กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 17-03-2019, 21:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุุกร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๒

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเรา ไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ มีญาติโยมที่ได้รับคำแนะนำในเรื่องของการปฏิบัติแล้วตั้งใจมากเกินไป หันกลับมาปฏิบัติแบบปล่อยวาง แล้วถามว่าเราจะได้อะไรจากการปฏิบัตินั้น ?

ขอให้ทุกคนทราบว่าในเรื่องของการปฏิบัตินั้น เราจะหวังผลอย่างไรก็ตาม หรือว่าอยากได้ผลการปฏิบัติอย่างไรก็ตาม นั่นเป็นเรื่องก่อนการลงมือปฏิบัติ คือเราจะคิดเราจะอยากอย่างไรก็ได้ทุกอย่าง แต่เมื่อตอนลงมือปฏิบัติ คือเริ่มเข้าสมาธิ นึกถึงลมหายใจเข้าออกพร้อมกับคำภาวนา เราต้องลืมเรื่องความอยากหรือสิ่งที่จะได้จากการปฏิบัติไปเสีย

พูดง่าย ๆ ว่าเรามีหน้าที่ทำ ส่วนผลการปฏิบัติจะเกิดขึ้นอย่างไร จะเกิดขึ้นเมื่อไร...แล้วแต่ ก็คือไม่ต้องไปใส่ใจตรงนั้น เพราะว่าถ้าเราอยากได้ว่าปฏิบัติแล้วต้องได้อย่างนั้น ต้องได้อย่างนี้ ต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ แปลว่าสภาพจิตของเรากำลังฟุ้งซ่าน หาความสงบที่แท้จริงไม่ได้ ในเมื่อฟุ้งซ่านหาความสงบที่แท้จริงไม่ได้ เราก็จะพลอยไม่ได้ผลในการปฏิบัติไปด้วย

จะว่าไปแล้วเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นพื้นฐานขั้นต้นของการปฏิบัติ แต่เราก็มักจะไม่ได้ศึกษากัน หรือว่าศึกษาตำราที่ไม่ได้เขียนถึงเอาไว้ จึงต้องเสียเวลามาสอบถาม เสียเวลาในการทำผิดทำพลาด ซึ่งถ้าช่วงเวลาที่เรายังทำผิดทำพลาดอยู่แล้วเกิดเสียชีวิตลงไป ก็เท่ากับว่าเราขาดทุน ไม่ได้ความดีในส่วนที่จะพึงได้ แต่ว่าในเรื่องของการศึกษาตำราก็ยังคงมีโทษ คือถ้าเราศึกษาเป็นแนวทาง ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าศึกษาแล้วไปยึดมั่นถือมั่น ว่าต้องเป็นอย่างนั้น ต้องเป็นอย่างนี้ ต้องได้อย่างนั้น ต้องได้อย่างนี้ ก็จะกลายเป็นโทษมากกว่าประโยชน์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2019 เมื่อ 03:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 17-03-2019, 21:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,967 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะศึกษาเรียนรู้แนวทางตามตำราไว้มาก ๆ พอถึงเวลาเราก็จะไปไล่ตามดูว่า ตอนนี้อารมณ์ใจของเราเป็นอย่างไร ตอนนี้การภาวนาของเราเป็นอย่างไร สิ่งใดที่กำลังเกิดขึ้น

การที่เราไปตามจี้ในลักษณะนั้น สภาพจิตก็จะไม่รวมตัว เราเองก็ไม่สามารถได้ผลตอบแทนเบื้องต้นที่จะพึงได้ แล้วบางคนพอศึกษาไปแล้ว ก็เอาไปคุยกับคนอื่นเขา โดยจำตำราไปพูด ก็ยิ่งพาให้เสียหายมาก เพราะว่าเราเข้าไม่ถึงอารมณ์ของการปฏิบัติอย่างแท้จริง ได้แต่คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น คาดว่าน่าจะเป็นอย่างนี้

ถ้าเราคิดว่า คาดว่า ได้ถูกต้อง ก็ถือว่าเสมอตัว แต่ถ้าผิด จะเป็นการสอนคนให้เป็นมิจฉาทิฐิ การเป็นมิจฉาทิฐินั้นมีโทษลงอบายภูมิอย่างเดียว เท่ากับว่าเราทำให้เขาจะต้องไปเวียนว่ายตายเกิดนับชาติไม่ถ้วน ห่างไกลมรรคผลออกไปมากขนาดนั้น

ดังนั้น...โทษของบุคคลที่สอนผู้อื่นเป็นมิจฉาทิฐิ มีทางเดียวคือลงอเวจีมหานรก หรือถ้าสอนแล้วมีคนเชื่อตามปฏิบัติตามผิด ๆ เป็นจำนวนมาก ก็อาจจะลงถึงโลกันตนรก ฉะนั้น..ในการศึกษาตำราขอให้ศึกษาเพียงเป็นแนวทาง แต่อย่าไปเอาจริงเอาจังกับตำรามากนัก ให้ทุ่มเทกับการปฏิบัติ แล้วสิ่งที่เราศึกษามาก็จะช่วยให้รู้ว่า ลักษณะที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร ไม่เช่นนั้นแล้ว ถ้ามัวแต่ไปยึดติดตำราอยู่ ก็จะเสียเวลาไปเปล่า ๆ โดยไม่ได้ผลตอบแทนอะไร

ลำดับต่อไปก็ขอให้ท่านทั้งหลายตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันศุกร์ที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๒

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-03-2019 เมื่อ 03:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:04



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว