กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #121  
เก่า 18-05-2017, 19:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราไปซื้อของแล้วพนักงานทอนเงินเกินมา ?
ตอบ : คืนเขาไป

ถาม : ถ้าเรารับมาแล้ว ?
ตอบ : รับมาโดยไม่รู้ จนกระทั่งหมดหนทางคืนก็แล้วไป แต่ถ้าหากว่ารู้ ต้องรีบคืนให้เขา

ถาม : ถ้าเราถือว่าเป็นลาภของเรา ถือว่าผิดศีลไหมครับ ?
ตอบ : ใช่ของเราไหม ? ถ้าไม่ใช่ของเรา เราไปถือว่าลาภได้อย่างไร ? เขาไม่ได้เต็มใจให้สักหน่อย

ถาม : ถ้าเราถามแล้ว เขายืนยันว่าเต็มใจให้ ก็แล้วกันไปใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็แล้วไป แต่..มีใครเต็มใจให้คุณบ้าง ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 17:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #122  
เก่า 18-05-2017, 19:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันก่อนอาตมาอยู่ที่หาดใหญ่ มีญาติโยมมาถวายทองคำแท่งร่วมหล่อพระพุทธรูปทองคำกับวัดท่าขนุน โยมแจ้งว่าไปซื้อทองคำ ๕๐ สตางค์ ก็คือ ๒ สลึง ตกลงจ่ายเงินกันเสร็จสรรพเรียบร้อย ออกจากร้านขายทองมาประมาณ ๒ กิโลเมตร คนที่นั่งรถ..ไม่ใช่คนขับ ก็แกะออกมาดู ปรากฏว่าเป็นทองคำแท่งหนัก ๒ บาท

สั่งซื้อ ๒ สลึงแต่ได้ ๒ บาท ก็เลยรีบเลี้ยวรถกลับไปบอกกับทางร้าน ทางร้านก็ยังงง ๆ อยู่ว่าหยิบ ๒ สลึงให้กลายเป็น ๒ บาทได้อย่างไร ? แต่ด้วยความเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมตรงไปตรงมา ในเมื่อสั่ง ๒ สลึงได้ ๒ บาท ก็ขอให้เขาเปลี่ยนเป็น ๒ สลึงตามเดิม ส่วน ๒ บาทนั้นจะเป็นของทางร้านหรือของใครก็ช่าง คืนเขาไปสบายใจที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 17:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #123  
เก่า 19-05-2017, 09:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงการดูวัตถุมงคล "วัตถุมงคลบางชิ้นของหลวงปู่หลวงพ่อบางองค์ อย่างวัวปิดตา หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว ไม่ได้เกิดจากการปรารภสร้างของหลวงพ่อ แต่เกิดจากช่างที่แกะเอง ปกติหลวงพ่อท่านให้แกะแต่ลิงจับหลักเท่านั้น ตัวเองอยากได้ลิงปิดตา แทนที่จะแกะลิงจับหลัก ถือเคล็ดว่า "มีหลัก" ก็ดันไปปิดตาแทน บางท่านเห็นว่าหนุมานถือตรีเพชร ไม่ได้ถือกระบองหรือหลัก เขาก็แกะเป็นลิงถือตรีเพชร คราวนี้คนเห็นว่าวัดนี้คือวัดบางวัว ก็เลยแกะเป็นรูปวัวบ้างตามที่ตัวเองชอบ แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ไม่ได้มีปัญหา เพราะว่าถ้าหลวงพ่อท่านเสกก็ใช้ได้เหมือนกัน

อีกองค์หนึ่งก็คือหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ในงานเป่ายันต์เกราะเพชรท่านบอกกับญาติโยมว่า ชอบใจวัตถุมงคลแบบไหนก็ให้ทำมา ถึงเวลางานเป่ายันต์เกราะเพชร ก็ให้เอาใส่ผ้าขาววางไว้บนหน้าตักหรือถือไว้ในมือ ช่วงรับยันต์เกราะเพชรเป็นการปลุกเสกวัตถุมงคลไปด้วย

ในเมื่อไม่ใช่วัตถุมงคลที่หลวงปู่ท่านสร้าง เอกลักษณ์ที่ชัดเจนจะไม่มี ก็ดูได้แค่อย่างเดียวว่า วัสดุนั้นอายุขัยถึงยุคไหม ? ถ้าอายุถึงยุคก็น่าจะใช่ ก็เหลืออีกอย่างเดียวก็คือว่า แหล่งที่มาต้องเชื่อถือได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #124  
เก่า 19-05-2017, 09:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แบบเดียวกับลูกอมของหลวงปู่ปาน การลบผงเพื่อเอามาบรรจุในพระของท่านทำยากอยู่แล้ว ถ้าถึงขนาดเอามาปั้นเป็นลูกอม ก็แปลว่าสิ้นเปลืองมากเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้น...ก็ต้องดูด้วยว่า ส่วนใหญ่แล้วลูกอมนั้นเกิดจากการที่เอาผงมาอุดพระ ผงที่เหลือถึงได้ปั้นเป็นลูกอม

แบบเดียวกับลูกอมผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง นั่นก็เกิดจากการเตรียมเนื้อพระเพื่อที่จะพิมพ์เป็นขุนแผนพรายกุมาร แต่ปรากฏว่าพิมพ์ไม่ทัน แข็งตัวเสียก่อน ก็เลยกลายเป็นลูกอมผงพรายกุมาร

ลูกอมหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ส่วนใหญ่มาตรฐานก็ประมาณหัวแม่มือ ดูจากงานโดยประมาณ แต่อาตมาเจอลูกเกือบเท่าเหรียญ ๑๐ บาทก็มี ถามว่าแล้วจะเชื่อได้อย่างไร ? ต้องดูเนื้อหามวลสาร ดูอายุ ในเมื่อเนื้อหามวลสารใช่ อายุถึง ก็ต้องฟันธงว่าเป็นของหลวงปู่ปาน อาจจะเกิดจากว่าถึงเวลาปั้นหลาย ๆ ลูกแล้วช้า...รำคาญ เลยทำ
ขนาดใหญ่ลูกเดียวไปเลย

เพราะฉะนั้น...วัตถุมงคลบางอย่างจึงสำคัญตรงแหล่งที่มา ถ้าแหล่งที่มาน่าเชื่อถือ ก็ต้องดูอีกว่า อายุของวัตถุมงคลว่าถึงยุค ก็พอจะเชื่อได้ว่าเป็นของหลวงปู่ หลวงพ่อท่านนั้นจริง ๆ แต่เรื่องพวกนี้บางทีก็ลำบาก เพราะว่าสมัยนี้มีเซียนบางท่าน หากินด้วยการทำหนังสือ แล้วเอาของปลอมมาลง บอกว่าเป็นองค์ดารา...ได้ลงหนังสือ คนเห็นว่าวัตถุมงคลตรงกับรูปในหนังสือก็เชื่อ เช่าบูชาไปแพง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #125  
เก่า 19-05-2017, 09:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา หลวงพ่อมณฑล วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส ที่ท่านยกวัดให้อาตมา บอกว่าให้พาเจ้าอาวาสใหม่เข้าไปคุยกันหน่อย อาตมาก็พาพระครูบ่าวเข้าไป คุยกันเรื่องบริหารวัดว่าจะให้ไปทางไหน จะกิน จะอยู่กันอย่างไร ?

หลังจากนั้นท่านก็พูดถึงเครื่องรางของขลัง เอาเสือของหลวงพ่อนก วัดสังกะสี มาให้ดู บอกว่าเพิ่งจะได้มาใหม่ ท่านใช้คำว่าเหมือนกับองค์ในหนังสือ อาตมาดูเสร็จเรียบร้อยแล้วบอกว่า องค์ของหลวงพ่อใช่ แต่องค์ในหนังสือปลอม ท่านตกใจ บอกว่า "อะไร...ลงหนังสือยังมีปลอมอีก ?" จึงกราบเรียนว่า "เขาตั้งใจเลยครับ จะเอาไว้ขายคนอย่างหลวงพ่อ ประเภทที่ลงหนังสือแล้วถือว่าแท้" แล้วก็ชี้ให้ท่านดูว่าตำหนิแต่ละอย่างต่างจากของจริงอย่างไร

ท่านถึงกับบ่นว่า "ผมก็หลงเชื่อมานานว่า ถ้าลงหนังสือก็ต้องเป็นของแท้" ก็เลยชี้ให้ท่านดูมีดหมอหลวงพ่อเดิมที่อยู่ใกล้ ๆ กัน บอกว่าอันนี้ก็ปลอม แล้วก็ชี้จุดต่างให้ท่านดู ท่านบอกว่าเสียท่ามันมานาน ยังดีที่บรรดาเซียนที่ท่านคบหาสมาคมอยู่ เป็นพวกที่มีศีลมีธรรม ก็เลยไม่ได้เอาของปลอมมาขายให้ท่าน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปท่านก็คงเลิกเปิดหนังสือไปอีกนาน

อาตมาเคยพูดว่า เรื่องของวัตถุมงคลเครื่องรางของขลัง ก็เหมือนกับเราดูต้นไม้ ถ้ารู้จักว่าเป็นต้นไม้ชนิดนั้น ไม่ว่าจะมาเป็นต้นใหญ่ ต้นเล็ก ไม้บอนไซ แคระแกร็น พิการ หักโค่นท่าไหนก็ตาม คนที่ดูออกจะบอกได้เลยว่าเป็นต้นไม้ชนิดนั้น

การดูวัตถุมงคลก็มีหลักการคล้าย ๆ กัน เพียงแต่ว่าต้องโชคดีตรงที่เคยเห็นของจริงของแท้มาก่อน ถ้าเคยเห็นของจริงของแท้มาก่อน เราสามารถที่จะแยกแยะได้ว่าอะไรแท้ หรือไม่แท้ เรื่องพวกนี้บางทีพูดไปแล้ว ญาติโยมบางส่วนก็รู้สึกหนักใจ ก็คือหนักใจตรงที่ว่า แล้วจะมีโอกาสได้เห็นของแท้ไหม ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #126  
เก่า 19-05-2017, 09:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระพุทธรูปหน้าตักสี่ศอก ถ้าทาสีทองจะได้อานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์เหมือนปิดทองไหมครับ ?
ตอบ : ปิดทองแท้คืออานิสงส์ชำระหนี้สงฆ์ทั้งคณะ ทาสีทองไม่มีอานิสงส์แบบนั้น พระปิดทองก็คือปิดทอง ตรงไปตรงมา ถ้าเป็นพระแล้วไปบอกโยมว่า จะสร้างพระปิดทองให้ แล้วเราไปทาสีทอง ก็เท่ากับโกงโยม โปรดระวังอาบัติปาราชิก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #127  
เก่า 19-05-2017, 10:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายใส่ชุดขาวมาบ้านเติมบุญ "เห็นหนู ๒ คนแล้วนึกถึงโรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิ โรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิจัดโครงการที่ดีมากร่วมกับวัดท่าขนุน ก็คือโครงการแต่งชุดขาวไปโรงเรียนในวันพระ

ถ้าวันที่เรียนวันไหนตรงกับวันพระ จะขึ้นหรือแรม จะเป็นวันพระ ๘ ค่ำหรือ ๑๕ ค่ำ เด็กนักเรียนจะแต่งชุดขาวทั้งโรงเรียน ปรากฏว่าโครงการนี้อาจารย์ท่านไปขยายเพิ่มขึ้น กลายเป็นว่า "แต่งชุดขาวไปโรงเรียน รับศีล ๕ และกินมังสวิรัติ" ดังนั้น...เจ้าหน้าที่ประกอบอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียนในวันพระ ก็เลยต้องเตรียมอาหารเป็นมังสวิรัติ ยังโชคดีที่ว่าการกินมังสวิรัติของทางนี้ยินยอมให้มีไข่ได้ ในเมื่อมีไข่มีนมได้ ก็ถือว่าเด็กได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน อาตมาก็เลยไม่คัดค้าน

ตอนนี้ท่านผู้อำนวยการสนิท ทรัพย์วารี เกษียณอายุ ผู้อำนวยการใหม่มายังไม่รู้ว่าจะสานต่อโครงการหรือเปล่า ? แต่เด็กทำจนชินแล้ว พอถึงวันพระก็เอาชุดขาวมาใส่

บอกให้ญาติโยมอิจฉาเล่นว่า หนังสือสวดมนต์เล่มละ ๒๐๐ บาท อาตมาแจกเด็กโครงการนี้ครบถ้วนทุกคนเลย ไม่ต้องสงสัยหรอกว่าทำไมหนังสือสวดมนต์เล่มเก่าหมดเร็ว เด็กทั้งโรงเรียนพร้อมกับอาจารย์มีทุกคน ถึงเวลาวันพระก็มีการสวดมนต์ไหว้พระ มีการสมาทานศีล ๕ แล้วก็มีโครงการกินมังสวิรัติวันพระ

บางอย่างโครงการของเราก็คิดได้ในลักษณะว่าไม่ให้มากเกิน ครูบาอาจารย์ท่านก็เลยต่อยอดเป็นมังสวิรัติขึ้น เห็นหนู ๒ คนใส่ชุดขาว ตอนแรกมองดูว่ามาจากโรงเรียนอนุบาลทองผาภูมิหรือเปล่า ?


ชุดขาวเป็นเครื่องแบบที่บังคับให้เรารู้ตัวว่า เราเป็นผู้ตั้งใจรักษาศีลปฏิบัติธรรม แบบเดียวกับจีวรของพระภิกษุสามเณร แบบเดียวกับชุดขาวของแม่ชี ก็คือเตือนสติให้เราระลึกได้ว่า เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกริยาใด ๆ ที่เป็นของสมณะ เราต้องทำอาการกริยานั้น ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #128  
เก่า 19-05-2017, 13:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้งานก่อสร้างของวัดท่าขนุน ส่วนที่เป็นของใหม่ก็เกือบจะไม่มีแล้ว เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือพิพิธภัณฑ์ ๑๐๐ ปี หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องรอหลังงานถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ ๙ จึงจะเริ่มมีความก้าวหน้าขึ้น เพราะว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมด โดนระดมไปช่วยทำพระเมรุมาศ

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ส่วนของค่าใช้จ่ายอย่างมากที่สุดก็คือ ๔๓ ล้าน ๒ แสนบาทต่อพิพิธภัณฑ์ เกินกว่านั้นก็เหลือหล่อหลวงพ่อนากกับหลวงพ่อทองคำ หลังจากนั้นแล้ว ส่วนที่เหลืออาตมาตั้งใจว่าจะตั้งเป็นกองทุน

ปัจจุบันนี้ทางวัดท่าขนุนมีกองทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร กองทุนการศึกษาระดับประถมศึกษา กองทุนการศึกษาระดับมัธยมศึกษา กองทุนการศึกษาระดับอุดมศึกษา ทั้ง ๔ อย่างนี้ ทั้งเพื่อพระภิกษุสามเณรในวัดและเด็กนักเรียนทั่ว ๆ ไป

มีกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร สำหรับท่านที่เจ็บไข้ได้ป่วย ผ่าตัด ที่ต้องใช้บริการด้านนอกซึ่งมักจะเป็นเอกชน เจ็บป่วยขึ้นมาก็จะได้รักษาพยาบาลโดยไม่ต้องหนักใจ เพราะว่าวัดมีกองทุนอยู่

อย่างเมื่อปีที่แล้ว หรืออาจจะสองปี จำไม่ถนัด พระที่วัดตัดแว่น ๔ รูป ถ้าให้ไปตัดเองคงจะไม่ไหว เพราะว่าบางท่านสายตาย่ำแย่มาก ต้องใช้เลนส์พิเศษ ตัดแว่นเสร็จราคา ๒๗,๐๐๐ บาท ถ้าหากให้เขาตัดเองก็ไม่ไหว ครั้งนั้นตัดแว่นไป ๔ อัน อาตมาจ่ายไปหลายหมื่น ฉะนั้น ถ้าหากว่ามีกองทุนอยู่ ก็จะอำนวยความสะดวกให้กับพระภิกษุสามเณรได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #129  
เก่า 19-05-2017, 13:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"กองทุนต่อไปที่จะตั้งก็คือ กองทุนภัตตาหารพระภิกษุสามเณร ต้องรอระยะเวลาที่เหมาะสมก่อน เหตุที่ต้องตั้งกองทุนภัตตาหารพระภิกษุสามเณรนั้น อาตมาไม่ได้ห่วงพระที่วัดท่าขนุน เพราะว่าพระวัดท่าขนุนออกบิณฑบาตพอฉันอยู่แล้ว แต่ว่าห่วงพระนักเรียน

พระของวัดท่าขนุนออกมาเรียนเยอะมาก อย่างเมื่อวานโยมก็เห็น มากัน ๑๐ กว่ารูป นี่เฉพาะที่เรียนบาลีและปริญญาโท ยังไม่ได้พูดถึงปริญญาตรีหรือระดับประกาศนียบัตร ก็แปลว่าพระวัดท่าขนุน ๔๐ กว่ารูป เรียนกันเกินครึ่ง ข้าวปลาอาหารแต่ละมื้อไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าหากว่ามีกองทุนตรงส่วนนี้เอาไว้ ก็จะสามารถแบ่งเบาภาระของท่านได้มาก

ทุกวันนี้อาตมาให้ค่าใช้จ่ายเดือนละ ๕,๐๐๐ บาทต่อรูป ท่านต้องกระเบียดกระเสียรมาก ร่วมกันเช่ารถแล้วเดินทางไปเรียน แล้วก็รวมกันซื้ออาหารเพื่อที่จะได้เพียงพอฉัน เพราะถ้าต่างคนต่างซื้อก็สิ้นเปลืองมาก ให้เขาบริหารจัดการกันเองว่า เงินจำนวนนี้ทำอย่างไรจะ
ให้พอใช้ตลอดเดือน ?

เห็นความลำบากแล้วก็คิดว่า การตั้งกองทุนต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมา ก็จะอำนวยความสะดวกให้กับท่านได้ ท่านจะได้มีแก่ใจในการศึกษาเล่าเรียนมากขึ้น แต่ว่ากองทุนอันนี้ไม่ถือว่าเป็นสาระสำคัญ เพียงแต่ว่าถ้ามีไว้ก็ดี หน้าที่ของอาตมาก็คือ หาเงินเข้ากองทุนให้มากที่สุด เผื่อว่าตนเองสละตำแหน่งหรือพ้นตำแหน่งไปเมื่อไร คนที่มาใหม่จะได้บริหารวัดแบบสะดวกใจ ไม่ต้องมาหนักใจว่าวัดใหญ่ ค่าใช้จ่ายสูง จะแบกรับภาระไหวหรือไม่ ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-05-2017 เมื่อ 03:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #130  
เก่า 19-05-2017, 13:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อีกส่วนหนึ่งก็อาจจะต้องทำแบบหลวงพ่อวัดท่าซุง ก็คือกองทุนค่าอาหารและรักษาพยาบาลหมาในวัด เดี๋ยวนี้ค่าใช้จ่ายสำหรับหมาในวัด แค่ค่ายาแต่ละเดือน อาตมาต้องจ่ายประจำ ๑๐,๐๐๐ บาท ถ้าหากมีพิเศษก็ถึง ๒๐,๐๐๐-๓๐,๐๐๐ บาท

อย่างเดือนที่ผ่านมาทิดเทิดสงสารหมา ลูกหมาโดนกัดตาบอด อุตส่าห์พาไปศัลยกรรม อาตมาจ่ายไป ๖,๗๐๐ บาท นับว่าทิดเทิดเข้าถึงหัวใจหมามากเป็นพิเศษ...! เห็นหมาตาบอดกลัวว่าจะไม่หล่อ พาไปให้หมอศัลยกรรม แต่ไม่ได้เข้าถึงหัวใจเจ้าอาวาสเลยว่า การพาหมาตาบอดไปรักษา จ่าย
ที ๖,๗๐๐ บาท เจ้าอาวาสจะรู้สึกอย่างไร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #131  
เก่า 19-05-2017, 14:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมจะถวายรองเท้า "ตอนนี้ที่วัดมีรองเท้าของอาตมาอยู่ประมาณ ๒๐ คู่ ต้องบอกว่ารองเท้าคู่นี้ก็คงชาติหน้าโน่นกว่าที่จะได้ใช้ มีจนกระทั่งไม่สามารถที่จะใส่ได้ครบ ไล่แจกพระท่านไป ท่านก็ดันทะลึ่งเอามาใส่พร้อม ๆ กัน ถึงเวลาถอดก็ไม่รู้ของใครเป็นของใคร เพราะว่าหน้าตาเหมือนกันหมด สีเดียวกัน รุ่นเดียวกัน เบอร์เดียวกัน...!

เวลาโยมถวายของมักจะตั้งหน้าตั้งตาถวาย ก็เลยไม่ได้ดู ประเภทที่ว่าเลี้ยงไม่ดูกำลังคนกินประมาณนั้น รองเท้าคู่หนึ่งอาตมาใส่เป็นปี ๆ ถ้าไม่ได้เดินป่าก็หลายปี ถวายมาที ๑๐ คู่ แล้วอีกกี่ปีจึงจะใช้หมด ? แต่ก็ดีอยู่อย่างหนึ่ง พระใหม่ ๆ เวลาเห็นรองเท้าคิดว่าหลวงพ่ออยู่ ไม่รู้ว่าเป็นหลวงพี่อยู่ เวลาเห็นรองเท้านึกว่าหลวงพ่ออยู่ จึงไม่ค่อยกล้าคะนองมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #132  
เก่า 19-05-2017, 14:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (การจับภาพพระให้มีความคล่องตัวมากขึ้น)
ตอบ : ก็เพิ่มเป็น ๓ องค์ ๔ องค์ ๕ องค์

ถาม : แล้วต้องให้ท่านอยู่ตรงไหน ?
ตอบ : อยู่ที่เราต้องการว่าจะให้อยู่ส่วนไหน ให้กำหนดเอาเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ความชัดเจนแจ่มใสของทุกองค์ต้องเสมอกัน

ถาม : อย่างเรื่องลักษณะของพระแต่ละองค์ แต่ละสีหรือความใส ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับสมาธิของเรา สีสันขององค์พระ ความชัดเจนขององค์พระอยู่ที่สมาธิว่าทรงตัวมากน้อยเท่าไร ส่วนในเรื่องของสีอยู่ที่เราชอบ อยากได้พระสีอะไรเราก็กำหนดของเราเอง

ถาม : ใสแบบเป็นคริสตัล หรือขาวแบบประกายเพชร ไม่ได้มีความแตกต่างกันในแง่ของสมาธิหรือครับ ?
ตอบ : สมาธิต่ำก็ใสน้อย สมาธิสูงก็ใสมาก เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้ายิ่งใสมากเป็นพิเศษ เกี่ยวไหมเล่า ?

ถาม : เกี่ยวกับเรื่องสังโยชน์ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ได้เกี่ยวกัน เพราะว่าการปฏิบัติของเราเน้นในด้านของสมถกรรมฐาน การละสังโยชน์ต้องวิ่งเข้าหาการใช้ปัญญาพิจารณา ตลอดจนทำวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งเป็นคนละส่วนกัน แต่เราสามารถใช้สมถะเป็นพื้นฐานในการพิจารณา อย่างเช่น การกำหนดภาพพระ เดี๋ยวก็ชัด เดี๋ยวก็ไม่ชัด จัดว่าเป็นอนิจจังอย่างหนึ่ง

การที่เราต้องพากเพียรพยายามที่จะกำหนดภาพพระให้ได้ จัดเป็นความทุกข์อย่างหนึ่ง ในที่สุดไม่ว่าจะภาพพระหรือว่าตัวเราก็เสื่อมสลายไป ไม่มีอะไรเหลือ ไม่มีอะไรเป็นตัวตนอีกอย่างหนึ่ง ก็คือเราสามารถที่จะยกเอาสมถะขึ้นเป็นวิปัสสนาเมื่อไรก็ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #133  
เก่า 19-05-2017, 14:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราจะยกกรรมฐานมาใช้ให้การงานทางโลกประสบความสำเร็จ ควรทำอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าสมาธิของคุณดี ปักมั่นอยู่กับงานตรงหน้าก็ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว ส่วนใหญ่สมัยนี้ใช้สมาธิในทางที่ผิด แทนที่จะทุ่มเทกับการทำงานตรงหน้า ก็ไปทุ่มเทกับการแช็ตไลน์ ทุ่มเทกับการไปเขี่ยดูว่า วันนี้ใครโพสต์อะไรลงเฟซบุ๊กบ้าง...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #134  
เก่า 19-05-2017, 14:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การฝึกกรรมฐานจับภาพพระแบบนี้ ตอนแรกเข้าใจว่าคล้ายมโนมยิทธิ แต่ความจริงคนละอย่างใช่ไหมครับ ?
ตอบ : จัดเป็นกสิณ มโนมยิทธิเป็นผลของกสิณ การกำหนดภาพพระเป็นการสร้างเหตุ เมื่อกำหนดจนคล่องตัวสามารถใช้งานได้จัดเป็นผล จึงเป็นการใช้ผลของกสิณ เป็นคนละส่วนกัน

ถาม : อย่างนี้ถ้าเราจะบอกว่า วิธีฝึกมโนมยิทธิ ก็คือ วิธีการฝึกจับภาพพระ ?
ตอบ : มโนมยิทธิจริง ๆ เป็นการฟื้นของเก่า การจับภาพพระเท่ากับเราเริ่มสร้างองค์กสิณขึ้นมา เป็นการเริ่มตั้งแต่พื้นฐาน

ถาม : ขอถามแบบคนโง่ ๆ นะครับ เราควรจะรื้อฟื้นของเก่า หรือฝึกใหม่ครับ ?
ตอบ : มีโอกาสก็ไปรื้อฟื้นของเก่า ง่ายกว่าตั้งเยอะ การเริ่มต้นฝึกใหม่ด้วยความตั้งใจของเรา เดี๋ยวแรง เดี๋ยวเบา ประเภทเหมือนไฟไหม้ฟาง กว่าจะสำเร็จก็น้อย ต่อให้เราไปฟื้นของเก่าได้ก็ไม่ใช่ว่าจะทรงตัว เพราะว่าความสนใจของเราเดี๋ยวก็อยู่กับการปฏิบัติธรรม เดี๋ยวก็ไหลตามกระแสโลก สรุปว่าเรื่องที่ว่ามาทั้งหมด ปัจจัยสำคัญที่สุดก็คือตัวของคุณเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #135  
เก่า 19-05-2017, 17:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คำว่า นิพพิทาญาณ คือ การที่เบื่อมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ?
ตอบ : เบื่อเพราะเห็นอย่างแท้จริงว่า อัตภาพร่างกายนี้ไร้แก่นสาร การที่เราดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ไร้แก่นสาร มีแต่ความไม่เที่ยง มีแต่ความทุกข์ ไม่มีอะไรยึดถือมั่นหมายได้ เป็นความเบื่อที่เกิดจากการรู้แจ้งเห็นจริง

ถาม : ถ้าเป็นความรู้สึกว่าไร้สาระ แต่ไม่ได้เบื่อว่าอยากหนีไปแล้ว แบบนี้เป็นนิพพิทาญาณหรือเปล่าครับ?
ตอบ : เป็นนิพพิทาญาณอย่างอ่อน เรียกว่านิพพิทาญาณขั้นอนุบาลก็ได้

ถาม : สังขารุเปกขาญาณคืออะไรครับ ?
ตอบ : สังขารุเปกขาญาณเป็นการรู้แจ้งเห็นจริง จนสภาพจิตยอมรับและปล่อยวางลง

ถาม : ต่างกับนิพพิทาญาณอย่างไรครับ ?
ตอบ : นิพพิทาญาณคือเบื่อ ถ้าหากว่าเบื่อมาก ๆ วางอารมณ์ผิด จิตจะเศร้าหมอง ส่วนสังขารุเปกขาญาณนั้นไม่ใช่เบื่อ แต่เห็นว่าชีวิตน่าเบื่อเช่นนี้ ถ้าสามารถหลุดพ้นไปได้ เปรียบกับการเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน ชีวิตนี้ของเราก็แค่ชั่ววูบเดียวเท่านั้นเอง ในเมื่อมีชีวิตอยู่แค่พักเดียว ทำไมเราจะอยู่ให้ดีไม่ได้ เพราะว่าธรรมดาเป็นเช่นนี้ ในเมื่อเห็นว่าธรรมดาเป็นเช่นนี้ ยอมรับสภาพ จิตปล่อยวาง ไม่ไปแบกเอาไว้ ก็มีแต่ความเบาสบาย ไม่ไปปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติมอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #136  
เก่า 19-05-2017, 18:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เอกัคคตารมณ์ แปลว่าอะไรครับ ?
ตอบ : อารมณ์ที่ตั้งมั่นเป็นหนึ่งเดียว ก็คือกำลังใจที่เข้าถึงอัปปนาสมาธิขั้นใดขั้นหนึ่ง ตั้งแต่ปฐมฌานไปจนถึงฌานสี่

ถาม : ก็คือสมถะ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นกำลังสมาธิล้วน ๆ ก็ต้องเป็นสมถะอยู่แล้ว แต่ว่ากำลังนี้แหละที่จะช่วยในการตัดกิเลส เหมือนกับบุคคลเพาะสร้างตนเองให้มีกำลัง จะได้ใช้วิปัสสนาญาณที่เป็นอาวุธในการฟาดฟันตัดกิเลสได้ ไม่อย่างนั้นเรามีอาวุธคมกล้าแต่ก็ยกไม่ขึ้น แล้วจะไปตัดไปฟันอะไรได้ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 146 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #137  
เก่า 19-05-2017, 18:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเกิดว่าตอนตายอยากไปพรหมโลก การจับภาพพระจะช่วยให้สามารถไปได้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้ากำลังใจของคุณปักมั่นจริง ๆ ก็ไปได้ หรือก็ไม่ต้องจับภาพพระให้เสียเวลา คุณก็เข้าฌานของคุณ อาศัยกำลังฌานนั้นตายแล้วก็ไปพรหมโลก

ถาม : แต่พระอาจารย์บอกว่า ให้เลือกวิธีที่เข้าเร็วที่สุด ง่ายที่สุด สบายที่สุด ถ้าเป็นการจับภาพพระก็ได้ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ก็อาศัยภาพพระเป็นสมาธิของเรา

ถาม : ไม่แน่ใจว่า การจับภาพพระจะเป็นฌานได้ ผมไม่แน่ใจครับ ?
ตอบ : ทำไป...แน่ใจวันไหนก็วันนั้นแหละ

ถาม : ฝึกไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ฝึกไปเรื่อย ๆ ส่วนจะดีขึ้นหรือไม่อยู่ที่คุณทำ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #138  
เก่า 19-05-2017, 18:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การจับภาพพระหลายองค์พร้อม ๆ กัน หรือทำสมาธิหลายอย่าง ๆ ในเวลาเดียวกัน ประโยชน์จริง ๆ คืออะไรครับ ?
ตอบ : เป็นกีฬาสมาธิไม่ให้เบื่อ คุณต้องยอมรับว่า หลังจาก ๓๐ นาทีไปแล้ว คุณก็เริ่มเบื่อ...อยากจะไปทำอย่างอื่นแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #139  
เก่า 19-05-2017, 18:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เคยคุยกับเพื่อน เขาบอกว่า ถ้าเราโกงภาษี ถือว่าติดหนี้สงฆ์ ?
ตอบ : ส้นตีนแน่ะ...! ภาษีไม่ใช่หนี้สงฆ์

ถาม : เขาบอกว่า พระเจ้าตากสินกู้แผ่นดินให้ลูกหลาน ก็ถือว่าเป็นหนี้สงฆ์ ?
ตอบ : คิดหานรกได้ดีมาก...!

ถาม : การโกงภาษีไม่ติดหนี้สงฆ์ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ติดหนี้สงฆ์ แต่โทษของการโกงเงินที่ควรจะเป็นของส่วนรวม มีนรกให้ต่างหากขุมหนึ่งเลย ข้างล่างเขาจัดสรรไว้นานแล้ว เพราะฉะนั้น...ใครที่คอร์รัปชั่น จะกินนอกกินใน กินตามน้ำกินทวนน้ำอย่างไร เตรียมตัวเอาไว้...ถึงเวลาเจอแน่..!

ถาม : อย่างเราเลี่ยงภาษี โดนแน่ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : นั่นแหละเราโกง..!

ถาม : จัดเป็นของส่วนรวมไหมครับ ?
ตอบ : ก็ในเมื่อคุณตั้งใจโกง ส่วนรวมเสียหาย ก็แบบเดียวกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #140  
เก่า 19-05-2017, 18:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,451
ได้ให้อนุโมทนา: 151,086
ได้รับอนุโมทนา 4,400,038 ครั้ง ใน 34,040 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อยากให้คุณพ่อขายที่ได้ ผมต้องอธิษฐานหรือทำอย่างไรดีครับ ?
ตอบ : บอกพ่อให้ขายถูก ๆ

ถาม : เป็นที่ของคุณย่า ?
ตอบ : คุณย่าไม่ได้อยู่ให้เถียงแล้ว

ถาม : กี่เปอร์เซ็นต์ดีครับ ?
ตอบ : สัก ๕๐ %

ถาม : โหย...โดนเอาเปรียบมาก ?
ตอบ : เอาเปรียบอย่างไร ? ของได้มาฟรี ขายบาทหนึ่งก็ได้บาทหนึ่ง ไม่ได้หักร้างถางพงเองเหมือนสมัยบรรพบุรุษสักหน่อย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-05-2017 เมื่อ 18:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:22



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว