กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 14-11-2014, 09:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กระผมขอกราบเรียนถามข้อสงสัยเกี่ยวกับพลอยเสาร์ห้าว่าเป็นวัตถุธาตุประเภทใด ? และมีพุทธานุภาพอย่างไรครับ ?
ตอบ : พลอยเสาร์ห้าไปเอามาจากไหนละ ? อยู่ ๆ ถามขึ้นมาเฉย ๆ แล้วจะรู้ไหม ?

ถาม : น่าจะเป็นที่พระอาจารย์เคยแจกสมัยอยู่บ้านอนุสาวรีย์หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ก็บอกให้ชัด นึกว่าเป็นพลอยชนิดใหม่ ถามว่าพลอยเป็นวัตถุธาตุอะไร ก็เป็นพลอยนั่นแหละ เข้าพิธีเสาร์ห้ามา ต้องการอะไรก็อธิษฐานเอา

ถาม : หากนำพลอยธรรมชาติ พลอยสังเคราะห์ หรือแม้แต่พลอยที่เข้าพิธีเสาร์ห้า มาประดับบนวัตถุมงคล เฉกเช่นการปิดทองคำเปลวถวายพระพุทธปฏิมาลอยองค์ อาทิ พระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้าน รุ่น ๒ และ สมเด็จพระคำข้าว ฯลฯ ในลักษณะที่เชื่อกันว่าจะเป็นการเร่งลาภผลนั้น สิ่งที่กระผมอยากทราบ คือ การประดับพลอยถวายนี้ มีจุดประสงค์หรือความเชื่อในด้านอานิสงส์อย่างไร ? และจะส่งผลถึงเทวานุภาพที่มากขึ้นของจิตทิพย์กายทิพย์ผู้ดูแลรักษาองค์พระพุทธปฏิมาด้วยหรือไม่? และอย่างไรครับ ?
ตอบ : คำถามนี้ก็เหลวไหลพอกัน เขาถามว่ามีความเชื่ออย่างไร ? แต่ตอนต้นบอกว่าเร่งลาภ ก็เท่ากับเชื่อว่าเร่งลาภได้ แต่ขอโทษ..ไม่มีอานิสงส์ตรงนี้ เราจะได้อานิสงส์พุทธบูชาแทน เพราะว่าวัตถุมงคลที่ทำมาให้ พระท่านสงเคราะห์แค่ไหนก็ได้แค่นั้นแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2014 เมื่อ 13:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 14-11-2014, 09:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ห้องนอนอยู่ชั้นบน ตรงกับห้องพระซึ่งอยู่ชั้นล่าง จะเข้าข่ายปรามาสพระรัตนตรัยหรือไม่คะ ?
ตอบ : ปกติถ้าคนละชั้นแยกส่วนกันแล้วก็ไม่เป็นไร แต่ว่าพวกเราก็มักจะคิดมาก ฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ก็สลับห้องพระไปอยู่ชั้นบนแล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2014 เมื่อ 13:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 14-11-2014, 09:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อสมัยที่ยังเรียนมัธยม ตามนิสัยวัยรุ่นที่คิดไม่เป็น ผมชอบสะสมของ เช่น ช้อนจากร้านอาหาร แก้วที่มีสัญลักษณ์ของร้านจากร้านอาหาร เพื่อความภูมิใจว่าเราได้ไปกินที่นั่นมาแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป ผมกลับตัวกลับใจแล้ว จะนำของทั้งหมดเหล่านั้นไปทำบุญ คือไปให้เป็นของสาธารณะ เผื่อคนอื่นจะได้ใช้ประโยชน์จากของเหล่านั้น แทนที่ผมจะเก็บไว้กับตัว อย่างนี้ถือเป็นการทำทานไหม ? แล้วนำไปถวายพระไปจะบาปไหม ? เพราะได้มาโดยไม่สุจริต?
ตอบ : การทำทานถ้าจะได้อานิสงส์เต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ท่านบอกว่า ๑.เจตนาบริสุทธิ์ ก็คือให้เพื่อเป็นการสละออกตัดความโลภจริง ๆ ๒.วัตถุทานบริสุทธิ์ ได้มาโดยถูกต้องตามศีลตามธรรม ๓.ผู้ให้คือตัวเรามีศีลบริสุทธิ์ ๔.ผู้รับเป็นผู้ที่มีศีลบริสุทธิ์ ถ้าอย่างนี้จะได้อานิสงส์เต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ของคุณเองดูท่าจะได้สักสลึงหรือเฟื้องหนึ่ง เพราะว่า ๓ อย่างแรกไม่บริสุทธิ์แน่นอน อย่างสุดท้ายยังไม่แน่อีกต่างหาก ไม่รู้ว่าจะได้ผู้รับที่บริสุทธิ์หรือไม่ ?

ถาม : แล้วถ้าเขานำไปถวายพระจะบาปไหมคะ ?
ตอบ : ถวายพระไม่บาป แต่ก็อย่างที่บอกว่า ได้อานิสงส์น้อยมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2014 เมื่อ 13:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 14-11-2014, 09:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เพราะกรรมอะไรครับ ถึงต้องเกิดมาเป็นแฟนเบอร์สอง แบบที่คนเบอร์หนึ่งเขารับรู้และเต็มใจนะครับ?
ตอบ : โห..คงสร้างบุญมามหาศาลเลย ปกติเบอร์หนึ่งนี่เป็นตายก็ไม่ยอมรับ นี่เขายอมรับและเต็มใจด้วย ขอถามหน่อยว่าทำบุญอะไรมา ? จะได้ไปทำบ้าง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2014 เมื่อ 13:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 14-11-2014, 09:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลานอนเหมือนร่างกายเกร็งหนัก แขนขาขยับไม่ได้ บางคืนเป็นแทบไม่ได้นอน ตื่นมาตาโหลเลย เคยอาราธนาพระท่านให้ช่วย ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนแข่งว่า "ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย..!" แล้วก็หัวเราะร่า เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็บอกว่า "ใกล้จะบ้าแล้ว..!" ผมเลยเถียงว่า "ทุกวันนี้ก็บ้าอยู่แล้ว" อย่างนี้เรียกผีอำเปล่าครับ ? มีวิธีแก้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าบ้าไม่ต้องแก้ แต่ถ้ายังไม่บ้าก็ให้ภาวนาต่อไปเรื่อย ๆ อาการทั้งหลายเหล่านี้เป็นทั้งขันธมาร คือร่างกายเราเองขัดขวางการปฏิบัติความดี เป็นทั้งเทวปุตตมาร คือผีหรือเทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิเขามาขัดขวางการปฏิบัติของเรา ต้องตั้งใจสู้กันไประยะหนึ่ง ถ้ากำลังใจเราเข้มแข็งมากกว่า ก็จะก้าวพ้นไปได้เอง

ถาม : ทุกวันนี้คืนไหนไม่มาอำวันนั้นเหงาเลย ?
ตอบ : ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องแก้ไข ปล่อยให้สนุกสนานกันต่อไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2014 เมื่อ 13:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 14-11-2014, 09:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อผมเริ่มจับลมหายใจเข้าและออก จะพิจารณาดูที่อารมณ์ไปด้วย บางครั้งรู้สึกเครียดเกินไปก็จะตั้งอารมณ์ใหม่ ค่อย ๆ ผ่อนอารมณ์ให้เบาลง พออารมณ์ใจเริ่มเบาสบายก็จะพิจารณาภาพโครงกระดูกภายในร่างกาย พร้อมทั้งรู้ลมหายใจเข้าออกไปด้วย พอรู้สึกว่าเครียดหรือเริ่มตึงเกินไป ก็จะผ่อนอารมณ์ใจลงอีก สลับไปมาอย่างนี้ ขอเรียนถามว่าผมปฏิบัติถูกหรือผิด ? หรือต้องมีข้อแก้ไขเพิ่มเติมอย่างไรบ้างครับ?
ตอบ : ถูกแค่ตอนนี้ ถ้าทำต่อไปจะมีถูกยิ่งกว่านี้ ตอนนี้ให้ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ต่อไปอารมณ์ใจจะทรงตัวมากขึ้น ถึงเวลานั้นพยายามซักซ้อมการที่เข้าถึงอารมณ์นั้นให้เร็วขึ้น จนกระทั่งสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา นึกอยากจะออกเมื่อไรก็ได้ตลอดเวลา หรือจะสลับอารมณ์ขึ้นลงหนักเบาได้อย่างใจของตน ถึงเวลานั้นแล้วจึงจะสามารถใช้ผลของสมาธิได้จริง ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2014 เมื่อ 13:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 14-11-2014, 18:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เราได้ไปทำการสะเดาะเคราะห์ที่วัดท่าซุง ในช่วงวันวิสาขบูชา ซึ่งเป็นแบบพิธีรับพระเสวยอายุนั้น ระยะเวลาของการรับพระเสวยอายุเข้ามา มีการคิดคำนวณอย่างไร ?
ตอบ : ไปเปิดดูในตำราพรหมชาติฉบับราษฎร์ เอาอายุปัจจุบันเป็นเกณฑ์ แล้วก็ดูว่าพระเคราะห์อะไรเสวยอายุ ก็รับเฉพาะพระเคราะห์นั้น เพราะว่าการเสวยอายุ อย่างเช่นว่าถ้าเราเกิดวันอาทิตย์ อายุ ๑-๖ ปีพระอาทิตย์เสวยอายุ แต่ว่าระยะระหว่างนั้นจะมีพระเคราะห์จรเข้ามาเป็นระยะ ๆ เขาคำนวณเอาไว้แล้ว ไม่ใช่ว่าอายุ ๑-๖ ปีพระอาทิตย์จะเสวยอายุตลอด แต่มีพระเคราะห์จรที่แทรกเข้ามาด้วย ฉะนั้น..เราต้องดูพระเคราะห์จรตอนช่วงอายุปัจจุบันของเรา ไปดูพรหมชาติฉบับราษฎร์จะมีรายละเอียดบอกเอาไว้ทั้งหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 01:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 14-11-2014, 18:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เราสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาเพื่อนำไปเข้าพิธีเสาร์ห้า แล้วเราได้สลักคำว่า "วัดท่าขนุน" ลงบนวัตถุมงคลโดยมีเจตนาเพื่อเพิ่มกำลังใจให้แก่ตัวเองและผู้อื่นที่ได้ไปบูชา และบอกแก่ผู้รับชัดเจนว่าเป็นของที่ทำขึ้นเองไม่ใช่ของวัด จะเป็นการสมควรหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจจะทำเป็นของตนเอง ไม่ใช่ของวัด ก็ไม่ควรที่จะใส่ชื่อวัดลงไป การใส่ชื่อวัดลงไป ไม่ว่าเจตนาจะบริสุทธิ์ขนาดไหนก็ตาม คนจะมองว่าเป็นการตั้งใจหลอกลวงเขา จะกลายเป็นโทษกับตัวเองเสียเปล่า ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 22-11-2014 เมื่อ 22:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 14-11-2014, 18:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระพุทธรูปมีความศักดิ์สิทธิ์และพุทธานุภาพทุกพระองค์ เพราะเหตุใดเวลาขอพรอธิษฐานแล้ว ผลที่ได้จึงมีความต่างกัน บางทีได้มาก บางทีได้น้อย ยกตัวอย่างหลวงพ่อโสธร พระพุทธชินราช พระเจ้าทันใจ พระเจ้าดอยคำ ที่มีผู้คนไปกราบสักการะขอพรและสำเร็จเป็นจำนวนมาก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดจึงทำให้เป็นเช่นนั้นคะ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับเทวดาที่ท่านรักษา ถ้าเทวดาที่รักษามีพื้นฐานทานบารมีมาก ก็จะมีลาภผลมาก ถ้าท่านมีพื้นฐานมากจากการสร้างบารมีอื่น ๆ ก็จะดีในด้านอื่นแทน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 14-11-2014, 18:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ตามความเข้าใจ จะต้องสร้างพระหน้าตัก ๔ ศอกขึ้นไปถูกต้องหรือไม่คะ ?
ตอบ : ถูกต้อง แต่ถ้าสร้างแล้วไม่ปิดทอง จะได้อานิสงส์คนเดียว ถ้าต้องการอานิสงส์เป็นหมู่คณะให้ปิดทองคำแท้ด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 14-11-2014, 18:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ดูจากคำถาม คนตั้งปัญหาเองก็สับสนกับชีวิต อีกหลายปัญหาก็เป็นปัญหาที่ไม่ควรจะถามเลย เพราะว่าตัวเองรู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่ใช้วิธีที่ฝรั่งเขาเรียกว่า "เมคชัวร์" มาถามซ้ำ เรียกง่าย ๆ ว่า "จับอาตมาเป็นตัวประกัน" ให้เป็นคนรับรองว่าถูกหรือผิด เป็นเรื่องที่ไม่สมควรจะทำเช่นนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 02:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 14-11-2014, 18:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครที่ทำบุญเขียนหน้าซองมาว่า "สร้างพระพุทธรูปทองคำหน้าตัก ๕๐ นิ้ว" มาเอาเงินคืนไปด้วย ใหญ่กว่าที่อาตมาสร้างตั้งเยอะแยะ เอากลับไปสร้างเองเถอะ..!

(หลังจากโยมรับไปแก้ไขมาแล้ว) นี่ยังดีนะ งวดก่อนเขาทำบุญสร้างพระพุทธรูปทองคำ ๕๐ ศอก คุณไปสร้างเองเถอะ..! ต้องเกิดเป็นพระเจ้าจักรพรรดินั่นแหละถึงจะทำได้ สำหรับพระ..เวลาโยมตั้งเจตนาไว้แล้ว จะเอาไปทำผิดจากเจตนาของเขาไม่ได้ ถ้าทำผิดนี่โดนปรับโทษเท่ากับย้ายเจดีย์เลย

เจดีย์เป็นเครื่องกราบไหว้ เป็นอนุสติ เป็นที่ระลึกของเขา เรายกย้ายไปเสียจากที่นั้น เขาก็ไม่มีที่กราบไหว้ที่ระลึกถึงความดี ทำให้เกิดโทษหนักขนาดไหน คนที่เอาเงินที่เขาตั้งเจตนาอย่างหนึ่งไปทำอีกอย่างหนึ่ง ก็จะมีโทษหนักประมาณนั้น ฉะนั้น..ได้โปรด ถ้าไม่มั่นใจอย่าลงขนาดมา ไม่อย่างนั้นอาตมาต้องไปสร้าง ๕๐ นิ้วอีกองค์แล้วยุ่งเลย

ระยะหลังการวัดขนาดหน้าตักพระเขามักจะวัดเป็นนิ้วกัน ขอให้ทราบว่าหน้าตัก ๔ ศอก คือ ๘๐ นิ้ว หรือ ๒ เมตร ถ้าสร้างพระ ๔ ศอกแล้วเขาไม่รู้ว่าเท่าไรให้บอกว่า ๘๐ นิ้ว ถ้า ๘๐ นิ้วยังไม่รู้เรื่องอีกก็ให้บอกว่า ๒ เมตร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 14-11-2014, 18:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครถือเงินดอลลาร์หรือเงินยูโรไว้มาก ๆ ให้แลกออกมาเป็นเงินเยนหรือเงินหยวนบ้าง ถ้าจะเอาอย่างใกล้ ๆ บ้านเราก็ดอลลาร์สิงคโปร์หรือฮ่องกงก็ได้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิต อาตมาถือไว้แค่ ๑,๐๐๐ กว่าดอลลาร์ กับอีก ๒,๐๐๐ กว่ายูโร แลกหมดไปแล้ว ตอนนี้รู้สึกว่าเงินหยวนน่าตาน่ารักที่สุด

วันก่อนพอมีบริษัทจีนประมูลสร้างทางรถไฟที่บอสตันได้ อาตมาก็ว่าเศรษฐกิจอเมริกานี่จีนบีบก็ตาย จีนคลายก็รอด เพราะว่าจีนถือพันธบัตรอเมริกาอยู่เป็นแสน ๆ ล้านดอลลาร์ ขายคืนทีเดียวก็เศรษฐกิจล่มเลยนะ ช่วงที่เศรษฐกิจจีนรุ่งเรืองเป็นเลข ๒ ตัว เขาไปกว้านซื้อเอาไว้ คราวนี้นอกจากจะถือพันธบัตรเป็นแสน ๆ ล้านดอลลาร์แล้ว ทุนสำรองในประเทศของจีนก็ยังเป็นแสน ๆ ล้านดอลลาร์อีกด้วย พูดง่าย ๆ ว่าถ้าใครจะชนเรื่องการเงินในเวทีโลกนี่จีนเขาไม่หวั่น

เสียอยู่อย่างเดียวว่า ในประเทศจีนมีพวกไม่ค่อยจะเห็นแก่ประเทศชาติ ตั้งใจจะกอบโกยโกงกินเยอะเกินไป ก็เลยทำอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ค่อยจะดีต่อเศรษฐกิจอยู่เรื่อย ๆ อย่างเช่นว่าปลอมสินค้าบ้าง เอาวัสดุไม่ได้คุณภาพมาสร้างบ้าง แต่ว่าอย่างยุโรปหรืออเมริกาเขาจะมีมาตรฐานของเขาอยู่ ถ้างานไม่ได้มาตรฐาน ก็ไม่มีทางที่จะประมูลงานได้อยู่แล้ว

ต้องบอกว่าเมื่อลมพัดหวน คำว่า "เมื่อลมพัดหวน" คือ สมัยก่อนเอเชียเราเป็นมหาอำนาจ อย่างของจีนนี่ไล่ไปตั้งแต่ยุคราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ซ่ง ฯลฯ มาทางด้านอินเดีย วัฒนธรรมเก่าของลุ่มแม่น้ำสินธุ คราวนี้ลมพัดไปทางด้านตะวันตก กลายเป็นอเมริกาขึ้นมาแทนอังกฤษแทนยุโรป คราวนี้พอถึงเวลาลมพัดหวน ความเจริญย้อนกลับมาเอเชียใหม่ แต่ว่าน่ากลัวอยู่ตรงภัยพิบัติธรรมชาติ เอเชียเราส่วนหนึ่งตั้งอยู่บนวงแหวนไฟแปซิฟิก ถ้าระเบิดขึ้นมานี่เป็นเรื่องเลย แล้วระยะนี้แผ่นดินไหวกับภูเขาไฟระเบิดก็ถี่มาก ใครพกวัตถุมงคลอะไรที่กันภัยธรรมชาติ กันนิวเคลียร์ กันรังสีได้ก็พก ๆ เอาไว้ด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 14-11-2014, 19:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งพี่สะใภ้ทำต้มจืดหอมหัวใหญ่ใส่หมูสับให้ แล้วคนอื่นก็กินแต่หมูสับ ด้วยความที่อาตมาเป็นเทศบาล อะไรเหลือก็กวาดหมด เหมาหอมหัวใหญ่ไปเสียหมดเลย ปรากฏว่าวันนั้นนอนตัวเบาโหวง ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกเหมือนกับจะลอยได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่ายังดี ถ้าไม่ใช่คนที่มีสติดีขนาดนั้นก็ล้มไปนานแล้ว ท่านบอกหอมหัวใหญ่ออกฤทธิ์ขยายหลอดเลือดจนเกินไป จนทำให้ความดันต่ำมาก

เพราะฉะนั้น..ใครความดันสูงก็หาพวกประเภทนี้มากินบ้าง จะช่วยได้เหมือนกัน แต่อย่ากินเยอะเหมือนกับอาตมา แกงจืดชามโคมหนึ่ง หอมหัวใหญ่ก็น่าจะตก ๔-๕ หัวได้กระมัง ? รู้แต่ว่าเวลาเดินทำไมเหมือนกับจะลอยได้ มือตีนเบาไปหมด

พี่สะใภ้คนนี้ชอบทำกับข้าวขึ้นโต๊ะเยอะ แต่ว่าของบางอย่างคนอื่นเขาไม่กินกัน แบบเดียวกับสับปะรด เขาเลือกสับปะรดไม่เป็น ก็เอาที่ขาว ๆ ไม่ฉ่ำมา คราวนี้พอขึ้นโต๊ะ อาตมาเองไหน ๆ ก็มาแล้ว ก็จิ้ม ๆ ใส่ปากไปจนหมด เขาดันไปนึกว่าอาตมาชอบ พรุ่งนี้เอามาอีก ช่างเป็นพี่สะใภ้ที่น่ารักจริง ๆ เลย

มีอยู่ระยะหนึ่งที่อาตมาไปเฝ้าไข้หลวงปู่มหาอำพันอยู่เดือนครึ่ง คราวนี้โยมเขาเอาของมาถวายเยอะ โดยเฉพาะพวกผลไม้สด พวกแอปเปิ้ลเก็บได้นาน เขาก็ใส่ ๆ เสียแน่นตู้เย็นไปหมด อาตมาเองก็มีหน้าที่กำจัด คราวนี้บางวันมีเยอะ ก็ฉันแทนข้าวไปเลย โยมก็ดันคิดว่าอาตมาชอบ ยิ่งซื้อมากันใหญ่ ทุกวันนี้อย่าได้ฉันอะไรให้โยมเห็น ฉันเมื่อไรเดี๋ยวได้เป็นกุรุส..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 14-11-2014, 19:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ไปนึกถึงสมัยยังเป็นฆราวาส มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หลวงพ่อวัดท่าซุงต้องล้างท้องติด ๆ กัน แล้ว "ท่านแม่" ก็แนะนำให้ฉันน้ำเกลือแร่ อาตมาแวะไปกราบหลวงพ่อทีไรก็ซื้อไปทีละครึ่งโหล ตอนนี้รู้ตัวว่าตัวเองโดนคืนแล้ว ท่านไม่ได้ต้องการเยอะขนาดนั้น ขวดสองขวดก็ไม่มีปัญญาจะฉันแล้ว เอาไปทีละครึ่งโหล มาสมัยนี้ตัวเองเจอแบบเดียวกันแล้ว ของบางอย่างต้องการชิ้นเดียว คนถวายมาเป็นคันรถ..!

มีอยู่ช่วงหนึ่ง "ท่านแม่" ให้หลวงพ่อบอกแม่ครัวทำผัดหมูสามชั้นแบบรวนเค็ม เอามาฉันกับข้าวต้มติดกันเป็นเดือนเลย ปรากฏว่าน้ำหนักขึ้นพรวด ๆ ๑๐ กว่ากิโลกรัม “แม่แกบอกว่าร่างกายช่วงนี้จะแย่มาก ต้องกินให้มีกำลังเข้าไว้” แล้วให้ฉันอะไรไม่ฉัน ดันเป็นหมูสามชั้นรวนเค็ม นั่นก็เป็นงานเฉพาะกิจ ในเมื่อเป็นงานเฉพาะกิจ ถึงเวลาแล้วเราไปคิดว่าหลวงพ่อท่านชอบอย่างนั้นแล้วเอาไปอีก แต่เลยเวลาไปแล้วก็ไม่มีประโยชน์

กับข้าวที่เห็นหลวงพ่อท่านฉันเป็นปกติเลยคือน้ำพริกปลาร้า มีอยู่เที่ยวหนึ่งไม่รู้ว่าโยมที่ไหน เขาเปิดโรงงานทำปลาร้ากระป๋อง เป็นปลาร้าอบแห้งใส่กระป๋อง คาดว่าสมัยนี้น่าจะมีขายทั่วไป เขาก็เอาไปถวาย วันนั้นหลวงพ่อท่านฉันเอร็ดอร่อยเป็นพิเศษ สมัยโน้นปลาร้าหายาก มาสมัยนี้หาง่ายแล้ว โดยเฉพาะอุทัยธานี ร้านจ่าเทืองผลิตปลาร้าอย่างเดียวเลย วิ่งรถไปทางร้านแก ห่างประมาณ ๒๐๐ เมตรก็ได้กลิ่นปลาร้าแล้ว จะมีทั้งที่เป็นน้ำพริก เป็นปลาร้าสับ ปลาร้าสดเป็นตัว ฯลฯ สั่งเป็นปีบเลยก็ได้ ตั้งร้านอยู่ริมแม่น้ำสะแกกรัง ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดปลาสดที่เอามาหมักปลาร้า

อาตมาถึงได้บอกว่าโบราณเราเก่ง ของเราเองถนอมอาหารด้วยการหมัก เนื้อสัตว์มากก็ทำเนื้อสัตว์หมัก ของคนจีนพลเมืองเยอะ แล้วเนื้อสัตว์ไม่ค่อยมี ก็ทำเป็นผักแห้ง อย่างพวกหัวผักกาดแห้ง ผักกาดดอง ของเกาหลีเขาทำกิมจิ เขาเอาไว้ตอนไม่มีจะกิน ส่วนของเราตอนนี้จะกินอะไรก็มี ดันไปซื้อกิมจิมาฝากกัน..! นึกแล้วก็ขำ ถ้ารู้ว่าแรกเริ่มมีที่มาอย่างไร ก็คือเขาไม่มีจะกินในฤดูหนาว เขาก็ต้องหมักผัก ตากผักเอาไว้กิน เรามีกินอุดมสมบูรณ์ก็ยังอุตส่าห์ตะกายไปหามากินกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 22-11-2014 เมื่อ 22:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 14-11-2014, 19:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"วันก่อนดูสารคดีสุดยอดอาหารจีน คนที่ทำเต้าหู้หมัก ที่เขาเรียก "เต้าหู้เน่า" นั่นแหละ ถึงเวลาก็ไปทอดขายในตลาด เชื่อไหมว่าภรรยาเขาทำเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า ไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย นอกจากทำเต้าหู้หมักอย่างเดียว ตีสองตีสามก็ลุกขึ้นมาตักน้ำบ่อทำเต้าหู้ เสร็จแล้วก็หมัก ห่อ ตากแดด ต้องได้แดดกี่ชั่วโมงถึงจะได้ที่ ถึงเวลาต้องคอยพลิกคอยเก็บ เอาใส่กระด้งไม้ไผ่ตากไว้นับไม่ถ้วนเลย เต็มหลังคาไปหมด เขาบอกว่าที่เห็นนั่นพอขายแค่ ๒ วันเอง แสดงว่าคนกินกันเยอะมาก

ที่พูดถึงตรงนี้เพราะว่าบางคนไม่รู้ว่าจะค้าขายอะไร ขายอาหารดีที่สุด แต่ว่าต้องเลือกทำเลให้เป็น อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยที่ยังเป็นทหาร ใกล้ ๆ บ้านมีผัวหนุ่มเมียสาวเช่าบ้านอยู่ เขาเรียนรามฯ ด้วยกันทั้งคู่ แล้วก็ขายก๋วยเตี๋ยวไปด้วย พอถึงเวลาก็ขี่รถซาเล้งมีตู้ก๋วยเตี๋ยว ตอนเช้า ๆ ก็ขายหน้าปากซอย คนเดินทางออกไปจากบ้านเพื่อที่จะไปรอขึ้นรถ กินก๋วยเตี๋ยวก่อนค่อยไปทำงาน ประมาณสัก ๑๐ โมงไปจะจอดรออยู่หน้าโรงงาน พอพักเที่ยงคนงานแห่กันออกมา คนงาน ๓๐๐ คน ตีเสียว่ากินก๋วยเตี๋ยวแค่ ๑๐ เปอร์เซ็นต์ก็พอ ขายได้อย่างน้อยก็ ๓๐-๔๐ ชาม

พอถึงเวลาตอนบ่ายเขาจะเข้าหมู่บ้านจัดสรร เคาะไม้ก๊อก ๆ ไป พวกที่อยู่ในหมู่บ้านนี่ไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอก มีก๋วยเตี๋ยวร้อน ๆ มาถึงหน้าบ้านก็สั่งซื้อกัน ยังไม่ทันจะ ๕ โมงเย็นก็ขายหมด กลับบ้าน จัดข้าวจัดของ เตรียมของวันพรุ่งนี้เสร็จเรียบร้อย ก็นอนกันแต่หัวค่ำ พอจบปริญญา รับจากสมเด็จพระเทพฯ ด้วยนะ ทั้งคู่จบปริญญาตรีปีเดียวกัน ปรากฏว่าขายก๋วยเตี๋ยวต่อ อาตมาก็ว่า “เฮ้ย...จบปริญญาตรีแล้วทำไมไม่ไปหางานอื่นทำ ?” เขาบอกว่า “งานอะไรก็ได้ไม่มากเท่ากับขายก๋วยเตี๋ยวหรอก” ตอนนั้นถ้าจำไม่ผิด ค่าแรงงานขั้นต่ำอยู่ที่ ๕๔ บาทต่อวัน เดือนหนึ่งจะเท่าไร เขาบอกว่าเขา ๒ คนขายก๋วยเตี๋ยวเดือนหนึ่งได้เป็นหมื่นบาท..!

ไปนึกถึงตัวเองว่า ตอนนั้นอัตราเงินเดือนทะลุแรงงานขั้นต่ำไปเท่าตัว ของเราก็อยู่ได้ ส่วนเขาเองถ้าไปเริ่มต้นใหม่ ก็ต้องเริ่มจากอัตราต่ำสุด ดังนั้น..เขาตัดสินใจขายก๋วยเตี๋ยวต่อ ก็แบบเดียวกับสามีภรรยาที่หมักเต้าหู้เอาไปทอดขาย ภรรยาก็หมักเช้ายันค่ำ ค่ำยันเช้า เช้าขึ้นสามีก็เข็นรถออกไปตลาด จะไปจอดอยู่ใกล้ ๆ พวกรถเข็นที่ขายน้ำเต้าหู้หรือขายเต้าฮวย เพราะว่าไปกันได้ พอถึงเวลาแขกนั่งโต๊ะก็ตะโกนสั่งของทางโน้นได้เหมือนกัน แล้วแขกนั่งโต๊ะทางโน้นก็ตะโกนสั่งของทางนี้ได้ เพราะฉะนั้น..การค้าขายจึงสำคัญตรงทำเล

เรื่องอาหาร..ถ้าฝีมือดี ทำเลดี อย่างไรก็สบาย คนต้องกินอยู่แล้ว ปัจจัยมี ๔ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค แต่คนเราไม่ได้ป่วยทุกวัน เปิดร้านขายยานี่ต้องมีทุนยาวมาก ส่วนที่อยู่อาศัยถ้าไม่ได้มีระดับเป็นพันล้าน จะไปสร้างแข่งกับใครไหว กู้กันตายเลย ก็เหลือแต่อาหารกับเครื่องนุ่งห่ม เครื่องนุ่งห่มก็ไม่ใช่จะซื้อกันได้ทุกวัน ราคาค่อนข้างสูง ก็เหลือแต่อาหาร ใครมีฝีมือ ก็หาทำเลตั้งร้านกันเอา สมัยนี้ข้างถนนแท้ ๆ ตั้งหาบปั๊บมีคนมาเก็บเงินปุ๊บ อาตมายังคิดว่า ตกลงว่าถนนเป็นของใคร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 02:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 15-11-2014, 15:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วิธีใช้เหรียญน้ำมนต์ ถ้าใส่ในแท็งก์น้ำ เวลาอธิษฐานขอต้องอธิษฐานครั้งเดียวหรือบ่อยแค่ไหนคะ ?
ตอบ : ปกติก็ครั้งเดียว แต่ถ้าเปิดน้ำลงไปใหม่ก็ต้องอธิษฐานใหม่ ต้องไปสวดอิติปิ โสฯ ๗ จบ นะมะพะทะ ๑๕ จบ แล้วอธิษฐานใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 19:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 15-11-2014, 15:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ก่อนงานวันบวชประมาณอาทิตย์หนึ่ง อาตมาไปเปิดบัญชีกองทุนหลวงปู่พระครูสุวรรณเสลาภรณ์ (หลวงปู่สาย อคฺควํโส) เพราะตั้งแต่เป็นเจ้าอาวาสมา ๖ ปี ก็ทยอยเอาเงินเข้าบัญชีให้หลวงปู่ได้ประมาณ ๗ ล้านบาทเศษ ก็คือเวลามีงานวัด อย่างเช่น มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา เข้าพรรษา ออกพรรษา สงกรานต์ ถ้ารับสังฆทานได้ไม่ถึงแสน ก็จะตัดเข้าบัญชีให้หลวงปู่แสนหนึ่ง ถึงเกินแสนก็ตัดให้แสนหนึ่งเหมือนกัน

ปรากฏว่า ๖ ปีกว่า รวมเงินกฐินด้วยก็มีเงิน ๗ ล้านกว่าบาท เมื่อฝากประจำ ตัวเลขก็ครึ่ง ๆ กลาง ๆ จึงตัดสินใจฝากไป ๑๐ ล้านบาทเลย บอกว่า "ตอนนี้หลวงปู่เป็นหนี้ผมแล้วนะครับ" ปรากฏว่าวันบวชหมู่ถวายหลวงปู่ อาตมาจัดงานบวช ๓ วัน วันที่หนึ่งมีคนบูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ ๔๐๐,๐๐๐ กว่าบาท วันที่สองมาอีก วันที่สามมาอีก สรุปแล้วพองานผ่านไป อาตมากลายเป็นหนี้หลวงปู่ ๒๐,๐๐๐ กว่าบาท ถามหลวงปู่ว่า "ทำไมต้องรีบใช้ด้วย ?" ท่านบอกว่าท่านไม่ชอบเป็นหนี้ใคร เหลือเชื่อจริง ๆ คนก็ไปวัดแค่ไม่กี่คนเอง หลวงปู่ท่านเป็นหนี้อาตมาอยู่ ๒ ล้านกว่าบาท ท่านหาคืนได้ภายใน ๓ วัน..!"


ถาม : กองทุนหลวงปู่เอาไว้บูรณะวัดหรือครับ ?
ตอบ : เอาไว้ทั้งสร้างทั้งซ่อม ตอนนี้มีกองทุนรักษาพยาบาล เด็กวัดเบิกไปวันก่อน ๖,๐๐๐ กว่าบาท ให้ตายเถอะ..พระเบิกทีหนึ่ง ๓๐๐-๔๐๐ บาท เด็กวัดเบิกที ๖,๙๐๐ บาท ดันเป็นมาลาเรีย แล้วเป็นต่างด้าวไม่มีบัตรทองอีก ซวยไปสิ..รักษาเท่าไรก็อาจารย์เล็กจ่าย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 19:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 15-11-2014, 15:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "บวชพระงวดนี้เนื่องจากว่าตั้งใจไว้เป็นปี ก็เลยกันเวลาตัวเองเอาไว้ สามารถที่จะอบรมพระได้เกือบทุกวัน ปรากฏว่ามีจำนวนมากเลยบอกว่า เคยไปบวชที่อื่นแล้วไม่มีใครบอกเรื่องพวกนี้เลย โดยเฉพาะศีลพระ โอ้..แสดงว่าท่านเฮงจริง ๆ เลย ในเมื่อไม่มีใครแนะนำก็ทำผิดทำพลาด บางอย่างก็แนะนำว่าตอนเป็นพระต้องทำอย่างไร ตอนเป็นฆราวาสต้องทำอย่างไร

มีอยู่จุดหนึ่งที่ขำดีเหมือนกันก็คือถามว่า “ใครสึกแล้วจะใส่หมวกบ้าง ?” โอ๊ย..ยกมือหลายคน “เอ็งจะใส่ไปทำไม ? อายหัวล้านใช่ไหม ? คนไปทำความดีมาต้องอายเขาด้วยหรือ ? ถ้าเป็นข้านะ..สึกแล้วจะไปโกนซ้ำ ให้รู้ ๆ กันไปเลยว่าเราไปทำความดีมา” ปรากฏว่าตอนลงไปปักษ์ใต้ไม่มีใครใส่หมวกสักคน กลายเป็นแก๊งมาเฟียไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 19:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 15-11-2014, 15:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ที่วัดท่าซุงมีงานทำบุญถวายหลวงพ่อ เขาเลื่อนงานมาเป็นอาทิตย์สุดท้ายของเดือนกันยายน ซึ่งตรงกับงานครูบาวิฑูรย์ทุกปี อาตมาไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าไปงานครูบาวิฑูรย์ก็ล่ม เพราะประธานไม่มี เท่ากับเปิดโอกาสให้หลวงพี่องอาจเขาทำบุญของท่าน ซึ่งได้ทำตรงวัน ของวัดท่าซุงกลายเป็นทำไม่ตรงวัน

แต่จะว่าไปแล้วถ้าตามความเชื่อของอาตมา หลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพตั้งแต่ ๒๘ ตุลาคม แต่ว่าหมอเขารายงานผลจากเครื่องวันที่ ๓๐ ตุลาคม เพราะว่าอาตมาได้ยินก่อนหน้านั้น ๕ เดือนหรือ ๗ เดือน บอกว่าให้ระวัง ๒๘ ก็นึกว่าตัวเลขจะออก ตามดูหวยอยู่ตั้งหลายงวด ปรากฏว่าพอหลวงพ่อถูกหามเข้าโรงพยาบาล เพิ่งจะรู้ว่ามรณภาพ ๒๘ ตุลาคมนี่เอง ดันบอกทำไมตั้งแต่ต้นปี ? บางอย่างวาระกรรมมาบังก็โง่ตลอด กว่าจะรู้จริง ๆ ก็ตอนเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-11-2014 เมื่อ 11:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:02



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว