยมนุษย์ อะไรที่ท่านบอกว่าไม่ดี ย่อมจะดีไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น..อบายมุข ก็แปลตรง ๆ แล้วว่า ปากทางแห่งความฉิบหาย

โบราณบอกว่า โจรปล้นสิบครั้ง ดีกว่าไฟไหม้ครั้งเดียว เพราะโจรปล้นข้าวของ แต่บ้านยังอยู่ ไฟไหม้สิบครั้ง สู้การพนันครั้งเดียวก็ไม่ได้ การพนันนี่ทั้งบ้านและที่ดินก็ไปหมด มีบางคนแม้กระทั่งเมียก็เอาไปเป็นสินพนัน..!"

ถาม : ผมเคยได้ยินมาเหมือนกัน
ตอบ : มีจริง ๆ ต้องบอกว่าเป็นเวรกรรมที่ไปมีครอบครัวอย่างนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 16:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 28-03-2011, 16:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อารมณ์ช่วงที่ฝึกกรรมฐาน จิตมารวมตัวกัน ผมพิจารณาถึงอุปกิเลส ๑๖ นรกสวรรค์อยู่ในใจเรา พอมารวมตัวก็เกิดใจสั่นหวั่นไหว มีเสียงอะไรโผล่ขึ้นมามากมายเหมือนเราใกล้จะตาย ทำให้เราอยากจะตะโกนออกมา
ตอบ : แล้วคุณไปพิจารณาอย่างนั้นทำซากอะไร..! มีประโยชน์อะไร ? แทนที่จะพิจารณาวิปัสสนาญาณ ดันไปดูเรื่องไม่เป็นเรื่อง

อาการที่ว่ามาเป็นแค่ส่วนหนึ่งของขันธมาร เขาแค่อยากมาทดสอบว่าเราไม่กลัวตายจริงหรือเปล่า ?

ถาม : มีเสียงใครไม่รู้ว่าเป็นร้อยเป็นพัน ใจเราเต้นตุ๊บ ๆ
ตอบ : ตอนนั้นเรากลัวไหมเล่า ?

ถาม : ตอนนั้นก็กลัว แต่ก็สู้อยู่
ตอบ : แค่นั้นแหละ..เสร็จเขาไปแล้ว

ถาม : จะทำให้เราเป็นบ้าไหม ?
ตอบ : ถ้าสติมั่นคงอยู่ก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ว่าต่อไปถ้าจะพิจารณาอะไร ให้ดูเข้าหาไตรลักษณ์ อริยสัจ ๔ หรือไม่ก็วิปัสสนาญาณ ๙ ไม่ใช่ไปคิดเรื่องบ้า ๆ อื่น ๆ เรื่องพวกนั้นไม่มีประโยชน์์ที่จะไปคิด แค่เราไม่ทำก็จบแล้ว อุปกิเลส ๑๖ เราก็แค่เว้นไม่ทำ ยังจะต้องไปพิจารณาอะไร

ถาม : พอดีเรียนนักธรรมโท มีอุปกิเลส ๑๖ ผมเอามาอ่าน จึงลองพิจารณาดู
ตอบ : คุณไปพิจารณาของที่ทำแล้วไม่ได้อะไร ยังดีที่คุมสติได้ ไม่บ้าไปเสียก่อน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 16:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 28-03-2011, 16:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนี้อารมณ์ไม่ค่อยตั้งมั่น หวั่นไหวง่าย
ตอบ : กำลังในการภาวนายังไม่พอ แสดงว่าสมาธิยังไม่ทรงตัว ถ้าสมาธิทรงตัวอยู่ กำลังใจจะมั่นคง ไม่หวั่นไหวในเรื่องอะไรทั้งสิ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-03-2011 เมื่อ 16:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 28-03-2011, 17:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไปซื้อบ้านแถวบางกะปิไว้ แต่พอตกกลางคืนจะเห็นเงา ประมาณเที่ยงคืน
ตอบ : จุดธูปบอกกล่าวเขาว่า ถ้าจะอยู่ด้วยกันก็ไม่ว่า เราทำบุญอะไรก็อนุญาตให้โมทนา แต่ขอให้ช่วยเฝ้าบ้านและดูแลรักษาความปลอดภัยให้ด้วย ขอเขาอย่างนี้
บ้านอย่างนั้นอย่าไปกลัว เมื่อเขามาในลักษณะอย่างนั้นได้ ถ้าเขาช่วยเราก็จะช่วยได้มากกว่าปกติ แต่ให้เราทำบุญและอุทิศให้เขาบ่อย ๆ

ถาม : แล้วเวลาอุทิศจะอุทิศอย่างไร ?
ตอบ : ตั้งใจว่าใครก็ตามที่เราเห็น ขอให้เขามาโมทนาบุญที่เราทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-03-2011 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 29-03-2011, 00:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาผมนั่งสมาธิ ผมจะทำใจว่า ไปสวดมนต์ทำวัตรอยู่บนพระนิพพาน วิธีทำอารมณ์ให้ถูกต้องโดยไม่เป็นสักกายทิฏฐิต้องทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าเราไปนิพพานได้จริง ๆ จะเป็นการตัดกิเลสทุกอย่างหมดอยู่แล้ว เพียงแต่ตอนที่เรากลับมา ให้จำเอาอารมณ์นั้นมาใช้งานด้วย

การที่เราขึ้นไปสวดมนต์ทำวัตรได้ถือว่าเป็นเรื่องดี ถ้าทำถูก การอยู่ตรงที่ซึ่งไม่มีกิเลส ไม่มีความรัก โลภ โกรธ หลงไปนาน ๆ ถ้าเราจำอารมณ์นั้นมาซักซ้อมใช้งานได้บ่อย ๆ ต่อไปก็จะเป็นอารมณ์จริงของเรา ฉะนั้น..ให้พยายามซ้อมทุกวัน สร้างความคล่องตัวให้เกิดขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-02-2019 เมื่อ 19:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 29-03-2011, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีไหมครับ อารมณ์ที่เราไม่ได้ยกจิตขึ้นนิพพาน แต่อารมณ์เท่ากับอยู่บนพระนิพพาน ?
ตอบ : ทำถึงจริง ๆ อยู่ตรงไหนก็ใช่ ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นตรงไหนก็คือพระนิพพาน

ถาม : เป็นฌานกับอุปสมานุสติหรือครับ ?
ตอบ : ถ้าถึงตอนนั้นไม่เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ ถ้าจะเป็นก็เป็นพระนิพพาน..!

ถาม : เป็นกรณีนิพพานแบบถาวร แล้วแบบชั่วคราวละครับ ?
ตอบ : ถ้ากรณีชั่วคราวก็เป็นส่วนหนึ่งของอุปสมานุสติ

ถาม : ทำไมถึงเป็นส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมดละครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่าชั่วคราว ถ้าเต็มระดับถึงจะเป็นอุปสมานุสติอย่างแท้จริง

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ถ้าไม่ถึงพระนิพพานก็จะไม่ปราศจากกิเลส เกาะเทวดาก็ยังรัก โลภ โกรธ หลงเต็ม ๆ เกาะพรหมก็ยังเป็นรูปราคะอยู่ ถ้ายังเกาะอยู่ก็ยังไม่ใช่ ถ้าใช่เขาต้องปล่อยกันจนเป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2018 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 29-03-2011, 00:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในอดีตมีการจัดงานศพของพระที่ใหญ่โตขนาดหลวงตาบัวหรือไม่ ?
ตอบ : ในอดีตน่าจะเป็นสมัยหลวงปู่มั่น ถัดมาก็หลวงปู่ฝั้น สมัยหลวงปู่ฝั้นในหลวงเสด็จเองเลย

ถาม : สมัยหลวงปู่ชอบก็งานใหญ่
ตอบ : งานใหญ่ก็จริง แต่ก็ไม่ดังขนาดนี้

ถาม : งานของหลวงตาบัวดังกว่างานหลวงพ่อวัดท่าซุง
ตอบ : ดังกว่าเยอะ

ถาม : งานหลวงพ่อไม่ดังเท่าไร
ตอบ :
ไม่ดังเท่าไรหรอก แค่หนังสือพิมพ์ลงข่าวให้เป็นเดือน หนังสือพิมพ์ทุกฉบับไปตั้งกองหาข่าวในวัดเลย เขาลงพาดหัวให้สามวันและลงเนื้อหาข้างในอีก ๗ วัน

มติชนรายสัปดาห์ลงให้สองเล่ม เหตุที่ทำอย่างนั้นเพราะเป็นครั้งแรกที่มติชนขายหมดตลาด ไม่มีเหลือส่งกลับ ไม่มีการส่งคืนโรงพิมพ์ เขาแปลกใจ จึงส่งนักข่าวไปตั้งกองอยู่ที่วัด อาตมามีหน้าที่ดูแลพวกนี้จึงรู้ ต้องพาเขาไปสัมภาษณ์ท่านนั้นท่านนี้ ต้องพาเขาไปถ่ายรูปในกุฏิหลวงพ่อ แต่งานศพของหลวงพ่อท่านไม่ได้เผา จะเอาให้ดังเหมือนงานที่เผาจึงไม่ได้

ถาม : เดี๋ยวนี้เห็นมีร่างทรงหลวงพ่อฤๅษีลิงดำด้วย
ตอบ : มีมาตั้งแต่สมัยก่อนท่านจะมรณภาพแล้ว ท่านบอกว่า "เล็กเว้ย..ข้ายังไม่ทันจะตายเลย มีสำนักทรงฤๅษีลิงดำไป ๖๐ กว่าสำนักแล้ว"

นึกถึงสญชัยปริพาชก พออุปติสสะมาณพและโกลิตะมาณพได้เป็นพระโสดาบัน เห็นว่าพระพุทธเจ้ามีความดีอย่างไร ก็ไปชวนสญชัยปริพาชกซึ่งเป็นอาจารย์ของตัวเอง ให้ไปหาพระพุทธเจ้าด้วยกัน สญชัยปริพาชกไม่ยอมไป ท่านย้อนถามกลับมาว่า "โลกนี้คนโง่หรือคนฉลาดมากกว่า ?"

อุปติสสะมาณพและโกลิตะมาณพตอบว่า "คนโง่ย่อมมากกว่าเป็นปกติอยู่แล้ว" สญชัยปริพาชกจึงบอกว่า "ถ้าอย่างนั้นคนฉลาดอย่างพวกเธอจงไปหาพระสมณโคดม ส่วนคนโง่จะมาหาเราเอง" ฉะนั้น..เรื่องพวกนี้ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็มีคนเชื่อและไปหาเขาอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 29-03-2011 เมื่อ 16:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว