กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 05-10-2016, 20:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนที่เราไม่ใช้วัตถุมงคล วัตถุมงคลก็หนีไปเอง ?
ตอบ : แสดงว่าต้องมีปัญหาแน่ ๆ แต่สำหรับอาตมาแล้วไม่หวงของ ถ้าท่านหนีไป แสดงว่าท่านเห็นว่าคนอื่นเหมาะสมกว่า..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2016 เมื่อ 20:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 05-10-2016, 20:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาแบ่งมีดหมอส่วนหนึ่งออกไปแล้ว เพื่อที่จะหลอมทำชนวนในการสร้างไม้เท้ากับบาตรน้ำมนต์ ส่วนหนึ่งก็แบ่งมาให้พวกเราบูชากัน ส่วนหนึ่งก็นำเข้าพิพิธภัณฑ์

มีดหมอหลวงพ่อกวยส่วนที่นำเข้าพิพิธภัณฑ์ จะเป็นรุ่นหลัง ๆ ที่คนส่วนมากจะรู้จักกัน ถ้าเป็นรุ่นแรก ๆ คนไม่ค่อยรู้จักหรอก แต่รุ่นแรก ๆ จะดีกว่า เพราะว่าเป็นโลหะอาถรรพ์ทั้งนั้น ถ้าเราดูเนื้อมีดจะเห็นชัดเลยว่าเนื้อมีดไม่เสมอกัน จะมีหลายสีปน ๆ กันอยู่ มีบางเล่มจะชัดมากคือเห็นเป็นหลายสี แต่พอถ่ายรูปออกมาแล้วดูเหมือนกับบุบ ๆ บี้ ๆ

ที่อาตมาสะสมมีดหมอ มีเจตนาที่ชัดที่สุดก็คือตั้งใจว่า ถ้าทำวัตถุมงคลจะได้ใส่ลงไปด้วย เพราะตอนหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำมีดหมอดาบฟ้าฟื้นรุ่นแรก ท่านบอกว่า “เสียดาย...ถ้าอยู่ใกล้ ๆ จะไปตะไบดาบฟ้าฟื้นของจริงมาผสมด้วย” อุทัยธานีกับเขาชนไก่ตอนนั้นไกลกันมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2016 เมื่อ 20:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 05-10-2016, 20:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีดต้องเหน็บเอวขนาดไหนคะ ?
ตอบ : ปกติเขาเหน็บหลังกัน เหน็บตามแนวกระดูกสันหลัง จะเรียบสนิท ถ้าเล่มเล็กแทบดูไม่รู้เลยว่าพกมีด เราแค่ปล่อยให้ตรงด้ามโผล่พ้นขึ้นมาเท่านั้นเอง

ถ้าพวกเรามารับแล้วถือมีดออกไปพร้อม ๆ กัน คนเขาคงคิดว่าไอ้พวกนี้มาวัดจริง ๆ หรือเปล่าวะ ? เล่นแต่มีดแต่ไม้
...!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-10-2016 เมื่อ 20:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 05-10-2016, 20:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หาอะไรมาห่อมีดหมอไปหน่อยสิ ถือไปแบบนั้นเดี๋ยวตำรวจเรียก จริง ๆ แล้วก็ไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะตามกฎหมายแล้ว มีดไม่ใช่อาวุธโดยธรรมชาติ เขาถือเป็นของใช้ ตำรวจจะมาอ้างจับมีดนี่โดนอัดก่อนแน่ ๆ ถ้าหากว่าเป็นดาบหลวงพ่อรุ่ง อย่างนี้คืออาวุธ "

ถาม : คนเขาถือพร้าไปฟันที่สวน ยังทำได้เลย ?
ตอบ : ได้..จุดหมายและงานเขาแน่นอน ที่ปักษ์ใต้สมัยก่อนเวลาเขาถือพร้าให้ใบบังหู กันคนฟัน ถ้าฟันคอจะติดพร้าก่อน

ถาม : เขาถืออย่างนี้หรือคะ ?
ตอบ : เขาก็ถืออย่างนี้จริง ๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วคนจะย่องมาฟันข้างหลัง เท่ากับว่ากันไปได้ข้างหนึ่ง แล้วส่วนใหญ่คนมักจะถนัดขวา ก็จะฟันข้างขวานี้ ถ้าฟันมาก็ติดใบพร้า อย่างเก่งก็แค่เซ เรียกว่าถือพร้าปิดหู
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 05-10-2016, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ดาบฟ้าฟื้นปัจจุบันอยู่ในถ้ำเขาชนไก่หรือครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่ถ้ำ ตอนนี้อยู่กลางแจ้งเลย คือขุนแผนท่านใส่ไว้ในโพรงไม้ฝากเทวดารักษาไว้ แต่ต้นไม้ตายผุไปนานแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 05-10-2016, 21:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ใครช่วยสัมภาษณ์คุณเถรีให้หน่อย ว่าไปทำอะไรไว้ มีดหมอ (สาลิกา) หลวงปู่ทองเฒ่าเล่มนี้ หนีไปทีหนึ่งแล้ว เกือบจะมาไม่ถึง"

ถาม : วันนั้นเขาก็บ่นว่าเสือหนี ?
ตอบ : มีดหมอก็หนี เขาหนีไปที่ซึ่งนึกไม่ถึง แต่บังเอิญอาตมาเปะปะไปทำงานตรงนั้นพอดี อ้าว...มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ?

ถาม : มีดหมอเล่มเล็กจัง ?
ตอบ : มีดหมอสาลิกา เขาทำเป็นเล่มเล็ก ๆ ไว้ให้ติดตัว จะได้พกพาง่าย และไม่ดูเป็นอาวุธ แต่อานุภาพไม่ได้เล็กตามตัวนะ คำว่าสาลิกามาจากสมัยก่อนเขาแกะไม้เป็นรูปนก แล้วไม้ที่เขานิยมมาเอามาแกะมักจะเป็นกาฝากรัก กาฝากรักยม กาฝากมะรุม ก็ถือเอาเคล็ดลับของคำว่า "รัก" เป็นที่ "นิยม" คน "มะรุม" มะตุ้ม อะไรประมาณนั้น คราวนี้ถ้าแกะชิ้นใหญ่ก็ได้น้อย เขาจึงแกะตัวเล็กนิดเดียว เพื่อที่จะได้ประหยัดวัสดุ ก็เลยกลายเป็นว่า คำว่าสาลิกา ใช้แทนของเล็ก ๆ พอมารุ่นหลังนี้เขาใช้คำว่าสาลิกาแทนของเล็ก ๆ อย่างมีดหมอสาลิกา หรือไม่ก็เสือสาลิกา หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-10-2016 เมื่อ 17:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 05-10-2016, 21:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมากำลังจะทยอยลงลูกอม ที่ราคาสูงหน่อยก็เป็นลูกอมของหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา และหลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม เพราะว่านอกจากหายากแล้ว ในตลาดยังเล่นแพงมาก ที่เหลือก็พยายามเอาให้อยู่ในราคาที่พอรับกันได้

ลูกอมของหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา ๓๐ กว่าปีได้มาแค่ ๖ ลูก ทั้ง ๆ ที่อาตมาเป็นคนนครปฐมเองแท้ ๆ ลูกอมของท่าน อาตมาขอยืนยันว่าไม่ใช่ลูกอมหรอก เป็นพระธาตุไปหมดแล้ว เนื้อเหมือนกับหินอ่อนเลย คนรุ่นหลังก็รู้อยู่ว่าท่านทำด้วยผง แล้วไม่สงสัยหรือว่าทำไมเป็นหินอ่อนไปหมด ?

หลวงปู่ปานเป็นใครเราไม่ต้องรู้จักหรอก ลูกศิษย์ท่านก็คือหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว เจ้าตำรับเบี้ยแก้สายภาคกลางที่ดังระเบิดเถิดเทิง และหลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ เจ้าตำรับพระปิดตาเนื้อโลหะอันดับหนึ่งของเบญจภาคีพระปิดตา นั่นเป็นลูกศิษย์ของท่านทั้งคู่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 03:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 05-10-2016, 21:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บ้านใหม่ที่เขาไปดูไว้ ถ้าลงตัวตอนนี้ก็น่าจะเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์แล้ว จะอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าบางรักใหญ่ (สายสีม่วง) เป็นส่วนของนนทบุรี แต่ถ้าเดินลงจากรถไฟฟ้าแล้วจะใกล้กว่าที่นี่ ที่นั่นลงจากรถแล้วบ้านอยู่ติดถนนใหญ่เลย

ถ้าใครเอารถไป ตลอดแนวถนนใหญ่ประมาณกิโลเมตรหนึ่งจอดได้หมด เลือกว่าจะเอารถส่วนตัวไป หรือว่าจะไปรถไฟฟ้า รถตู้ก็มีเพราะว่ารถตู้วิ่งจากบางหว้าไป Central Westgate ที่นั่นอยู่ก่อนถึง Westgate ๒ สถานี

เพียงแต่ว่าจะหาบ้านหลังใหญ่อย่างบ้านวิริยบารมีนี้ไม่ได้หรอก เดี๋ยวหลังนี้จะดูว่าหลวงพ่อที่มาแทนท่านจะหาคนนั่งเต็มได้ไหม ? ต้องขอบคุณท่านเจ้าของบ้านวิริยบารมีที่อำนวยความสะดวกให้พวกเรามาเกือบจะ ๖ ปีเต็ม ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 05-10-2016, 22:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อคืนวันพุธก่อนลงมาที่นี่ เถ้าแก่สมใจ มาโนช ประธานชมรมผู้สูงอายุทองผาภูมิ พาครอบครัวมาถวายทองคำ ๕ บาท เงินอีก ๓๐,๐๐๐ บาท และเข็มขัดเงิน ๒ เส้น บอกว่าขอร่วมสร้างพระกับอาจารย์ด้วย

เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่ง เพราะปกติแล้วทางเถ้าแก่สมใจเป็นคนประหยัดกิน ประหยัดใช้มาก ค่อนข้างจะมัธยัสถ์ แม้กระทั่งทุกวันนี้เถ้าแก่สมใจก็ใช้รถกระบะ
เก่า ๆ ของเมื่อ ๔๐ ปีที่แล้ว

ท่านเป็นลูกศิษย์รุ่นแรก ๆ ของหลวงปู่สาย พอสิ้นหลวงปู่สายก็ไปทางหลวงพ่ออุตตะมะ ในเมื่อเจอสุดยอดครูบาอาจารย์ลักษณะอย่างนั้น โอกาสที่ท่านจะทำบุญกับพระอื่นก็ยาก อาตมาไปอยู่ทองผาภูมิมา ๒๓-๒๔ ปี ทราบกิตติศัพท์ของท่านเป็นอย่างดี แล้วอยู่ ๆ ก็มาทำบุญ อาตมายังทึ่งอยู่เหมือนกัน แสดงว่าจริง ๆ แล้วท่านก็อยากทำบุญ เพียงแต่เล็งอยู่ว่าจะหาพระที่ไว้ใจได้ที่ไหน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 05-10-2016, 22:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือเกี่ยวกับการหาทุนเข้าสมาพันธ์ชาวพุทธ ดำเนินการปกป้องพระพุทธศาสนา อันแรกที่เห็นผลอย่างชัดเจนที่สุด ก็คือ จังหวัดบึงกาฬ ประกาศเป็นจังหวัดที่มีพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด ประกาศเลยเพราะว่าเขาตั้งหน้าตั้งตาจะสร้างมัสยิด แล้วพวกเจ้าหน้าที่ก็ข่มขู่ชาวบ้านว่า ถ้าขัดขวางจะมีโทษอย่างนั้นมีโทษอย่างนี้ คราวนี้ชาวบ้านเขาไม่ยอม ก็ประกาศเลยว่าบึงกาฬเป็นเขตพระพุทธศาสนา เป็นดินแดนของพระอริยสงฆ์ ไม่ต้องการมัสยิด แล้วก็ประกาศว่าบึงกาฬเป็นจังหวัดที่มีพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำจังหวัด

เป็นจังหวัดที่ตั้งท้ายสุด แต่บังอาจประกาศแรกสุด เออ...เจ๋งว่ะ..! เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องไปประกาศศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติหรอก ประกาศเป็นศาสนาประจำจังหวัดทุกจังหวัด เดี๋ยวก็เป็นศาสนาประจำชาติไปเอง จังหวัดอื่น ๆ ถ้ามีผู้ว่าหรือปลัดจังหวัดเป็นอิสลาม เขาจะขวางสุดชีวิตเลย ที่บึงกาฬปลัดจังหวัดเขาดันสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ชาวบ้านรวมตัวกันประกาศเฉยเลย ต้องบอกว่าเป็นความกล้าหาญสมกับที่เป็นชาวพุทธ

การพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาไว้ แม้จะต้องเสียชีวิตลงก็ต้องทำ แล้วจะมีอะไรให้เราต้องกลัว ? อิสลามมีหยิบมือเดียว อาตมาไม่เห็นจะกลัวเลย สมัยยังเป็นฆราวาสตีกับเขาประจำ ทั้งซอยมีบ้านไทย ๒ หลัง นอกนั้นเป็นอิสลามหมด เขายกกันมาทั้งหมู่บ้าน อาตมาก็ไม่เคยเกี่ยง มาเท่าไรเจอมือเจอตีนเข้าก็ร่วงเหมือนกัน โดนมาก ๆ เข้าเขาสู้ไม่ได้ก็ไปแจ้งความ แจ้งความแล้วมีประโยชน์อะไร ตำรวจเขาฟังดูก็รู้อยู่แล้วว่าผิดปกติ มีเยี่ยงอย่างหรือ ? อาตมา ๒ คนไปรุมเขา ๓๐ กว่าคน คน ๒ คนรุมคน ๓๐ กว่าได้ด้วยหรือ ? ท้ายสุดตำรวจก็เลยต้องแจ้งข้อหาทะเลาะวิวาท ปรับฝ่ายละ ๔๐๐ บาท อาตมาก็เลยบอกกับน้องชายว่า ต่อไปมีเท่าไรเอาให้คุ้มกับค่าปรับ ไหน ๆ ก็ต้องจ่ายแล้ว...ใช่ไหม ?

อิสลามมีนิสัยเรียกร้องสิทธิทุกอย่าง ด้วยความที่คนเขามีจำนวนน้อย เขาจำเป็นต้องสามัคคี
กันเหนียวแน่น ส่วนคนไทยของเรามีลักษณะม้าอารี อะไร ๆ ก็แล้วแต่...ช่างเถอะ...ไม่เป็นไรหรอก จนกระทั่งเขาขี่คอเราอยู่แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 03:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 06-10-2016, 17:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในหนังสือกระโถนข้างธรรมาสน์เดือนตุลาคม ๒๕๕๙ นี้ หน้าที่ ๒๙ พูดถึงพระที่ยังไม่ถึง ๕ พรรษา ว่าห้ามพ้นไปจากครูบาอาจารย์ เพราะว่าจะไปปฏิบัติผิดพลาดแล้วเกิดโทษแก่ตนเองได้ แต่ว่าเมื่อ ๒ วันก่อนมีพระรูปหนึ่งพรรษาท่านเกิน ๑๐ แล้ว เป็นเจ้าอาวาสด้วย ไปที่วัดท่าขนุน ค้างคืนรอพบอาตมา ถามว่ามีธุระอะไรถึงได้ขอสัตตาหะฯ มา ท่านบอกว่า “จะมาขอให้อาจารย์จารตะกรุดให้ครับ” ก็เลยถามท่านว่า “แล้วคุณไปเอากติกาการสัตตาหะฯ มาจากไหน ว่าไปจารตะกรุดได้ พระพุทธเจ้าอนุญาตไว้หรือ ?”

ท่านบอกว่า “ผมจะมาหาหมอด้วยครับ” อาตมาบอกไปว่า “ไอ้ประเภทกะล่อนไปเรื่อยนี่ไม่ต้องมาหาผมหรอก” กฎเกณฑ์กติกาของการสัตตาหะฯ ได้ในช่วงเข้าพรรษา พระพุทธเจ้าท่านก็บอกชัดเอาไว้ว่า พ่อป่วย แม่ป่วย พระอุปัชฌาย์อาจารย์ป่วย ไปเพื่อรักษาพยาบาลได้ เพื่อนสหธรรมิกที่อยู่ต่างวัดจะสึก ไปเพื่อห้ามปรามได้ วัดพังไปหาทัพสัมภาระวัสดุต่าง ๆ มาซ่อมมาสร้างวัดให้ไปได้ ได้รับกิจนิมนต์ไปเพื่อเจริญศรัทธาไปได้

ถ้านอกเหนือจากนี้จำเป็นต้องพิจารณากับมหาปเทส ๔ ก็คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านให้ไว้สำหรับพิจารณาว่า สิ่งนี้ถูกต้องตามพระวินัยหรือไม่ ท่านว่าสิ่งใดไม่สมควร พิจารณาแล้วไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร สิ่งใดไม่สมควร พิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร อย่างเช่นสมัยนี้พระต้องไปศึกษา ต้องไปเรียนหนังสือ เรียนมาเพื่อให้มีความรู้จะได้นำมาสอนตนเอง และไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าไม่ได้รับอนุญาตเอาไว้ นับเป็นสิ่งที่ไม่สมควร แต่พิจารณาแล้วว่าสมควร ก็อนุญาตให้ไปได้ เป็นต้น แล้วของท่านจะมาให้จารตะกรุด พิจารณาแล้วสมควรไหม ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 06-10-2016 เมื่อ 18:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 06-10-2016, 17:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่าลืมว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสแล้วนะ ถ้าลักษณะอย่างนั้นท่านก็จะไปสอนลูกศิษย์ผิด ๆ ไปเรื่อย ยิ่งสมัยนี้บรรดาพระต่าง ๆ ถึงเวลาบวชเข้าไปแล้วก็รื่นเริงบันเทิงใจมาก กูจะไปไหนก็สัตตาหะฯ อย่างเดียว ไม่ได้ดูเลยว่าพระพุทธเจ้าอนุญาตไว้หรือเปล่า ก็กลายเป็นว่าตัวเองต้องอาบัติอยู่ทุกวัน

ในส่วนนี้ที่กล่าวไว้ พอดีไปตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัดจึงได้นำมาพูด เป็นที่น่าเสียดายว่าท่านบวชมานานขนาดนั้น ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร พอโดนดุเข้า รุ่งเช้าก็เลยไม่ฉันเช้า รีบกลับไปเลย อาตมาอาจจะโหดสักหน่อย แต่ถ้านำไปพิจารณาก็คงจะได้ประโยชน์ของตัวเอง ถ้าไม่พิจารณาก็คงไม่ได้อะไรเลย แล้วก็ทำผิดไปอีก ก็เลยฉวยโอกาสอบรมพระในวัดท่าขนุนไปด้วย

ในเมื่อมีตัวอย่างชัด ๆ แล้วก็บอกกับทุกท่านว่า อย่าให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น ถ้าหากว่าเจ็บไข้ได้ป่วย
ก็ขอสัตตาหะฯ ไปอยู่โรงพยาบาล ไม่ใช่ตะกายมาวัดให้อาจารย์จารตะกรุดให้...! การเจ็บไข้ได้ป่วยพระพุทธเจ้าท่านไม่ได้อนุญาตไว้ เพราะท่านอนุญาตแค่ว่าพ่อป่วย แม่ป่วย พระอุปัชฌาย์อาจารย์ป่วย แต่การที่ตัวเองป่วย ถ้าหากว่าไม่รักษา เกิดโรคหนักขึ้นมาถึงแก่ชีวิตได้ พิจารณาแล้วว่าถึงไม่ได้รับอนุญาต เป็นเรื่องไม่สมควร แต่พิจารณาแล้วว่าสมควร ก็ให้ไปโรงพยาบาลโดยการขอสัตตาหะฯ ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 17:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 06-10-2016, 17:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ก็มีผู้ตั้งปัญหาว่า ถ้าเกิดว่าป่วยหนักอยู่โรงพยาบาลเกิน ๗ วันจะทำอย่างไร ? จะให้หามมาขอสัตตาหะฯ ใหม่ไหม ? อาตมาบอกว่า ให้ทางวัดส่งตัวแทนพระไป ๔ รูป หรือเป็นตัวแทนของคณะสงฆ์ทั้งวัด ไปให้ท่านขอสัตตาหะฯ ที่โรงพยาบาลต่อ ป่วยหนัก ๆ หามกันมาอาจจะได้หามเข้าเมรุไปเลย...!

อยู่กับโรงพยาบาลนั่นแหละ ให้ทางวัดส่งตัวแทนสงฆ์ไป ๔ รูป ไปรับการขอสัตตาหะฯ ของท่านแล้วมาแจ้งกับทางสงฆ์ว่า ท่านขอลาต่ออีก ๗ วันเพื่อรักษาตัว สัตตาหกรณียะ แปลว่า กรณีอันจำเป็นไปได้ไม่เกิน ๗ วัน แต่มีหลายท่านสอนกันผิด ๆ อย่างเช่นสอนว่า ถ้ากลับเข้าวัดไม่ทันอรุณของวันที่ ๘ ก็คือ
เช้ามืดของคืนวันที่ ๗ ซึ่งถ้าสว่างก็จะเป็นวันที่ ๘ ท่านสอนว่าให้โยนผ้าครองเข้ามาในวัด ถือว่าไม่ขาดพรรษา...! อาตมาฟังแล้วก็ขำ ๆ สอนมาได้อย่างไรวะ ? ถ้าอย่างนั้นตัวขาดพรรษา เพราะว่าเกิน ๗ วัน แล้วผ้าก็ขาดครองเพราะห่างจากตัวเอง โดน ๒ เด้งเลย เพราะฉะนั้นอย่าทะลึ่งไปทำแบบนั้น...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 17:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 06-10-2016, 17:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณไปเอาเหรียญราชมิตราภรณ์มาจากไหน ? ที่แขวนอยู่นั่น อาตมาอยู่กับหลวงพ่อฤๅษี ทั้งชีวิตฆราวาสและชีวิตพระรวมแล้ว ๑๘ ปี ท่านให้มาแค่เหรียญเดียว

เชื่อเถอะ...คนรุ่นหลังก็ไม่รู้หรอกว่าเหรียญนี้ชื่ออะไร ท่านบอกไว้ส่วนใหญ่นอกจากจะไม่จดแล้ว ยังไม่จำอีกต่างหาก พอถึงเวลาก็มั่วกันไปเรื่อย ๆ

รุ่นนั้นหลวงพ่อท่านสร้างแล้วมอบให้กับคนที่ทำบุญเข้ากองทุนสงเคราะห์ผู้ยากจนในถิ่นทุรกันดาร อาตมาเองไม่มีสตางค์เข้ากองทุนกับเขาหรอก สมัยนั้นเป็นเด็กกะโปโล แต่วิ่งรับใช้ท่าน ท้ายสุดท่านก็ให้มา ๑ เหรียญ เพราะไปนั่งทำท่าน้ำลายหกให้ท่านเห็น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 17:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 06-10-2016, 17:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การปฏิบัติธรรม ถ้าเราจับหลักได้จะเป็นการข้ามขั้นหรือไม่ ?
ตอบ : ต้องถามว่าหลักอะไร ? ถ้าหากว่าหลักของศีล ก็ข้ามการให้ทาน ถ้าหลักของการภาวนาก็ข้ามทั้งทานทั้งศีล ท่านให้ทำใน ศีล สมาธิ ปัญญา ไปพร้อม ๆ กัน ไม่ใช่เน้นอย่างใดอย่างหนึ่ง

โดยเฉพาะเรื่องของ ทาน ศีล ภาวนา อานิสงส์นั้นต่างกัน เรื่องของทาน ถ้าเกิดใหม่จะมีโภคสมบัติมาก พูดง่าย ๆ ว่ารวยมาก เรื่องของศีลก็จะมีรูปสวย น้ำใจดี เรื่องของการภาวนา ก็จะมีปัญญามาก ดังนั้น...ในเรื่องของการที่เราจะปฏิบัติก็ควรที่จะทำให้ครบถ้วนทุกอย่าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 21:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 06-10-2016, 17:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมแบ่งเป็นพระป่า พระบ้าน ?
ตอบ : ส่วนใหญ่พระสายหลวงปู่มั่นท่านจะอยู่ป่า ออกธุดงค์ เขาก็เลยเรียกกันง่าย ๆ ว่าพระป่า แต่ทั่ว ๆ ไปก็จัดเป็นพระบ้าน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 21:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 06-10-2016, 18:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนอาตมาไปงานออกนิโรธกรรมของครูบาวิฑูรย์มา หลายส่วนที่ด่าไปเมื่อปีที่แล้ว มาปีนี้ก็ปรับปรุงดีขึ้น แต่หลายส่วนที่ไม่ได้ด่าก็เละเหมือนเดิม จึงต้องด่ากันต่อ ทำไมเขาไม่ค่อยมีสายตาในการทำงานกันเลย ของที่ทำให้เร็วได้ ทำให้ง่ายได้ ก็มักจะทำให้ช้า ทำให้ยากกันหมด

อาตมาเสร็จจากด้านนั้นก็ไปเยี่ยมหลวงพ่อสมปอง ไปถึงลูกศิษย์ท่านก็ให้นั่งรอ อาตมาก็คิดว่าท่านป่วยเราควรจะขึ้นไปหาถึงที่ ปรากฏว่าท่านเดินลงมาเอง ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน ท่านบอกว่าตอนนี้ยังยืดตัวตรง ๆ ไม่ได้ เพราะว่าแผลผ่าตัดยังตึง แล้วก็ยังต้องแขวนถุงไว้ข้างตัว ไปไหนก็ได้พิจารณาไปด้วย"


ถาม : ท่านยังไม่ได้เย็บปากแผล ?
ตอบ : ท่านบอกว่าไม่เย็บหรอก ปล่อยไว้อย่างนั้นเลย แบบเดียวกับหลวงพ่อสมพงษ์ วัดใหม่ปิ่นเกลียว อาตมาไปเสกชูชกให้ท่าน ท่านเองนั่งรถเข็นมา แขวนถุงไว้อย่างนั้นแหละ ก็หัวเราะกันสนุกสนานเฮฮา ไม่เห็นท่านจะเครียดอะไร พระปฏิบัตินี่ได้เปรียบนะ ไม่ค่อยกังวลกับเรื่องของร่างกาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 21:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 06-10-2016, 18:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อาตมานั่งกำแขนกับหลวงพ่อสมปอง ดูว่าตอนนี้แขนใครใหญ่กว่า ผอมทั้งคู่เลย สมัยโน้นถึงจะผอมแต่กล้ามเป็นมัด ๆ ทั้งคู่ สมัยนี้แก่ตัวลงบ้าง ป่วยบ้าง ต่างคนก็ต่างเหี่ยว

จริง ๆ ถ้าลูกศิษย์บอกว่าท่านอยู่ที่ไหนก็จะขึ้นไปหาท่านเอง จะสะดวกกว่า แต่คราวนี้เขาไม่บอก เขาพาไปนั่งรอเฉย ๆ แล้วตัวเองก็ไปนั่งสวดมนต์ แต่อาตมาไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เพราะตั้งแต่ก่อนจะไป คนก็ถามว่าแล้วท่านจะเปิดบ้านรับหรือ ? อาตมาบอกว่าไปเถอะ เดี๋ยวท่านก็เปิดเอง ไปถึงไม่มีที่จอดรถ อาตมาก็ให้จอดขวางประตูบ้านไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 21:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 06-10-2016, 18:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมนามสกุลว่า กงตาล คำว่า กง คำนี้เป็นภาษาโบราณมากเลย กงตาลคือไร่ที่มีต้นตาลขึ้นอยู่ กงตัวนี้ไม่ได้หมายถึงวง ไม่ได้หมายถึงความกลม แต่กงตัวนี้ก็คือไร่ เป็นภาษาเก่า โบราณบางทีก็พูดติดกันว่าเป็นไร่เป็นกง ใช้ ๒ คำติดกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 21:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 06-10-2016, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,445
ได้ให้อนุโมทนา: 151,070
ได้รับอนุโมทนา 4,399,754 ครั้ง ใน 34,033 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีเพื่อนผมทำบุญวันเกิด เขาเจอแต่เรื่องให้เจ็บช้ำน้ำใจ แล้วเขาโทษว่า ทำไมคนเราไม่ยอมชดใช้กรรมให้หมดไปทีเดียวเลย แล้วมาเจอกรรมที่นี่อีก เขาตัดพ้อ มีวิธีการรับมืออย่างไร ?
ตอบ : ก็ไปตัดพ้อกับพระยายมราชสิ...! แสดงว่าเขาทำแต่กรรมใหญ่ ๆ ไม่เคยทำกรรมเล็กเลยใช่ไหม ? ใจคอจะไม่ให้คิดดอกเบี้ยเลย

ถาม : เห็นว่าเป็นวันเกิดเขา ก็เลยชวนซื้อที่ดินสร้างสำนักสงฆ์ พอทำเสร็จก็โดนคนด่า ?
ตอบ : คนเราถ้าอยู่ในลักษณะนั้น แสดงว่าถ้าตั้งใจทำดีก็จะได้ผลเร็วมาก มารจึงต้องขวางแรง

ถาม : ใช่ครับ เขาโดนอย่างนี้ ผมไม่รู้จะอธิบายเขาอย่างไรดี ?
ตอบ : ไม่ต้องอธิบาย ปล่อยเขาไปเถอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2016 เมื่อ 21:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว