กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 12-09-2011, 17:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมอัดรูปพระอาจารย์มาถวาย ท่านกล่าวว่า "จำไว้เลยนะว่า..ถ้าไม่อยากโดนด่า อย่าทำรูปอาตมามา ตูเห็นหน้าตัวเองจนเบื่อเต็มทีแล้ว นี่ยังดีนะว่าซ่อนไว้ข้างล่าง ถ้าเห็นก่อนนี้โดนด่าตั้งแต่ตอนเอามาแล้ว เสือกทะลึ่งไม่เข้าเรื่อง..!

แจ้งให้ญาติโยมทราบอีกครั้งนะจ๊ะ เผื่อประเภทหลงลืมหรือไม่เคยได้ยิน อย่าอัดรูปอาตมามาเป็นอันขาด ถ้าอยากได้รูป อาตมาทำเองและดีกว่าด้วย แทนที่จะแจกเองเสือกทะลึ่งเอามาให้อาตมาแจก ตกลงไม่ได้มีประโยชน์อะไรสำหรับอาตมาเลย นอกจากเหนื่อยเพิ่มขึ้น ถ้าอาตมาอยากจะแจก จะทำเอง ไม่ต้องเมตตาทำมา นี่ดีว่าซุกเอาไว้ ถ้าเห็นตั้งแต่เมื่อวานนี้ก็ด่าไปตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว ต้องบอกว่ายิ่งห้ามยิ่งเจอ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2011 เมื่อ 02:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 13-09-2011, 06:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เดือนนี้ทั้งเดือนที่ทองผาภูมิแทบจะไม่เห็นแดดเลย โดยเฉพาะช่วงเช้าเวลาบิณฑบาตเปียกฝนแทบทุกวัน
เรื่องบิณฑบาตเป็นกิจวัตร เป็นสิ่งที่พระจำเป็นต้องทำ เพราะเป็นการรักษาอริยประเพณีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญมาตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์ท่านบิณฑบาตแม้วาระสุดท้ายของชีวิต ก็คือบิณฑบาตที่บ้านของนายจุนทะ

อีกอย่างหนึ่งก็คือ เคยพบด้วยตัวเอง ตอนนั้นอยู่ที่วัดท่าซุงจะบิณฑบาตที่สายใต้เป็นประจำ ตอนแรกหลวงตาวัชรชัยท่านเป็นหัวหน้าสายอยู่ พออาตมาได้หลายพรรษาหน่อย หลวงตาท่านก็ไปเดินสายหลังวัด อาตมาก็เป็นหัวหน้าสายใต้แทน มีอาจารย์สมปองเดินตาม และน้อง ๆ อีก ๑๐ กว่ารูป บางทีฝนตกหนักไม่มีใครบิณฑบาต มีอาตมากับอาจารย์สมปองสองคนไป

เดินไปจนสุดทางประมาณ ๒ กิโลเมตรจากวัด มีคุณยายอายุ ๘๐ กว่าปี ยืนถือใบกล้วยบังหัวกับขันข้าวรอใส่บาตร ลองนึกดูว่าถ้าวันนั้นเราไม่ได้ไป คุณยายจะทำอย่างไร? คุณยายแก่ ๆ ผมขาวทั้งหัว กลัวว่าฝนตกแล้วลูกพระจะอด อุตส่าห์ยืนถือใบกล้วยบังหัวรอใส่บาตร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2011 เมื่อ 11:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 238 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 13-09-2011, 16:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในวัดท่าซุงตอนนั้นมีพระอยู่ ๒ รูป ก็คืออาตมากับท่านอาจารย์สมปอง ฟ้าถล่มดินทลายอย่างไรก็ไม่เลิกบิณฑบาต พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านวางกฎระเบียบไว้ว่า ต้องบิณฑบาตกลับมาครบแล้วถึงฉันพร้อมกัน เพราะฉะนั้น..อาตมากับอาจารย์สมปองไม่รู้โดนเขาแช่งชักหักกระดูกไปเท่าไรแล้ว เพราะเวลาฝนตกเขาไม่ไปบิณฑบาตกัน แต่พวกเรา ๒ คน ไม่ว่าจะฝนตกแดดออกอย่างไรก็ไป

อาตมาเองใช้ผ้าแค่ ๓ ผืน มารู้ทีหลังอาจารย์สมปองก็ใช้ ๓ ผืนเหมือนกัน พอเปียกแล้วไม่มีเปลี่ยน กลับมาถึงก็รีบบิดให้หมาด ๆ แล้วห่มเข้าวงฉัน ฉันเสร็จก็ค่อยหาทางว่าจะทำอย่างไรให้จีวรแห้ง ถ้าไม่มีแดดจริง ๆ ก็อาจจะต้องเปิดพัดลมเป่าจีวร กว่าจีวรจะแห้งพอที่จะไปทำงานอย่างอื่นได้ใช้เวลาครึ่งค่อนวัน

จากที่พวกเราเอานิสัยไม่ยอมละทิ้งระเบียบ ไม่ยอมผ่อนผันให้กับตัวเองมาใช้ในการปฏิบัติ เวลาทำอะไรจึงได้มากกว่าคนอื่น ขณะที่คนอื่นถึงเวลาก็ผ่อนผันให้กับตัวเอง แต่พวกเราไม่ยอมผ่อน ทุกสิ่งทุกอย่างที่หลวงพ่อสอนจะถือว่าเป็นคำสั่งที่ต้องทำให้ได้ ไม่ใช่ฟังเป็นคำสอนผ่านหูไปเฉย ๆ ก็เลยทำให้กลายเป็นสมบัติติดตัวมา

แม้กระทั่งจนทุกวันนี้ฝนตกแดดออกอย่างไรก็ออกบิณฑบาต บางทีญาติโยมที่รู้จักเขาก็บอกว่า หลวงพ่อเป็นใหญ่เป็นโตขนาดนี้ พระเณรเต็มไปหมด ถ้าเป็นที่อื่นเขาให้พระเณรบิณฑบาตเลี้ยงแล้ว แต่อาตมาไม่ใช่อย่างนั้น ถ้ายังไปไหวก็ต้องไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-09-2011 เมื่อ 16:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 230 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 13-09-2011, 16:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าเป็นวันที่ต้องไปบิณฑบาต ตั้งแต่บวชมา ๒๗ ปี อาตมาขาดแค่ ๔ ครั้งเพราะป่วยจนลุกไม่ขึ้น ถ้าลุกขึ้นพอโงนเงนได้ก็ไป บางทีไข้จับหนักมาก แทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าเดินไปถึงปลายทางได้อย่างไร แทบจะไม่รู้ตัวว่าเดินกลับมาที่วัดได้อย่างไร เดิน ๆ ไปก็สะดุดก้อนหิน กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่เลือดไหลเป็นกองเพราะเล็บหลุดไปทั้งอัน..!

เวลาไข้จับหนัก เราไม่รู้ว่าความเจ็บปวดเป็นอย่างไร เพราะเบลอไปหมด ตั้งสติไว้อย่างเดียวว่ากลับให้ได้ก็แล้วกัน ทำให้เห็นชัดว่า จริง ๆ ร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ในเมื่อร่างกายนี้ไม่ใช่ของเราอย่าให้เขาบังคับเรา เราต้องบังคับเขาแทน ถ้ายังไหวเอ็งไปซะดี ๆ..!

ถามว่าทำอย่างนี้เป็นอัตตกิลมถานุโยคหรือไม่ ? ทรมานตนเองเกินไปหรือไม่ ? โหดร้ายขาดเมตตากับตัวเองหรือไม่ ? ไม่ใช่หรอก..ถ้ายังไปได้ต้องไป ระเบียบวินัยเป็นแค่ของหยาบ ๆ ถ้าเราทำไม่ได้ การเข้าถึงธรรมที่เป็นส่วนละเอียด เราจะเข้าถึงไม่ได้เลย

เพราะฉะนั้น..ใครที่เป็นคนต่อต้านระเบียบ ไม่ยอมรับระเบียบวินัย ไม่ยอมรับกฎหมายบ้านเมืองหรือกฎกติกาของสถานที่ใด ๆ ให้รู้ว่าโอกาสที่เราจะเข้าถึงธรรมมีน้อยมาก เพราะว่าของหยาบสภาพจิตของเรายังต่อต้านไม่ยอมรับ ธรรมะที่เป็นส่วนละเอียดกว่านั้นหลายเท่าเราจะไม่มีโอกาสได้เข้าถึงเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-09-2011 เมื่อ 18:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 13-09-2011, 16:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูชอบทำบุญด้วยการให้เงินคนอื่นไปทำบุญ เราจะได้รับอานิสงส์ไหมคะ ?
ตอบ : ได้..เราเองทำบุญรายการไหนเราก็ได้อานิสงส์อย่างนั้น แต่คนที่รับจากเราไปก็จะได้เวยยาวัจมัย คือบุญในการช่วยให้งานบุญคนอื่นสำเร็จ แปลว่าคนรับจากเราไปทำให้ ต่อไปเขาก็จะอยู่ในลักษณะที่มีภาระหรือมีการงานอะไรก็จะมีคนคอยช่วยเหลือ ส่วนเราเองก็สบายในส่วนที่ว่าไม่ต้องไปเหนื่อยเอง บางคนเหนื่อยมากแล้วกำลังใจตก ทำให้บุญลดลง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2011 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 13-09-2011, 17:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนกันยายนนี้มีวันสำคัญทางราชการอยู่ ใครรู้บ้างว่าวันอะไร ? คำตอบคือ วันเยาวชนแห่งชาติ ในหลวงรัชกาลที่ ๕ ทรงพระราชสมภพ วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๓๙๖ กับในหลวงรัชกาลที่ ๘ ทรงพระราชสมภพ วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๖๘ พระองค์ท่านเสด็จขึ้นครองราชย์ก่อนพระชนมายุ ๒๐ ปีทั้งคู่ ก็เลยถือว่าเป็นวันเยาวชนแห่งชาติ ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน ของทุกปี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2011 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 14-09-2011, 16:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลักการใช้สาลิกาลิ้นทอง เขาบอกว่าให้พูดเพราะ ๆ พูดหวานขานเพราะไปไหนคนก็รัก พระพุทธเจ้าท่านว่าเป็นปิยวาจา

ในเรื่องคำพูด พระพุทธเจ้าท่านแบ่งเป็น ปุปผภาณี แปลว่า วาจาที่หอมเหมือนดอกไม้ มีแต่คนอยากฟัง มธุภาณี แปลว่า คำพูดหวานเหมือนน้ำผึ้ง คนฟังจะติดใจ คูถภาณี ก็คือ วาจาเหม็นเหมือนขี้ ประเภทปากไม่ดี คนไม่อยากเข้าใกล้

เพราะฉะนั้น..ในส่วนปิยวาจานี้ต้องเว้นคูถภาณี ปุปผภาณีหรือมธุภาณีถึงใช้ได้ คำว่า "ภาณี" แปลว่าพูด สุภาณี คือ พูดดี พูดเพราะ

เราได้ยินว่า "ภาณยักษ์ ภาณพระ" ภาณตัวนี้แหละคือภาณี คือพระพูดหรือยักษ์พูด ก็คือคาถา นะโม เม สัพพะพุทธานัง อุปปันนานัง มเหสินัง ข้าพเจ้าขอน้อมต่อบรรดาสมเด็จพระผู้มีพระภาค ผู้เป็นใหญ่ที่ได้อุบัติขึ้นแล้วในโลก

ตัณหังกโร มหาวีโร เมธังกโร มหายโส พระพุทธตัณหังกรสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้มีความกล้าอันยิ่งใหญ่ คือกล้าที่จะต่อสู้ฝ่าฟันกับกิเลส เมธังกโร มหายโส ฯ พระพุทธเจ้ามีนามว่า เมธังกร ผู้มียศอันยิ่งใหญ่ คือคนเขายกย่องให้เหนือผู้อื่น เพราะเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว

คาถานี้ผูกขึ้นโดยท้าวมหาราชทั้ง ๔ ท่านประชุมกันที่อาฏานาฏิยนครซึ่งเป็นเมืองหลวงของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ว่ายักษ์และผีที่ไม่เคารพนับถือพระพุทธเจ้า ตลอดจนพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานั้นมีจำนวนมาก ถ้าหากไม่ออกคำสั่งห้ามไว้ ถึงเวลาอาจจะมีการทำร้ายพระที่เป็นพุทธสาวกได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2011 เมื่อ 17:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 14-09-2011, 16:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ท่านก็เลยประชุมรวมกันแต่งฉันท์สรรเสริญคุณพระพุทธเจ้า บอกว่า ถ้าหากว่าผู้ใดสวดสาธยายคาถาบทนี้แล้ว ห้ามผีและยักษ์ทั้งหลายไปทำร้าย ถ้าหากว่าผีหรือยักษ์ตนใดไปทำร้ายผู้ที่สวดสาธยาย ถือว่าเป็นขบถต่อท้าวจตุมหาราช

เมื่อประกาศให้ยักษ์ทั้งหลายทราบล่วงหน้าแล้ว ท่านก็นำไปกล่าวถวายพระพุทธเจ้า ตอนที่ท่านกล่าวถวายพระพุทธเจ้า เขาเรียกว่า ภาณยักษ์ คือยักษ์พูด เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย พระพุทธเจ้ารับมาแล้วก็มาแจ้งต่อพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย โดยตรัสทวนให้ฟังอีกรอบ จึงเรียกว่า ภาณพระ คือพระพุทธเจ้าพูด

ใครจะเอาไปท่องก็ได้ ที่เขาขึ้นว่า วิปัสสิสสะ นะมัตถุ จักขุมันตัสสะ สิรีมะโต สิขิสสะปิ นะมัตถุ สัพพะภูตานุกัมปิโน จนกระทั่งท้ายสุด สัพพะโรคะวินิมุตโต สัพพะสันตาปะวัชชิโตฯ ท่องไว้ทุกวัน อยู่ที่ไหนก็ปลอดภัยจากพวกผีพวกยักษ์ที่จะทำร้าย เทวดาที่เป็นมิจฉาทิฐิจะหลีกไป เทวดาที่เป็นสัมมาทิฐิจะช่วยรักษา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2011 เมื่อ 17:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 14-09-2011, 16:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แต่อย่าไปท่องอย่างท่านอาจารย์สำราญ วัดเขาวงพระจันทร์นะ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนนั้นหลวงปู่ปานไปช่วยสร้างวัดเขาวงพระจันทร์ อาจารย์สำราญท่องภาณยักษ์ทุกวัน ปกติคนเขาจะท่องด้วยความเคารพนอบน้อมในพระรัตนตรัย แต่อาจารย์สำราญท่องเพื่อไล่ผีไล่เทวดา ไม่ให้ไปกวนแก

หลวงปู่ปานพอทราบเข้าก็ไปเตือนว่า “ท่านสำราญ...ทำอย่างนี้เดี๋ยวจะเดือดร้อน ไปไล่ผีไล่เทวดาเขาได้อย่างไร" ท่านสำราญไม่ฟัง ท่องทุกวัน อยู่ ๆ วันหนึ่งหลวงปู่ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย ร้องโอดโอยอยู่บนกุฏิ พอวิ่งขึ้นไปดูเห็นคนนุ่งแดงตัวใหญ่หัวค้ำเพดาน ถือหวายท่อนเท่าแขนตีอาจารย์สำราญ หวดซ้ายป่ายขวาอุตลุด

หลวงปู่ปานก็บอกว่า “พ่อขุนด่านพอเถอะ เดี๋ยวตายเปล่า ๆ ” คนนุ่งแดงใส่แดงหันมาบอกว่า ถ้าไม่ใช่ท่านขอไว้จะล่อให้ตายจริง ๆ แล้วคนนุ่งแดงก็ก้าวขึ้นขื่อหายวับไป นั่นเจ้าพ่อขุนด่าน ถ้าใครออกไปทางด้านลพบุรี ชัยภูมิ จะผ่านจุดหนึ่งที่มีศาลเจ้าพ่อขุนด่าน

อาจารย์สำราญไปท่องไล่อยู่ทุกวัน พวกผีเล็กผีน้อยหนีหมด แต่เจ้าพ่อท่านเป็นระดับมหาอำมาตย์แล้ว ท่านไม่หนีแต่ทนไม่ไหวจึงตีเลย เพราะฉะนั้น..ถ้าใครท่องให้ท่องด้วยความเคารพในพระรัตนตรัยนะจ๊ะ ไม่ใช่ไปท่องไล่เขา ถ้าท่องไล่ผีให้ระวัง ถึงเวลาผีจะไล่เอาบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2011 เมื่อ 17:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 14-09-2011, 17:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การยอมรับกฎของกรรมทำให้ลดสักกายทิฐิได้อย่างไรครับ ? ผมรู้ว่ามันลดได้ แต่ไม่รู้ว่ามันลดได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : คุณต้องคิดว่าเราทำเราจึงรับ ในเมื่อเราทำเราจึงรับ กำลังใจที่คิดจะต่อต้านก็ไม่มี ก็แปลว่าเราไม่ได้แบกทิฐิ นั่นก็เท่ากับว่าลดไปในตัวอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2011 เมื่อ 17:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 15-09-2011, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่หนูภาวนาแล้วหลุดออกไป อย่างขึ้นไปกราบพระ พอไปแล้วจะไม่ค่อยเจอใครเลยค่ะ เป็นเพราะไม่มีใครหรือเพราะหนูหยาบคะ ?
ตอบ : ความคล่องตัว ความชำนาญในสมาธิไม่มี วงสมาธิก็เลยแคบ การรู้เห็นจึงถูกจำกัดไปด้วย จำไว้ว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยอยู่พระองค์เดียว อย่างน้อย ๆ พรหมเทวดาก็ต้องอยู่ด้วยเยอะแยะ เราเองไม่รู้ว่าลุยเข้าไปจนเขากระจายทั้งวงหรือเปล่า ?

ถาม : ไปกราบพระทีไรก็เห็นแต่พระท่านองค์เดียว
ตอบ : ประมาณนั้นแหละ เพราะสมาธิยังไม่ดีพอ จึงเห็นได้เฉพาะหน้าที่มุ่งไปเท่านั้น

ถาม : เวลาหลุดออกมาแล้ว หนูตั้งใจจะไปกราบพระ แต่บางทีก็มีแรงดึงลงไปข้างล่าง แล้วคราวนี้ไม่เห็นอะไรก็เลย ไม่รู้ว่าคืออะไร ? หรือมีใครหรือเปล่า ?
ตอบ : ไม่ต้องสงสัยหรอก ให้เราคิดไว้ก่อนว่าถ้าเราขึ้นข้างบนไม่ได้นี่ต้องลงข้างล่างแน่ ๆ..!

ถาม : แล้วมีใครมาดึงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : กำลังใจของเราตอนนั้นมั่นคงจริงหรือเปล่า ? ถ้าไม่มั่นคงจริง โอกาสที่จะไหลลงต่ำก็มีสูง ต้องบอกว่าไปเองตามสภาพจิตของเราตอนนั้น ซึ่งอาจจะแบกรัก โลภ โกรธ หลง มาเต็มที่ทั้งวัน พอมาปฏิบัติสิ่งที่แบกเอาไว้ก็ถ่วงเราลง ต้องรีบชำระใจให้ผ่องใสโดยด่วนเลยจ้ะ

ถาม : หนูก็กลัวจะลงไปชินข้างล่าง เจออย่างนี้ทีไรก็ตะกายขึ้นไปทุกทีค่ะ
ตอบ : ดีแล้วจ้ะ กลัวไว้ได้แหละดี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2011 เมื่อ 03:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 15-09-2011, 00:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาอาราธนาพระหางหมากจนหลับ ทำไมเวลาหลับจึงฝันเห็นพระ ?
ตอบ : ใครเกาะด้านดีก็ฝันในด้านดี ใครเกาะด้านไม่ดีก็ฝันไม่ดี เท่านั้นเอง

ถาม : เห็นจริงหรือไม่ ? วันหลังผมจะได้ไม่ต้องยึดติดอะไร
ตอบ : แล้วคุณจะไปยึดอะไร ?

ถาม : หรือผมฝันเห็นจริง ๆ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเอาแต่ฝัน ชาตินี้หาดีไม่ได้หรอก ต้องทำตอนลืมตา ความฝันสามารถบอกได้ถึงสภาพจิตของเราในระดับหนึ่ง ถ้าหากว่าสภาพจิตไม่ดีก็ฝันเห็นสิ่งที่ไม่ดี ถ้าหากว่าสภาพจิตดีก็ฝันเห็นสิ่งที่ดี

แต่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ตาม อย่าลืมว่านั่นแค่เขาบอกว่าเราเป็นอย่างไร ถ้าเราไม่คิดจะทำความดีต่อก็ไม่ได้อะไรหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2011 เมื่อ 03:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 15-09-2011, 01:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่เขาเวียนไปไหว้พระทำบุญที่โน่นที่นี่ มีผลอย่างไรต่อการปฏิบัติ ?
ตอบ : ได้อนุสติเต็ม ๆ และได้ทานบารมีด้วย สำหรับคนที่กำลังใจยังน้อยอยู่ก็ต้องทำอย่างนั้น ถึงกำลังใจสูงแล้วก็ไม่ควรประมาท ต้องกอบโกยบุญทุกอย่างให้เต็มที่ไว้ก่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2011 เมื่อ 03:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 15-09-2011, 10:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมอยากทราบว่า การชอบอ่านหนังสือธรรมะ เป็นธัมมานุสติกรรมฐานหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : กล่าวถึงเรื่องไหน ก็เป็นอนุสติในเรื่องนั้น

ถาม : ถ้าเราอ่านหนังสือเจริญพระพุทธมนต์ แล้วเราก็คิดว่าคือการเจริญกรรมฐานนี่ใช่หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เหมือนกัน ทำอย่างไรก็ได้ให้ใจเกาะความดี จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน

ถาม : เสร็จแล้วเราก็แผ่เมตตา อานิสงส์ก็พอ ๆ กับการนั่งกรรมฐาน ?
ตอบ : ถ้าคุณสามารถทำได้โดยไม่ต้องนั่ง จะดีกว่าด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-09-2011 เมื่อ 17:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 15-09-2011, 22:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมมีปัญหากับที่บ้าน ผมออกมาจากบ้านโดยไม่ได้บอกพ่อไว้ แต่เขียนทิ้งจดหมายไว้ ผมอยากกราบถามท่านว่า ผมจะได้มีโอกาสกลับไปดูแลพ่ออีกไหมครับ ?
ตอบ : จะกลับก็กลับ จะออกก็ออก การตัดสินใจอยู่ที่ตัวเรา ไม่ต้องถามคนอื่น ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนตัดลูกขาด มีแต่ลูกนั่นแหละจะตัดพ่อตัดแม่ ถึงเวลาอยากกลับก็กลับ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2011 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 15-09-2011, 22:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาทำสมาธิ เขาบอกว่าให้ปล่อยจิตตาม... ผมก็ปล่อย แต่ทำสมาธิไม่ได้ ต้องบังคับตัวเองตลอดเวลา ให้จิตนิ่ง ๆ
ตอบ : ให้อยู่กับลมหายใจเฉพาะหน้าก็พอ ไม่ต้องไปสนใจหรอกว่าบังคับหรือไม่บังคับ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2011 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 15-09-2011, 22:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พอดีจะขายบ้านค่ะ ตอนนี้ตกงานไม่ได้ทำอะไร กลัวผ่อนบ้านไม่ไหว ขายเท่าไรก็ขายไม่ได้
ตอบ : ไปจุดธูปบอกเจ้าที่ที่บ้าน บอกว่าเราจะขายที่ ขอให้ท่านช่วยให้ขายได้ไวที่สุด แล้วเราจะทำบุญสังฆทานไปให้

ถาม : บอกเจ้าที่บ้านที่จะขาย หรือบ้านที่อยู่ปัจจุบันคะ?
ตอบ : ขายหลังไหนก็บอกเจ้าที่หลังนั้นแหละ

ถาม : จุดธูปหน้าบ้านใช่หรือเปล่าคะ หรือในบ้านคะ ?
ตอบ : ไปจุดบนหลังคาบ้าน..!

ถาม : เพราะในบ้านยังไม่มีอะไรเลย ยังไม่ได้เข้าไปอยู่
ตอบ : จุดกลางแจ้ง หลังจากนั้นก็รีบติดประกาศขายเสียไว ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2011 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 15-09-2011, 22:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกสาวไปอยู่หอแล้วเหมือนมีวิญญาณมารบกวนค่ะ
ตอบ : บอกเขาให้หัดภาวนาแล้วแผ่เมตตาไว้บ้าง ถ้าหากว่าใครภาวนาแล้วแผ่เมตตา พวกนี้จะไม่รบกวนหรอก ก่อนนอนให้สวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิ แล้วก็แผ่เมตตาให้เขาก่อนค่อยนอน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2011 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 15-09-2011, 22:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมปฏิบัติโดยท่องคาถาเงินล้านไปด้วย เดินจงกรมไปด้วย แล้วก็กำหนดภาพพระพุทธเจ้าไปด้วย ระหว่างนี้คิดกำหนดมรณานุสติไปด้วยนี่จะช่วยในเรื่องตัดสังโยชน์ ๓ หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ทำทีละอย่าง เต็มที่อย่าให้เกิน ๒ อย่าง ตั้งระยะเวลาว่าจะทำนานเท่าไร ที่ทิ้งไม่ได้เลยก็คือลมหายใจเข้าออก จะใช้คาถาเงินล้านเป็นคำภาวนาใดก็ได้ เพิ่มได้อีกอย่างเดียวคือภาพพระ

พอทำจนกระทั่งทรงตัวดี อารมณ์ไปต่อไม่ได้แล้วค่อยคลายกำลังใจลงมาแล้วก็มาคิดพิจารณา อย่างเช่นว่าเราต้องตายแน่ ๆ เพราะถ้าหากว่าทำหลายอย่างทีเดียวกำลังของเราไม่พอ เราจะฟุ้งซ่านเสียเปล่า ๆ

ถาม : เกี่ยวกับการคิดเรื่องของความตายนี่ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าเราระลึกถึงความตายเฉย ๆ เป็นสมถภาวนาแต่ถ้าหากว่าเราเห็นจริงว่าความตายเป็นธรรมดาที่ทุกคนต้องพบเห็น ธรรมชาติของร่างกายเป็นอย่างนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาเพื่อจะพบกับความตายอย่างนี้ไม่มีสำหรับเราอีก ตายแล้วเราจะไปนิพพาน ถ้าอย่างนี้ก็เป็นการวิปัสสนา

จากปกติของสมถะ เราก็แค่เห็นจริงว่าความตายเป็นความตายของทุกคน เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด ไม่มีใครที่จะหลุดพ้นความตายไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2011 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 20-09-2011, 08:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,141 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในวจีกรรม ๔ การพูดเพ้อเจ้อ หมายรวมถึงคำพูดตลก ๆ พูดเล่นมุกหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้ว การพูดอะไรที่ไม่ชัดเจน ไม่เข้าหาธรรม ก็ถือว่าเพ้อเจ้อ กำลังใจแต่ละคนแต่ละระดับก็ไม่เท่ากัน ถ้ากำลังใจที่ละเอียดก็จะเห็นว่าฝ่ายที่หยาบกว่าพูดจาเพ้อเจ้อ เพราะฉะนั้น..ตัวนี้เป็นตัวที่เว้นยากสักนิดหนึ่ง

ถาม : ความละเอียดในการรักษากรรมบถ ๑๐ ของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันสิคะ ?
ตอบ : ใช่..เพราะอยู่ที่ความหยาบละเอียด ถ้าเต็มที่ก็ต้องเป็นพระสกิทาคามี เพราะถ้าเป็นอนาคามี ท่านจะไม่ยุ่งอะไรกับใครแล้ว

อนาคา แปลว่า ผู้ที่ไม่มีบ้านเรือน ผู้ที่ไม่มีครอบครัว อนาคาริกะ คือ ไร้ซึ่งบ้านเรือน อนาคามี ผู้ที่ไม่ย้อนกลับไปหาเรือน ไม่กลับมาเกิดใหม่แล้ว รอไปนิพพานอยู่ข้างบนอย่างเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-09-2011 เมื่อ 14:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:27



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว