กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #161  
เก่า 27-02-2012, 08:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยนั้นวัดท่าซุงใช้จีวรสารพัดสี มีทั้งสีเหลือง สีกรัก สีแก่นขนุน สีแดงแบบทางสายพม่า มีพระอยู่รูปหนึ่ง ตอนนี้ก็คือทิดสมคิด (น้องชายของพระอาจารย์สมปอง) เป็นพระรูปเดียวที่ใส่ ๕ สี สบงสีหนึ่ง อังสะสีหนึ่ง จีวรสีหนึ่ง สังฆาฏิสีหนึ่ง ผ้ารัดอกอีกสีหนึ่ง แสดงว่ามาจากคนละสำรับทั้งนั้นเลย คือเก่าใหม่ไม่เท่ากัน ก็เลยกลายเป็น ๕ สี

มีอยู่วันหนึ่ง พอหลวงพ่อท่านลงโบสถ์ท่านก็พูดถึงเรื่องนี้ ท่านบอกว่า “ข้าดูพวกแกมานานแล้ว ว่าทำไมห่มจีวรสีไม่เหมือนกันสักที พอดีวันนี้ก่อนจะลงโบสถ์ข้านอนอยู่ เห็นผีเดินมา ห่มจีวรมาด้วย ไม่มีหัวมีแต่ตัว ห่มเสร็จแล้วจีวรลอยมา แต่ไม่เห็นว่าเป็นใคร

ถามว่าใคร ? ก็มีเสียงตอบว่าโมคคัลลาน์ครับ..มาทำไม ? ท่านตอบว่าทำให้ดูว่าสมัยก่อนผมห่มจีวรสีนี้ครับ” หลวงพ่อท่านบอกว่าพระโมคคัลลานะห่มจีวรสีเหลือง หลวงพ่อท่านก็ถามว่าพระพุทธเจ้าอนุญาตให้นุ่งห่มด้วยผ้าย้อมน้ำฝาดไม่ใช่หรือ ? แล้วทำไมถึงห่มผ้าสีเหลือง มีเสียงย้อนตอบกลับมาว่า “แล้วขมิ้นมันหวานหรือเปล่า ?” นักเลงจริงนี่เขาไม่ตอบตรงคำถามนะ เขาย้อนถามคืน ถ้าขมิ้นหวานจะได้ไม่ใช้

ท่านก็เลยต้องไปค้นตำรามาอ่านใหม่ เพราะว่าอ่านมาตั้งแต่สมัยบวชพรรษาแรก ชักลืม ๆ ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าระบุไว้ว่าให้ใช้จีวรสีเหลือง สีเหลืองเจือแดงเข้ม และสีกรัก ได้ ๓ สี หลวงพ่อท่านก็สรุปว่า สาเหตุที่พระธุดงค์หรือพระป่าท่านใช้จีวรสีกรักเพราะว่าเปื้อนยาก เดินป่าอยู่ตลอด ทำให้ผ้าสกปรกง่าย ถ้าหากว่าเป็นจีวรสีเหลืองก็คงดูไม่ได้เลย แต่ถ้าอยู่ในเมืองก็ให้ห่มจีวรสีเหลืองไป

สรุปว่าวัดท่าซุงก็เลยต้องเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเสมอกันหมด ไม่อย่างนั้นตอนแรกทั้งวัดมีสารพัดสี ตอนนั้นนี่สามัคคีจริง ๆ มาจากทิศไหนสีไหนก็อยู่ด้วยกัน ลายไปทั้งโบสถ์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-02-2012 เมื่อ 19:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #162  
เก่า 27-02-2012, 08:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ไปรับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศและผ้าไตรที่วัดพระพุทธบาท เจอท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี ก็เข้าไปกราบท่าน แจ้งว่าเป็นรุ่นน้องของหลวงตาวัดเขาวงครับ ท่านจำหน้าได้ก็ถามว่า “แล้วทำไมห่มคนละสีกัน ?” อาตมาก็เลยแจ้งว่า “วัดใหม่ที่ผมไปอยู่เป็นสีนี้กันทั้งวัด ผมจะไปเหลืองอยู่คนเดียวก็น่าเกลียด ก็เลยต้องคล้อยตามส่วนรวมเขา”

โดยเฉพาะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มีการอบรมพระนวกะ พระผู้ใหญ่ท่านแนะนำว่า ให้พระทั้งวัดห่มสีหนึ่ง แล้วให้เจ้าอาวาสห่มอีกสีหนึ่ง จะได้เด่นให้คนเขารู้ว่าใครเป็นใคร อาตมาก็เลยบอกว่า “ถ้ามีโจทก์ก็ตายฟรีสิครับ” เด่นไม่เหมือนใคร รับรองว่าเล็งหัวไม่พลาดแน่ ส่วนใหญ่อาตมาจะคิดไม่เหมือนเขา

ปัจจุบันบริขารของพระหาง่าย ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องไปชักผ้าบังสุกุลมาซัก มาย้อม แล้วก็มาตัดเย็บเป็นจีวรกัน ผ้าหายาก ต้องทะนุถนอมมาก หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์สมัยบวชใหม่ ๆ ท่านนั่งกรรมฐาน ปรากฏว่าเทียนล้มใส่ จีวรไหม้เกือบหมด แต่ความที่ท่านทรงสมาธิลึกก็เลยไม่รู้ว่าจีวรที่ห่มอยู่ไฟไหม้

ท่านบอกว่าพอลืมตาขึ้นมาเห็นแล้วขวัญหาย รู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า คล้าย ๆ กับว่าของที่หายากที่สุด เป็นธงชัยพระอรหันต์ เป็นสิ่งที่พระอุปัชฌายาจารย์ท่านอุตส่าห์เสาะแสวงหามา เพื่อให้ตัวเองได้บวช โดนทำลายด้วยมือของตน ท่านบอกว่ายังดีที่ว่าครูบาไชยลังกาท่านรู้ข่าว ท่านรีบหาผืนใหม่มาให้ ไม่อย่างนั้นถ้าคิดอีกหลายวันสงสัยได้บ้าแน่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-02-2012 เมื่อ 19:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #163  
เก่า 27-02-2012, 08:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงจุดนี้จริง ๆ จะได้เห็นว่าเรื่องของสมาธิคุ้มกันอันตรายได้ แบบเดียวกับที่พระปัจเจกพุทธเจ้าเข้านิโรธสมาบัติอยู่ คณะของนางสามาวดีในชาตินั้นไปก่อไฟผิงแล้วกลายเป็นไฟป่า ไหม้พระปัจเจกพุทธเจ้าไปด้วย นางสามาวดีเห็นก็ตกใจว่าเราเผาพระตายเสียแล้ว ก็เลยช่วยกันสุมไฟประชุมเพลิงต่อให้ ความจริงก็ด้วยความหวังดี แต่เขาไม่เข้าใจว่าพระท่านเข้าสมาธิอยู่ ถ้าสมาธิทรงตัวจริง ๆ จะคุ้มกันอันตรายได้

พอถึงเวลาตัวเองกลับไป พระปัจเจกพุทธเจ้าท่านเข้านิโรธสมาบัติครบกำหนด ท่านก็ออกจากนิโรธสมาบัติ เห็นว่าทำไมขี้เถ้าเต็มไปหมด ที่แท้โดนเขาสุมฟืนเผาซะแล้ว ด้วยกรรมที่ได้ทำในชาตินั้น แม้จะไม่เจตนาก็ตาม พอมาในชาติปัจจุบันจึงได้โดนนางมาคัณฑิยาให้คนเอาไฟเผาปราสาท นางสามาวดีพร้อมหญิงบริวารอีก ๕๐๐ จึงโดนเผาตาย แต่ว่าท่านตายในลักษณะของพระอริยเจ้า เป็นพระอนาคามีบ้าง เป็นพระสกทาคามีบ้าง เป็นพระโสดาบันบ้าง

ส่วนอาตมาเองนั่งสมาธิแล้วตัวลอย ดันลอยขึ้นไปหาพัดลมเพดาน ถ้านั่งต่อไปก็คงไม่มีปัญหาหรอก แต่ดันเกิดความรู้สึกว่ามีอะไรวับ ๆ อยู่ข้างเอว ก็เลยลืมตาขึ้นมาดูว่าคืออะไร พอเห็นว่าเป็นพัดลมเพดาน สมาธิก็คลายเลยร่วงลงมา ยังดีว่าเป็นการตกในขณะที่นั่งสมาธิ ก็เลยไม่เจ็บ ถ้าหากว่าไม่ใช่ตกในสมาธิ ด้วยความสูงประมาณ ๒ เมตรครึ่งได้ ตกมาก็คงต้องเจ็บบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-02-2012 เมื่อ 19:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #164  
เก่า 27-02-2012, 08:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เก็บตกเดือนนี้จบแล้วค่ะ


รูป
ชนิดของไฟล์: jpg P1020266_resize.jpg (50.5 KB, 1187 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:47



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว