กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-01-2009, 21:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,723 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default รวมคำสอนเกี่ยวกับวัยรุ่น

สังคมคงเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ เพราะคนไทยไม่มีจิตสำนึกคิดถึงภาพรวมของสังคม คิดถึงผลประโยชน์ทางธุรกิจของตัวเองมาก่อน ตัวอย่างเช่นการ์ตูนโป๊ ป้ายโฆษณาโป๊ (อันนี้หลวงปู่อำพันเคยมองแล้วถอนใจว่า แล้วจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ข่มขืนได้อย่างไร)

พระอาจารย์ยังบอกอีกว่า ที่เด็กผู้หญิงตบตีกันในโรงเรียนจนเป็นข่าวก็เรื่องแย่งผู้ชายนี่แหละ พระอาจารย์ยังเคยตั้งข้อสังเกตบริเวณสถานศึกษาแห่งหนึ่งย่านอนุสาวรีย์ชัยว่า ดูสิ ใกล้วิทยาลัยแท้ ๆ ตั้ง ๗ โมงเช้าร้านซีร็อกซ์ยังไม่เปิด แต่ร้านทำผมเปิดแล้วและมีเด็กผู้หญิงเข้ามาทำผมอีกต่างหาก น่าคิดไหม? น่าเป็นห่วงอนาคตประเทศไทยไหม?

พระอาจารย์บอกว่าน้องอ้อย ลูกสาวที่อยู่หาดใหญ่เล่าให้ฟังว่า เพื่อน ๆ เขาเช่าหออยู่กับแฟนกันทั้งนั้นเลยค่ะ มีหนูเป็นไดโนเสาร์อยู่คนเดียว

พระอาจารย์ยังพูดถึงว่า เด็กไทยเอาอย่างเด็กฝรั่งแต่เรื่องไม่ดี เรื่องมีแฟนนี่รับมาได้ แต่ไม่ได้ดูว่าเด็กฝรั่งที่เขามีแฟน อยู่กับแฟนนั้น เขาต้องรับผิดชอบตัวเองหาเงินมาเรียนเองกันแล้วค่ะ ไม่ใช่ยังแบมือขอพ่อแม่แล้วริเอาไปเลี้ยงแฟนแบบเด็กไทย เรื่องกิริยามารยาทก็เหมือนกัน คนเติบโตต่างบ้านต่างเมืองพอเข้ามาเมืองไทยเขายังพยายามเรียนรู้มารยาทไทย ๆ ซึ่งงดงามในสายตาคนไทย แล้วทำไม..คนไทยโตเมืองไทยบางคน ออกเสียงพูดไทยก็ไม่ชัด แถมเอากิริยา"เฟลิ้ทเปิ๊ดสะก๊าด"แบบเด็กฝรั่งมาใช้เป็น ของโก้เก๋อีก

พระอาจารย์ชอบวิธีเลี้ยงลูกของฝรั่งค่ะ ท่านว่าเขาฝึกให้เด็กรับผิดชอบตัวเองให้ได้เร็วที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะชีวิตเป็นของไม่เที่ยง ไม่มีใครรู้ว่าตัวเองจะอยู่ดูลูกต่อไปได้จนโตหรือไม่ ตัวอย่างเช่น ถึงเวลาทานข้าวเอาข้าวมาตั้ง เด็กตักข้าวเข้าปากบ้างไม่เข้าบ้างละเลงเลอะบ้าง แต่ถึงเวลาเขาก็เก็บชามไป กินไม่กินไม่รู้ แต่หิวนอกเวลานี่ไม่มีให้ แล้วเด็กจะค่อย ๆ เรียนรู้เองว่านี่เป็นเวลากินต้องกิน ไม่อย่างนั้นอดกิน ท่านว่าเลี้ยงถนอมแบบคนไทย เด็กไม่รู้จักโต พ่อแม่เป็นอะไรไปเด็กจะลำบากค่ะ

พระอาจารย์เคยว่าโยมคนหนึ่ง ลูกแกเกเรมาก แกเอามาฝากฝังลูกให้บวชเรียนกับพระอาจารย์ แล้วขอให้พระอาจารย์ช่วยสั่งสอนให้ลูกแกเป็นคนดีด้วย พระอาจารย์เลยตอบว่า โยมเป็นแม่เขาแท้ ๆ เลี้ยงมาตั้งยี่สิบปียังสอนให้เขาเป็นคนดีไม่ได้ แล้วจะมาหวังอะไรให้ฉันสอนเขาเป็นคนดีได้ใน ๗ วัน ๓ เดือนแค่นี้


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย โอรส : 26-07-2009 เมื่อ 20:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-01-2009, 21:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,723 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมคนหนึ่ง บอกพระอาจารย์ว่าไม่มีเวลา พระอาจารย์สวนกลับทันทีว่า..ไม่มีเวลาไม่ได้ เป็นพ่อเป็นแม่คนจะมาอ้างคำนี้ไม่ได้ ไม่มีก็ต้องรับผิดชอบทำให้มีให้ได้

แล้วพระอาจารย์พูดถึงการเลี้ยงลูกสมัยก่อนว่า พ่อแม่สมัยก่อนเลี้ยงลูกเป็นสิบคนยังเลี้ยงให้ดีได้ พ่อแม่สมัยนี้มีลูกแค่คนสองคนยังเลี้ยงให้ดีไม่ได้ นางมารร้ายจึงบอกว่าสังคมมันเปลี่ยนไปนี่คะ สมัยพระอาจารย์ยังเด็กมันมีอบายมุขสิ่งยั่วยุอยู่ไม่เท่าไหร่ แม่ของนางมารร้ายบอกว่าคลับบาร์ก็มีอยู่ไม่กี่แห่ง ทางจะชวนกันเสื่อมเสียมันไม่ค่อยจะมี

พระอาจารย์จึงบอกว่า ก็แล้วสิ่งเหล่านี้มันมาจากไหนละ มันก็มาจากผู้ใหญ่เห็นแก่ได้ ช่วยกันสร้างสิ่งยั่วยุเหล่านี้ขึ้นมา แล้วก็จะมาเรียกร้องให้เด็กเป็นเด็กดี

พระอาจารย์ยังเป็นห่วงแม่พลอยเลยค่ะ บอกว่าสังคมญี่ปุ่นทำให้น่าเป็นห่วงเด็กมากกว่าในไทยอีกค่ะ เพราะสังคมของเขาผู้หญิงไล่จีบผู้ชาย เพื่อนนางมารร้าย(ผู้ชาย)ไปญี่ปุ่นมาบอกว่า เด็กญี่ปุ่นอายุ ๑๒ ก็เสียหมดแล้ว..นี่ให้เยอะแล้วนะ..(มันพูดพร้อมกับส่ายหน้า)

พระอาจารย์เคยบอกว่า คนส่วนใหญ่ชอบเลี้ยงลูกตามอารมณ์ เช่นพอลูกทำผิดแต่ตัวเองอารมณ์ดีก็จะไม่ตีลูก แต่พอลูกทำผิดเหมือนเดิมขณะตัวเองอารมณ์ไม่ดี..ก็ตีกระหน่ำซ้ำของเก่าบวกเข้าไปอีก อย่างนี้ทำให้เด็กไม่เข้าใจและสับสน..เขาจะคิดว่าผู้ใหญ่ไม่ยุติธรรมกับเขา..ทำให้เขาไม่เชื่อถือผู้ใหญ่. .กลายเป็นเด็กดื้อด้านไปในที่สุด พระอาจารย์บอกว่าที่ถูกต้องควรเลี้ยงลูกตามเหตุผล

ในเด็กเล็ก ๆ นี่.. ผิดครั้งที่หนึ่งว่ากล่าวตักเตือนให้เขารู้ว่าสิ่งนั้นมันไม่ได้ ครั้งที่สองบอกให้รู้ตัวว่าเขาทำผิดซ้ำนะ..และคาดโทษ ไว้ ครั้งที่สามเป็นต้นไปก็บอกเขาว่าเขาต้องโดนตีแล้ว แล้วเด็กจะเข้าใจ เด็กเล็ก ๆ สามารถเข้าใจเหตุผลได้แต่เขาเป็นคนความจำสั้้น เราก็ต้องเอาใจใส่ขยันตีขยันเตือน เป็นพ่อแม่ขี้เกียจไม่ได้

ส่วนเด็กที่โตรู้ความแล้วอย่างเด็กที่วัดท่าขนุน พระอาจารย์จัดการโดยวิธีการตกลงกันก่อนแล้วว่าอะไรบ้างคือสิ่งที่ผิดห้ามทำ แล้วคาดโทษไว้ว่าถ้าทำผิดในเรื่องเหล่านี้ ครั้งที่หนึ่งจะโดนตีหนึ่งครั้ง ครั้งที่สองสองครั้ง..เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่เห็นหรือรู้แต่ไม่มีพยานมายืนยันก็จะยกให้ฟรี

เด็ก ๆ ก็รับกันได้ ถึงเวลาโดนตีพระอาจารย์ก็เรียกมากล่าวโทษพร้อมพยานหลักฐาน..และให้เวลาไปเตรียมตัวใส่กางเกงตัวหนาที่สุดมา จากนั้นก็ใช้สายไฟอ้วนประมาณนิ้วก้อยฟาดน่อง ฟาดแรงขนาดป้าติ๋มนั่งดูน้ำตาไหล แม่ชีเคยโดนไปทีเดียวนอนพลิกตัวไม่ได้ไปเป็นอาทิตย์ เพราะตีทีเดียวได้สองแผลข้างละแผล แต่เด็กบางคนโดนตีถึงสิบสามทีก็มี

ช่วงที่พระอาจารย์ไม่อยู่วัด กลับไปอีกทีเด็กวัดหายเกลี้ยง สอบถามได้ความว่ากลัวอาจารย์พงษ์ เพราะพอเด็กทำผิดท่านเล่นเมตตาให้อภัยไปเรื่อย..จนทนไม่ไหวก็จะเรียกมาตีรวบยอดเอาหนัก ๆ..เด็กเลยรับไม่ได้้ หนีหายหมด อาจารย์พงษ์ว่าเด็กมันด้านไม้เรียว แต่พระอาจารย์ว่าถ้าตีให้ถูกวิธีนี่ไม่มีด้านไม้เรียวหรอก


ในช่วงวัยรุ่น พ่อแม่ยิ่งต้องใจเย็นและเป็นเพื่อนลูกได้ พระอาจารย์บอกว่าถ้าพ่อแม่ทำตัวเป็นเพื่อนลูกได้ ถึงเวลามีปัญหาเขาจะมาปรึกษาเรา แต่ถ้าเราคอยจะดุด่าซ้ำเติมรับเรื่องของเขาไม่ได้ เขาจะไปปรึกษาเพื่อนซึ่งความคิดอ่านก็อ่อนหัดพอกันก็ จะมีแต่เจ๊งกับเจ๊งค่ะ เราต้องทำใจว่าลูกนี่เราเลี้ยงได้แต่ตัว ถึงเวลาเขาเลือกทางไหนชอบทางไหนก็เป็นเพื่อนคู่คิดประคับประคองให้เขาไปในทางที่เขาเลือกให้ให้ถึงฝั่งอย่างดีที่สุดค่ะ


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-02-2011 เมื่อ 20:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 61 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-01-2009, 21:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,723 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปัญหาเด็กวัยรุ่น พระอาจารย์บอกไว้เมื่อตอนรับแขกเดือนก่อนว่า เวลาเด็กทำดีผู้ใหญ่ไม่สนใจ แต่พอทำผิดแห่กันมาทั้งบ้าน เขาจึงเรียนรู้ว่าการทำผิดทำให้เป็นที่สนใจของผู้ใหญ่ พอโตขึ้นจึงไม่สนใจทำดี เรียนดี กลับไปตีกันบ้าง ติดยาบ้าง ซึ่งลึก ๆ แล้วเขาทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากบ้าน จากสังคม สัญชาตญาณนี้มันติดอยู่ที่จิตใต้สำนึกโดยที่เขาเองก็ไม่รู้สึก

ท่านเตือนว่า ..อย่าใช้อารมณ์กับเด็ก เคยรักเขาอย่างไร..ตอนโมโหก็ต้องรักเขาอย่างนั้น เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายกับเขา..โตขึ้นเขาจะกลายเป็นคนที่ ไม่วางใจใคร

คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-02-2011 เมื่อ 20:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-01-2009, 21:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,723 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วัยรุ่น เป็นวัยที่กำลังก้าวจากเด็กไปเป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่คือใคร อันดับแรกผู้ใหญ่คือคนที่ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ เราเห็นคนตัวโต ๆ ที่ใช้อารมณ์ นั่นเขาไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ เขายังขาดวุฒิภาวะ บางครั้งพ่อแม่เราก็อาจทำแบบนั้น ถ้าเราเห็นว่าพ่อแม่ใช้อารมณ์ แสดงว่าเราเป็นผู้ใหญ่กว่าเขา..เราต้องให้อภัยเขา

อันดับสอง ผู้ใหญ่คือคนที่สามารถประกอบอาชีพและรับผิดชอบตัวเองได้ ประเภทที่บอกว่าตัวเองโตแล้วตัดสินใจเองได้ แต่ถึงเวลามีปัญหาต้องวิ่งกลับมาหาพ่อแม่นี่..อันนั้นยังไม่ใช่

สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือ..ทำอย่างไรที่จะก้าวไปเป็นผู้ใหญ่ให้เร็วที่สุด ยืนอยู่บนขาตัวเองให้ได้เร็วที่สุด ดีที่สุด ถึงเวลาที่พ่อแม่ไม่อยู่ให้เราพึ่ง เราจะได้อยู่ได้

(วัยนี้เป็นวัยที่เต็มไปด้วยความฝัน) คนเราสามารถมีความฝันได้ แต่จำไว้อย่างว่า ความฝันกับความจริงนั้นมันไม่เหมือนกัน การจะทำสิ่งใดให้เป็นความจริง ต้องมีปัญญาความรู้ มีความสามารถ มีประสบการณ์ และบางเรื่องจะต้องมีทุนทรัพย์ด้วย ฉะนั้นเราฝันได้ แต่ต้องอยู่กับความจริง ว่าเราเป็นใคร กำลังทำอะไร เพื่อจุดมุ่งหมายอะไร

ในวัยนี้ การสนใจเรื่องเพศตรงข้ามเป็นเรื่องปกติ แต่ขอให้รู้ความจริงอย่างหนึ่งว่า ผู้ชายกับผู้หญิงนั้นไม่เหมือนกัน ผู้หญิงจะนอนกับคนที่เขารักเท่านั้น ส่วนผู้ชายธรรมชาติสร้างเขามาให้เป็นผู้แพร่พันธุ์ เขามีความต้องการอยู่เสมอ เขานอนผู้หญิงที่ไหนก็ได้ ถึงเวลามันมีความต้องการเราขึ้นมา ก็สารพัดที่จะรับปาก แต่หลังจากได้นอนกับเราแล้ว..จะทำตามที่รับปากหรือไม่นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 27-01-2010 เมื่อ 15:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-01-2009, 21:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,443
ได้ให้อนุโมทนา: 151,071
ได้รับอนุโมทนา 4,399,723 ครั้ง ใน 34,032 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วัยนี้ ยังเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ เพื่อสะสมไว้ทำให้ความฝันเป็นจริงในอนาคต เวลานี้จึงเป็นทั้งวิกฤติและโอกาส ในขณะที่เพื่อน ๆ มีแฟนกันเราอาศัยช่วงนี้มุ่งเรียนมุ่งศึกษา เราจะสามารถแซงหน้าเพื่อน ๆ วัยเดียวกันได้ไม่ยาก ถ้าผลการเรียนเราดี นั่นหมายถึงการว่าเราก็จะมีโอกาสเลือกงานที่ดีมีรายได้ดีกว่าเพื่อน ๆ ในหลายมหาวิทยาลัยจะมีบริษัทเขามาจองตัวไว้เลย ว่าเขาต้องการเด็กที่ได้ที่หนึ่งที่สอง หรือบางที่เขาก็ดูเกรดว่าต้องไม่ต่ำกว่าเท่านั้นเท่านี้ด้วย

หลวงพ่อเองตั้งแต่เรียนมาเด็กยันแก่ ได้ที่หนึ่งมาตลอด มันเป็นของไม่ยาก สำคัญที่เราต้องแบ่งเวลาเป็น หลวงพ่อตื่นตีสองตีสามมาตั้งแต่เด็ก ตื่นมาก็เอาตำรับตำรามาดูมาอ่าน กินข้าวเช้าเสร็จก็จะงีบสักชั่วโมง แล้วไปเรียน อย่างตอนนี้มีเรียนแต่ตอนบ่าย ตอนเช้าก็กลายเป็นเอาตำรามาดูอีกรอบ ฉันเพลเสร็จก็งีบอีกชั่วโมง แล้วไปเรียน กว่าจะเข้าเรียนหลวงพ่อก็ดูหนังสือทบทวนของเก่าเตรียมดูของใหม่ไปตั้งสองรอบแล้ว แล้วเพื่อนที่ไหนมันจะตามทัน

จะเห็นว่าการแบ่งเวลานี่สำคัญ เราต้องจัดแบ่งเวลาสำหรับการเรียนและการทบทวนให้เพียงพอ และต้องมีวินัยปฏิบัติได้ตามนั้น การซักถามครูบาอาจารย์ก็เป็นสิ่งจำเป็น มีปัญหาต้องรีบถามเขา ครูทุกคนเขาชอบให้เราถามเขานะ มันเป็นการแสดงความกระตือรือร้นสนใจในสิ่งที่เขาสอน ฉะนั้นมีปัญหาอะไรให้พยายามถามครู

ก็ต้องถามตัวเองว่า เราจะทำตัวอย่างไรดีในช่วงเวลานี้ ถ้าเรามุ่งจะทำให้ความฝันเป็นจริงมีอนาคตที่สวยงาม เราก็ต้องพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ปล่อยตัวไปกับเรื่อง เพศ แล้วสเปคของเพศตรงข้ามนี่มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยตามอายุและประสบการณ์..ทุกคนเป็นแบบนี้ คงเพราะเหตุนี้..ตั้งแต่หลวงพ่อเกิดมาจนอายุ ๕๐ ปีนี่..ไม่เคยเห็นคู่ไหนที่เป็นแฟนกันตอนเรียนแล้วลงเอยด้วยการแต่งงานเลยสักคู่เดียว..ขอยืนยัน

พระอาจารย์ยังบอกด้วยว่า การจะคุยกับเด็กได้ ที่สำคัญที่สุด เราต้องทำให้เขารู้สึกว่าเราเป็นพวกเดียวกับเขา (สักแต่ว่าดุลูกนี่คงไม่ใช่) ทำให้เขาเชื่อใจ กล้าที่จะปรึกษาเราได้ทุกเรื่อง ประเภทลูกมีปัญหาแล้วไม่กล้าพูดกับพ่อแม่นี่..ก็จะไปให้เพื่อนช่วยแก้ปัญหาแทน..ก็ไปกันใหญ่


คัดลอกจากเว็บกระโถนข้างธรรมาสน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-02-2011 เมื่อ 20:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ

Tags
วัยรุ่น, วิธีเลี้ยงลูก, สอนวัยรุ่น


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:28



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว