กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 11-07-2016, 21:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตามที่พระอาจารย์ได้ให้ข้อมูลมา มีข้อมูลมานานมากหรือครับ ?
ตอบ : ถามว่านานมากไหม ? ถ้าการแต่งเรื่องขุนช้างขุนแผนก็ต้องบอกว่านานมากแล้ว อาตมาเองอ่านหนังสือมามาก ในเมื่ออ่านมามาก ในสิ่งต่าง ๆ ที่รู้ว่าโบราณเขาทำอย่างไรถูกต้อง ก็ตักเตือนกันไปเรื่อย แต่ส่วนหนึ่งก็ฟัง บางส่วนก็ปล่อยผ่านหูไปเฉย ๆ การที่โยมมาถามข้อมูลก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าเราเป็นสื่อมวลชน เราสามารถทำให้ข้อมูลแผ่ไปในวงกว้างได้ง่ายขึ้น

ถาม : ขอคำยืนยันว่าจริงหรือไม่จริง ?
ตอบ : ถ้าหากว่าจริงหรือไม่จริง มีข้อมูลยืนยันอยู่แล้ว โยมลองไปค้นตามที่ว่ามา

ถาม : เรื่องนี้ควรเผยแพร่ต่อหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ก็แล้วแต่โยมเห็นว่าเหมาะสม อาตมาก็ยังคงพูดไปเรื่อยถ้ายังไม่หมดแรงเสียก่อน เพราะต้องการให้ทำให้ถูกต้อง เนื่องจากว่าทางวัดเป็นศูนย์วัฒนธรรมของอำเภอด้วย

ถาม : ที่พระอาจารย์ได้ข้อมูลมานี้ พระอาจารย์ได้ศึกษามาจากหนังสือหรือที่ไหนครับ ?
ตอบ : ทั้งจดจำมาจากที่ผู้หลักผู้ใหญ่เขาปฏิบัติตามมา ทั้งที่อ่านจากหนังสือและตำราต่าง ๆ สรุปลงได้ว่า ที่พูดมานั้นไปตามที่ตนเองรู้ว่าโบราณเขาถือกันอย่างไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 07:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 11-07-2016, 21:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่วัดเป็นศูนย์วัฒนธรรม ?
ตอบ : เป็นศูนย์วัฒนธรรมของอำเภอ ซึ่งแต่ละแห่งเขาจะมีศูนย์ของตนเอง ก็อยากจะให้เด็ก ๆ เขาได้รับรู้ในสิ่งที่ถูกต้อง ทางด้านกระทรวงวัฒนธรรมเขาจัดตั้งเป็นศูนย์วัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน

ถาม : ในส่วนของครูบาอาจารย์จะคอยเตือนญาติโยม ?
ตอบ : อะไรที่เราเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็พยายามตักเตือนให้เขาทำในสิ่งที่ถูกต้องเข้าไว้ ถ้าหากว่าคนที่รู้จริงเขาไป จะได้ตำหนิเราไม่ได้

ถาม : เหมือนกับมีคนพูดถึงว่า ถ้าแต่งตัวแบบกาลเทศะก็จะแบ่งได้ว่า คนนี้เป็นญาติใคร ?
ตอบ : ใครอาวุโสมากกว่า ใครอาวุโสน้อยกว่า ก็จะบอกได้ชัดเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 07:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 11-07-2016, 21:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอาจารย์เกิดที่กาญจนบุรี ?
ตอบ : ไม่ใช่ อาตมาเกิดนครปฐม บวชที่อุทัยธานี ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสที่กาญจนบุรี

ถาม : แสดงว่าประเพณีการแต่งกายนี้ พระอาจารย์ได้มาจากจังหวัดนครปฐม ?
ตอบ : จะว่าไปแล้วเขาใช้กันทั่วประเทศ เพียงแต่ระยะหลังเขาไม่ได้เน้นเท่านั้นเอง ก็อาจจะเป็นเพราะเห็นว่าฝรั่งเขาแต่งดำไปงานศพ แล้วพวกเราก็อาจจะเห็นขนบธรรมเนียมของฝรั่งเขาว่าเท่กว่า โก้กว่า ลืมในเรื่องสิ่งดี ๆ ของวัฒนธรรมไทย ก็ไปเลียนแบบฝรั่ง

ถาม : หลัง ๆ ที่เปลี่ยนไปเพราะวัฒนธรรมตะวันตก ?
ตอบ : ใช่...ก็คงจะเป็นการเห่อตามตะวันตกไป ก็เลยทำให้ผิดพลาด ถ้าหากว่าเราจะดูให้ชัดต้องดูงานหลวง งานหลวงนี่เราจะเห็นชัดเลยว่า ถึงเวลาเขาแต่งชุดขาว ติดแขนทุกข์

ถาม : อย่างงานใครล่าสุดครับ ?
ตอบ : ที่เห็นชัดล่าสุดเลยก็คือ งานของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เราจะเห็นว่าผู้ที่แต่งดำจะมีแต่ผู้ที่ศักดิ์สูงกว่าเท่านั้น ถ้าโดยอิสริยยศ อิสริยศักดิ์ที่สูงกว่า แม้จะอายุน้อยกว่าก็แต่งดำไป

โมทนากับโยมด้วย ที่อุตส่าห์ช่วยทำความจริงให้ปรากฏ แต่คนจะฟังหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? เพราะค่านิยมส่วนใหญ่เพี้ยนไปหมดแล้ว ลองไปค้นหาข้อมูลดูก่อนนะ เนื้อหาตอนวันทองถูกฆ่าก็รู้สึกว่าค่อนข้างจะยาว ก็ลองดูว่าตอนที่เขานำศพไป จะเห็นว่าทั้งครอบครัวแต่งขาวหมด แล้วก็พวกชาวบ้านที่เขามาเที่ยว ก็แต่งชุดขาวหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 07:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 11-07-2016, 21:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเป็นนักดนตรี เวลาทำงานจะภาวนาอย่างไรครับ ?
ตอบ : เวลาทำงานใจก็อยู่กับงาน จะได้ไม่ผิดพลาด เวลาว่างแล้วก็มาอยู่กับกรรมฐาน

ถาม : หูไม่ค่อยได้ยินครับ ?
ตอบ : ถ้าดังขนาดนี้ไม่ได้ยินก็ไม่ต้องฟัง...! แสดงว่าเล่นพวก Heavy Metal แน่นอน หูพังไปเรียบร้อยแล้ว เสียงดังขนาดนี้โยมบอกไม่ได้ยิน แสดงว่าเล่นพวกดนตรีหูเหล็กมาเยอะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 07:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 11-07-2016, 22:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์พูดกับโยมที่ลูกพูดช้าแล้วไปเอาเขียดตบปาก "คราวนี้เสียใจแล้วใช่ไหมที่เอาเขียดตบปาก ? เอาตอนไม่พูดดีกว่านะ เคล็ดลับบางอย่างที่โบราณเขาทำมาก็มีผลจนคิดไม่ถึง อย่างที่เด็กไม่พูดแล้วเอาเขียดตบปาก กลายเป็นพูดไม่หยุด ก็ไม่แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่ก็เห็นได้ผล

ส่วนอีกอย่างที่เห็นแล้วไม่น่าเชื่อเลย ก็คือ ตอนอาตมายังเรียนมัธยมอยู่ มีหลานอยู่คนหนึ่งแหกปากร้องเช้ายันค่ำ ร้องไปร้องมาสะดือโป่งขึ้นมาเป็นลูก เพราะตะเบ็งเสียงมากเกินไป จนกระทั่งใส ๆ เป็นลูกโป่ง พ่อแม่เขาก็ตกใจ แต่ปรากฏว่าโยมแม่อาตมาที่เป็นย่าบอกว่า อยู่เฉย ๆ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แกไปเก็บมะเขือเปราะมาลูกหนึ่ง แล้วกลั้นใจวนรอบสะดือ ๓ รอบ แล้วก็เอาไปวางทิ้งไว้ให้เหี่ยว พอมะเขือเหี่ยวสะดือก็ยุบ ไม่น่าเชื่อว่าโรคที่บางทีต้องผ่าตัดเลย คนโบราณเขาเล่นมะเขือเปราะลูกเดียวก็แก้ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 08:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 11-07-2016, 22:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีคนพยายามจะซื้อหนังสือให้อาตมาอยู่เรื่อย แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าอาตมาอ่านจบไปแล้ว

เสถียร จันทิมาธร เขียนหนังสือลักษณะคล้าย ๆ กับวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำวิทยานิพนธ์ มีการอ้างอิงหนังสือหลาย ๆ เล่ม ที่เป็นแหล่งข้อมูลต่าง ๆ กันไป

พอมีคนซื้อหนังสือให้อาตมาก็คอยมองด้วยความหวัง ว่าจะเป็นของที่ยังไม่ได้อ่านหรือเปล่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 08:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 13-07-2016, 20:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แม่เป็นเบาหวานครับ ?
ตอบ : บอกแม่ลองรักษาตามวิธีของอาจารย์บ๊ะ เอาน้ำผึ้ง ๑ ช้อนชา ชงน้ำอุณหภูมิปกติ กินก่อนนอน ๗ วันแค่นั้นเอง แล้วก็ไปเช็คเลือดดู แทนที่จะขึ้นกลับลด แปลกมากเลย เป็นวิธีรักษาเบาหวานที่อร่อยมาก

ถาม : ต้องเป็นน้ำผึ้งแท้หรือครับ ?
ตอบ : ก็ต้องน้ำผึ้งแท้นั่นแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-07-2016 เมื่อ 21:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 13-07-2016, 20:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปัณวิทย์ ชื่อแปลว่าอะไรวะ ? คนก็ตั้งไปเรื่อยเปื่อยเหมือนกันนะ วิทยะ แปลว่า ความรู้ ปัณ แปลว่าใบไม้ ปัณวิทย์ แปลว่า รู้จักใบไม้หรือ ?

สมัยนี้รู้สึกว่าเขาจะเอาแต่อักษรที่รวมกันแล้วได้ตัวเลขมงคล ไม่ได้สนใจว่าชื่อจะอ่านออกหรืออ่านไม่ออกอย่างไร กูตั้งอย่างเดียวเลย แบบคุณอะไรที่ไปปฏิบัติธรรม ชื่อยาวเหยียด ชื่อยาวสุด ๆ เลย ตั้งใจจะรวมให้ได้ตัวเลขมงคล เขาก็เลยตั้งไปเรื่อย ก็แปลกใจว่า แล้วทำไมพวกเจ้าหน้าที่ปัญญาอ่อนถึงยอมให้เปลี่ยนชื่อ ทีของเราตั้งชื่อไปมีคำแปลชัด ๆ ดันบอกว่าแปลไม่ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 13-07-2016, 21:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์พูดถึงหนังสือเครื่องรางของขลังที่วางขายทั่วไป "เดี๋ยวนี้เขาใช้วิธีนี้ ก็คือออกหนังสือให้หน้าตาดูน่าเชื่อถือ แล้วก็เอาของของตัวเองยัดลงรูปไว้ เอาไปจำหน่าย ชั่วจริง ๆ อาตมาดูอย่างไรก็ไม่ใช่ของแท้

หนังสือที่ดีมาก ๆ เลย ๒-๓ ฉบับก็คือ ศิลปวัฒนธรรม สารคดี ฯลฯ รู้สึกคนไม่ค่อยจะสนับสนุนกัน ก่อนหน้านี้ก็มีหนังสือดี ๆ ๒-๓ ฉบับ คนค้นฅนก็หายหมดแล้ว ออกได้ไม่กี่เล่ม นี่ขนาดออกเป็นรายเดือนยังออกไม่ค่อยจะไหวเลย

อีกเล่มหนึ่งถ้าหากว่าเล่นเครื่องรางของขลัง ก็ต้องโน่นเลย Spirit ไม่ใช่เครื่องรางของขลังอย่างเดียว ของเก่าก็ลง นาฬิกาก็ลง แต่ถ้าพระเครื่ององค์ไหนลงในหนังสือของเขา เขาประกันให้ พูดง่าย ๆ ก็คือว่า ถ้าคุณบูชาไปในราคาที่เขาลงเอาไว้ แล้วไม่พอใจเขาคืนในราคาเดิม เพราะเขามั่นใจว่าของเขาแท้ เขาเรียกว่าพระพันตา ก็คือต่อให้ ๕๐๐ คนดู ก็ต้องยืนยันว่าแท้ ยกเว้นมีตาไม่ครบสองข้าง แล้วเท่าที่ดูก็ใช่ แต่อย่างเล่มเมื่อครู่ที่คุณอรสาเอามาให้ดู ตอนหลัง ๆ เละเป็นโจ๊กเลย ปลอมทั้งนั้น

เรื่องของพระเครื่อง อาตมาสรุปง่าย ๆ ว่าเหมือนกับต้นไม้ ถ้าเรารู้จักว่านี่คือต้นไม้ชนิดไหน ต่อให้ต้นใหญ่ ต้นเล็ก ต้นแก่ ต้นอ่อน อย่างไรเราก็รู้ว่าคือต้นอะไร เมื่อวันก่อนมีโยมถวายมีดเล่มหนึ่ง อาตมาก็บอกว่าฝักทำด้วยไม้ชิงชัน สมุห์กอล์ฟถามว่า “แล้วดูออกได้อย่างไร ?” ถ้าเรารู้จักไม้ก็ดูออก ก็คือไม้ประดู่นั่นแหละ แต่ไม่ใช่ประดู่แดง เป็นประดู่ชิงชัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 08:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 13-07-2016, 22:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครอยู่ภาคใต้บ้าง ? น่าจะสักปลายกันยายนถึงเดือนตุลาคม น่าจะย้ายหนีไปอยู่ที่อื่น อย่าไปอยู่ปักษ์ใต้ ของบางอย่างกฎของกรรมก็หนัก แบบเดียวกับโยมคนหนึ่ง ก่อนนั้นเขาซื้อกระสอบทรายกั้นรอบบ้านเลย แกถือว่ารั้วแกแข็งแรง ตอนช่วงน้ำท่วมปี ๕๔ แกก็กั้นแค่หน้าประตูบ้าน ปรากฏว่าน้ำมาหนักเข้า ๆ ดันกำแพงถล่มพรวดเดียว ชั้นล่างหายไปครึ่ง เก็บของไม่ทันสักชิ้นเดียว มัวแต่ใจเย็น บ้านอื่นเขาเก็บของขึ้นชั้นสองหมด บ้านนี้สบายใจ โฮมเธียเตอร์เอยอะไรเอย เละเทะหมด กลายเป็นเศษขยะเลย

ส่วนอีกบ้านหนึ่งนั้นน่าสงสารมาก กั้นหมด รั้วรอบขอบชิดแข็งแรง น้ำขึ้นมาทางท่อน้ำทิ้ง คนเราถ้าหากทำกรรมเอาไว้ ถึงเวลาก็โดนจนได้ ครอบครัวของท่านเจ้าคุณปิงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด บ้านอยู่ตรงไหนตรงนั้นไม่ท่วม แสดงว่าไม่ได้สร้างกรรมไว้เลย ที่ตลกที่สุดก็คือพี่สาวแต่งงานไปอยู่บ้านพี่เขย น้ำท่วมข้างละซีก แสดงว่าพี่เขยเฉลี่ยไปครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่ได้แต่งกับพี่สาวท่าน สงสัยว่าจะโดนทั้งบ้าน

เรื่องกฎของกรรมนี่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ชัดว่า หลบไปอยู่ที่ไหนก็ไม่พ้น ไปอยู่กลางมหาสมุทร ไปอยู่บนภูเขา กลางอากาศ ไม่รอดทั้งนั้น

ขอบอกชัด ๆ ว่า ตอนนี้ที่เหตุร้าย ๆ ทุกอย่างยังชะลอ ๆ อยู่เพราะเขาเกรงใจในหลวง พอสิ้นในหลวงเมื่อไรได้รับเละกันแน่ ๆ คนอื่นเขาก็ไม่กล้าบอกชัดอย่างนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 08:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 13-07-2016, 22:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "เหล็กที่เห็นไม่ใช่เหล็กน้ำพี้นะ เป็นน้ำพี้ปลอม แม้กระทั่งข้างบ่อ อ.ทองแสนขัน ยังปลอมเลย คนที่ไม่เข้าใจเห็นสีเหมือนปีกแมลงภู่ ก็คิดว่าน้ำพี้แน่นอน ไม่ได้สังเกตน้ำหนัก เหล็กน้ำพี้น้ำหนักจะเบา ที่เห็นเป็นเหล็กธรรมดาไปชุบแบบรมดำปืน จะเอาสีขนาดไหนชุบได้ทั้งนั้นแหละ

เดี๋ยวนี้เป็นยุคสมัยแห่งการหลอกลวง อะไร ๆ ก็ปลอมหมด แม้แต่ผู้หญิงยังปลอมเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 08:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 14-07-2016, 17:12
ชยาคมน์'s Avatar
ชยาคมน์ ชยาคมน์ is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Apr 2009
ข้อความ: 222
ได้ให้อนุโมทนา: 21,244
ได้รับอนุโมทนา 155,506 ครั้ง ใน 2,941 โพสต์
ชยาคมน์ is on a distinguished road
Default

อ้างอิง:
ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ เถรี อ่านข้อความ
ถาม : ตามที่พระอาจารย์ได้ให้ข้อมูลมา มีข้อมูลมานานมากหรือครับ ?
ตอบ : ถามว่านานมากไหม ? ถ้าการแต่งเรื่องคุณช้างขุนแผนก็ต้องบอกว่านานมากแล้ว อาตมาเองอ่านหนังสือมามาก ในเมื่ออ่านมามาก ในสิ่งต่าง ๆ ที่รู้ว่าโบราณเขาทำอย่างไรถูกต้อง ก็ตักเตือนกันไปเรื่อย แต่ส่วนหนึ่งก็ฟัง บางส่วนก็ปล่อยผ่านหูไปเฉย ๆ การที่โยมมาถามข้อมูลก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าเราเป็นสื่อมวลชน เราสามารถทำให้ข้อมูลแผ่ไปในวงกว้างได้ง่ายขึ้น

ถาม : ขอคำยืนยันว่าจริงหรือไม่จริง ?
ตอบ : ถ้าหากว่าจริงหรือไม่จริง มีข้อมูลยืนยันอยู่แล้ว โยมลองไปค้นตามที่ว่ามา

ถาม : เรื่องนี้ควรเผยแพร่ต่อหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ก็แล้วแต่โยมเห็นว่าเหมาะสม อาตมาก็ยังคงว่าไปเรื่อยถ้ายังไม่หมดแรงเสียก่อน เพราะต้องการให้ทำให้ถูกต้อง เนื่องจากว่าทางวัดเป็นศูนย์วัฒนธรรมของอำเภอด้วย

ถาม : ที่พระอาจารย์ได้ข้อมูลมานี้ พระอาจารย์ได้ศึกษามาจากหนังสือหรือที่ไหนครับ ?
ตอบ : ทั้งจดจำมาจากที่ผู้หลักผู้ใหญ่เขาปฏิบัติตามมา ทั้งที่อ่านจากหนังสือและตำราต่าง ๆ สรุปลงได้ว่า ที่พูดมานั้นไปตามที่ตนเองรู้ว่าโบราณเขาถืออย่างไร
ฝากทีมงานพิจารณาด้วยครับ (หากเห็นชอบโปรดแนบข้อมูลนี้ประกอบในโพสต์ที่ ๖๑ ด้วยครับ)

ผมขออนุญาตนำเสนอเอกสารอ้างอิง เพื่อประกอบคำแนะนำของพระอาจารย์ที่เมตตาแนะนำเรื่องการแต่งกายไปงานศพครับ



อ้างอิงจากหนังสือ "ประเพณีเนื่องในการตาย" ของ "เสถียรโกเศศ" หน้า ๑๖๓
(หนังสือเล่มนี้น่าจะมีการเขียนไว้ไม่น้อยกว่า ๕๐ ปีครับ)

นามปากกา "เสถียรโกเศศ" เป็นของ "ศาสตราจารย์พระยาอนุมานราชธน"
ประวัติของท่าน https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8...B8%A8%E0%B8%A8)

ท่านสามารถดาวน์โหลดหนังสือ "ประเพณีเนื่องในการตาย" ของ "เสถียรโกเศศ" ฉบับเต็มที่ได้
http://www.openbase.in.th/files/satienbook011.pdf

สำหรับเอกสารประเพณีไทยอื่น ๆ สามารถดาวน์โหลดได้ที่
http://www.sathirakoses-nagapradipa....&limitstart=40
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg การแต่งกาย.jpg (107.4 KB, 1156 views)
__________________
ร่วมรณรงค์การใช้ภาษาไทยให้ถูกต้อง เริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ชยาคมน์ : 15-07-2016 เมื่อ 16:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 137 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ชยาคมน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 14-07-2016, 20:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การวางกำลังใจของคนใกล้ตาย....(ไม่ชัด)..... จิตต้องรวมเป็นสมาธิ กำลังบุญเก่าจะกลับมาหมด หรือมาอัตโนมัติเจ้าคะ ?
ตอบ : ถ้าหากว่าสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจิตก็ไม่รวม ถ้าจิตไม่รวมกำลังบุญเก่าก็ไม่กลับมา ขนาดพวกอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ยังลงนรกมาเยอะแล้ว จึงต้องภาวนาให้เคยชินไว้ทุกวัน ถึงเวลาสภาพจิตจะได้วิ่งเข้าไปหาองค์ภาวนาเองโดยอัตโนมัติ เดี๋ยวตอนสุดท้ายเขาก็จะรู้เองแหละว่าจะวางอย่างไรถึงจะไปได้

ถาม : จะต้องให้ศีล สมาธิ มากกว่านี้ หรือได้แค่อุปจารสมาธิก็ได้ ?
ตอบ : ต้องบอกว่าถ้าได้ฌานก็แน่นอนกว่า ถ้าได้อุปจารสมาธินี่มีอะไรกวนหน่อยก็เสียหายแล้ว คนใกล้ตายส่วนใหญ่สภาวะจิตจะกลับไปสู่อุปจารสมาธิโดยอัตโนมัติ ถึงตอนนั้นจะรู้เห็นคติคือที่ไปของตัวเอง ท่านที่ทำความดีเอาไว้จะเห็นพรหมเห็นเทวดามารับ หรือถ้าความดีสูงสุดก็เห็นพระท่านมารับ ถ้าหากว่าเห็นอย่างอื่นคติก็บิด ๆ เบี้ยว ๆ ไปตามที่เห็นนั่นแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 11:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 14-07-2016, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "วัตถุมงคลของหลวงพ่อทบที่อาตมาอยากได้จริง ๆ และเคยเห็นครั้งเดียวในชีวิตก็คือตะกรุด ๑๖ ชั้น ม้วนหนาเป็นถ่านไฟฉายเลย เห็นคนที่มีเขาบอกว่า “อะไรที่มีในชีวิตท่านใส่ลงไปหมดเลย” ถามท่านวิสุทธิ์ ท่านก็บอกว่าผมเองก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนกัน แต่บังเอิญว่าอาตมาซี้กับ นายก อบต.วังชมพู ประเภทของอะไรเก่า ๆ ที่คนแถวนั้นมีก็พอจะได้เห็นบ้าง

โดยเฉพาะพวกวังชมพูเล่น ๑๑ มม.กันทุกบ้าน ของไม่ดีจริงเขาไม่พกหรอก แล้วของหลวงพ่อทบนี่ลองได้ทุกชิ้น จนกระทั่งทุกวันนี้สังขารท่านก็ไม่เน่าไม่เปื่อย อยู่ให้กราบไหว้บูชา

หลวงพ่อทบทำตะกรุดไม่เหมือนสำนักไหน ไม่เหมือนตรงที่ว่าจารเสร็จจะส่งให้ลูกศิษย์เอาไปยิงก่อน ถ้ายิงออกก็ทิ้งไปเลย ถ้ายิงไม่ออกท่านค่อยเอามาเสกเพิ่มให้ ...(หัวเราะ)... ก็คือใช้ได้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาปิดท้ายก็ได้ ท่านก็ทุ่มเททำให้จนกระทั่งตอนช่วงท้ายก็สายตาเสีย มองอะไรไม่เห็นเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 11:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 14-07-2016, 21:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยนั้นเขาเรียนวิชาถึงกันหมด แบบเดียวกับหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว เป็นลูกศิษย์หลวงปู่กลิ่น วัดหนองบัว หลวงปู่กลิ่นนี่เป็นอาจารย์ของทั้งหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ทั้งหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ทั้งหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงปู่ยิ้มถือว่าเป็นลูกศิษย์ลำดับท้าย ๆ ประเภทช่วงท้ายอายุหลวงปู่กลิ่นเลย

คนเขาก็สงสัยว่าอาวุโสหลวงปู่ยิ้มบางทีไม่ทันหลวงปู่เงิน ประเภทว่าทันเห็นกัน ทำไมท่านไปมาหาสู่กันขนาดนั้น ความจริงคือเรียนวิชาอาจารย์เดียวกัน มีวิชาอยู่วิชาหนึ่งของหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัวก็คือการถักหวายคาดเอว โยนลงทะเลแล้วตักน้ำจากวงหวายจะเป็นน้ำจืด ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านเรียนมาจากหลวงปู่พ่วง วัดลิงโจน หรือว่าหลวงปู่ทิม วัดบางลี่น้อย เพราะว่าสายแม่กลองกับสายเมืองกาญจน์นี่ถึงกัน แจวเรือไปหากันได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 11:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 14-07-2016, 21:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"กรุงเทพฯ มีชื่อวัดลิงขบ แสดงว่าโดนลิงกัดไปเยอะ ที่เมื่อประมาณสักอาทิตย์สองอาทิตย์ที่ผ่านมา มีข่าวว่าต้นไม้ล้มแล้วลิงตายไป ๕๐-๖๐ ตัว อันนั้นไม่ใช่ว่าต้นไม้ทับลิงตาย เพราะว่าต้นไม้ล้มแล้วโอกาสที่ลิงจะตายนี่มีเกือบจะเป็นศูนย์ คาดว่าฟ้าผ่าต้นไม้ ลิงโดนไฟฟ้าตายก่อนแล้วต้นไม้ค่อยล้ม เพราะเป็นต้นไม้สูงใหญ่มาก เป็นต้นเดียวอยู่ในบริเวณนั้นด้วย โด่เด่ล่อฟ้าอยู่เลย แล้วฟ้าผ่านี่ขนาดควายยังตายยกฝูงมาแล้ว ลิงตัวนิดเดียวจะไม่ตายยกฝูงได้อย่างไร

๕๐ กว่าตัวรอดไปแค่ ๖ ตัว คาดว่า ๖ ตัวนั้นวิ่งไปหลบที่อื่น ไม่ได้อยู่บนต้นนั้นด้วย ความจริง ๕๐ กว่าตัวนี่กินได้ทั้งหมู่บ้านเลยนะ ใครกินเนื้อลิงแล้วจะเสียนิสัย เพราะว่าอร่อย...!

สมัยที่ลุงปานยังไม่เกษียณแกยิงประจำ อาตมาไปอยู่ที่บึงลับแลจะมีลิงอยู่ ๒ ฝูง จะลงมาประจำเลย ฝูงใหญ่มีร่วม ๓๐ ตัว ส่วนฝูงเล็กก็ ๑๐ กว่าตัว หากินกันคนละขอบบึง แต่ก็เจอกันบ่อย พออาตมาอยู่จะมาล้อมเต็มไปหมด มีอะไรก็ต้องแบ่งให้กิน ที่แน่ ๆ คือกลางคืนหนาวมาก พอก่อไฟเขาก็มาอาศัย ตรงเวิ้งถ้ำที่ก่อไฟมีหินงอกหินย้อยอยู่ เขาก็อาศัยเกาะหินเพื่อเอาไออุ่น พอโดนควันก็ไอค็อกไอแค็ก น้ำตาไหลน้ำตาร่วง สงสารก็สงสาร

สังเกตได้ว่าลุงปานจะมาส่งอาหารตอนไหน เสียงลิงที่แซ่จะไปหายหมด ถ้าอยู่ ๆ มีตัวหนึ่งร้องเสียงดังขึ้นมาพักเดียวหายหมดฝูงเลย แล้วก็นับไปเถอะ อีกประมาณชั่วโมงหนึ่งลุงปานจะมา แสดงว่าลิง
ตัวที่เป็นยามอยู่บนยอดเขา เห็นตั้งแต่แกออกจากบ้าน แล้วลุงปานก็อยู่โน่น บ้านอยู่ห่างไปตั้งหลายกิโลเมตร แต่ลิงเขาเห็น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 11:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 14-07-2016, 21:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมต้องให้ยามไปเฝ้าดูลุงด้วยคะ ?
ตอบ : ก็แกยิงไปกินบ่อยจนกระทั่งลิงจำได้ว่าไอ้นี่แหละ ก็วางเวรเฝ้าเลย พอร้องทีหายหมด ถ้าอยู่ ๆ เสียงลิงเงียบหมดก็นับเวลาได้เลย ประมาณชั่วโมงหนึ่งลุงปานจะเอาอาหารมาส่ง

ถาม : แกยิงลิงทำไมคะ ?
ตอบ : กิน...แสดงว่าคนถามไม่เคยกินลิงผัดเผ็ด พวกลิงพวกค่างนี่ถ้าคนจะกินต้องใจแข็ง ๆ หน่อย เพราะเวลาที่เขาจับลอกหนังแล้วเหมือนเด็กถอดเสื้อ ...(หัวเราะ)...

ถาม : ลุงปานทำลิงผัดเผ็ดมาถวายหรือคะ ?
ตอบ : ไม่หรอก แกคนเดียวก็ไม่พอกินแล้ว ส่วนใหญ่ที่มาแกแบกข้าวสารมาให้ เพราะแกรู้ว่ากับข้าวมีแล้ว เป็นพวกปลากระป๋อง แกมาแล้วได้หวยนี่จึง ขยันฉิบหา...เลย ยิ่งใกล้ ๆ วันที่ ๓๐ หรือวันที่ ๑๕ นี่เป็นตายก็ต้องมาให้ได้ แกศรัทธามากขนาดแบกฟูกกับที่นอนเข้ามาให้ บอกไปว่า “ลุงปาน พระมาธุดงค์จะให้สบายขนาดนั้นเชียวหรือ ?” แกก็เลยแบกกลับไป เห็นอยู่ในป่าอากาศหนาว กลัวพระจะลำบากอุตส่าห์แบกฟูกกับที่นอนมาให้ แต่แกได้หวยไปก็คุ้ม คือนางไม้ตรงนั้นขยัน ถึงเวลาก็จะบอกก่อนว่างวดนี้ให้กี่ตัว บางทีจำกัดว่าเล่นได้เท่าไร บางทีก็ไม่จำกัด ที่ไม่จำกัดส่วนใหญ่กลับไปกลับมาแล้วให้มาตั้ง ๓ ตัว แกต้องแทงมั่วของแกไปเรื่อยเดี๋ยวก็ถูกเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 11:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 14-07-2016, 21:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยก่อนเขาเรียนวิชาโดยการแลกกันไปแลกกันมา อย่างวิชาธงกันไฟไหม้ กันฟ้าผ่า ที่หลวงปู่ปานท่านถ่ายทอดมานั้นก็เป็นวิชาสายแม่กลอง มาจากหลวงปู่ทิม วัดบางลี่น้อย ของเราสมัยนี้ไม่ค่อยจะมีเรื่องฟ้าผ่าแล้ว ส่วนใหญ่มีสายล่อฟ้า อาตมาเรียน ๆ ไว้ก็ไม่เคยทำสักที อุตส่าห์เขียนจนสวยเลย

ตอนช่วงหัดเขียนจะแกะอักขระเอาไว้บานเลย ยันต์ที่หลวงปู่ปานท่านลงไว้อีกด้านหนึ่งของยันต์เกราะเพชร เอาไว้กันไฟไหม้ กันฟ้าผ่าโดยเฉพาะ ถ้าเป็นสมัยนี้ก็น่าจะเอาไว้กันไฟไหม้

อาตมาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองเป็นอย่างไร พอเห็นยันต์ก็รู้เลยว่าต้องเขียนอย่างไร ทำอย่างไร เวลาเขียนพวกอักขระยันต์ต่าง ๆ ที่เขียนยาก ๆ มีคนเคยถามว่าแก้หลายทีไหม ? “อาตมาเขียนยันต์ไม่เคยแก้ว่ะ” เขากลัวเขียนผิด พวกเขียนผิดแสดงว่าสมาธิไม่ดี

เดี๋ยวจะทำแบบนี้สักอันหนึ่ง ตัวนี้เป็นยันต์ตะกรุดคู่ชีวิต มาจากสายหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หลวงพ่อพิธ วัดฆะมัง หลวงพ่อเตียง วัดเขารูปช้าง แล้วก็มาถึงหลวงพ่อทบ วัดชนแดน พูดง่าย ๆ ก็คือดอกเดียวประกันชีวิตให้ ...(หัวเราะ)... แต่ว่ายันต์อันนี้หลวงปู่ปานท่านได้มาจากหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง เอาไว้มีอารมณ์แล้วอาตมาจะทำให้ เพราะเครื่องรางของขลังทำยาก ต้องเสกจนเป็นพระ รูปพระนี่อย่างไรก็เสกง่ายเพราะอย่างไรก็เป็นพระอยู่แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 11:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 14-07-2016, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ต้องเข้าฌาน ๔ เขียน ?
ตอบ : ก็เต็มที่ที่เราทำได้ อย่างหลวงปู่ปานท่านก็ปิดโบสถ์ ๑๕ วันทำไปเรื่อย มีน้ำบาตรเดียว พูดง่าย ๆ ก็คือของหลวงปู่ปานท่านบังคับเข้านิโรธสมาบัติเลย คนก็ว่าหลวงปู่ปิดโบสถ์เขียนอักขระลบผงไปเรื่อย ๑๕ วันฉันน้ำบาตรเดียวอยู่ได้อย่างไร เห็นท่านออกมาก็ผ่องใสดี ความจริงอาตมาขอเรียนวิชานี้จากหลวงพ่อวัดท่าซุงแล้ว ท่านบอกว่าเป็นวิชาเฉพาะตัว ก็คือเทวดาท่านมาสงเคราะห์หลวงปู่ปานเอง หลวงปู่เอาผ้าเช็ดหน้ามาเสกโยนไปก็กลายเป็นครุฑ กางปีกมามีอักขระอยู่ก็ลอกมาทำผง เสกผ้าโยนไปเป็นหนุมาน แบมือมามีอักขระก็ลอกมาทำผง

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า "ข้าเสกโยนไปทีไรก็เป็นผ้าทุกที เพราะฉะนั้น...แกอย่าเรียนเลย" ...(หัวเราะ)... อาตมาคิดว่าขนาดครูบาอาจารย์ยังเสกโยนไปเป็นผ้า แล้วตูจะเป็นอะไรวะ ? เลยไม่เรียนก็ไม่เรียน เป็นวิชาเฉพาะตัว เทวดาท่านสงเคราะห์เฉพาะคน เสกเป็นนกกระจาบ เป็นไก่ เป็นเม่น เป็นปลา แต่ละอย่างจะมีอุปเท่ห์ก็คือวิธีการใช้ที่แตกต่างกันไป

แต่ว่าพอหลวงปู่ปานลบผงแล้ว ท่านเอามารวมกันหมด จึงมีอานุภาพเหมือนกันหมด ถ้าหาพระหลวงปู่ปานไม่ได้ระยะหลังนี้ก็โน่น ลูกอมนี่แหละ เพราะว่าตอนที่เอาผงวิเศษอุดก็เหมือนสมัยพวกอาตมาอุดผงคำข้าวนี่แหละ พออุดไปอุดมาแล้วที่ติดกาวติดอยู่กับมือ ปั้นไปปั้นมาก็เป็นลูกอม เพราะฉะนั้นถ้าจะเอาความขลังนี่ลูกอมน่าจะขลังกว่า ...(หัวเราะ)... เพราะเป็นผงวิเศษล้วน ๆ

อาตมาเคยเห็นของเสี่ยเล็ก ชินวัตร มีติดตัวอยู่องค์หนึ่งเมื่อประมาณปี ๒๕๓๕-๒๕๓๖ แกบูชามาสองแสนบาท เป็นพระพิมพ์ขี่หนุมานนี่แหละ แต่ว่าเป็นเนื้อผงล้วน ๆ เลย ไม่รู้ว่าใครแอบปั๊มออกมา คือดูพิมพ์อะไรก็ใช่หมด แต่เป็นเนื้อผงล้วน ๆ เนื้อขาวเหลืองเลย แล้วสมัยโน้นองค์หนึ่งราคาสี่ห้าหมื่นเท่านั้น แกกล้าบูชามาสองแสนบาท แต่ก็ถือว่าคุ้มเหมือนกัน เพราะน่าจะประมาณมีองค์เดียวในโลก เหมือนอย่างกับอาตมาที่ทำพระวิสุทธิเทพ ถึงเวลาได้เกศาหลวงพ่อมา คนอื่นครกหนึ่งก็ใส่หยิบมือหนึ่ง ของอาตมาองค์หนึ่งใส่หยิบมือหนึ่ง ก็ทำเองนี่ เจ้านั้นก็คงเหมือนกัน อยากได้ผงวิเศษล้วน ๆ เล่นปั๊มออกมาเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 14:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 14-07-2016, 21:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงตำราบูรพาจารย์ว่า "วันก่อนมีทิดสึกใหม่จากวัดท่าขนุน เขาถ่ายเอกสารตำราจากวัดไป แล้วค่อยมาขออนุญาต อาตมาก็เลยด่าไปว่า "ไอ้นี่เขาไม่เรียกขออนุญาต เขาเรียกว่าแจ้งเพื่อทราบ" ถ้าขออนุญาตต้องมาบอกก่อน เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงไปทำ นี่ทำเสร็จแล้วมาบอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-07-2016 เมื่อ 14:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว