กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 12-01-2017, 19:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปวารณาตัวว่าจะช่วยสังคมอยู่ตลอดเวลา แล้วเราจะทำความดีให้เกิดกับสังคมได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ไปยุ่งกับสังคมทำไม ? ถ้าเราเอาตัวเรารอดได้เมื่อไรคนอื่นเขาก็จะตามมาเอง ถึงเวลานั้นสังคมรอบข้างก็จะดีไปเอง แต่ถ้าเราเอาตัวไม่รอด เป็นตัวอย่างไม่ได้ คนอื่นเขาไม่ทำตาม สังคมก็บรรลัยอยู่เหมือนเดิม

ถาม : หนูคิดว่าคนทำผิดแล้วเราตักเตือนเขาก็น่าจะดี ?
ตอบ : คิดว่าเตือนแล้วเขาจะเชื่อไหม ?

ถาม : หรือควรจะคิดแค่เตือนตัวเอง ?
ตอบ : การที่เราจะตักเตือนคนอื่นเขาได้ เราต้องมีน้ำหนักเพียงพอ ถ้าน้ำหนักไม่พอเตือนให้ตายเขาก็ไม่ฟังเรา การจะทำให้น้ำหนักของตัวเองพอ ก็คือ ทำตัวเองให้เป็นที่น่าเชื่อถือก่อน ก็แปลว่าต้องเร่งการประพฤติปฏิบัติให้ดียิ่งกว่านี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 12-01-2017, 19:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มีคนทำบุญแล้วคนที่รับเงินเอาไปทำอย่างอื่น อย่างเช่นจัดคอนเสิร์ต จะโดนโทษย้ายพระเจดีย์หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ถ้าไม่ตายเสียก่อนก็ไม่โดน

ถาม : ถ้าเกิดได้เงินมากกว่าเดิม แล้วเอาไปทำตามที่ตั้งใจไว้ละคะ ?
ตอบ : บอกแล้วว่าถ้าไม่ตายเสียก่อนก็ไม่โดน ถ้าตายเสียก่อน ไม่ทันเอาเงินมาคืนเขาก็ซวยแน่ ๆ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 212 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 13-01-2017, 14:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยอาตมายังเป็นวัยรุ่น วิ่งหาหลวงปู่หลวงพ่อไม่เคยท้อทางไกล เป็นเรื่องแปลกดีเหมือนกัน สุดเหนือสุดใต้ก็ไปหมด อาจจะเป็นเพราะว่ามีความบ้ามากกว่าคนอื่นก็เป็นได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 18:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 13-01-2017, 14:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ติดตัวมาตั้งแต่ก่อนเกิด ต่อให้เป็นเด็กเล็กขนาดไหนก็ตาม พอถึงเวลาก็แสดงออกอย่างชัดเจน ถ้าเห็นเป็นธรรมดาก็ไม่มีอะไรน่าตำหนิ แต่ถ้าสามารถพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้าขึ้นได้ ก็จะเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 18:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 13-01-2017, 14:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "งานก่อสร้างของวัดท่าขนุนอาจจะสะดุดหยุดยั้งลงนิดหนึ่ง เพราะว่าบรรดาช่างต่าง ๆ โดนระดมไปทำพระเมรุมาศถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 18:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 13-01-2017, 15:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "แถวนี้คนมีฤทธิ์เยอะนะ...! พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าแผ่นดินไหวเกิดจากสาเหตุ ๘ ประการด้วยกัน อย่างแรกก็คือลมกำเริบ สอง...ผู้มีฤทธิ์บันดาล สาม...พระโพธิสัตว์จุติลงสู่ครรภ์ สี่...พระโพธิสัตว์ประสูติ ห้า...พระโพธิสัตว์ตรัสรู้ หก...พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา เจ็ด...พระพุทธเจ้าปลงอายุสังขาร และแปด...พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน

อาตมาอยู่ที่นี่กลางคืนนอน ๆ อยู่ก็แผ่นดินไหว ผู้มีฤทธิ์บันดาลด้วย ๑๘ ล้อ..! วิ่งผ่านทีบ้านไหวทั้งหลังเลย

เราจะเห็นว่าสาเหตุของแผ่นดินไหว ๖ ประการนั้นเกี่ยวเนื่องด้วยพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ส่วนอีก ๒ ประการนั้นขึ้นอยู่กับว่าลมกำเริบ ก็คือภายในโลกของเราเป็นหินเดือด พอเดือดก็กลายเป็นไอขึ้นมา ไออากาศอันนี้ พอกันอัดมาก ๆ เข้าก็เหมือนกับหม้ออัดความดัน ไม่มีทางไปก็ต้องดันฝาหม้อ
ให้เผยอขึ้นมา แต่นี่ไปดันแผ่นดินเข้า แผ่นดินขยับกลายเป็นปลาอานนท์ขยับตัว ของไทยเราว่าปลาอานนท์ ของกรีกว่าเป็นพญางู โลกเราเหมือนกับไข่ฟองหนึ่ง มีพญางูขนดล้อมรอบอยู่ ถึงเวลาพญางูขยับตัวก็แผ่นดินไหว แสดงว่างูตัวนี้ใหญ่มาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 18:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 13-01-2017, 15:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ผู้มีฤทธิ์บันดาลต้องดูตัวอย่างในสังคีติยวงศ์ การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ พระเจ้าอโศกมหาราชอัญเชิญพระอุปคุตมาช่วยระวังป้องกัน เพราะว่าเกรงว่าพญามารจะมาทำลายงานสังคายนาพระธรรมวินัย

พอพระเจ้าอโศกมหาราชเห็นหุ่นของพระอุปคุตแล้วไม่เลื่อมใส เพราะองค์ท่านผอมกว่าอาตมาอีก หาความเลื่อมใสไม่ได้ ก็เลยแกล้งปล่อยช้างให้ไล่เหยียบ ปรากฏว่าพระอุปคุตหันมาตวาดทีเดียว ช้างยืนแข็งทื่อเป็นหินไปเลย แล้วพระอุปคุตก็แจ้งพระเจ้าอโศกมหาราชว่า ถ้าอยากเห็นฤทธิ์จริง ๆ ให้เอาน้ำมาขันหนึ่ง จะทำให้เกิดแผ่นดินไหว แล้วท่านคอยดูน้ำในขันที่กระเพื่อม

พระเจ้าอโศกมหาราชก็ฉลาดเกินไป บอกว่าถ้าเกิดบังเอิญแผ่นดินไหวเอง ? พระอุปคุตก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นอาตมาจะทำให้แผ่นดินไหวโดยที่น้ำกระเพื่อมแค่ครึ่งขัน ปรากฏว่าถึงเวลาบันดาลแล้ว แผ่นดินไหวน้ำกระเพื่อมแค่ครึ่งขันจริง ๆ พระเจ้าอโศกมหาราชถึงได้ยอมรับ สรุปว่าพระควรจะผอมหรือควรจะอ้วนดี ? ถ้าอ้วนก็เป็นกาลกิณี โบราณบอกว่า สัตว์ผอมฤๅษีพีเป็นกาลกิณี กินแค่มื้อสองมื้อจะอ้วนได้อย่างไร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 18:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 13-01-2017, 15:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมรับพระแล้วหล่น "แสดงว่าจะเจริญมาก เขาเรียกว่าพระร่วง คำว่า "ร่วง" โบราณแปลว่าสว่างรุ่งเรืองมาก อย่างที่บอกว่า "รุ้งร่วงธำมรงค์เรือนครุฑ กรรเจียกจอนจำหลักลายซ้ายขวา บรรจงทรงมหามงกุฎ ห้อยอุบะนฤมิตผิดมนุษย์ งามดังเทพบุตรในชั้นฟ้า" สังข์ทองแต่งตัวแล้ว ไม่เป็นเงาะแล้ว

แปลกใจตัวเองเหมือนกันว่าจำอะไรได้เยอะแยะขนาดนี้ เพราะฉะนั้น...ราชวงศ์พระร่วงก็คือพระผู้รุ่งเรืองมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 18:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 13-01-2017, 15:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "โบราณเขาเรียกพม่าว่า "ม่าน" แต่ว่าคนจีนโบราณเรียกคนที่มาทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ว่า "ม่าน" เพราะฉะนั้นเบ้งเฮ็กเป็น "หม่านอ๋อง" เป็นไปได้ว่าเป็นได้ทั้งพม่าและเป็นได้ทั้งคนไทย แต่เขาบอกว่าเบ้งเฮ็กน่าจะเป็นคนไทยมากกว่า เพราะขี่ควายรบกับขงเบ้ง น่าจะเป็นต้นตระกูลของนายจันทร์หนวดเขี้ยว

ในส่วนที่ขงเบ้งต้องเครียดที่สุดก็คือเจอไสยศาสตร์ ลักษณะเสกหุ่นพยนต์ไปรบแทน ก็ดูแล้วน่าจะเป็นไสยศาสตร์ในพื้นภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรานี่แหละ โปรย
เมล็ดถั่วเป็นทหาร ตัดกระดาษโยนไปเป็นทหาร ยังดีว่าได้ยอดฝีมือระดับขงเบ้งก็เลยแก้ตก เป็นคนอื่นก็สงสัยเหมือนกันจะแก้ได้ไหม ?

ตอนขุนแผนไปรบแค่ ๓๗ คน ยังเล่นงานเจ้าเมืองเชียงใหม่เสียท่าได้ ยกไป ๓๗ คน ถึงเวลาไปเสกหุ่นพยนต์เอา เวลาตั้งค่ายก็ประเภทเอาก้านอ้อมาตัดเสียบ ๆ "พอแม่ทัพจับซัดข้าวสารปร๋อ แขมอ้อก็กลับกลายเป็นไม้แก่น" ไม่เปลืองวัสดุดีนะ ก้านอ้อกลายเป็นเสาไม้จริงไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 18:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 13-01-2017, 15:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เล่าเรื่องเมืองลับแลได้ไหม ? มานึกถึงพวกคาถา มีอยู่อย่างหนึ่งเขาเรียกคาถาบังไพร รุ่นหลังพวกนายพรานถ้าเจอตรงจุดไหนที่ล่าสัตว์ได้ง่าย มีสัตว์ชุม เขาจะใช้คาถาบังไพรทำเอาไว้ ไม่ให้คนอื่นเห็นที่ตรงนั้น หรือเข้าไปในพื้นที่ตรงนั้นไม่ได้

พวกลับแลรุ่นแรก ๆ เกิดจากการที่เขาอพยพหลบหนีศึกสงคราม แล้วผู้รู้เขาใช้คาถาบังไพรปิดกั้นเส้นทางเอาไว้ ไป ๆ มา ๆ พออยู่ข้างในนั้น สร้างคุณความดีมาก ๆ จะเป็นเทวดาก็ยังดีไม่พอ จะออกมาอยู่รวมกับมนุษย์เราก็ลำบาก ท้ายสุดก็ต้องกลายเป็นลับแลไป ที่เขาอายุยืนเพราะว่าเขาตั้งใจรักษาศีล ถ้าศีลดีจะอายุยืน

บังไพรแปลว่าปิดป่า ไม่ใช่บังภัยที่แปลว่ากันภัยอันตราย ถ้าหลงจะเข้าไปได้ แต่ถ้าตั้งใจจะไปจะหาไม่เจอ เรามานึกดูว่าคนรุ่นก่อน ๆ ถึงเวลาศึกเหนือใต้มาก็ลำบาก ต้องอพยพหอบลูกจูงหลานหนีภัยกัน ท่านที่มีวิชาความรู้ไม่อยากรบราฆ่าฟันกับใคร ค่อนข้างจะรักสงบ ก็ต้องหาทางรักษาคนของตัวเองเอาไว้ ก็ใช้วิชาบังไพรปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้เขาเข้าได้

ส่วนใหญ่ก็อย่างว่าแหละ ก็เหลือแต่พวกนายพรานสืบทอดกันมา แล้ววิชาก็เหลือน้อยลง เหลือแค่กันพื้นที่เอาไว้เท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 18:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 13-01-2017, 15:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยอาตมาเด็ก ๆ จะมีพรานจิตร บ้านอยู่ทางด้านหนองรี - ลำอีซู พอถึงเวลาถ้าแกล่าสัตว์ตรงไหนได้บ่อย ๆ แกจะเสกใบไม้กำหนึ่งโปรยเอาไว้ คนอื่นไปล่าสัตว์ไม่ได้เลย เป็นวิชาที่แปลก ๆ ดี

พรานจิตรมีปืนแก๊ปคู่มือ แกเรียกว่า "อีทองแดง" แสดงว่าเป็นปืนผู้หญิง แกรอดตายเพราะอีทองแดงมาหลายทีแล้ว อีทองแดงเฮี้ยนขนาดพรานจิตรไปนั่งโป่ง เสือใหญ่เข้ามาจะหาทางขึ้นไปขบหัว ปืนกระบอกนี้ปลุกเจ้าของขึ้นมายิงเสือได้..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 18:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 13-01-2017, 15:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "คราวที่แล้วไปอังกฤษ ไปได้คำตอบที่ Stonehenge ที่เขาเถียงกันไม่รู้จักจบว่าคืออะไร ปรากฏว่ามีพรหมท่านหนึ่งมาบอกว่า เป็นวงกลมที่นักบวชโบราณใช้ทำพิธีเสริมบารมีให้กษัตริย์รบชนะ นักบวชพวกนั้นเขาเรียกว่า "ดรูอิด" เดี๋ยวไว้มีเวลาค่อยไปเขียนในบันทึกให้อ่านกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2017 เมื่อ 18:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 13-01-2017, 21:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default




พระอาจารย์กล่าวว่า "เรือใบไวกิ้งลำนี้ได้มาจากสถานทูตสวีเดน อาตมาเพิ่งจะเห็นราคาว่าลงผิด ราคาจริงเกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทไปตั้งเยอะ ป้ายยังติดอยู่เลย ในเมื่อลงไป ๑๐๐,๐๐๐ บาท แล้วก็แล้วกัน ต้องชมว่าเขาเข้าใจทำ เล่นเอาเงินมาทำเป็นเรือทั้งลำ สถิตอยู่หน้าหิ้งพระมานานแล้ว กำลังรอดูอยู่ว่าจะไปอยู่บ้านไหน

ตามหลักฮวงจุ้ยของจีนแล้วแล้ว คำว่าเรือหมายถึงความเจริญ เพราะเรือจะต้องแล่นไปตลอดเวลา บ้านคนจีนเขาจะตั้งเรือเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญ สมัยก่อนตอนตรุษจีนหรือปีใหม่ อาตมาจะหาของขวัญให้ตัวเอง ไม่ต้องรอคนอื่นให้ หาซื้อเอง โดยเฉพาะบูชาวัตถุมงคล ตรุษจีนแต๊ะเอียออกมีสตางค์เยอะ มีโอกาสบูชาวัตถุมงคลที่เราชอบได้

ก่อนหน้านี้ตลาดวัตถุมงคลอยู่สนามหลวง แถว ๆ รอบ ๆ ศาลอาญา อีกส่วนหนึ่งก็มาอยู่ที่วัดราชนัดดา แต่ละที่ล้วนแล้วแต่มีเยอะแยะเต็มไปหมด คราวนี้ส่วนที่ล้นจากสนามหลวงไปอยู่ท่าพระจันทร์ ส่วนหนึ่งมาอยู่วัดราชนัดดา ตอนหลังสนามหลวงโดนปิด วัดราชนัดดาก็เลิก ก็เหลือแต่ตลาดพระท่าพระจันทร์ ส่วนที่เหลือก็ปรับตัวใหม่ ยกขึ้นห้างไปเลย

ตลาดพระท่าพระจันทร์ยุคแรกไม่ได้อยู่ท่าพระจันทร์ แต่อยู่ในวัดมหาธาตุเลย รุ่นเก่า ๆ เขาไปส่องพระกันอยู่กันแถว ๆ รอบ ๆ ต้นอโศก บรรดาพระนิสิต มจร.รุ่นแรก ๆ ก็เลยพลอยเป็นเซียนพระไปด้วย เดี๋ยวนี้อาตมาไป คนที่เขาดูแลการจราจรที่นั่นก็ยังจำได้ แกหาที่จอดให้ได้ทุกครั้ง เก่งมากเลย แล้วความจำอะไรจะดีขนาดนั้น รถมาทุกคันดูเหมือนว่าแกจะจำได้หมด ต้องบอกว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2017 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 13-01-2017, 21:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้ามีโยมถามปัญหาว่าภาวนาแล้วไม่หลับทำอย่างไรดี ? ตอบแบบกำปั้นทุบดินก็ต้องบอกว่าไม่ต้องทำอะไร การภาวนาแล้วไม่หลับมี ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือเข้าถึงปีติ สภาพจิตจะสว่างโพลง ไม่ง่วง ไม่เหนื่อย ถ้าลักษณะอย่างนั้นให้กำหนดเวลาว่าเราควรจะพักช่วงไหน ไม่อย่างนั้นแล้วบางทีก็โหมหนักข้ามวันข้ามคืน สภาพร่างกายรับไม่ไหว มีหลายคนสติแตกไปก็มี

ประการที่ ๒ คือสภาพจิตเริ่มเข้าสู่ปฐมฌานละเอียด จะรู้ลมหายใจเข้าออกเองโดยอัตโนมัติ ตอนนั้นสติจะตื่นอยู่ทั้ง ๆ ที่หลับ ถ้าลักษณะอย่างนั้นอย่าไปกังวล เรามีหน้าที่กำหนดรู้กำหนดภาวนาของเราไป ส่วนร่างกายจะหลับไม่หลับก็เรื่องของมัน เพราะว่าร่างกายนอนอยู่ก็ได้รับการพักผ่อนอยู่แล้ว เพียงแต่จิตตื่นอยู่แล้วเราไปคิดว่าไม่ได้หลับ บางคนพยายามไปบังคับให้ตัวเองหลับ ท้ายสุดก็กลายเป็นฟุ้งซ่านใหญ่โต"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2017 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 13-01-2017, 21:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ยังคงจะอยู่ในใจของชาวบ้านรุ่นเก่า ๆ ไปอีกนานแสนนาน แต่คราวนี้มีบางอย่างที่ต้องกล่าวถึง ถ้าเป็นอย่างสมัยพุทธกาลต้องถือว่ากล่าวตู่พระพุทธเจ้า ก็คือบรรดาเว็บหลายแห่งไปลงเอาไว้ว่า "หลวงพ่อฤๅษีลิงดำบอกไว้ว่า สมเด็จพระนเรศวรมหาราชมาเกิดเป็นรัชกาลที่ ๙" อาตมาอยู่กับหลวงพ่อมาทั้งชีวิต ไม่เคยได้ยินคำพูดของท่านอย่างนี้เลย

สิ่งที่หลวงพ่อท่านพูด ก็คือลักษณะที่พระพูด จะพอเหมาะ พอดี พอควร ต่อก็เกิน ตัดก็ขาด สมบูรณ์บริบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องเสือกมาทะลึ่งขยายความ...! เพราะมีแต่จะเป็นการดึงฟ้าต่ำหรืออิงสถาบัน กลายเป็นว่าครูบาอาจารย์พูดอย่างนั้นเป็นการประจบสถาบัน แต่ก็มีพวกแสนรู้ที่พยายามจะบรรยายขยายความ โดยคิดว่ากูรู้...ต้องใช่ แต่ไม่ได้ดูความเหมาะสมอะไรเลย ลูกศิษย์ประเภทนี้เขาเรียกว่าโง่แล้วขยัน...! ในทางทหารเขาบอกว่าให้ฆ่าทิ้งให้หมด

ทางทหารเขาแบ่งคนเป็น ๔ ประเภท ประเภทที่ ๑ ก็คือโง่แล้วขี้เกียจ ประเภทที่ ๒ โง่แล้วขยัน ประเภทที่ ๓ ฉลาดแล้วขี้เกียจ ประเภทที่ ๔ ฉลาดแล้วขยัน ท่านบอกว่าพวกฉลาดแล้วขยันให้ส่งไปแนวหน้า พวกนี้จะสร้างผลงานได้ดีมาก พวกโง่แล้วขี้เกียจให้ส่งไปอยู่กับพวกฉลาดแล้วขยัน พวกที่ฉลาดแล้วขยันจะลากไปได้เอง ส่วนพวกฉลาดแล้วขี้เกียจให้อยู่แนวหลัง คอยวางแผนส่งไปให้พวกฉลาดแล้วขยันนั้นทำ ส่วนพวกโง่แล้ว
ขยันท่านว่าฆ่าทิ้งให้หมด มีแต่จะทำให้หน่วยงานพินาศย่อยยับในเวลาไม่นาน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2017 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 13-01-2017, 21:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ฉะนั้น...พวกเราพึงสังวรไว้ว่า สิ่งที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านพูดนั้น พอดี พอควร พอเหมาะแล้ว ต่อก็เกิน ตัดก็ขาด สมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ในตัว ไม่ต้องเสือกขยายความโง่ด้วยการไปอวดฉลาด โดยการที่ไปฟันธง อาตมายืนยันว่าฟันไปก็ธงหัก...! เพราะถ้าคนพูดบอกเองว่าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แล้วตัวเองจะทำหน้าอย่างไร ? เพราะตัวเองก็ไม่ได้รู้เอง แต่ใช้วิธีตีความโดยการอนุมานเอา

หลายอย่างที่อาตมาพูดก็อยู่ในลักษณะเดียวกันว่า พอเหมาะพอดีในสถานการณ์แล้ว ไม่ต้องไปขยายความต่อ ถ้าใครโง่ฟังไม่เข้าใจก็ปล่อยให้โง่ต่อไป...! ตัวเองโง่แล้วอย่าดันไปขยัน เพราะว่าบางอย่างเป็นการกระทบสถาบัน อยู่ในลักษณะในการดึงฟ้าต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางการทหารถือว่าน่ารังเกียจมาก

แต่เท่าที่อาตมาสังเกตมา พวกโง่แล้วขยันนี่มีมากเป็นพิเศษ มักจะอวดรู้อวดฉลาดอยู่เสมอ แล้วก็ทำให้สถานการณ์ที่ดี ที่เหมาะ ที่ควร สวยงาม พอเหมาะ พอดี พังบรรลัยไปทุกครั้ง
ตราบใดที่เรายังรู้ไม่จริง อย่าพยายามไปพูด ท่านที่รู้จริงท่านจะรู้ด้วยว่าควรพูดได้แค่ไหน ไม่ต้องไปไกลหรอก เว็บบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างเว็บพลังจิตนี่แหละ พวกแสนรู้มีเยอะเป็นพิเศษ...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2017 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 14-01-2017, 21:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่โยมเห็นครอบแก้วอยู่หลังตู้หนังสือนั่น ปกติอาตมาจะตั้งเบี้ยแก้อยู่ แต่วันงานนี้ต้องเอาเบี้ยแก้ไปเก็บก่อนเพราะแพง มีเบี้ยแก้ประหลาดอยากจะให้ดูกัน เป็นเบี้ยแก้ของหลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ไม่มีใครคิดว่าท่านจะทำเบี้ยแก้พอกครั่ง อาตมามีอยู่ ๔ ตัว ยังตัดใจปล่อยไม่ได้ เป็นของทำจำเพาะ รุ่นเดียวแล้วเลิกเลย

สมัยก่อนตอนอยู่บ้านสายลม ท่านเจ้ากรมเสริมฯ เอามีดหมอดาบฟ้าฟื้นของหลวงพ่อวัดท่าซุง วางบูชาไว้หน้าหิ้งพระอย่างนี้แหละ อาตมาดูแล้วว่าท่านเจ้ากรมฯ ไว้ใจคนเกินไป ก็เลยเอาไปเก็บไว้บนหลังตู้แทน ปรากฏว่าวันนั้นท่านออกมาไหว้พระ ถามว่าเห็นมีดหมอของผมไหม ? เรียนท่านว่าอยู่บนหลังตู้ครับ พอท่านเห็นว่าต้องให้อาตมาช่วยเก็บให้ท่าน คราวหลังท่านก็
เลยเก็บเอง ไม่ต้องเสียเวลาให้คนอื่นช่วยระวังแทน

คนเราถ้าไม่มีโอกาสก็ไม่ทำผิด ถ้ามีโอกาสแล้วกำลังใจสู้กิเลสไม่ได้ก็จะทำผิด เพราะฉะนั้น...อย่าเปิดโอกาสให้คนอื่นเขาได้ทำผิด เพราะจะกลายเป็นว่าเราสนับสนุนให้เขาทำชั่ว หลวงพ่อสมศรีท่านบอกว่า "อย่าขัดใคร อย่าทำตามใคร อย่าทำตามใจตัวเอง ให้ทำตามของคำสอนพระพุทธเจ้า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2017 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 14-01-2017, 22:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนอาตมาถวายการรับใช้หลวงปู่หลวงพ่อสายวัดป่าอยู่หลายสิบรูป เนื่องจากว่าเป็นเด็กวัยรุ่นวิ่งคล่อง ๆ ท่านก็เรียกใช้ โดยเฉพาะว่าไม่กลัวพระ เด็กบางคนจะกลัวพระ อย่างหลวงพ่อวัน วัดภูผาเหล็ก (วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม) ท่านล่ำสันสูงใหญ่ เด็ก ๆ บางคนเห็นตกใจวิ่งหนีเลย ถ้าหากว่าเปรียบกันแบบชนิดที่ไม่เกรงใจ ก็คือคิดว่าองคุลีมาลเดินมา

สมัยของอาตมา เด็ก ๆ จะโดนขู่ว่าเดี๋ยวโดนพระธุดงค์จับไป พอพระธุดงค์ห่มผ้าจีวรสีกรักออกดำ ๆ เดินมา เด็ก ๆ วิ่งหนีหมดแหละ แต่อาตมาไม่กลัว ในเมื่อไม่กลัวก็เข้าไปถวายการรับใช้ท่าน ต้องการน้ำใช้ น้ำฉันอะไร เวลาท่านบอกก็ทำได้คล่องตัว ท่านจึงชอบใจ

ตอนแรกที่ยังไม่รู้ เห็นหม้อกรองน้ำมีผ้าโปร่งติดข้างบน แล้วข้างใต้ก็มีท่อน้ำไหลอยู่ ด้วยความที่ไม่รู้ ก็จัดการตักน้ำเสร็จก็เปิดให้ไหลลงทางด้านใต้ ท่านบอกว่า "ไม่ใช่..! กรองน้ำเสร็จแล้วให้เทกลับทางเดิมอีกทีหนึ่ง เป็นการกรองซ้ำ" แปลว่าให้เทออกทางปาก ไม่ให้เทออกทางก้น แต่คนโดยทั่ว ๆ ไปจะกรองครั้งเดียว ส่วนของพระสายวัดป่าท่านให้กรองซ้ำ ที่กรองน้ำเพื่อป้องกันพวกลูกน้ำอะไรติดเข้าไป แล้วจะเผลอฉันเข้าไปด้วย

อีกอย่างหนึ่งในป่านั้น พวกปลิงพวกทาก บางทีก็อยู่ในน้ำ อันตรายเหมือนกัน ไปรู้จักวิธีการล้างบาตร เช็ดบาตร ผึ่งบาตร ก็ตอนที่ท่านให้ทำถวายนั่นแหละ ตอนไปใหม่ ๆ ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2017 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 14-01-2017, 22:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยโน้นพอเห็นท่านปฏิบัติเคร่งครัด แล้วเรื่องปาฏิหาริย์บางอย่างท่านก็ทำเป็นปกติ จึงมีความรู้สึกว่า ถ้าเราบวชก็จะบวชกับพระสายวัดป่านี่แหละ มีโอกาสเจออยู่หลายรูป แต่ปรากฏว่าไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร พอหลวงปู่ฝั้นมรณภาพในปี ๒๕๒๐ อาตมารู้จักหลวงพ่อฤๅษีฯ ปี ๒๕๑๘ เหมือนกับว่าท่านส่งช่วงต่อกัน

ปี ๒๕๑๘ รู้จักหลวงพ่อฤๅษีฯ ก็เริ่มหันมาฝึกปฏิบัติทางสายวัดท่าซุง เพราะว่าสายวัดป่าเหมือนกับให้พวกเราหากินเอง ติดขัดตรงไหนแล้วค่อยไปถามท่าน แต่หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงนี่ท่านทำเตรียมไว้ให้แล้ว ตักใส่ปากอย่างเดียวเลย

พอ
วันที่ ๓ มกราคม ปี ๒๕๒๐ หลวงปู่ฝั้นมรณภาพ พระราชทานเพลิงเสร็จ ปี ๒๕๒๑ อาตมาก็ได้ฝึกมโนมยิทธิพอดี จากที่หลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านไม่ได้เปิดฝึกมานานเป็นสิบ ๆ ปี พอเปิดฝึกมโนมยิทธิ อาตมาฝึกได้ก็เลยติดหนึบมาทางด้านนี้ ทางด้านโน้นก็นาน ๆ โผล่ไปกราบครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่านว่าอะไร เพราะว่าตอนช่วงนั้นนี่ส่วนใหญ่แต่ละท่านดังมากแล้ว พอดังมากบรรดาลูกศิษย์เข้าไปถวายการรับใช้ก็มีมาก

อาตมารู้จักหลวงพ่อวิริยังค์ตั้งแต่ท่านยังเป็นพระหนุ่ม ๆ อยู่ ตอนนี้ท่าน ๙๐ กว่าปีแล้ว ไปเจอกันครั้งสุดท้ายในงานทำบุญอายุ ๘๕ ปีหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ก็ไปกราบท่าน เรียนว่า "หลวงปู่...ผมบวชได้เท่านี้พรรษาแล้ว" ท่านก็ว่า "หรือ... ลูกเต้าเหล่าใครล่ะ ?" เรียนท่านว่า "ลูกแม่ฮวยครับ" ท่านก็ "อ๋อ" ท่านจำแม่ได้ อาตมาเป็นเด็กก็โตไปเรื่อย แต่ถ้าเอ่ยชื่อคนแก่ท่านจะจำได้ง่าย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-01-2017 เมื่อ 06:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 14-01-2017, 22:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,050 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนหลวงปู่อายุ ๗๐ กว่าจะ ๘๐ ยังเดินขึ้นเจดีย์เป็นว่าเล่นเลยนะ โอ้โฮ...แข็งแรงจริง ๆ ท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านทันหลวงปู่มั่นตอนเป็นเณร อายุตอนนี้ ๙๐ กว่า ทันหลวงปู่มั่นตอนเป็นเณร

ท่านบอกว่าหลวงปู่มั่นเวลาแสดงธรรมเสียงท่านเบา ต้องตั้งใจเงี่ยหูฟังถึงจะได้ยิน คราวนี้บรรดาครูบาอาจารย์รุ่นใหญ่ขึ้นไปกราบเรียนปรึกษาข้อธรรม ขอความรู้เรื่องเกี่ยวกับอารมณ์ใจ ว่าติดขัดแบบโน้น ติดขัดแบบนี้ ต้องแก้ไขอย่างไร ? ท่านเองมีหน้าที่ต้มน้ำถวายพระเถระก็ต้มไป แล้วก็แอบฟัง เงี่ยหูฟังลอดกระดานอยู่ใต้ถุนกุฏิ ต้มน้ำอยู่ใต้ถุนกุฏิ ปรากฏว่าฟังเพลิน หันมาอีกทีหม้อพังไปแล้ว น้ำเดือดจนแห้งหม้อดินแตกไปเลย

โอ้โฮ...กลัวท่านว่าเสียจนกระทั่งบอกไม่ถูก แทบจะหอบบาตรหนีเลย เรียนถามว่าทำไมกลัวขนาดนั้น ? ท่านว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน สมัยก่อนกลัวพระมาก แต่ท่านจะไม่ดุถ้าเราไม่ทำผิดอะไร แต่ถ้าทำผิดท่านจะดุแบบไม่ไว้หน้า ก็คือจะดุให้จำตลอดชีวิตเลย แล้วท่านก็กลัวมาก บอกว่าแทบจะหอบบาตรหนี ท่านว่าอย่างนั้น ยังดีที่หลวงปู่มั่นท่านบอกว่า เณรไปหาหม้อใหม่มา ไปขอหม้อโยมในหมู่บ้านมา ก็เลยไปบอกโยมว่าหลวงปู่มั่นขอหม้อต้มน้ำใบหนึ่ง โยมก็หาหม้อดินใหม่ให้ ได้มาค่อยยังชั่วหน่อย รู้สึกว่ารอดตาย มัวแต่เงี่ยหูฟังธรรมจนลืมงานตัวเอง

ตั้งใจฟังประสบการณ์ของครูบาอาจารย์แต่ละท่าน ท่านบอกว่าเรื่องของจิตบางท่านโลดโผนพิสดารมาก ฟังจนเพลิน ลืมหมดทุกอย่าง บางท่านก็โชคดีนะ เจอครูบาอาจารย์ตั้งแต่เป็นเณรเล็ก ๆ บางท่านก็มาเจอเอาตอนแก่แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-01-2017 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว