กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เรื่องเล่าต่าง ๆ โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > ซัวสะเดย..เนียงลออ

Notices

ซัวสะเดย..เนียงลออ ซัวสะเดย..เนียงลออ โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 06-11-2014, 01:19
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


บางคนพยายาม "ซ่อน" ไม่ให้คนอื่นเห็น "ความจริง"

“แหม..ไม่รอกันเลยนะหลวงพี่..” พี่วิไลต่อว่ามาแต่ไกล อาตมาขี้เกียจต่อปากต่อคำ จึงชวนทุกคนถ่ายรูปหมู่กับพญานาคไม้ไผ่ มี “ยายจ๊ะ” ยืนเป็นกำลังใจอยู่ไกล ๆ เหมือนกลัวจะติดเข้าไปในรูปด้วยอย่างนั้นแหละ...

“คุณณรงค์หายไปไหนล่ะ ?” อาตมาไม่เห็น “ชายเดียว” มาเข้ากล้องด้วยจึงถามหา “ไปเอารถมารับพวกเราทางด้านนี้ค่ะ เดี๋ยวจะพาพวกเราไปชมพระบรมมหาราชวังกัน” พี่ปราณีเฉลย อ้อ..ที่แท้พามาไหว้พระที่วัดยายเพ็ญก่อน เพื่อรอเวลาให้พระบรมมหาราชวังเปิดนี่เอง...

คุณณรงค์เลี้ยวรถตู้เข้ามาเทียบข้างเศียรพญานาคเลย อาตมานึกว่าจะนั่งรถไปไกล ที่ไหนได้..เลี้ยวซ้ายออกจากวัดยายเพ็ญได้ไม่ถึงอึดใจ ก็เห็นรั้วสีไข่ไก่มีใบเสมาสีขาวยาวเหยียดไปตามถนน มีหมู่อาคารต่าง ๆ ที่โผล่พ้นรั้วมาแค่หลังคา ยกเว้นพระที่นั่งจันทร์ฉายที่มองเห็นเด่นแต่ไกล ยิ่งรถของเราวิ่งชิดขวาเหมือนกับอยู่กลางถนน ก็ยิ่งทำให้พระที่นั่งหลังนี้โดดเด่นขึ้นไปอีกมาก...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1409.jpg (100.3 KB, 1338 views)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 128 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 07-11-2014, 02:32
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


พระที่นั่งจันทร์ฉายแบบ "เต็มจอ"

“พระบรมมหาราชวังของพระราชอาณาจักรกัมพูชาแห่งนี้ สร้างขึ้นโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้านโรดมพรหมบริรักษ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๙ ช่วงปลายรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงสยาม ตอนนั้นกัมพูชาทำสนธิสัญญา ขอเป็นรัฐในอารักขาของฝรั่งเศส จึงได้ย้ายเมืองหลวงจากจังหวัดอุดรมีชัย ซึ่งอยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของพนมเปญประมาณ ๓ โยชน์ มาตั้งใหม่ที่นี่..”

“นี่ยายจ๊ะ..คนอื่นจะรู้ไหมว่า ๓ โยชน์เท่ากับ ๔๘ กิโลเมตร ?” ยายจ้อ เอ๊ย..ยายจ๊ะไม่สนใจการประท้วงของอาตมา บรรยายน้ำไหลไฟดับตามประสา “เด็กท็อป” วิชาประวัติศาสตร์เขมรต่อไปว่า “ผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างคือ “นักออกญาเทพนิมิต” ซึ่งออกแบบขึ้นมาโดยมีแนวคิดของสถาปนิกฝรั่งเศส และอิทธิพลของพระบรมมหาราชวังสยามเป็นแนวทาง..”

มาถึงด้านหน้าพระที่นั่งจันทร์ฉาย ขวามือมีทางแยก ดูเหมือนจะเป็น “สนามหลวง” หรือลานจอดรถ ซึ่งประกอบด้วยไปด้วยลานกว้าง มีโคมไฟงาม ๆ ตั้งเรียงราย มีหมู่ไม้ดอกไม้ใบจัดเป็นสวนหย่อมอยู่เป็นระยะ กว้างตลอดไปถึงริมฝั่งแม่น้ำโขง พลขับกิตติมศักดิ์เลี้ยวขวาเข้าไป แล้ววนกลับหัวมาให้เห็นพระที่นั่งจันทร์ฉายแบบ “เต็มจอ” ก่อนที่จะจอดรถให้พวกเราลงกันตรงนี้...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_3085.jpg (98.1 KB, 1300 views)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 129 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 08-11-2014, 02:36
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


คนไทยมักจะเรียกว่าพระราชวังเขมรินทร์

“พระบรมมหาราชวังนี้มีชื่อว่า “พระราชวังจตุรมุขสิริมงคล” แต่คนไทยมักจะเรียกว่า "พระราชวังเขมรินทร์" ส่วนพระที่นั่งจันทร์ฉายของพระคุณท่าน จริง ๆ แล้วชื่อ “พระที่นั่งจันทฉายา” มีความหมายเดียวกันเจ้าค่ะ

พระที่นั่งหลังนี้สร้างโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้านโรดมศรีสวัสดิ์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๖ ตอนต้นรัชกาลที่ ๖ แห่งกรุงสยาม ใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีพิธีบรมราชาภิเษก มีมุขเด็จสำหรับเสด็จออกพบปะข้าราชบริพาร หรือเปิดโอกาสให้ประชาชนได้พบเห็นองค์กษัตริย์..”

“นี่..ยายจ๊ะ..เวลาเธอ “จ้อ” แบบนี้ก็ดูน่ารักดีออก ต่อไปอย่าเที่ยวจ้องหน้าคนอื่นแบบเอาจริงเอาจังเหมือนก่อนหน้านี้จะได้ไหม ? ดูแล้วคล้ายกับจะกินเลือดกินเนื้อใครก็ไม่ปาน..” “ยายจ้อ” ค้อนขวับ แต่ไม่น่ากลัวแล้ว กลายเป็นน่ารักแทน...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg PA0538.jpg (94.6 KB, 1251 views)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 09-11-2014, 02:28
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


ต้องมาเข้าคิวซื้อตั๋วเข้าชมพระราชวังตรงห้องขายตั๋วข้างหน้า

พี่ปราณีเดินนำพวกเราข้ามถนน ตรงไปยังประตูทางเข้า ซึ่งมีทหารรักษาการณ์ถือปืนไรเฟิลจู่โจมของโคลท์ รุ่น M16 A1 เฝ้าอยู่ เมื่อเข้าไปแล้วก็เลี้ยวขวา เดินไปตามระเบียงยาวที่มีหลังคาคลุม ตลอดสองฟากข้างของระเบียงมีเก้าอี้ยาวสำหรับนั่งพัก ทำจากปูนปูทับด้วยกระเบื้อง สลับกับแท่งปูนที่ดูอย่างไรก็คือเสาศาลพระภูมิของบ้านเรา บนเสาแต่ละต้นมีหม้อดินวางอยู่ แต่ไม่รู้ว่าวางไว้ทำอะไร จะว่าเป็นหม้อน้ำก็ไม่ได้ใส่น้ำ จะว่าเป็นของเก่าก็ใหม่จนเกินไป...

“หลวงพี่นั่งรอตรงนี้นะคะ พวกเราต้องไปซื้อตั๋วทางด้านโน้น” พี่ปราณีชี้ไปที่ศาลา “ทรงไทย” เล็ก ๆ มีเบาะนั่งสองแถว แล้วพาคนอื่น ๆ ตรงไปยังจุดที่มีนักท่องเที่ยวยืนรุมกันอยู่ เนื่องจากแถวหน้ามีผู้ชายนั่งอยู่แล้ว ๑ คน อาตมาถึงเข้าไปนั่งที่แถวหลัง ควักเอาสมุดบันทึกมาจดรายละเอียดของสถานที่ โดยมี “ยายจ้อ” ยืนเป็นเพื่อนอยู่ใกล้ ๆ...

จดบันทึกเสร็จก็ยังไม่เห็นมีใครกลับมา มองไปทางห้องขายตั๋วเห็นเหลือแต่กลุ่มของพวกเรา อาตมาจึงเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เห็นมีป้ายภาษาอังกฤษ บอกอัตราค่าเข้าชมที่คนละ ๒๕,๐๐๐ เรียล ซึ่งก็คือ ๒๕๐ บาท และ ๖.๒๕ ดอลลาร์ หรือ ๒๐๐ บาทไทย แล้วใครจะไปจ่ายเป็นเงินขแมร์ละพ่อคุณเอ๊ย..มีแต่ควักดอลลาร์ส่งไปให้แต่โดยดีกันทั้งนั้น...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_3089.jpg (97.4 KB, 1219 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-11-2014 เมื่อ 15:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 130 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 10-11-2014, 02:46
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


พระที่นั่งเทวาวินิจฉัย

เมื่อได้ตั๋วมาแล้วพี่วิไลก็ชี้ให้เข้าประตูเล็กที่เลยห้องขายตั๋วไปหน่อยหนึ่ง ซึ่งมีทางเดินปูอิฐตัวหนอน ยาวเลียบกำแพงพระราชวังเข้าไป สองข้างทางดูร่มรื่นสวยงามด้วยต้นไม้ใบหญ้า ด้านขวามือที่เป็นสนามหญ้าเรียบกริบ มีเสาศาลพระภูมิเช่นกัน แต่ข้างบนเป็นรูปเทวดานั่งคุกเข่าพนมมือเป็นระยะไป มีรูปแกะจากหินทรายเป็นคนถือคันธนู น่าจะเป็นพระรามที่พระหัตถ์ขวาหักไปแล้ว...

เดินไปไม่ไกลนักก็เป็นกำแพงพระราชวังชั้นใน มีอาคารหลังหนึ่งหน้าตาเหมือนมณฑปตามวัดบ้านเรา พวกเราตรงไปยังพระที่นั่งหลังที่เห็นจนคุ้นตาเมื่อค้นคว้าเรื่องพระราชวังของกัมพูชา ซึ่งมีลักษณะเป็นปราสาท ๓ ยอด โดยที่ยอดทั้งสามค่อนไปอยู่ทางท้ายของตัวปราสาท แล้วตัวปราสาทยาวมาทางด้านหน้า ลักษณะการวางผังเหมือนกับไม้กางเขน...

“พระที่นั่งองค์นี้ชื่อ “พระที่นั่งเทวาวินิจฉัย” เป็นพระที่นั่งสำหรับออกว่าราชการ มีขนาดกว้าง ๓๐ เมตร ยาว ๖๐ เมตร ยอดปราสาทที่เป็นพรหมพักตร์ตรงกลางสูงถึง ๕๙ เมตร สร้างขึ้นด้วยไม้เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๒ แล้วมาปรับปรุงใหม่ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระราชบัลลังก์และพระบรมรูปอดีตบุรพมหากษัตริย์ของกัมพูชาเจ้าค่ะ..”
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1413.jpg (87.7 KB, 1178 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2014 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 11-11-2014, 02:13
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


พระพุทธรูปฉลอง ๖๐ พระชันษาพระเจ้านโรดมสีหนุ

มัคคุเทศก์ช่างจ้อบรรยายฉอด ๆ ขณะที่พวกเราเดินตรงเข้าไป พอขึ้นบันไดไปได้ไม่กี่ขั้น ก็มีผู้ชายแต่งชุดข้าราชบริพาร ลักษณะคล้ายชุดราชปะแตนนุ่งผ้าม่วงสีน้ำเงิน ออกมายกมือไหว้แล้วทำมือเหมือนกับพระปางห้ามญาติ “ขะโยมซมโต๊ก..โลกไทย ถะไงนี้มีธุระ ฮามจล (กระผมขออภัยครับ..พระคุณเจ้าจากประเทศไทย วันนี้มีงาน ห้ามเข้าครับ)” พวกเราชะงักกันหมด อาตมาหันไปมอง “ยายจ้อ” เห็นเธอทำหน้าจนปัญญา พวกเราจึงต้อง “นิวัต (ย้อนกลับ)” ลงมาแต่โดยดี...

เลี้ยวขวาไปเกือบจะถึงทางเดินที่เป็นระเบียงคด มีพระที่นั่งหลังหนึ่งลักษณะเปิดโล่ง เหมือนกับศาลาการเปรียญตามวัด ภายในมีพระพุทธรูปหินทรายปางสมาธิ ขนาดหน้าตักประมาณ ๓๐ นิ้ว ประดิษฐานอยู่บนชั้นที่เหมือนกับขั้นบันได ทั้งสองข้างมีพระพุทธรูปสีเหมือนดินเผา หน้าตักประมาณ ๙ นิ้วเป็นจำนวนมากเรียงรายอยู่เป็นชั้น ๆ...

“นี่เป็นพระพุทธรูปฉลอง ๖๐ พระชันษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้านโรดมสีหนุ พระคุณท่านจะเห็นว่ามีพระพุทธรูปองค์เล็กอยู่ ๖๐ องค์ บวกกับพระพุทธรูปหินทรายองค์ใหญ่เป็น ๖๑ องค์ เพื่อให้เกินอายุไป ๑ ปี ตามคติความเชื่อที่ว่าจะได้มีอายุยืนยิ่ง ๆ ขึ้นไป” “ยายจ้อ” ทำหน้าที่ของตนเอง ขณะที่อาตมาพาคณะเดินเข้าไปกราบพระ พร้อมกับสวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชา...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1415.jpg (89.7 KB, 1129 views)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 124 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 12-11-2014, 04:35
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


กลายเป็นจีนแท้กันหมด..ตาตี่เชียว

กราบพระเสร็จอาตมาชวนทุกคนถ่ายรูปหมู่ เพิ่งเห็นว่าพี่ปราณีไม่ได้ขึ้นมาด้วย มุมบนนี้มองออกไปทางพระที่นั่งเทวาวินิจฉัย ดูสวยงามทีเดียว แต่เมื่อได้ไม่ครบคน จึงต้องลงมาที่ลานด้านล่าง เพื่อให้พี่ปราณีมาร่วมเข้ากล้องด้วยอีกคนหนึ่ง โดยมีคุณณรงค์เสียสละเป็นตากล้องให้ แต่กลายเป็นลูกจีนตาตี่กันหมด เพราะแสงแดดแรงมาก และส่องใส่หน้าพอดี...

ด้านข้างที่อยู่ไม่ไกลนัก เป็นพระตำหนักหลังหนึ่ง ทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ช่วงบนเป็นหลังคาจตุรมุข แต่เล็กผิดส่วนพิกล ถ้าเอาหลังคากับบันไดออก ก็คือกล่องใบหนึ่งนี่เอง แต่ประตูไม่ได้เปิด อาตมาชะโงกมองทางหน้าต่างชั้นล่างที่มีลูกกรงเหล็ก เห็นมีตู้ใส่ของมีค่าอยู่หลายตู้ มองขึ้นไปชั้นบนตามบันไดประตูก็ปิดอยู่ จึงต้องถอยออกมาด้วยความเสียดาย...

“พระตำหนักกล่อง” แบบนี้มีอยู่หลายหลัง บางหลังก็ล้อมตาข่ายเพื่อซ่อมแซมอยู่ คณะของเราเดินตามนักท่องเที่ยวที่เริ่มมากขึ้นแบบ “ไหลตาม” เขาไป เห็นส่วนมากตรงไปยังพระที่นั่งหลังใหญ่อีกหลังหนึ่ง “หลังนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงฉลองพระองค์ขององค์กษัตริย์ พระมเหสี เครื่องแบบของข้าราชบริพาร ตลอดจนเครื่องราชูปโภคหลายอย่าง ขอเชิญพระคุณเจ้าและคณะขึ้นไปชมได้เลยเจ้าค่ะ”
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_3095.jpg (81.2 KB, 1106 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-11-2014 เมื่อ 12:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 123 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 13-11-2014, 09:34
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


ชุดของบรรดาสาวสรรกำนัลใน ที่ปัจจุบันใช้เป็นชุดประจำชาติ

ฟัง “ยายจ้อ” ไป พวกเราก็เดินขึ้นพิพิธภัณฑ์ไปด้วย ตามนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มใหญ่ ที่ส่งเสียงล้งเล้งแบบ “เจ๊กตื่นไฟ” เมื่อเข้าไปแล้ว สิ่งที่สะดุดตาทันทีก็คือชุดข้าราชบริพารหญิงในตู้ ที่สวมอยู่กับหุ่นพนมมือ มีครบ ๗ วัน ๗ สี ตั้งแต่แดงบานเย็น ส้มจำปาสด ม่วงน้ำเงิน ฟ้าคราม เขียวคราม น้ำเงินขาบ ม่วงเปลือกมังคุด มัคคุเทศก์จีนพูดถึงตู้กระจก โดยใช้คำว่า “ปอหลีเซวี้ยง” ซึ่งคำนี้นอกจากเขียนให้ตรงเสียงไม่ได้แล้ว ถ้าไม่ใช่ลูกจีนแท้ พูดให้ตายก็ออกเสียงไม่ถูกอีกด้วย...

อาตมาเดินหลบบรรดา “เจ๊กตื่นไฟ” ที่ส่งเสียงเอะอะแบบไม่ต้องเกรงใจใคร คาดว่าเป็นเพราะแผ่นดินจีนกว้างใหญ่ไพศาล เวลาคุยกันต้องตะโกนคนอื่นถึงจะได้ยิน พอทำแบบนี้ไปรุ่นแล้วรุ่นเล่า ก็เลยฝังอยู่ในสารพันธุกรรม ทำให้คนจีนคุยกันแล้วคนอื่นได้ยินเหมือนกำลังทะเลาะกันทุกที ขนาดเดินห่างออกมาแล้ว ก็ยังได้ยินอยู่เต็มสองหู “ยายจ้อ” ที่ไม่ตามขึ้นมาด้วย คาดว่าคงเป็นเพราะรำคาญคนเหล่านี้เหมือนกัน...

ในตู้แสดงด้านข้าง เป็นชุดเครื่องทองในราชสำนัก บางอย่างก็ดูออกว่าสำหรับใช้งานอะไร อย่างเช่นชุดพานพระศรี (เชี่ยนหมาก) หรือตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่าง ๆ แต่บางอย่างก็เดาประโยชน์ไม่ออก เพราะหน้าตาเหมือนกับโกศบรรจุอัฐิของบ้านเรา พี่ปราณีกับพี่วิไลที่ดูมาหลายหนจนเบื่อแล้ว หลบนักท่องเที่ยวจีนออกไปก่อน ปล่อยให้อาตมา ป้ามอย แม่ป๋อม พี่มุกดา น้องเล็ก และลูกปุ๊ก เดินดูกันไปตามอัธยาศัย...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1421.jpg (93.6 KB, 1042 views)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 126 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 14-11-2014, 02:00
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


ฉลองพระองค์สำหรับพระราชินี

ชุดเครื่องทรงสำหรับพระมหากษัตริย์ ทั้งฉลองพระองค์ตัวในก็ดี ฉลองพระองค์คลุมปักทองดุนลายก็ดี เหมาะกับท่านที่หุ่นค่อนข้างอ้วน ส่วนชุดเครื่องทรงสำหรับพระราชินีนั้น เป็นชุดผ้านุ่งแบบจีบหน้านางของไทย มีสไบปักลายทองดุนนูน ดูรัดกุมสวยงามทีเดียว แต่ต้องหุ่นค่อนข้างเพรียวถึงจะใส่ได้ เท่ากับบังคับว่า ถ้าจะสวยสง่าสมกับเป็นพระราชินี ก็ต้องห้ามอ้วนเด็ดขาด...

บรรดานักท่องเที่ยวจีนเบียดกันเอง ผลักกันเอง กระแทกกันเอง แล้วก็ด่ากันเอง อาตมาไม่อยากโดนลูกหลงไปด้วย จึงชวนคนอื่น ๆ เดินหนีออกมาก่อน นักท่องเที่ยวที่ไร้มารยาทแบบนี้ มีแต่ทำให้คนอื่นรำคาญและเบื่อหน่าย ไปที่ไหนมาก ๆ แทนที่จะทำให้ที่นั้นเป็นที่สนใจของคนอื่น ก็กลายเป็นทำให้คนอื่นไม่ไปอีกเลยก็มี...

"ไปไหว้ "พระแก้ว" กันดีกว่า" พี่ปราณีที่ยืนรออยู่ข้างล่างกับพี่วิไล พอเห็นพวกเราลงมาก็รีบชวนให้เดินตามไปทางกำแพงที่มีลักษณะเหมือนระเบียงคด มีประตูเล็กเปิดให้ผ่านเข้าไปได้ ทางนี้ยังมีนักท่องเที่ยวไม่มาก "ด้านนี้คือ "วัดพระแก้ว" เจ้าค่ะ สร้างโดยถือเอาต้นแบบจากสยาม ประกอบไปด้วยสิ่งสำคัญคือโบสถ์อันเป็นที่ประดิษฐาน "พระแก้วมรกต" แต่ว่าองค์นี้เป็น "แก้วหุง" นะเจ้าคะ ไม่ใช่ "แก้วอินทนิล" แบบพระแก้วมรกตของสยามประเทศ แล้วก็มีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาท ซึ่งเป็นของเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยนครธม ที่ "องค์เหนือหัว" ทรงโปรดให้สร้างขึ้นเป็นพุทธบูชาเจ้าค่ะ" "ยายจ้อ" เธอรีบตามมาทำหน้าที่ของตน...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1428.jpg (86.6 KB, 995 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-11-2014 เมื่อ 08:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 120 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 15-11-2014, 09:33
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


อุโบสถ "วัดพระแก้ว" ที่ทรงออกจะ "กระด้าง" ไปนิดหนึ่ง

ผ่าน "พระตำหนักกล่อง" อีกหลังหนึ่งก็เข้าสู่ภายในวิหารคด ซึ่งมีหลังคากระเบื้องสีแดง รายล้อมรอบพื้นที่ส่วนที่เป็น "วัดพระแก้ว" ทั้งสี่มุมมีอาคารที่เหมือนกับหอระฆัง แต่น่าจะเป็นป้อมยามรักษาการณ์มากกว่า รอบข้างเป็นต้นไม้ใบหญ้าที่ปลูกเป็นระเบียบ งอกงามน่าชื่นใจ...

"วัดแห่งนี้เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระนโรดมพรหมบริรักษ์ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ ในสมัยรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงสยาม ใช้เวลาถึง ๑๐ ปีจึงสำเร็จเรียบร้อย ได้รับพระราชทานนามว่า "วัดอุโบสถรตนาราม" จัดให้มีงานฉลองในปี พ.ศ. ๒๔๔๖ ปกติแล้วเป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุจำพรรษา แต่ในปี พ.ศ. ๒๔๗๐ สมเด็จพระนโรดมสีหนุทรงผนวช และได้จำพรรษาในวัดนี้ ๑ พรรษาเจ้าค่ะ"

พระอุโบสถ "วัดพระแก้ว" ทรงค่อนข้างแข็งกระด้าง พื้นหน้าใต้หลังคาเป็นสี่เหลี่ยมยื่นออกมาตรง ๆ แบบไม่มีชั้นเชิงอะไรเลย ถ้าไม่มีหลังคาหน้าบันสองชั้น ประกอบไปด้วยช่อฟ้าและตัวเหงากับเรือนยอดแบบมณฑปแล้ว ก็จะออกไปลักษณะเป็นกล่องเหมือนกัน รอบด้านเป็นเสากลมเรียงรายถี่ ๆ เพื่อรับน้ำหนักหลังคา หัวเสาเป็นครุฑอัดแบกคาน กำแพงแก้วอยู่ในระดับเดียวกับเสา จึงเท่ากับว่าเป็นระเบียงพระอุโบสถไปในตัว...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg วัดพระแก้วเขมร.jpg (94.5 KB, 940 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2014 เมื่อ 09:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 111 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 16-11-2014, 03:16
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


ภายในโบสถ์ "วัดพระแก้ว"

"ยายจ้อ" เดินนำพวกเราขึ้นบันไดพระอุโบสถ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งที่กำลังเดินเข้าไปแบบพวกเรา และที่เดินกลับลงมาหลายคน ที่ตรงกลางระหว่างประตู ๒ บาน มีป้ายทั้งภาษาขอมและภาษาอังกฤษ บอกข้อห้ามไว้หลายข้อ ซึ่งตัวใหญ่ที่สุดเขียนว่า "หามถดรูปะ" และ "No Photo" ซึ่งก็คือ "ฮามถอดรูป = ห้ามถ่ายรูป" นั่นเอง มัคคุเทศก์กิตติมศักดิ์หันมาทำตา "วิ้ง ๆ" ดูน่ารักผิดปกติ พลางกล่าวว่า "ถ้าพระคุณท่านจะ "ถอดรูป" ก็ได้นะเจ้าคะ" รู้ว่าห้ามไปก็ไร้ประโยชน์ แม่เจ้าประคุณจึงสนับสนุนเสียเลย มิน่า..ถึงได้ทำท่าน่ารักผิดปกติขนาดนั้น...

พวกเราเข้าทางประตูซ้าย ภาพที่เห็นก็คือภายในเป็นห้องโถงค่อนข้างลึก ด้านในสุดเป็นบุษบกประดิษฐาน "พระแก้วมรกต" มีราชวัตรสีทองรายรอบอยู่นับสิบอัน ตรงหน้าของบุษบกก็คือ "กล่อง" ที่เป็นโครงไม้มีกระจกทั้งสี่ด้าน ด้านบนเป็นหลังคาลดชั้นประกอบลวดลาย มีฉัตร ๕ ชั้นประดับอยู่ด้วย ภายใน "กล่อง" เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ ประทับยืนยกพระหัตถ์ทั้ง ๒ ข้างแบบปางห้ามญาติ ด้านนอกทั้งสองข้างเป็น "กล่อง" ทรงมณฑปติดกระจก ขนาดสูงประมาณตัวคน มีพระพุทธรูปและเครื่องบูชาอยู่ข้างใน...

สองฟากข้างของ "กล่อง" พระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ เป็น "กล่อง" ทรงมณฑปติดกระจก ขนาดสูงประมาณสองศอกจำนวน ๔ ใบ ภายในเป็นพระพุทธรูปหล่อจากทองคำและแกะสลักจากงาช้าง ด้านหน้า "กล่อง" ทั้ง ๔ ใบ เป็นพระพุทธรูปใหญ่ ๆ เล็ก ๆ หลายองค์ มีทั้งที่หล่อสัมฤทธิ์และสลักจากหิน ทั้งหมดที่ว่ามามีเสาโลหะหัวเม็ดสีทอง ร้อยสายโซ่หุ้มกำมะหยี่สีเหลืองล้อมรอบ เป็นสัญลักษณ์ว่า "ห้ามเข้า" ไปในบริเวณนั้น...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1436.jpg (98.1 KB, 910 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-11-2014 เมื่อ 04:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 115 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 17-11-2014, 01:54
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


มีคนเลียนแบบด้วยการกราบพระและสวดมนต์ด้วย

ผนังโบสถ์ทาสีน้ำตาลเข้มแบบสีกรัก เพดานเป็นสีฟ้าอ่อนในกรอบสีเหลือง แบ่งเป็นช่องตามคานที่ทาสีน้ำตาลเข้มเช่นกัน มีดาวเพดานลวดลายค่อนข้างหยาบอยู่ช่องละ ๓ ดวง ตรงหน้า "กล่อง" พระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ เป็นพัดลมเพดานก้านยาว ซึ่งด้านหลังบุษบก "พระแก้วมรกต" ก็เป็นพัดลมอีกอันหนึ่ง ด้านหน้าใกล้กับพัดลมเป็นโคมช่อขนาดใหญ่ที่มีดวงไฟกลม ๆ สองฟากข้างเป็นโคมช่อที่มีดวงไฟแบบจานคว่ำขนาดย่อม ด้านละ ๗ ช่อด้วยกัน...

ติดกับผนังโบสถ์ทั้งสองด้าน เป็นตู้กระจกแสดงของมีค่า ทั้งพระพุทธรูปที่ทั้งหล่อเงินทั้งองค์และบุเงิน พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปงาช้าง และของมีค่าอื่น ๆ เช่น ต้นไม้ทองคำ โกศบรรจุอัฐิทองคำ เป็นต้น ซึ่งถูกกั้นไว้ด้วยเสาประกอบโซ่หุ้มกำมะหยี่สีเหลืองเช่นกัน เมื่อก้มลงมองเสาประกอบโซ่ จึงเห็นว่าพื้นพระอุโบสถเป็นแผ่นโลหะตีจากเงินแท้ ๆ ปูอยู่ทั่วทั้งหลัง...

นักท่องเที่ยวเดินชมกันให้ขวักไขว่ไปหมด เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ ๔ นาย สอดส่ายสายตาไปมาเพื่อระมัดระวัง ว่าจะมีใครละเมิดกฎระเบียบบ้าง อาตมาหาที่ว่างได้ก็คุกเข่าลงกราบพระ พร้อมกับสวดมนต์ถวายเป็นพุทธบูชา ทุกคนที่ตามมาก็คุกเข่ากราบพระสวดมนต์ แบบไม่กลัวว่านักท่องเที่ยวที่เดินกันเต็มไปหมดจะเหยียบเอา เมื่อมีตัวอย่างทำให้ดู นักท่องเที่ยวหลายรายก็พยายามคุกเข่ากราบพระแบบเก้ ๆ กัง ๆ เอาอย่างบ้าง หลายคนฉวยโอกาสนั่งแปะลงไปพักเสียเลย ตรงหน้าพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิจึงกลายเป็นที่ว่างไปแถบใหญ่ไปทันที...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1437.jpg (99.6 KB, 868 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-11-2014 เมื่อ 07:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 18-11-2014, 02:20
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


จะ "ถอดรูป" ให้ชัดเจนกว่านี้ก็ไม่ได้ เกรงใจเจ้าหน้าที่ของเขา

เมื่อสวดมนต์และอุทิศส่วนกุศลแล้ว อาตมาก็เดินเลี่ยงออกด้านข้าง หันไปสบตา "ยายจ้อ" พอเธอผงกหัวแบบว่า "ได้เลย" ก็ยกกล้องขึ้นถ่ายรูป แล้วเก็บเข้ากระเป๋าแบบไม่รู้ไม่ชี้ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะฝีมือคุณเธอช่วยบังตาให้ หรืออาตมามือไวจนเจ้าหน้าที่มองไม่ทันก็ไม่รู้ ? ทำให้ถ่ายรูปได้แบบไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็เดินเลี่ยงออกจากคณะ ปะปนไปกับนักท่องเที่ยวอื่น ๆ เผื่อว่าโดนจับได้ จะได้ไม่พาให้คนอื่นโดยเฉพาะพี่ปราณีกับพี่วิไล "ซวย" ไปด้วย...

เมื่อเลี่ยงออกมาด้านข้าง จึงเห็นว่า "พระแก้วมรกต" ของเขมร เป็นแก้วสีเขียวอมเหลืองค่อนข้างใส องค์พระหน้าตักประมาณ ๑๒ นิ้ว ซึ่งหน้าตักค่อนข้างกว้างเหมือนกับเป็นศิลปะล้านช้าง นอกจากพระเกตุมาลาและฐานพระที่หุ้มทองกับสังวาลทองคำเล็ก ๆ เส้นหนึ่งแล้ว ทั้งองค์ไม่มีเครื่องทรงอื่น ๆ เลยแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่ทราบว่าตั้งใจอวดเนื้อแก้วขององค์พระ หรือว่าไม่มีงบประมาณในการสร้างเครื่องทรงกันแน่ ? เหตุที่คิดแบบนี้เป็นเพราะว่า ทางเขมรตั้งใจเลียนแบบไทยไปทุกอย่าง แม้แต่บุษบกประดิษฐานพระแก้วก็ถอดแบบเอาไป ถึงจะฝีมือหยาบกว่ามากก็เถอะ แต่ทำไมถึงไม่มีเครื่องทรงสามฤดูก็ไม่รู้ ? อาจจะไม่มีช่างฝีมือระดับสุดยอดก็เป็นได้...

อาตมาชำเลืองดูเจ้าหน้าที่ พร้อมกับเดินดูรายละเอียดโดยรอบไปด้วย จนมาถึงด้านหลังข้างซ้าย จึงได้โอกาส "ถอดรูป" ขององค์ "พระแก้วมรกต" อีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีผู้คอยช่วยเหลืออยู่ แต่ถ้าไม่ต้องพึ่งพิงผู้อื่นอาตมาก็ยินดีที่จะทำเองมากกว่า เมื่อได้รูปมาแล้วอาตมาก็เดินชิดผนังไปชมพระพุทธรูปและของมีค่าในตู้กระจกต่อไป...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1434.jpg (97.2 KB, 828 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-11-2014 เมื่อ 09:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 115 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 19-11-2014, 02:52
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


พระพุทธรูปงาช้างพระเกตุมาลาทองคำฐานเงิน

สิ่งของตู้ที่น่าสนใจก็คือพระพุทธรูปงาช้างแกะสลัก พระเกตุมาลาเป็นทองคำประดับพลอย ห่มผ้าสไบที่ถักจากเส้นลวดทองคำ ตั้งอยู่บนฐานเงินดุนลวดลาย ด้านข้างยังมีพระเจดีย์กลึงจากงาช้าง ลักษณะเป็นพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ประดับด้วยลวดลายและฉัตรทองคำ...

อีกหลายตู้ส่วนมาก เป็นพระพุทธรูปทองคำฐานเงิน บ้างก็เป็นปางไสยาสน์ บ้างก็เป็นปางสมาธิ องค์ที่เป็นปางไสยาสน์ มีพระอานนท์ที่หล่อด้วยทองคำคุกเข่าอยู่ทางพระบาทด้วย อีกองค์หนึ่งเป็นพระนางสิริมหามายา หล่อจากทองคำสูงประมาณคืบเศษ ยืนเหนี่ยวกิ่งไม้ทองคำในปางประสูติพระโพธิสัตว์...

มาถึงตู้ลักษณะเหมือนบุษบก ตั้งอยู่ติดประตูกลางด้านซ้ายของพระอุโบสถ ภายในเป็นพระพุทธรูปทองคำหน้าตักประมาณ ๙ นิ้ว ๑ องค์ มีป้ายเป็นภาษาอังกฤษบอกว่า หล่อด้วยทองคำ ๑๓ กิโลกรัม อีกองค์หนึ่งขนาด ๕ นิ้ว ทั้งสององค์นี้ประดับเพชรด้วย แล้วยังมีพระพุทธรูปปางห้ามญาติ สูงประมาณครึ่งคืบ พร้อมกับพระพุทธรูปปางมารวิชัยหน้าตักประมาณ ๓ นิ้ว ทั้งสององค์นี้เป็นทองคำฐานเงิน และพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ยาวประมาณ ๑ คืบ ๑ องค์ น่าจะหล่อจากนากเพราะเริ่มกลับดำแล้ว...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1432.jpg (82.1 KB, 788 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-11-2014 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 116 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 20-11-2014, 02:18
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


หลวงพ่อสัมฤทธิ์ที่ต้องใช้กลยุทธ์ "ปิดฟ้าข้ามทะเล" ถึงจะได้รูปมา

วนมาถึงด้านหลังของพระอุโบสถ มีพระพุทธรูปเก่า ๆ หลายองค์ ที่ติดตาต้องใจมากที่สุด เป็นองค์ที่ตั้งอยู่ข้างเจ้าหน้าที่ ซึ่งนั่งเก้าอี้อยู่สูงกว่าพระเสียอีก องค์นี้เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยหล่อสัมฤทธิ์ พระพักตร์ออกไปทางจีน ทั้งองค์พระทั้งฐานเป็นเนื้อสัมฤทธิ์เก่าแก่ ดูงดงามจับตามาก ตรงหน้าพระมีพานที่คนบริจาคเงินเอาไว้จำนวนมาก ต้องเป็นพระสำคัญของเขาแน่ ๆ อาตมาอยากจะถ่ายรูปเอาไว้ แต่เจ้าหน้าที่นั่งชิดติดกับองค์พระแบบนั้น ตูจะทำอย่างไรดี ?

หันไปขอความช่วยเหลือจาก “ยายจ้อ” คุณเธอชี้ไปที่พี่ปราณี “ให้พี่สาวของท่านไปชวนเจ้าหน้าที่คุยด้วยสิเจ้าคะ” พอบอกเท่านี้อาตมาก็เข้าใจ เดินกลับมากระซิบบอกกับพี่ปราณีว่า “อยากถ่ายรูปหลวงพ่อสัมฤทธิ์องค์นั้น พี่ช่วยไปชวนเจ้าหน้าที่คุยด้วยสักหน่อย จะได้มีจังหวะถ่ายรูป” พี่ปราณีพยักหน้าแบบไม่ต้องขอร้องอะไรกันมากกว่านี้ เดินตรงเข้าไปหาเหยื่อ เอ๊ย..เจ้าหน้าที่ทันที...

พี่เขาร้ายตรงที่ว่า เดินไปถึงก็ยืนบังพระพุทธรูปเอาไว้ แล้วถามโน่นถามนี่เกี่ยวกับ “พระแก้วมรกต” เจ้าหน้าที่เห็นนักท่องเที่ยวสนใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของประเทศตน จึงบรรยายน้ำไหลไฟดับ เชื่อว่าพี่เขาฟังออกไม่หมดหรอก แต่อาตมาถ่ายรูปได้หมดแน่ ๆ เสร็จแล้วเดินเลยไปเพื่อให้พี่เขาเห็น อีกสักครู่พี่ปราณีก็เดินตามมา ถามเบา ๆ ว่า “ได้ไหม ?” เรียบร้อยครับ ขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1440.jpg (77.5 KB, 749 views)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 119 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 21-11-2014, 02:59
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


มุมประวัติศาสตร์แห่งราชวงศ์เขมร

อาตมาบอกพี่ปราณีให้แจ้งพวกเรา “ถอนทัพ” ตามประสา “วัวสันหลังหวะ” ได้รูปแล้วก็รีบเผ่น เรื่องอะไรจะอยู่ให้เขาจับได้ ลงจากพระอุโบสถมา ก็เห็นตรงหน้ามีพระเจดีย์องค์ใหญ่ไม่น้อยอยู่ ๒ องค์ มีลวดลายปูนปั้นละเอียดยิบ ตรงกลางมีอาคารลักษณะมณฑปเปิดทั้งสี่ด้าน มีอนุสาวรีย์คนขี่ม้าอยู่ข้างในมณฑปด้วย...

“พระเจดีย์ทั้ง ๒ องค์นี้ องค์ซ้ายมือบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระนโรดมพรหมบริรักษ์ (นักองค์ด้วง) รัชกาลที่ ๓ ของพระราชวงศ์นโรดม ส่วนองค์ขวามือบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระอุทัยราชาธิราช (นักองค์จันทร์) รัชกาลที่ ๒ พระบรมราชานุสาวรีย์ทรงม้าในมณฑป คือสมเด็จพระนารายณ์ราชาธิราช (นักองค์เอง) รัชกาลที่ ๑ ของพระราชวงศ์นโรดมเจ้าค่ะ”

ขอบอกว่าอาตมาตกประวัติศาสตร์เขมร ทั้งที่เป็นบ้านใกล้เรือนคียงแท้ ๆ ถ้าไม่มี “ยายจ้อ” มาด้วย ก็หูหนวกตาบอดไปเลย พอแม่ป๋อมถ่ายรูปพระเจดีย์ไปแล้ว พวกเราที่เหลือก็ไม่มีใครอยากจะอาบแดดเปรี้ยง ๆ ชมพระเจดีย์แบบใกล้ ๆ จึงเดินตามบรรดานักท่องเที่ยวไป พวกเขาเลี้ยวขวาไปยังเนินเขาเตี้ย ๆ ที่มีมณฑปหน้าตาเหมือนพระพุทธบาทที่สระบุรีอยู่ข้างบน ส่วนพวกเรานั้น “ยายจ้อ” ชี้ให้ไปยังอาคารหลังหนึ่ง ที่หน้าตาคล้าย ๆ กับโบสถ์ของบ้านเรา...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_4025.jpg (78.2 KB, 691 views)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 117 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 22-11-2014, 02:49
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


พระพุทธบาทสี่รอยจำลองที่สร้างเลียนแบบไปจากประเทศไทยเช่นกัน

เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลพนมมือไหว้ แล้วผายมือเชิญคณะของเราเข้าไปด้านใน พวกเราเดินเข้าประตูทางซ้ายมือที่เปิดอยู่บานเดียว พอเข้าไปถึงรู้ว่าเข้ามาทางด้านหลังของตัวอาคาร เพราะว่าพระพุทธรูปทุกองค์ข้างในหันหลังให้กับพวกเรา ตรงกลางติดผนังเป็นพระประธานปูนปั้นปางมารวิชัย หน้าตักประมาณ ๓ ศอกคืบ ประดิษฐานอยู่บนอาสนะสูง ข้างหน้าองค์พระประธานเป็นพระพุทธรูปประทับยืน มีทั้งหล่อจากสัมฤทธิ์ หล่อจากทองเหลือง และแกะสลักจากหินทราย ประทับยืนเรียงรายอยู่ ๗ องค์...

ตรงกลางเป็นพระพุทธบาทสี่รอยจำลองหล่อจากปูน ขนาดใหญ่เกือบเต็มพื้นที่อาคารทั้งหลัง ด้านหน้ารอยพระพุทธบาท มีพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิปางห้ามญาติ อยู่ใน “กล่อง” เหมือนกับในพระอุโบสถ ทั้งสองข้างพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ มีพระพุทธรูปที่ส่วนใหญ่แกะสลักจากไม้ มีทั้งปางไสยาสน์ ประทับยืน ประทับนั่งในอิริยาบถต่าง ๆ หลายสิบองค์...

“พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๑ ถึง รัชกาลที่ ๕ ในราชวงศ์นโรดม ล้วนแต่เคยประทับอยู่ในประเทศสยามตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งยังได้รับการอภิเษกจากพระเจ้ากรุงสยามให้มาครองกรุงกัมพูชา จึงนำเอาศิลปวัฒนธรรมและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากสยาม มาสร้างเอาไว้ในพระบรมมหาราชวัง พระพุทธบาทสี่รอยจำลองนี้ ก็สร้างเลียนแบบจากสยามเช่นกันเจ้าค่ะ” “ยายจ้อ” บรรยายขยายความ ขณะที่เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลส่งธูปเทียนให้พวกเราจุดบูชา...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1444.jpg (67.0 KB, 641 views)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 114 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 23-11-2014, 04:55
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


ปิดทองรอยพระพุทธบาท

พวกเราจุดธูปอธิษฐานแล้วสวดมนต์กันตามอัธยาศัย อาตมาว่า อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ไป ๓ จบ แล้วอุทิศส่วนกุศล “ยายจ้อ” รีบโมทนา อุปาทานทำให้เห็นว่าเธออ้วนขึ้น คงจะกินมากไปหน่อย ฮ่า..! ปักธูปแล้วอาตมาควักเงินหยอดตู้ไป ๓,๐๐๐ เรียล ทุกคนเลยควักกระเป๋าเอาเงินที่ส่วนมากเป็นเงินไทยหยอดตู้ทำบุญกันใหญ่ พี่ปราณีกับพี่วิไลเล่นหยอดไปคนละ ๑๐ ดอลลาร์เลย...

“ปิดทองรอยพระพุทธบาทได้ไหมคะ ?” น้องเล็กถามขึ้น พี่ปราณีหันไปถามผู้ดูแลอีกต่อหนึ่ง เขารีบจัดการปลดสายโซ่หุ้มกำมะหยี่ ที่กันคนเข้าไปถึงรอยพระพุทธบาทให้ทันที พวกเรารับทองคำเปลวที่น้องเล็กแบ่งให้ จัดการปิดทองกันเป็นการใหญ่ แต่รอยพระพุทธบาทใหญ่มหึมาจนเกินไป ทำเอาทองคำเปลวแผ่นเล็ก ๆ กลายเป็นก้อนกรวดในมหาสมุทรไปเลย...

อาตมาถ่ายรูปไปทุกซอกทุกมุมแล้ว หันมาขอบคุณเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลที่ช่วยสงเคราะห์ จากนั้นชักแถวเดินตาม “ยายจ้อ” กลับออกมาทางเดิม ตรงไปยังเนินเตี้ย ๆ ที่มองเห็นยอดมณฑปเหมือนกับพระพุทธบาทที่สระบุรี โผล่ขึ้นมาเหนือแมกไม้ ตรงทางขึ้นทำเป็นลักษณะคล้ายถ้ำ มีรูปปั้นห่มผ้าขาวอยู่ข้างใน คงเป็นเจ้าที่ผู้รักษาสถานที่นี้ ข้าง ๆ “ตาเจ้าที่” เป็นพระพุทธรูปเศียรหักหายไปองค์หนึ่ง และรูปเทวดาหรือนางฟ้าก็ไม่รู้ เพราะว่านอกจากชฎาจะหักหายไปแล้ว ยังโดนห่มผ้าจนดูไม่ออกว่าข้างในปั้นเป็นรูปอะไรอีกด้วย...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1454.jpg (77.9 KB, 591 views)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 116 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 24-11-2014, 02:15
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


มณฑปพระพุทธบาทของกัมพูชา

ถัดไปเป็นรูปสลักจากหินทราย น่าจะเป็นพระพรหมที่ค่อนข้างยากจน เพราะท่านไม่มีเครื่องทรง นอกจากผ้านุ่งและหมวกที่ดูคล้ายกับหมวกพระจีน ประทับนั่งอยู่บนหลังหงส์ซึ่งหันหน้าออกไปทั้งสี่ทิศ หน้าตาของหงส์นั้นเหมือนกับนกคุ่มหรือไก่ต๊อกมากกว่า แถมตัวที่อยู่ด้านตรงยังพ่นน้ำออกมาเป็นน้ำมนต์ มีหลายคนกำลังวักมาล้างหน้าและพรมใส่หัวตัวเองอีกด้วย พวกเราเดินขึ้นบันไดที่ไม่ค่อยจะเหมือนบันไดนัก เพราะเป็นชั้นลดกว้างมาก ที่ลดหลั่นลงมาตามลาดเนิน...

เลี้ยวขวาตามบันไดขึ้นไปอีกนิด ก็เห็นได้ชัดว่ามณฑปหลังนี้ถอดแบบไปจากมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทที่สระบุรีอย่างแน่นอน เพียงแต่ครอบอยู่ในลักษณะแบกับดิน ไม่ได้มีบันไดนาคแบบที่สระบุรี มีคนเดินเข้าไปในมณฑปอยู่ ๒ - ๓ คน นอกนั้นมัวแต่ชื่นชมกับความสวยงามและถ่ายรูปตัวมณฑปอยู่ด้านนอก อาตมาเดินนำทุกคนเข้าไปบ้าง พอเห็นสิ่งที่อยู่ภายในก็ยืนตะลึง..!

ตรงกลางด้านในเป็นพระพุทธรูปสลักจากหยกพม่า ศิลปะแบบพม่าแท้ มีผ้าห่มแถมพวงมาลัยคล้องพระศอเหมือนนักร้อง ด้านบนเป็นแผ่นฉัพพรรณรังสีและสัปทนกั้นอยู่ สองข้างเป็นราชวัตรและต้นไม้เงินต้นไม้ทอง ด้านซ้ายขององค์พระเป็นพระปางไสยาสน์ ยาวประมาณ ๒ ศอกเศษ ประดิษฐานอยู่บนแท่นสูง มีพระพุทธรูปยืนขนาดเล็กปางต่าง ๆ อยู่หลายองค์ ทางขวาขององค์พระเป็นพระนาคปรกทั้งองค์เล็กองค์ใหญ่ ๕ - ๖ องค์ แกะสลักจากหินทรายที่ฝีมือประณีตทีเดียว...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1450.jpg (99.3 KB, 547 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-11-2014 เมื่อ 03:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 110 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 25-11-2014, 01:29
สุธรรม's Avatar
สุธรรม สุธรรม is offline
ผู้ตรวจการณ์เว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jun 2009
ข้อความ: 4,751
ได้ให้อนุโมทนา: 268,255
ได้รับอนุโมทนา 837,247 ครั้ง ใน 12,756 โพสต์
สุธรรม is on a distinguished road
Default


รอยพระพุทธบาทจำลอง เหมือนของวัดท่าขนุนราวกับเป็นคู่แฝด..!

"ถึงกับตะลึงเลยหรือเจ้าคะ ? เหมือนหรือไม่เจ้าคะ ?" "ยายจ้อ" ถามเมื่อเห็นอาตมายืนอึ้งตะลึงแล จะไม่ให้อึ้งได้อย่างไรเล่า ? ในเมื่อตรงกลางมณฑปที่มีสายโซ่หุ้มกำมะหยี่สีแดงกั้นอยู่นั้น เป็นพระพุทธบาทจำลองหล่อสัมฤทธิ์ปิดทอง ฝีมือละเอียดประณีตงดงาม ที่สำคัญคือลักษณะ ขนาดและลวดลายทุกอย่าง เหมือนกับรอยพระพุทธบาทจำลองของวัดท่าขนุนอย่างกับคู่แฝด..!

"นี่คือพระพุทธบาทจำลอง ซึ่ง "องค์เหนือหัว" โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อสักการบูชา ปกติมีอยู่ ๑ คู่ประดิษฐานอยู่ในปราสาทนครธม แต่ภายหลังสูญหายไปในศึกสงคราม พระคุณเจ้าคงทราบดีนะเจ้าคะ ว่าสูญหายไปอยู่ที่ไหน ?" ก็เพิ่งจะทราบเหมือนกันนี่แหละ อาตมาพยายามสืบหาว่า พระพุทธบาทจำลองวัดท่าขนุนมีที่มาที่ไปอย่างไร แต่ก็มืดแปดด้าน ได้แต่สันนิษฐานว่าเป็นของเก่า สร้างมาแล้วนับร้อยปี ไม่นึกว่าจะเก่าเกือบพันปีอย่างนี้...

"ฐานที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทนี้ ก็เป็นรอยพระพุทธบาทจำลองเช่นกันเจ้าค่ะ ครั้งแรกสร้างขึ้นเพื่อสักการบูชาแทนองค์จริง ต่อมาสมเด็จพระนโรดมพรหมบริรักษ์ โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญองค์จริงมาประดิษฐานไว้ ซึ่งสามารถวางซ้อนลงบนองค์จำลองได้พอดี" อาตมาไม่มีอารมณ์ที่จะฟังการบรรยายของ "ยายจ้อ" อีกแล้ว นั่งคุกเข่าลงกราบสักการะรอยพระพุทธบาท พลางพิจารณาดูอย่างถี่ถ้วน...
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg IMG_1457.jpg (97.6 KB, 504 views)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-11-2014 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 109 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สุธรรม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:21



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว