กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 25-07-2018, 19:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัด มีความชำนาญมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๗ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ เมื่อครู่นี้ได้กล่าวถึงเรื่องการเข้าป่าเข้าดง ถ้าหากว่ากลัวอันตราย ควรพกพาวัตถุมงคลบางอย่างที่ผีหรือเทวดาเขาเกรงใจ เพื่อที่เราจะได้อยู่รอดปลอดภัย แต่ก็ยังมีวิธีที่ดีกว่านั้น

คำว่าวิธีที่ดีกว่านั้นในที่นี้ก็คือ ให้เราหมั่นท่องกรณียเมตตสูตร ซึ่งสำหรับญาติโยมทั่วไปก็ค่อนข้างจะยาวสักหน่อย แต่ถ้าสำหรับพระภิกษุสามเณรแล้ว จำเป็นที่จะต้องท่องอยู่ประจำ จึงไม่ใช่เรื่องยาก ไปที่ไหนก็ตาม ให้ตั้งใจนึกถึงเจ้าที่เจ้าทางด้วยความเคารพ ว่าเรามาอยู่อาศัยเพียงชั่วคราว ขอให้ช่วยคุ้มครองดูแลให้ความปลอดภัย ตลอดระยะเวลาที่เราอาศัยอยู่ในเขตของท่านด้วย แล้วภาวนากรณียเมตตสูตร จะเอาทั้งบทก็ได้ หรือจะตัดเฉพาะ เมตตัญจะ สัพพะโลกัสมิง มานะสัมภาวะเย อะปะริมาณังฯ ไปจนจบก็ได้

แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น เราควรที่จะหมั่นทำสมาธิภาวนา โดยเฉพาะให้ทรงเป็นอัปปนาสมาธิให้ได้ เนื่องเพราะว่าถ้าเราทรงปฐมฌานอย่างหยาบได้ เราจะมีกำลังเทียบเท่าพรหมชั้นที่ ๑ ทรงปฐมฌานอย่างกลางได้ มีกำลังเทียบเท่าพรหมชั้นที่ ๒ ทรงปฐมฌานอย่างละเอียดได้ มีกำลังเทียบเท่าพรหมชั้นที่ ๓

ทรงฌาน ๒ อย่างหยาบได้ มีกำลังเทียบเท่าพรหมชั้นที่ ๔ ทรงฌาน ๒ อย่างกลางได้ มีกำลังเทียบเท่าพรหมชั้นที่ ๕ ทรงฌาน ๒ อย่างละเอียดได้ มีกำลังเทียบเท่าพรหมชั้นที่ ๖

ทรงฌาน ๓ อย่างหยาบได้ มีกำลังเทียบเท่าพรหมชั้นที่ ๗ ทรงฌาน ๓ อย่างกลางได้ มีกำลังเทียบเท่าพรหมชั้นที่ ๘ ทรงฌาน ๓ อย่างละเอียดได้ มีกำลังเทียบเท่าพรหมชั้นที่ ๙

ทรงฌาน ๔ อย่างหยาบได้ มีกำลังเทียบเท่าพรหมชั้นที่ ๑๐ ทรงฌาน ๔ อย่างละเอียดได้ มีกำลังเทียบเท่าพรหมชั้นที่ ๑๑ ซึ่งถ้าหากว่ากำลังเราถึงระดับนี้ก็จะเหนือว่าเทวดาทั่ว ๆ ไป อย่าว่าแต่พวกผี พวกเปรต อสุรกายต่าง ๆ

ถ้าหากว่ากำลังของเราสูงกว่า เขาจะให้ความเกรงใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรากำลังสูงแล้วมีการแผ่เมตตา เจริญกรณียเมตตสูตรเป็นประจำ ๆ ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะให้ความรักความเกรงใจมาก อยู่ที่ไหนจะช่วยคุ้มครองดูแลให้เราปลอดภัย ดังนั้น...แทนที่เราจะพกพาวัตถุมงคลซึ่งอาจจะเป็นของที่ลืมได้ หรือว่าทำหายได้ เราก็ควรที่จะทำสมาธิภาวนาให้กำลังใจทรงตัวไว้จะดีกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2018 เมื่อ 19:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 27-07-2018, 21:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่ากำลังใจทรงตัว นอกจากผีและเทวดาจะเกรงใจแล้ว เรายังจะมีกำลังที่จะชำระจิตใจให้ผ่องใสจากกิเลสได้ กำลังระดับปฐมฌานสามารถชำระใจของเราให้ผ่องใสจากกิเลสได้ ถึงระดับโสดาบันและสกทาคามี แต่ถ้าหากว่าถึงกำลังฌาน ๔ อย่างละเอียด เราสามารถชำระกิเลสได้ถึงระดับพระอรหันต์เลย

ดังนั้น..ในส่วนที่เราปฏิบัติภาวนาอยู่ทุกวันนี้ ก็แค่เพิ่มเข้าไปว่า ไม่ว่าจะไปสถานที่ใดก็ตาม ต้องหมั่นแผ่เมตตาและเจริญกรณียเมตตสูตรอยู่เสมอ ๆ ตั้งใจว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลก

คำว่า สัตตะ หรือที่เราเขียนว่า สัตว์ มี ว.แหวนการันต์นั้น ความหมายหนึ่งแปลว่า ผู้ยังแสวงหาที่เกิด ก็คือตั้งแต่ สัตว์นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน มนุษย์ เทวดา มาร พรหม ซึ่งยังเป็นผู้แสวงหาที่เกิด ล้วนแล้วแต่เรียกว่าสัตว์ทั้งหมด

อย่างเช่นบาลีกล่าวว่า อสัญญีสัตว์นั้นย่อมไม่มีอายตนะที่จะรับรู้สัมผัสซึ่งภายนอก เนื่องเพราะว่าความรู้สึกทั้งหมดจักอยู่แต่ภายในกายเท่านั้น เป็นต้น ก็แปลว่าแม้แต่พรหมชั้นที่ ๑๐ เขาก็ยังเรียกว่าสัตว์ แปลว่าผู้ยังแสวงหาที่เกิดอยู่ ดังนั้น...ถ้าหากว่าเราไม่อยากเวียนว่ายตายเกิด ก็ต้องพยายามรักษาศีล เจริญสมาธิ และพิจารณาในวิปัสสนาญาณ เพื่อที่เราจะได้ล่วงพ้นจากการเกิด ล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2018 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว