กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 15-09-2019, 23:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวในช่วงบ่ายว่า "ตอนนี้อาตมาจัดวัตถุมงคลชุดเบี้ยแก้ครบถ้วนแล้ว ปรากฏว่าเบี้ยแก้ที่หายากที่สุดของอาตมากลายเป็นเบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว เกิดจาก ๒ สาเหตุด้วยกัน สาเหตุแรกก็คือเผลอจำหน่ายไป ลงกระทู้คนมีเงินฯ ไปหมด สาเหตุที่สองก็คือ เบี้ยแก้ของหลวงปู่เจือระยะหลังนั้น ขนาดวางขายหน้ากุฏิยังปลอม..! อาตมาก็เลยเก็บไว้เฉพาะที่ท่านทำให้เป็นพิเศษ กลายเป็นว่าของอาตมานั้น เบี้ยแก้หลวงปู่เจือหายากที่สุด มีแค่ ๒ ลูก ส่วนของหลวงปู่บุญที่เขาหากันหูดับตับไหม้ยังมีตั้ง ๓ ลูก

หลวงปู่เจือท่านเคยทำ "เบี้ยแก้ตัวครู" ให้ ใหญ่ประมาณกำปั้นนี่เลย ตัวครูนี่จริง ๆ ก็คืออนุญาตให้ทำต่อจากท่านได้ ส่วนเบี้ยแก้ขนาดปกติตัวที่ท่านทำให้ อาตมาตั้งใจเอาไว้ให้ใช้จริง ๆ ชุบรักสุดยอดที่จะบรรจง เงาวาววับเลย ใครเห็นก็งงทุกราย คิดว่าเป็นเบี้ยแก้ของหลวงปู่บุญไปโน่น"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 15-09-2019, 23:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มาครั้งแรกครับ ไม่รู้..เตรียมเหรียญมาหยอดตู้ครับ ?
ตอบ : ที่นี่ไม่มีตู้ให้หยอด..ต้องขออภัย ให้ถวายลงในขันตรงหน้านี่เลย ที่ไม่มีตู้ให้หยอดเพราะว่าบ้านมีขนาดเล็ก ถ้าตั้งตู้ไปแล้วเกะกะมาก นี่เป็นข้อแก้ตัว เอ๊ย..นี่เป็นคำอธิบายที่บอกถึงข้อเท็จจริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 15-09-2019, 23:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้มีเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ๒ อย่าง ที่เขาใช้คำว่า "ดราม่า" อย่างแรกก็คือ เพลงนะโม ฟังกันหรือยัง ? ได้ยินว่าคุณนุ้ย เชิญยิ้ม เป็นคนร้อง เนื้อหาประมาณว่าพระเราฉันเช้าแล้วเอน ฉันเพลแล้วนอน ตอนบ่ายพักผ่อน ตอนค่ำจำวัด ดึกซัดมาม่า..!

อีกอย่างหนึ่งก็คือจิตรกรที่วาดรูปพระพุทธเจ้าเป็นอุลตร้าแมน มีคนถามว่าเป็นการเหยียดหยามศาสนาหรือไม่ ? การเหยียดหยามศาสนานั้นเป็นการกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ด้วยกายหรือวาจา ต่อสิ่งอันเป็นที่เคารพของศาสนานั้น ๆ อย่างเช่นว่าศาสนาพุทธของเราก็ทำกับพระพุทธรูป เป็นต้น

ถ้าจะเอาเรื่องข้อหาเหยียดหยามศาสนา ศาลอาจจะปรานี ลงโทษในสถานเบาและให้รอลงอาญา เพราะมักจะอ้างว่าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

คราวนี้ถ้ามาดูในแง่ของชาวพุทธ ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง สิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามที่กระทำไปแล้ว ทำให้ผู้นับถือศาสนาพุทธด้วยกันไม่สบายใจ โดยสามัญสำนึกก็น่าจะรู้ว่าสิ่งนั้นไม่สมควร แต่เขาคิดว่า ถ้าทำไปแล้วเกิดกระแสขึ้นมา ก็จะทำให้โด่งดังและขายผลงานได้ นี่เป็นการคิดแบบการตลาด แต่ว่าทำให้โทษใหญ่นั้นเกิดขึ้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-09-2019 เมื่อ 20:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 15-09-2019, 23:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"โทษใหญ่ที่เกิดขึ้นก็คือ คุณได้กระทำการอันเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย แสดงออกซึ่งความไม่เคารพในพระรัตนตรัย ก็แปลว่า ชีวิตนี้คุณไม่มีทางที่จะเข้าถึงมรรคเข้าถึงผลได้ เพราะว่ากฎเกณฑ์กติกาของการที่จะเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า กฎเกณฑ์ของการเข้าถึงมรรรคเข้าถึงผลนั้น กติกาข้อหนึ่งก็คือ จะต้องเคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ด้วยความจริงใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ก็แปลว่าคุณปิดทางของตัวเอง

ถ้าภาษิตจีนเขาบอกว่า "สวรรค์มีทาง..เจ้าไม่ไป นรกไร้ประตู..ดันตะกายมา" ขอแสดงความยินดีกับท่านทั้งหลายด้วย อาจจะได้เจอกันข้างล่าง ถึงเวลาแล้วทักทายกันบ้างนะ..!

เรื่องของพระรัตนตรัยมีคุณอนันต์ก็มีโทษมหันต์ สุปติฎฐิตเทพบุตรทำความชั่วมาตลอดชีวิต ก่อนตายนึกถึงพระพุทธเจ้านิดเดียว ได้ไปสวรรค์ก่อน ๗ วัน ขณะเดียวกันบุคคลที่ปรามาสพระรัตนตรัย ก็โทษมหันต์พอกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 15-09-2019, 23:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีวัตถุมงคลอยู่ชิ้นหนึ่ง ราคา ๓๐,๐๐๐ บาท มีใครกล้าบูชาไหม ? เป็นฟันของหลวงพ่อพรหม วัดช่องแค อาตมาได้ฟันท่านมา ๒ ซี่ เป็นคนขายกระทั่งฟันของครูบาอาจารย์..! ตอนนี้จะสร้างอาคารวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี หลังแรกราคา ๕๐ กว่าล้านบาท เพราะฉะนั้น..มีอะไรก็ขายหมด

หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค มรณภาพมา ๓๐ - ๔๐ ปีแล้ว สภาพผิวท่านยังดีกว่าผิวของอาตมาอีก นอนรอลูกหลานอยู่ ใครจะไปไหว้ไปกราบก็ไป ไม่ทันท่านแบบอาตมาก็ไปได้ ไม่เป็นไรหรอก ท่านยังรอพวกเราอยู่"


หมายเหตุ : มีคนบูชาที่บ้านเติมบุญไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 15-09-2019, 23:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ขอนินทาลูกศิษย์คนหนึ่ง ก็คือแม่ชีกุ๋ย (อุบาสิกาอุษณี วงษ์ไตรรัตน์) ไปเปิดสถานปฏิบัติธรรมแล้วก็มีปัญหา แม่ชีกุ๋ยก็ส่งอีเมลล์มาหา บอกว่าตนเองไม่เข้าใจว่าที่มีปัญหากระทบกระทั่งกัน เกิดจากการบริหารไม่เป็น หรือว่าเกิดจากกำลังใจคนที่ต่างกัน ?

อาตมาใช้คำตอบแรง ๆ ไปว่า เกิดจากการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่เห็นหัวคนอื่น ก็เลยทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะว่าคนเรากำลังใจต่างกัน สรุปว่าแม่ชีไม่เข้าใจว่าตัวเองไปผิดพลาดตรงไหน

คนที่กำลังใจต่างกัน เราต้องคอยประคับประคอง โดยเฉพาะถ้าเขาเป็นเจ้าของบ้าน เราต้องให้เกียรติเขา ยกย่องเขา ทำอะไรต้องให้เขาออกหน้าเสมอ เพราะว่ากำลังใจต่างกัน เราอาจจะไม่ต้องการจุดนั้น แต่คนอื่นเขายังต้องการอยู่ ต้องมีให้เขา

ในเมื่อของเราเองทำทุกอย่างโดยใช้กำลังใจของตัวเองเป็นหลัก ก็เลยกลายเป็นไม่เห็นหัวคนอื่น บอกได้อย่างชัดเจนว่า ประการแรกก็คือ บริหารจัดการไม่เป็น ประการที่สองก็คือ ปัญญาไม่พอ มองปัญหาไม่ออก ประการที่สามก็คือ อยากได้ใคร่ดี โตเร็วมากจนเกินไป"


__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 15-09-2019, 23:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การที่อยากได้ใคร่ดี อยากโตเร็ว อยากมีชื่อเสียงเกียรติยศ อยากเป็นที่ยอมรับของคนอื่น ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ต้องอาศัยเวลาบ่มเพาะ ต้องมีระยะเวลาในการสร้างตัวเองให้มั่นคง ถ้ามีเวลาสร้างตัวเองให้มั่นคงก่อน ถึงเวลากระทบกระทั่งอะไร เราก็จะไม่ไหลตามกระแสไป จะมีสติยั้งคิด มองเห็นต้นตอของปัญหา แล้วก็แก้ไขได้

ตรงจุดนี้ก็เลยขอนินทาให้โยมจำนวนมากฟังว่า ความผิดพลาดทั้งหมดเกิดจากการที่ใช้กำลังใจของตัวเองเป็นหลัก ขณะที่กำลังใจคนอื่นไม่เท่ากัน ไม่สามารถที่จะลดลงมาให้ได้ระดับเดียวกับเขา หรือว่าปรับขึ้นไปให้ได้ระดับเดียวกับเขา ซึ่งการที่เราจะทำลักษณะอย่างนี้นั้น จะเหนื่อยมาก

บางวันอาตมาเจอคนกำลังใจต่ำ ๆ มาก ๆ นี่เหนื่อย เพราะว่าต้องลดลงมา พอลดลงมา อาตมาก็ต้องแบกกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง เท่ากับเขา ถึงจะเข้าใจว่ากำลังใจเขาเป็นอย่างไร เหนื่อยอย่าบอกใครเลย..! ฉะนั้น...ถ้าไม่อยากเหนื่อย อย่าทำหน้าที่อย่างนี้ ถ้าอยากทำหน้าที่อย่างนี้ ก็ต้องยอมเหนื่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 15-09-2019, 23:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การที่ลดกำลังใจลงมา ก็จะเหนื่อยมาก ๆ บางคนท้อ ต้องเลิกทำหน้าที่ไปเลย แต่ถ้ากำลังใจของเรามั่นคง ปรับขึ้นปรับลงได้ ถึงเวลาเจอกับสถานการณ์ต่าง ๆ แล้วไม่มีอะไรค้างคาในใจ จะทำได้เต็มที่มากกว่า

เพราะฉะนั้น...แม่ชีขาดการบ่มเพาะตัวเองในระยะเวลาที่เพียงพอ ก็เลยทำให้อ่านปัญหาไม่ขาด บริหารจัดการไม่ถูกต้อง ก็มีการกระทบกระทั่งกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ความจริงถ้าออกไปทำอะไรของตัวเองได้ก็ดี อาละวาดได้เต็มที่หน่อย ถ้าอยู่ร่วมกับคนอื่นเขา ก็อยู่ในลักษณะที่ว่าต้องเกรงใจเขาแบบนี้

แต่การที่เราออกไปทำอะไรด้วยตัวเอง จะลำบากตรงที่ว่าถ้าเราเป็นใหญ่ในสถานที่นั้น ภาพที่สะท้อนจากคนอื่นจะบิดเบี้ยว ไม่ใช่ตัวเราที่แท้จริง ที่บิดเบี้ยวก็คือเขาไม่กล้าพูด ไม่กล้าบอกเราอย่างเต็มที่เหมือนกับเมื่อก่อนนี้ เพราะว่าเรามีอำนาจสิทธิ์ขาดตรงนั้น เขาก็เกรงใจ

ฉะนั้น...เวลาคนเราพอก้าวขึ้นสู่ที่สูงแล้วสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ อัตตนา โจทยัตตานัง ต้องกล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ ถ้าไม่มีการกล่าวโทษโจทย์ตัวเองไว้เสมอ คนอื่นเขาไม่สามารถเป็นกระจกให้กับเราได้ เพราะว่าเกิดความเกรงใจ หรือไม่ก็กลัวว่าจะเกิดการกระทบกระทั่งกินใจกัน คบหากันต่อไปไม่ได้ เขาก็หุบปากไม่พูด เราก็แย่

ตรงนี้ก็ถือว่านินทาไว้เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนส่วนรวม ถ้าหากว่ามีใครที่คิดจะทำอย่างนี้บ้าง ต้องบ่มเพาะตัวเองให้มั่นคงได้ระยะหนึ่งก่อน ระยะเวลามากน้อยตามสภาพของตนเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 15-09-2019, 23:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาเองสมัยบวชใหม่ ๆ เวลามีปัญหาอะไรขึ้นมาในวัดหรือในที่ประชุม ส่วนหนึ่งที่รู้สึกอึดอัดใจตอนนั้นก็คือ อายุกาลพรรษาน้อย รู้มาก..แต่พรรษาน้อย พูดอะไรไม่ค่อยมีใครฟัง แม้กระทั่งตอนหลังเมื่อเขาสอบถามทั่วประเทศแล้ว ก็ตรงกับที่อาตมาบอก แต่เขาไม่ฟังอาตมาหรอก เพราะว่าอายุกาลพรรษาของอาตมาน้อยเกินกว่าที่เขาจะให้ความสำคัญ

ก็เลยคิดว่า ถ้าผ่านการบ่มเพาะไประยะหนึ่ง อายุกาลพรรษามากขึ้น คำพูดของเราก็จะมีน้ำหนักขึ้น การกระทำของเราจะรอบคอบมากขึ้น กำลังใจของเราจะเข้มแข็งขึ้น สิ่งที่เราทำก็จะดีกว่านี้ นั่นคือประสบการณ์ที่อาตมาเจอมาด้วยตัวเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 15-09-2019, 23:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ฉะนั้น..ไม่ว่าจะเป็นพระก็ดี เป็นแม่ชี หรือว่าฆราวาสก็ตาม ส่วนหนึ่งก็คืออย่าอยากดังเร็ว ดังเร็วก็เหนื่อยเร็ว ขอยืนยัน..! อาตมาเองช่วงระยะ ๓ - ๔ ปีนี้ ต่างจาก ๑๐ ปีก่อนชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย เพราะว่าตอนนี้ไม่ว่าจะไปไหนก็ตาม จะมีคนรู้จัก ก็อย่างที่บอกว่าไปวัดม่วงชุม จังหวัดสิงห์บุรี พระเณรที่อยู่ในงานศพเกินครึ่งท่านมากราบ บอกว่าติดตามผลงานจากเฟซบุ๊ก ติดตามผลงานจากเว็บไซต์ อาตมาเองไม่รู้จักท่านสักรูป แต่ท่านรู้จักอาตมาหมดแล้ว ทำให้อยู่ยากขึ้นไปเรื่อย ๆ

เดินทางแวะเข้าห้องน้ำที่สถานีบริการน้ำมัน ช่วงนี้หลีกคนไม่พ้น จะต้องมีคนวิ่งมาสวัสดี วิ่งมากราบ อื้อหือ...จะให้ความเป็นส่วนตัวหน่อยได้ไหม ? กูปวดฉี่จะราดอยู่แล้ว มึงยังขอกราบก่อนอีก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 15-09-2019, 23:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ต้องนึกถึงหลวงปู่พระพุทธพจนวราภรณ์ (หลวงปู่จันทร์ กุสโล) วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ สมัยท่านยังเป็นเจ้าคุณพระเทพกวี อยู่ที่วัดป่าดาราภิรมย์ ท่านบอกกับอาตมาว่า ถ้าอยากดัง อย่าไปหวังความสงบ เป็นประสบการณ์ชีวิตของหลวงปู่จริง ๆ ท่านเจอมาเต็มที่แล้ว ถึงได้เตือนลูกเตือนหลานไว้

อาตมาเองขนาดพยายามที่จะบีบตัวเองให้อยู่ในกรอบที่เล็กที่สุด ก็ยังเล็กไม่ได้ เพราะว่าระยะหลังคนเขาแชร์กันในโลกโซเชียลมากขึ้นเรื่อย ๆ ไปไหนตอนนี้ไม่สามารถที่จะหลอกชาวบ้านเขาได้แล้ว ถึงเวลาไปกับพระรูปอื่น เขาถามหา "พระอาจารย์เล็กใช่ไหมครับ ?" ชี้ไปบอกว่า "รูปโน้น" เขาบอกว่าเขาดูหน้าจากในเฟซบุ๊กมาแล้ว ตอนนี้หลอกเขาไม่ได้แล้ว

ฉะนั้น...เรื่องพวกนี้คือ ดังเมื่อไรก็เหนื่อย ดังเมื่อไรความสงบก็จะหายไป ดังเมื่อไรถ้ากำลังใจไม่มั่นคง เราก็จะรับงานไม่ไหว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 15-09-2019, 23:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คำว่า สะเดาะเคราะห์ พวกเรามักจะเข้าใจผิด สะเดาะ คือทำให้หลุด เคราะห์คือกรรมเก่าที่เราสร้างไว้แล้วตามมาส่งผลไม่ดี กรรมเก่านั้นอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขได้ เพราะว่าเราได้ทำไปแล้ว

เพียงแต่ว่ากรรมเก่าที่เราทำเหมือนอย่างกับน้ำทะเล น้ำทะเลเค็มไปแล้วจะแก้ไขอย่างไร ? ก็เอาน้ำจืดเติมลงไปเรื่อย ๆ เติมลงไปเรื่อย ๆ ถ้าเติมได้มากพอ น้ำทะเลไม่ได้หายไปไหน แต่แสดงรสเค็มออกมาไม่ได้

เพราะฉะนั้น...จริง ๆ แล้วเรื่องของเคราะห์กรรมต่าง ๆ ไม่สามารถที่จะสะเดาะ ไม่สามารถที่จะลบล้างกันได้ แต่ว่าเราสามารถสร้างความดีเพื่อหนีกรรมหรือหนีเคราะห์นั้นได้ ถ้าเราทำความดีได้มากพอ เคราะห์กรรมนั้นก็จะส่งผลได้น้อย หรือไม่สามารถที่จะส่งผลได้เลย เพราะว่าโดนความดีท่วมทับไป เหมือนกับที่เราเติมน้ำจืดลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเกลือไม่สามารถจะแสดงความเค็มออกมาได้"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 15-09-2019, 23:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วันไหว้พระจันทร์เป็นเทศกาลของคนจีน ในประเทศจีนตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ของจีน ซึ่งช่วงนั้นประเทศจีนเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว เพราะว่า ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ของจีน ตรงประมาณ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ของเรา เป็นเวลาหลังเก็บเกี่ยว เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วได้ผลขึ้นมาก็มีการไหว้ขอบคุณเทวดาฟ้าดิน โดยเฉพาะเทพธิดาฉางเอ๋อ ที่เขาเชื่อว่าเป็นผู้โปรยน้ำอมฤตลงมาที่โลกมนุษย์ ทำให้พืชผลเจริญงอกงาม คราวนี้ฉางเอ๋ออยู่บนดวงจันทร์ ก็เลยไหว้พระจันทร์ไปด้วย

ลักษณะอย่างนี้ถามว่าเป็นการกระทำที่ถูกต้องหรือเปล่า ? ถ้าไหว้อยู่ในลักษณะของการร้องขอบนบานศาลกล่าวอย่างเดียว ก็ถือว่าทำไม่ถูก แต่ว่าขนบธรรมเนียมประเพณีทั้งหลายเหล่านี้ ทำให้คนเรารู้จักเคารพ เกรงกลัวต่อธรรมชาติ ก็เลยไม่เบียดเบียนธรรมชาติ รักษาสภาพของธรรมชาติเอาไว้ได้ ทำให้ดินฟ้าอากาศคงตัว ฤดูกาลต่าง ๆ หมุนเวียนไปตามรอบปกติ"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-09-2019 เมื่อ 21:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 15-09-2019, 23:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่างในปัจจจุบันของเรา คนขาดความเกรงกลัวในธรรมชาติ ทำลายธรรมชาติแบบไม่บันยะบันยัง ทำให้สมดุลธรรมชาติเสีย ฤดูกาลต่าง ๆ ก็ไม่เป็นไปตามปกติ เราก็จะเห็นได้ว่าโบราณเก่งกว่า คือให้เราเคารพธรรมชาติ ถึงเวลารู้สำนึกในบุญคุณ ก็มีการตอบแทนด้วยการกราบไหว้บูชา เราจะบอกว่าเหลวไหลก็ไม่ใช่ เพราะว่าอย่างน้อยในเรื่องของเทพธิดาฉางเอ๋อก็ยังเป็นเทวตานุสติ การระลึกถึงเทวดา

เพียงแต่ว่าการระลึกถึงเทวดาของเขา เป็นการระลึกถึงในลักษณะของผู้น้อยที่มีต่อผู้ใหญ่ เป็นการระลึกถึงในลักษณะของการพึ่งพา ซึ่งความจริงเทวตานุสติของพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ท่านสอนให้เราปฏิบัติตนให้เป็นเทวดา ก็คือศักยภาพของมนุษย์ทุกคนสามารถเป็นเทวดาได้ เป็นพรหมได้ เป็นพระวิสุทธิเทพได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านก็เลยสอนหลักธรรมที่ให้เราปฏิบัติแล้วเป็นพรหม เป็นเทวดา เป็นนางฟ้า หรือว่าเป็นพระวิสุทธิเทพก็คือพระอรหันต์เข้าสู่พระนิพพาน

ในเมื่อเรามีศักยภาพที่จะบรรลุธรรมเอง มีศักยภาพในการที่จะเป็นเทวดาเป็นพรหมเอง เราก็ปฏิบัติตัวของเราให้เป็น จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปพึ่งพาใคร เพราะว่าเราเป็นเองไปแล้ว
"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 15-09-2019, 23:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โยมกราบเรียนขอทำบังสุกุล พระอาจารย์ดุว่า "เขาเรียกว่าสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง โตมาจนป่านนี้แล้ว จะทำบังสุกุลก็ทำบังสุกุล ต้องอ้อมโลกไปซะไกล จะทำอะไรก็บอกมาตรง ๆ พูดมาตรง ๆ นี่อ้อมโลกตั้ง ๓ รอบ แล้วจะมีประโยชน์อะไร ?

จะทำบังสุกุลดันทะลึ่งบอกว่าฝันถึงอาตมา เขาเรียกว่าอยู่ในโลกมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความเสแสร้ง จนกระทั่งเคยชินกลายเป็นนิสัย ทำอะไรก็เลยต้องอ้อมโลกไปเรื่อย ไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างก็แล้วไป"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2019 เมื่อ 03:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 22-09-2019, 19:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยที่อาตมายังเด็ก ๆ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผู้ใหญ่จะพูดอยู่เสมอก็คือ ท้าย ๆ พระศาสนาคนจะต้องสอยมะเขือกิน คราวนี้ถ้าไม่ใช่เด็กบ้านนอก ก็จะไม่รู้ว่าต้นไม้ที่เราจะต้องใช้ตะขอไปสอยนั้น ต้องต้นใหญ่มาก เกินกว่าความสูงที่เราจะเก็บได้ การที่ต้นมะเขือซึ่งสูงอย่างเก่งก็ประมาณหัวเข่าของเรา แล้วเราต้องไปสอยกินนั้น แสดงว่าตัวเราต้องเล็กแค่ไหน ?

ในสุบินนิมิต ๑๖ ประการของพระเจ้าปเสนทิโกศล ที่ฝันว่าต้นไม้ขึ้นมาต้นเล็ก ๆ ก็มีดอกมีผลแล้ว พระพุทธเจ้าพยากรณ์ว่า ต่อไปในกาลข้างหน้า กุมารากุมารี ก็คือเด็กผู้หญิงเด็กผู้ชาย จะมีคู่กันตั้งแต่อายุน้อย ๆ แล้วในอัคคัญญสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสถึงพัฒนาการของโลกนี้ก็คือ นานไปข้างหน้าอายุคนจะน้อยลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเหลืออายุขัยประมาณ ๑๐ ปี

เราลองนึกดูว่าตอนนี้หมาแมวมีอายุ ๒๐ - ๓๐ ปี ประมาณปีกว่า ๆ ก็มีลูกได้แล้ว ถ้าคนเราอายุแค่ ๑๐ ปีซึ่งน้อยกว่าหมาแมวในปัจจุบันนี้ ควรจะมีลูกกันตอนอายุเท่าไร ? แล้วการที่มีลูกเร็วขนาดนั้น เด็กก็น่าจะตัวเล็กลงไปเรื่อย ๆ ท้ายที่สุดก็จะตัวเล็กอยู่ในระดับที่ต้องสอยมะเขือกิน แต่อาตมาคิดว่าถ้าคนตัวเล็กลง มะเขือก็น่าจะต้นเล็กลงไปด้วย"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2019 เมื่อ 02:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 22-09-2019, 19:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ปัจจุบันนี้บรรดานักวิทยาศาสตร์เห็นว่า โลกเราพื้นที่ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ประชากรเพิ่มขึ้นมากทุกปี ก็ต้องหาวิธีว่าทำอย่างไรจะให้ได้ผลิตผลมากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม จึงมีการตัดต่อพันธุกรรมที่เราเรียกกันว่า จีเอ็มโอ ซึ่งบ้านเราก็มีเยอะแล้ว โดยที่ยังไม่ได้ศึกษาให้ชัดเจนว่า การตัดต่อพันธุกรรมนั้น จะสร้างโทษให้กับบุคคลผู้ที่อาศัยพืชอาศัยสัตว์เหล่านั้นกินเข้าไปเท่าไร

บางคนก็พยายามประดิษฐ์วาทกรรมให้ดูน่ากลัว อย่างเช่น เรียกว่ามะละกอผีดิบ ซึ่งเกิดจากการตัดต่อจีเอ็มโอให้ทนต่อโรค ทนต่อแมลง มีผลผลิตมาก ตกลูกเร็ว อาตมาว่าไม่ต้องกลัวหรอก กินมะละกอนั่นเข้าไป กว่าที่จะรู้ว่ามีผลร้ายต่อเราเท่าไรก็น่าจะหลายชั่วอายุคน แต่ประเภทมะละกอส้มตำครกหนึ่งใส่ชูรสเป็นกิโลกรัมนั่นก็เกินไป ถ้ากินลักษณะนั้นก็น่าจะตายก่อนที่จะรู้ว่าจีเอ็มโอส่งผลร้ายอย่างไรกับเรา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2019 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 22-09-2019, 19:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ก่อนหน้านี้ญี่ปุ่นผลิตผงชูรสให้เรา แต่ญี่ปุ่นไม่เคยใช้ผงชูรสเอง อาตมาอยู่ชายแดน สิ่งที่ทหารเขาสอนกันเลยก็คือ ถ้าเกิดบาดแผลใหญ่โตขึ้นมา ห้ามเลือดไม่อยู่ ให้เอาผงชูรสเทลงไป จะห้ามเลือดได้ดีมาก อาจจะเป็นเพราะว่าผงชูรสกัดเนื้อเยื่อบริเวณนั้นตายหมด เลือดไปเลี้ยงไม่ได้ เลือดก็เลยไม่ออก แต่ต้องส่งถึงมือหมอให้เร็วที่สุด เพราะว่าถ้าทำแผลไม่ทัน เนื้อตรงนั้นจะเน่า ถ้าเนื้อเน่า..เลือดเป็นพิษ..ก็ตาย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2019 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 22-09-2019, 20:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระแถวบ้านจะเอาข้าวแกงถุงมาให้แถวบ้านประจำ บางทีก็เอามาให้ที่บ้านผม คนที่บ้านจะต้องรับกรรมอะไรหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ถ้าพระมีการอปโลกน์ ก็คือบอกกล่าวในท่ามกลางสงฆ์แล้วว่า ถ้าเหลือจากการฉันของพระ ให้ญาติโยมเอาไปกิน เอาไปใช้ได้ ถ้าลักษณะอย่างนั้นจะไม่ผิด แต่ถ้าไม่ได้บอกก็ติดหนี้สงฆ์ไป

ถาม : ผมก็โดนด้วยหรือครับ ?
ตอบ : โดนทุกคน

ที่จริงแล้วพระท่านทำถูก เพราะว่าของที่มีมาก กินไม่ไหวใช้ไม่หมด เอาไปแบ่งปันให้กับญาติโยมก็ได้อยู่ แต่คราวนี้ก็ต้องทำตามระเบียบ ก็คือมีการอปโลกน์สังฆทาน บอกกล่าวในท่ามกลางสงฆ์ก่อน ถ้าหากว่าสงฆ์ให้สาธุการเห็นด้วย ก็สามารถที่จะแจกจ่ายได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2019 เมื่อ 17:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 22-09-2019, 20:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,150 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อครู่นี้ก่อนลงมา ดูคลิปที่เพื่อนส่งมาให้ดู มีการสอบเพื่อขอบัตรขอทานที่ทางภาคอีสาน ถ้าสอบไม่ได้ ไม่มีบัตรก็ห้ามขอทาน อาตมาก็เลยคิดว่า เออ..รัฐบาลของเราก้าวหน้า ในช่วงแรก ๔ ปีกว่า ๕ ปี เรามีบัตรคนจน ในช่วงสอง แค่ไม่กี่เดือนเริ่มมีบัตรขอทานแล้ว คงจะประสบความสำเร็จยิ่ง ๆ ขึ้นไป...!

ขอทานหรือวณิพกนั้น ส่วนใหญ่แล้วแสดงความสามารถแลกกับข้าวของเงินทอง ลักษณะที่เหมือนกับฝรั่งเปิดหมวกร้องเพลง ก็จะมีการทั้งร้อง ทั้งรำ ตีกรับ ตีฉิ่ง สมัยนี้ไม่ค่อยมี ยุคอาตมาเด็ก ๆ มีเยอะ จะมีเพลงขอทานโดยเฉพาะ "..เปิดหม้อไม่มีข้าวสุก เปิดสมุกไม่มีข้าวสาร พ่อแม่เอ๋ยได้โปรดทำทาน..ฯลฯ" เพลงยอดฮิตทั้งนั้นเลย เด็กรุ่นนี้ไม่รู้แล้วว่าสมุกหน้าตาเป็นอย่างไร

การขอทานสมัยก่อนที่เขามีการร้องเพลงแสดงตอบแทน เรียกว่าวณิพก ในส่วนนี้ต้องบอกว่าเป็นเทคนิคของเขา ถ้าบ้านไหนมีฐานะหน่อย เขาจะไม่ถอยง่าย ๆ ร่ำร้องโอดครวญอยู่นั่นแหละ ประเภทต้องให้แล้วให้อีกจนกว่าเขาจะพอใจจึงจะไป ก็เลยไปนึกถึงหมอทำขวัญนาค หมอทำขวัญนาคนี่แม่ตั้งท้องตั้ง ๙ เดือน เจ็บท้องร้องโอดโอยอยู่นั่นแหละ ไม่คลอดสักที จนต้องจ้างให้คลอด ถ้าเงินค่าเหล้าไม่พอ หมอทำขวัญนาคก็ร้องโอดโอยต่อไป นาคก็ไม่ต้องคลอดสักที"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2019 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 3 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:14



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว