กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 20-07-2011, 07:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมพาแม่มาทำบุญเนื่องในวันเกิด พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "วันเกิดของแม่เราพาแม่ไปทำบุญถือว่าดี แต่ถ้าวันเกิดของเราพาแม่ไปทำบุญด้วยจะดียิ่งกว่า เพราะวันเกิดของเราก็คือวันที่แม่เจ็บปวดแทบจะตายนั่นแหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2011 เมื่อ 11:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 20-07-2011, 07:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงแพลงกิ้งว่า "จริง ๆ แพลงกิ้ง (planking) เป็นการเลียนแบบสัตว์ สัตว์หลายชนิดเวลาอันตรายจวนตัว ก็จะแกล้งตายแข็งทื่อ พอศัตรูมาดม ๆ เขี่ย ๆ หน่อย เห็นว่าตายแล้วก็ปล่อยไป โดยเฉพาะพวกงูนี่ชอบมากเลยประเภทที่ทำเป็นตาย

ที่วัดท่าขนุนมีอยู่ช่วงหนึ่ง ประมาณสัก ๔ โมงเย็น ‘แหลมทอง ๐๕๒’ เป็นนามเรียกขานของลูกข่ายมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ที่อาตมาเป็นหัวหน้าอยู่ เขาวิทยุมาว่า “อาจารย์..ใครเอางูมาทิ้งไว้ทางออกป่าช้าตัวเบ้อเร่อเลย ผมเกือบจะทับมันแน่ะ” อาตมาก็ถามว่าอยู่ตรงไหน ? เขาบอกว่าอยู่เกือบถึงปากทางออก อาตมาก็ตอบไปว่าจะไปดูให้

พอเดินไปจนเกือบทะลุถนนใหญ่ ปรากฏว่าไม่มี ก็เลยวิทยุไปบอกว่า "โชคดีที่เอ็งไม่ลงไปดู เอ็งขี่มอเตอร์ไซค์มา งูมันหนีไม่ทันก็ทำเป็นตายนอนแข็งทื่อ แล้วไอ้ตัวใหญ่ ๆ ขนาดนั้นแถวนี้มีแต่จงอาง..!"

เพราะฉะนั้น..คนที่ทำแพลงกิ้งขอให้รู้ว่า ย้อนหลังไปสมัยไดโนเสาร์นั่นเลย เพราะเลียนแบบสัตว์ สัตว์บางชนิดนี่เรายิ่งเขี่ย ๆ ก็ยิ่งนอนแผ่ทำเป็นว่าตายไม่รู้ไม่ชี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2011 เมื่อ 11:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 20-07-2011, 09:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงหนังสือธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น ของ พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน ว่า "เล่มหลัง ๆ คุณหมอท่านเปิดมากขึ้นเรื่อย ๆ ประเภทเปิดมากขึ้นเรื่อย ๆ นี่มักจะเป็นการทิ้งทวน ก็คือไม่เอาแล้ว..ไปดีกว่า สังเกตดูพระปฏิบัติ ช่วงท้าย ๆ ประมาณ ๒-๓ ปี มักจะเปิดเต็มที่ ไม่ต้องเกรงใจใครแล้ว กูจะตายแล้ว ใครจะด่าส่งท้ายก็ช่างมัน

ถ้าไปศึกษาในพระไตรปิฎกจะเห็นว่า ช่วงท้าย ๆ พระพุทธเจ้าท่านจะเทศน์เฉพาะส่วนของธรรมล้วน ๆ แทบทั้งนั้น โดยเฉพาะในมหาปรินิพพานสูตร ซึ่งเป็นพระสูตรสุดท้าย เป็นพระสูตรใหญ่ที่อมพระสูตรเล็กเอาไว้มาก แต่ละหัวข้อที่พระองค์ท่านเทศน์ออกมานี่ ถ้าคนไม่มีพื้นฐานจะมึนไปเลย

เริ่มตั้งแต่อปริหานิยธรรม ๗ ประการ หมวดที่ ๑, ๒, ๓, ๔, ๕, ๖ เพราะฉะนั้น..อปริหานิยธรรม เราอย่าคิดว่ามีหนึ่งเดียวนะ มีทั้งวัชชีอปริหานิยธรรม อปริหานิยธรรมของชาววัชชี ภิกษุอปริหานิยธรรม อปริหานิยธรรมของภิกษุทั้งหลาย

และหมวดสุดท้าย อย่างสาราณียธรรม สาราณียธรรมนี่มีแค่ ๖ ข้อ ก็เลยไม่ครบ ๗ เกี่ยวกับการปฏิบัติที่พระพึงปฏิบัติต่อกัน เพื่อยังความระลึกถึงของเพื่อนสพรหมจารีให้เกิดขึ้น อย่างเช่นว่า ปฏิบัติต่อกันด้วยความเมตตา เอ่ยวาจาที่มีแต่ความเมตตาต่อกัน ปฏิบัติต่อภิกษุอื่นด้วยความมีเมตตาต่อกัน แม้กระทั่งคิดต่อภิกษุอื่นด้วยความมีเมตตาต่อกัน แบ่งปันลาภผลที่ได้มาต่อเพื่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้เป็นต้น

สาราณียธรรม คือธรรมอันยังเครื่องระลึกถึงให้เกิดขึ้น ฟัง ๆ ดูก็คล้าย ๆ กับสังคหวัตถุเหมือนกัน แต่ว่าสังคหวัตถุนั้นจะเป็นทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตา โดยเฉพาะสมานัตตานั้นตัวสุดท้ายคนมักจะแปลผิด แปลว่าทำตนให้เสมอต้นเสมอปลาย

ความจริงสมานัตตานั้น แปลว่าเสมอด้วยตนเอง ก็คือเราชอบอย่างไรให้ทำอย่างนั้นกับคนอื่น เราไม่ชอบอย่างไรอย่าทำอย่างนั้นกับคนอื่น คือเอาใจเขามาใส่ใจเรา บาลีบางคำถ้าหากว่าเราไม่เข้าใจจริงก็จะแปลไปเรื่อย แล้วก็จะพาผิดเข้ารกเข้าพงไปเรื่อย

บาลีเขามีแปลโดยพยัญชนะ คือว่าตามตัวอักษร แปลโดยอรรถ คือว่าโดยความหมาย เพราะฉะนั้น..โดยพยัญชนะแปลอย่างหนึ่ง โดยอรรถอาจจะแปลไปอีกอย่างหนึ่งก็ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2011 เมื่อ 11:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 20-07-2011, 09:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระที่ไปบวชช่วงวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ส่วนใหญ่ตั้งใจที่จะบวชน้อย การบวชน้อยก็มีทั้งส่วนที่ดีและก็ไม่ดี ส่วนที่ดีก็คือพระที่บวชน้อยโอกาสที่จะพลาด ทำให้ศีลต้องขาดตกบกพร่องเศร้าหมองก็น้อยไปด้วย เพราะระยะเวลาไม่นาน

แต่ส่วนที่ไม่ดี ก็คือ ทำตัวเหมือนกับคนไม่เอาจริง ในเมื่อรู้ตัวว่าไม่กี่วันก็จะสึก น้อยคนที่จะทุ่มเทให้เต็มที่ ในเมื่อเป็นดังนั้นโอกาสที่จะได้ดีจึงยาก อาตมาเองตั้งใจบวชแค่ ๗ วัน ขนาดตั้งใจบวชแค่ ๗ วัน ข้าวของทุกอย่างอาตมาทิ้งหมดเลย แม้กระทั่งเงินทองก็ยกให้น้องไปเป็นทุนการศึกษาหมด กะว่าสึกออกไปจะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ต้องบ้าให้ได้ขนาดนั้น ถ้าความบ้าไม่พอก็จะเอาดีได้ยากนิดหนึ่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2011 เมื่อ 11:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 20-07-2011, 10:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เทวดานางฟ้านี่เวลาเขาช้ากว่าเราหรือคะ?
ตอบ : จะบอกว่าช้าก็ไม่ได้ช้าหรอก แต่ถ้าเปรียบกันแล้ววงจรชีวิตท่านยาวกว่าเรามาก ในเมื่อยาวกว่าเรามากเวลาที่ท่านทำอะไรในระยะเวลาที่สั้น ๆ นั้น มนุษย์ตาย ๆ เกิด ๆ ไปตั้งเยอะแล้ว อย่างนางปติปูชิกามาเกิด ๕๐ กว่าปี มีสามีมีลูก จนกระทั่งป่วยตายกลับขึ้นไปข้างบน เวลาบนนั้นผ่านไปแค่ครึ่งวันเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2011 เมื่อ 11:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 21-07-2011, 07:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ท่านรู้จักใบไม้นี้ไหมคะ ?
ตอบ : รู้จักจ้ะ

ถาม : ใบนี้เห็นเขาว่า กันพวกสัตว์ร้ายเวลาเข้าป่า กันได้จริง ๆ หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าใบไม้สีทอง มีอยู่ตามป่าแถวปักษ์ใต้ เป็นเถาวัลย์ชนิดหนึ่ง อาตมาเอามาปลูกที่ทองผาภูมิ ใบกลายเป็นสีเขียวหมด..! คาดว่าดินคงจะไม่เหมือนกัน

แต่ถ้าหากว่าปลูกแล้วขึ้นเป็นสีทองได้จะสวยมาก ส่วนสรรพคุณอื่นไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นไม้ประดับที่สวยงามทีเดียว

ถาม : ตอนนี้ที่บ้านมีทั้งใบทอง ใบเงิน และใบทองแดง ว่าจะเอามาถวายท่าน
ตอบ : ไม่ต้องเอามาหรอกจ้ะ เพราะอาตมาปลูกแล้วกลายเป็นใบมรกตหมด..! ไม่เป็นเงิน ไม่เป็นทอง ไม่เป็นนากเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2011 เมื่อ 13:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 21-07-2011, 11:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หัวใจพุทธคุณ ๙ เกี่ยวกับอะไรคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่า นวหรคุณ ได้แก่ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ เป็นคำที่เขาย่อมา

อะ คือ อะระหัง
สัง คือ สัมมาสัมพุทโธ เขาตัดมาแต่บาลีแค่ สํ จึงอ่านว่า สัง
วิ คือ วิชชาจะระณะสัมปันโน
สุ คือ สุคะโต
โล คือ โลกะวิทู
ปุ คือ ปุริสะทัมมะสารถิ
สะ คือ สัตถา เทวะมะนุสสานัง
พุ คือ พุทโธ
ภะ คือ ภะคะวาติ

เขาเรียกนวหรคุณ คุณ ๙ อย่างของพระพุทธเจ้า

ถาม : ที่ดูในบทสวดมนต์ของพระไตรปิฎก รู้สึกจะมีบทสวดมนต์ย่อ ๆ
ตอบ : จริง ๆ แล้วในพระไตรปิฎกเขาไม่ได้ย่อจ้ะ ที่เขาย่อนั่นเพื่อให้คนรุ่นหลังจำง่าย ไป ๆ มา ๆ กลับเอาไปท่องเป็นคาถาขลัง อย่างเช่นว่า ทีมะสังอังขุ พระสุตันตปิฎกประกอบด้วย ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย อังคุตรนิกาย และขุททกนิกาย เขาก็เอาคำย่อไปเป็นคาถา

หรือไม่ก็ สังวิธาปุกะยะปะ หัวใจพระอภิธรรม ประกอบไปด้วย สังคิณี วิภังค์ ธาตุกถา ปุคคลปัญญัติ กถาวัตถุ ยมก มหาปัฏฐาน เขาย่อเอาไว้เพื่อช่วยจำ แต่คนรุ่นหลังก็เอาไปทำเป็นคาถาแล้วก็ขลังเสียด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-07-2011 เมื่อ 08:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 21-07-2011, 11:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คาถาพระปริตรเกี่ยวกับอะไร ?
ตอบ : คำว่า "ปริตร" แปลว่า ป้องกัน คาถาพระปริตร ก็คือคาถาป้องกันอันตรายต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เกิดความสุขความเจริญ ส่วนใหญ่ก็จะสวดอยู่ใน ๗ ตำนาน ๑๒ ตำนาน

พวกตำนานต่าง ๆ เช่น ตำนานพระยาฉัททันต์ เขาเรียกฉัททันตปริตร ตำนานนกคุ้มกันไฟ เขาก็เรียกวัฏฏกปริตร ตำนานนกยูงทอง เขาเรียกโมรปริตร เป็นต้น

ถาม : คาถาชุมนุมเทวดาใน ๗ ตำนาน และ ๑๒ ตำนาน ใช้ต่างกันอย่างไรคะ ?
ตอบ : ถ้า ๑๒ ตำนาน เขาจะขึ้นสะรัชชัง สะเสนัง สะพันธุง นะรินทัง ปะริตตานุภาโว สะทารักขะตู ติ แต่ถ้าเป็น ๗ ตำนาน เขาขึ้น ผะริตตะวา นะเมตตัง สะเมตตา ภะทันตาฯ

เวลาขึ้นจะต่างกัน พอขึ้นไปพระท่านก็รู้แล้วว่าต้องสวดแบบไหน คราวนี้ไม่ใช่อาชีพของโยม ไม่ต้องรู้ก็ได้ เป็นอาชีพของพระท่านจ้ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2011 เมื่อ 13:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 21-07-2011, 11:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อังคุลิมาลปริตร เกี่ยวกับอะไร ?
ตอบ : อังคุลิมาลปริตร ส่วนใหญ่เขาเอาเป็นคาถาทำน้ำมนต์ ให้คลอดลูกง่าย ตำนานพระองคุลีมาล เขาบอกว่าท่านออกบิณฑบาตแล้วหญิงท้องวิ่งหนี ท่านก็เลยประกาศว่า ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยาฯ ดูก่อนน้องหญิง ตั้งแต่เราเกิดแล้วในอริยชาตินี้ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตา ไม่เคยมีเจตนาที่จะปลงชีวิตสัตว์เลย

แต่คราวนี้สถิติการฆ่าคนของท่านแต่เดิมนั้นน่ากลัวมาก ฆ่าเสียเป็นพันคน ท่านประกาศไว้ลงท้ายว่า โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะ ฯ ก็คือ ด้วยสัจจะวาจานี้ขอความสวัสดีจงมีแต่ครรภ์นี้เถิด ผู้หญิงนั้นก็คลอดพอดี ปลอดภัยทั้งแม่และลูก

ตั้งแต่นั้นมาหลวงพ่อองคุลีมาลมีหน้าที่ผลิตน้ำมนต์อย่างเดียว จนกระทั่งท่านนิพพานไปแล้ว คนยังเอาเตียงที่ท่านนั่งกรรมฐานไปทำน้ำมนต์เลย แล้วก็ได้ผลเสียด้วย ถึงเวลาก็เอาน้ำไปราดเตียง แล้วเอาภาชนะรองเอาไปให้คนเขาจะคลอดลูกดื่มเป็นน้ำมนต์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2011 เมื่อ 13:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 21-07-2011, 15:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ชาวต่างชาติเขาสรุปว่า เหตุการณ์การประท้วงต่าง ๆ สารพัดสีที่ผ่านมาของประเทศไทย เป็นเรื่องการเมืองล้วน ๆ ถ้าหากเป็นเรื่องของความแตกแยกของประชาชนในประเทศจริง ๆ ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ในหลวงท่านต้องออกมาแล้ว แต่ที่ในหลวงท่านไม่ออกมาเพราะว่าเป็นเรื่องการเมือง นี่ชาวต่างประเทศเขามองเรานะ.."
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2011 เมื่อ 15:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 21-07-2011, 15:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ศีลข้อวิกาละโภชะนา ถ้าตัวเองเป็นโรคกระเพาะต้องทำอย่างไร ?
ตอบ : ของที่กินแทนข้าวได้มีเป็นร้อยเป็นพัน จำเป็นต้องกินข้าวอย่างเดียวหรือถึงอยู่ได้ ? จะกินนมก็ได้ โอวัลตินก็ได้ น้ำผึ้งก็ได้ น้ำอ้อยก็ได้ น้ำตาลก็ได้ กินไปสัก ๕ - ๑๐ ถ้วย อิ่มกว่าข้าวอีก

ถาม : กินอย่างนี้แล้วไม่ผิดหรือคะ ?
ตอบ : ก็พระยังฉันได้เลย โยมกินจะผิดตรงไหนวะ ?

ถาม : หมอบอกว่า ให้เลิกศีลแปดได้แล้ว เพราะเป็นโรคกระเพาะ
ตอบ : ก็บอกหมอไปสิว่า "อาจารย์สอนให้ตัวตายดีกว่าศีลขาด เพราะฉะนั้นหมอบอกได้ ฉันรับฟังแต่ไม่รับปฏิบัติ"

ถาม : หมอบอกว่าวันธรรมดากินข้าว แต่พอวันพระไม่กินแล้วจะทำให้ปวดท้องค่ะ
ตอบ : เหตุผลเดียวกัน ของที่กินแทนได้มีตั้งเยอะ ของบางอย่าง เช่น น้ำผึ้งนั้นดีต่อสุขภาพร่างกาย คนที่เป็นเบาหวานแล้วอยากของหวาน ถ้ากินน้ำตาลเข้าไปจะเดือดร้อน ให้กินน้ำผึ้งแทน น้ำผึ้งสักหนึ่งช้อนโต๊ะ ละลายน้ำร้อนแก้วหนึ่ง กินลงไปแทน ร่างกายสามารถดึงไปใช้ได้เลย เพราะว่าโมเลกุลของน้ำผึ้งร่างกายไม่ต้องเสียเวลามาย่อยสลาย

ถาม : อานิสงส์ถือศีลห้ากับศีลแปดต่างกันมากไหมคะ ?
ตอบ : อานิสงส์ของศีลห้าเต็มที่ก็พระสกิทาคามี แต่ถ้าถือศีลแปดได้จะเป็นพื้นฐานของพระอนาคามีเลย ต่างกันมากไหม ? ก็เหมือนปริญญาตรีต่างกับปริญญาโท

ถาม : ตั้งใจไว้แน่ว่าวันพระจะถือศีลแปดตลอดไปค่ะ
ตอบ : ทำไปเถอะจ้ะ ถึงเวลาก็ตุนพวกไมโล โอวัลตินเอาไว้ด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2011 เมื่อ 16:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 22-07-2011, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จริงไหมคะ ที่เขาบอกว่า การรบกวนของไฟฟ้าสถิต ทำให้การใช้พลังจิตในการเคลื่อนย้ายของทำไม่สำเร็จ..?
ตอบ : ถ้ากำลังของบุคคลนั้นต่ำอยู่ การรบกวนจากภายนอกจะมีผล ถ้ากำลังเขาสูงแล้ว การรบกวนภายนอกก็ไม่มีผล

ถาม : กำลังสูง..?
ตอบ : สมมติว่าเรายกของชิ้นหนึ่งที่เกินกำลังแล้ว แม้แต่เด็กเพิ่งหัดเดิน เดินมาชนเรา เราก็อาจจะล้ม โดนของทับแบนได้ แต่ถ้าหากว่าของชิ้นนั้นไม่ได้หนักเกินกำลังของเรา ต่อให้คนตั้งใจพุ่งเข้ามาชน เราก็ยกไหว

ถาม : พวกฝรั่งญี่ปุ่นที่เขาทดลองใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้า ในการกวนหรือป้องกันไม่ให้เกิดคาถาอาคม..?
ตอบ : เป็นไปได้..อย่าลืมนะว่าไฟฟ้ายังทำให้ผีบางส่วนหลอกเราไม่ได้

ถาม : กำลังที่จะโดนกวนอย่างนี้ได้ แสดงว่าต่ำ..?
ตอบ : ต่ำ..ถ้าระดับสูงไม่อาจทำอย่างนี้ได้

ถาม : อย่างพวกคุณไสย ..?
ตอบ : ไม่แน่..เพราะเราไม่รู้ว่าตอนที่เขาทำ สมาธิของเขาสูงเท่าไร ถ้าสมาธิเขาสูงเกินระดับ เราก็ไม่สามารถที่จะป้องกันได้

แต่ถ้าเอาอย่างจ่าปัญญา ไม่ต้องสมาธิสูงหรอก ไปถึงจ่าก็ควักปืน ๑๑ มม. ขึ้นลำแล้วก็วางโครมลงตรงหน้าหมอผี..! ประกาศว่า "๒ นาที ถ้ามึงทำกูล้มไม่ได้..กูยิง..!" กำลังใจของจ่าข่มเขาตั้งแต่แรกแล้ว หมอผีที่ไหนจะมีอารมณ์มานั่งทำของใส่ นั่นเรียกว่าจู่โจมถึงจิตใจ คนกลัวปืนนี่สมาธิไม่รวมตัวหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2011 เมื่อ 10:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 22-07-2011, 09:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องการเรียนว่า "ของอื่นล้วนแล้วแต่เป็นธรรมอันเนิ่นช้า เอาของที่พาเราหลุดพ้นดีกว่า แต่ที่เรียนอยู่ปัจจุบันนี้เนื่องจากเห็นประโยชน์อยู่ตรงที่ว่า คนเราเชื่อมั่นในกระดาษแผ่นเดียว

ถ้าหากว่าอาตมาไปบรรยายที่ไหน เขาแนะนำตัวว่า "พระครูธรรมธรเล็ก วัดท่าขนุน" มีวุฒินักธรรมเอกห้อยท้ายอยู่ เขาก็รู้สึกว่าอย่างนั้น ๆ แหละ แต่ถ้ามีปริญญาเกียรตินิยมอันดับ ๑ ห้อยท้ายอยู่ เขาจะหูผึ่งเลย ต่างกันตรงนี้แหละ จากเรื่องที่พูดแล้วไม่น่าใส่ใจ เขาก็ตั้งใจฟังขึ้นมาหน่อยหนึ่ง ว่าคนที่ได้เกียรตินิยมอันดับ ๑ จะพูดเรื่องอะไร แทนที่เขาจะนั่งหลับหรือกินขนมแข่งกันก็ตั้งใจฟังบ้าง

ที่เรียนอยู่ทุกวันนี้รู้สึกว่าไม่ได้อะไรขึ้นมา นอกจากเอาทฤษฎีที่ลอกฝรั่งมาเกือบทั้งนั้น แต่สำคัญอยู่ตรงที่ว่า พอถึงเวลาแล้วเขาให้ความเชื่อถือ แต่อย่าให้มากจนเฟ้อเหมือนประเทศจีนก็แล้วกัน

ประเทศจีนมีวุฒิบัตร เกียรติบัตร ประกาศนียบัตร เกลื่อนกลาดไปหมด เคยเห็นคนจีนเขาสมัครงานไหมเล่า ? วางเกียรติบัตรแปะอยู่ตรงหน้า มากเท่ากับความกว้างของพรม ๔ ผืนที่พวกเรานั่งอยู่นี่ แล้วก็ประกาศหางาน ใครเดินผ่านจะจ้างก็ดูว่าเขาได้เกียรติบัตรอะไรมาบ้าง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2011 เมื่อ 10:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 22-07-2011, 09:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับทิดท่านหนึ่งที่เพิ่งสึกว่า "เอากำลังที่เพาะสร้างมาระหว่างที่บวชไปลุยกับเขาต่อ จะได้เห็นคุณค่าของความสงบว่าเป็นอย่างไร ? แต่ว่าสภาพจิตของเรามักจะกลับกลอก พอไปอยู่ที่สงบก็คิดไปถึงชีวิตข้างนอก พอออกไปอยู่ข้างนอกจริง ๆ ก็คิดถึงความสงบที่วัด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2011 เมื่อ 10:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 22-07-2011, 09:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระที่ท่านเจริญอสุภะ เวลาท่านมองเห็นคนเป็นกระดูกนี่คือเห็นเป็นกระดูกจริง ๆ เดินไปเดินมาเลยหรือคะ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าท่านฝึกมาแบบไหน ถ้าฝึกมาแบบอุทุมาตกอสุภ ก็เห็นบวมอืด

ถาม : หนูพิจารณาแล้วแค่รู้สึกว่าเป็นกระดูก แต่ไม่เห็นว่าเป็นกระดูกค่ะ ?
ตอบ : แค่รู้สึกก็ใช้ได้แล้ว..ในพระไตรปิฎกมีพระรูปหนึ่ง ผู้หญิงหัวเราะให้ ท่านเห็นฟันก็เลยพิจารณาเป็นอัฏฐิกัง ปฏิกุลัง แล้วก็บรรลุเป็นอรหันต์ แสดงว่าท่านมีปัญญาสูงมาก ท่านเห็นฟันก็มองทะลุไปถึงกระดูกทั้งตัวเลย

เห็นความไม่มีแก่นสาร เห็นความตั้งอยู่ไม่ได้ทั้งของเขาและของเรา อย่างเรานี่ต่อให้มีคนยิ้มใส่หน้าทั้งวัน วันละ ๒๔ ชั่วโมงก็ไม่เห็นความไร้แก่นสารสักที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2011 เมื่อ 10:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 22-07-2011, 10:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยอยู่ท่าซุง ท่านย่าจะลง(เข้าทรง)เจ้าตึ๊กทุกที เจ้าตึ๊กเขาก็กลัว เพราะว่าท่านย่าลงและออกไปแล้ว เจ้าตึ๊กก็จะหมดเรี่ยวหมดแรงสลบไปครึ่งค่อนวัน เจ้าตึ๊กก็หนีไปซ่อน สักพักหนึ่งก็โดนหิ้วปีกออกมา ร้องโอย ๆ

หลวงพ่อท่านก็หัวเราะ "ย่าทำตัวสาวหน่อยก็ได้ ทำตัวแก่ขนาดนั้น ไอ้ตึ๊กมันอ้วน ใครเขาจะแบกไหวเล่า ?" ท่านย่าบอกว่า "ก็ข้าตายตอนแก่แล้วนี่หว่า ก็ต้องมาแบบคนแก่"

หลวงพ่อท่านก็ว่า "หลานมันกลัว แล้วย่าก็อุตส่าห์ไปลงมันอีก ทำไมไม่เลือกคนอื่นบ้างเล่า ?" ท่านย่าบอกว่า "ต้องเอาไอ้ตึ๊กเพราะมันอ้วน" หลวงพ่อถามว่าทำไม ? ท่านย่าบอกว่า "คนอ้วนกำลังมันดี ถ้าเป็นคนอื่นรับไม่ไหวแล้วจะแย่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2011 เมื่อ 10:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 22-07-2011, 10:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แต่มีอยู่เที่ยวหนึ่ง ตอนนั้นงานบวงสรวงพระเจ้าพรหมมหาราช เจ้าตึ๊กนั่งอยู่ดี ๆ ก็ลุกพรวดพราดขึ้นมาวางท่าขึงขัง เสียงกลายเป็นผู้ชายดังก้องมากเลย หลวงพ่อก็บอกว่า "ช่วยประกาศตัวให้ลูกหลานมันรู้หน่อยซิ ว่าใครมา"

เสียงผู้ชายดังกระหึ่มอย่างกับออกไมค์ว่า “กู..สหัมบดีพรหม” ท่านมาเองเลย รอบนั้นเจ้าตึ๊กเสียงหายไป ๒ เดือนกว่า เพราะเส้นเสียงผู้หญิงกลายเป็นเส้นเสียงผู้ชายคงอักเสบมาก แต่ท่านต้องการจะให้รู้ว่ามาจริง ๆ ก็เลยเปลี่ยนเสียง เปลี่ยนเสียงจากเสียงผู้หญิงเล็ก ๆ กลายเป็นเสียงผู้ชายห้าวกระหึ่มเลย"

ถาม : แล้วเขารู้ตัวไหมคะ?
ตอบ : ไม่รู้เรื่องเลย เขารู้อย่างเดียวไม่เอาอีกแล้ว กลัวจริง ๆ ลองคิดดูอยู่ ๆ เสียงหายไป ๒ เดือนกว่า เป็นเราเอาไหมเล่า ? เจ็บคออย่างนั้นน่ะ

ถาม : ตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่รู้ น่าจะอยู่ อายุก็ยังไม่มากนี่ รุ่น ๆ เดียวกับอาตมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2011 เมื่อ 10:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 22-07-2011, 10:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมท่านเป็นอรหัตมรรค คือพร้อมจะไปนิพพาน ชาติสุดท้ายท่านบวชเป็นพระ ชื่อหลวงปู่สิงห์ พอเวลาท่านมา เสียงก็เปลี่ยน ผิวก็เปลี่ยน

ถ้าจะเอาคนที่กำลังพอฟัดพอเหวี่ยงกันต้องพี่แดง (พลตรีศรีพันธุ์ วิชชุพันธุ์) ตอนนั้นน่าจะเป็นงานฉลองวันเกิดหลวงพ่อวัดท่าซุงปี ๒๕๒๖ พี่แดงก็นั่งฮึด ๆ ๆ อยู่ หลวงพ่อจึงบอกว่า "แดงเอ๊ย..ท่านจะลงก็ให้ท่านลงหน่อยสิวะ" พี่แดงบอกว่า "ไม่เอา..ลงมาแล้วผมไม่รู้เรื่องผมไม่ยอม ถ้าจะให้ลงต้องให้ผมรู้เรื่องด้วย"

ปรากฏว่าพี่แดงกำลังสูงจริง ๆ แกสู้ได้ พออ่านสัญญาบัตรตราตั้ง คนอื่นเขาแสดงความยินดีกัน พี่แดงลุกพรวดพราดเดินหัวเราะไปจับมือหลวงพ่อเขย่า "ดีใจด้วย ดีใจด้วย ได้เป็นเจ้าคุณแล้ว" พูดเสร็จนั่งลงไปตามเดิม โห...แรงแกเยอะขนาดนั้น ขนาดท่านลงได้แล้วพี่แดงยังสะบัดหลุดได้

น่าจะเป็นคุณชัยณรงค์กระมัง ถามหลวงพ่อว่า "ใครครับ ?" หลวงพ่อบอกว่า “ผกาพรหม ถ้าไม่ได้กำลังขนาดไอ้แดงนี่เอาท่านไม่อยู่หรอก” ขนาดท้าวผกาพรหมมาลง อยู่ได้ไม่ถึงครึ่งนาที พี่แดงเหวี่ยงหลุดอีกตามเคย

ถาม : แล้วท่านทำให้รู้เรื่องด้วยไม่ได้หรือคะ ?
ตอบ : ท่านลงมานี่จะต้องเบียดเจ้าตัวออก เพื่อที่จะใช้ร่างนั้นทำอะไรตามที่ตัวเองต้องการ ถ้าเจ้าตัวอยู่แล้วต่อต้าน ท่านจะทำในสิ่งที่ต้องการไม่ได้ แต่พี่แดงแกไม่ยอม แกจะเอาลักษณะแบบมาแล้วต้องรู้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2011 เมื่อ 11:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 22-07-2011, 11:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระไปเลือกตั้งได้ไหมครับ?
ตอบ : เขาห้ามพระยุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ถึงเวลาก็มีหนังสือสั่งการมาตามลำดับชั้น

ที่เขาห้ามพระเลือกตั้งเพราะกลัว เขาคงเล็งแล้วว่า ถ้าหัวแถวเลือกใคร ลูกศิษย์ก็ตามกันหมดทั้งขบวน อย่างหลวงพ่อคูณบอกว่า "ให้ไอ้ชวลิตมันเป็นนายก " แล้วคนแห่ไปเลือกพรรคนั้น พรรคอื่นก็เฮงสิ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2011 เมื่อ 11:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 22-07-2011, 11:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับคนเป็นพ่อแม่ว่า "เด็กบางคนเก่ง แต่พ่อแม่เลี้ยงดีเกินไป ทำให้เด็กไม่กล้าไปอยู่ไกลบ้าน

เพราะพ่อแม่เลี้ยงแบบไม่คิดว่าตัวเองจะตาย ถ้าเลี้ยงแบบคิดว่าตัวเองจะตาย ต้องให้ลูกทำอะไรได้ด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด

คนเป็นพ่อแม่จะมีจุดอ่อนตรงที่ไม่เคยเห็นลูกโต พอลูกเป็นวัยรุ่นเริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง ก็จะเห็นว่าลูกดื้อ ลูกเถียง ถ้าเด็กโตถึงระดับนั้นแล้ว เราต้องยกเหตุผลขึ้นมาหักล้าง จะไปใช้อำนาจเหมือนตอนเขาเป็นเด็ก ๆ ไม่ได้

เรื่องพวกนี้เกิดจากความรักตัวเอง กลัวจะสูญเสียเขาไป ในเมื่อรักตัวเอง กลัวจะสูญเสียเขาไป ถึงเวลาก็ต้องปกป้อง วิธีปกป้องของเรา ทำให้เด็กวัยรุ่นเขารำคาญ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-07-2011 เมื่อ 12:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว