กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-08-2011, 09:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนสิงหาคม ๒๕๕๔

พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็กผู้หญิงจะโตเร็วกว่าเด็กผู้ชายเป็นปกติ คนโบราณก็เลยกำหนดการโกนจุกที่เป็นการเปลี่ยนผ่านจากวัยเด็กเข้าสู่วัยรุ่น ให้เด็กผู้หญิงโกนจุกตอนอายุ ๑๑ ปี เด็กผู้ชายโกนจุกตอนอายุ ๑๓ ปี แสดงว่าเด็กผู้หญิงโตเร็วกว่าเด็กผู้ชาย ในเรื่องพระอภัยมณีก็ได้กล่าวยืนยันเอาไว้ว่า...


อันกุมารศรีสุวรรณนั้นเป็นน้อง........เนื้อดั่งทองนพคุณจำรูญศรี

เพิ่งโสกันต์ชันษาสิบสามปี............พระชนนีรักใคร่ดังนัยนา


โสกันต์ คือ พิธีโกนจุก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-08-2011 เมื่อ 11:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-08-2011, 09:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องวัตถุมงคลว่า "ในเรื่องของการเล่นพระเครื่องพระบูชานั้น เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีต่าง ๆ น่ากลัวมาก เพราะใช้คอมพิวเตอร์ลอกแบบได้ แบบที่ออกมาจะเหมือนทุกกระเบียดนิ้วเลย ก็ต้องไปพิจารณาความเก่าใหม่ของวัสดุ ซึ่งมีไม่กี่คนที่ชำนาญ

แล้วไม่ต้องเสียเวลาไปจับพลังหรอก มีพลังแน่นอน เพราะแม้แต่ทางวิทยาศาสตร์ก็ยืนยันว่า วัตถุทุกอย่างแกนกลางเป็นพลังงานอยู่แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-08-2011 เมื่อ 12:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 242 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-08-2011, 16:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ไปปฏิบัติกับวัดสายพระป่าหลักสูตร ๓ วัน ท่านว่าทำได้ดี จึงโทรมาตามให้ไปปฏิบัติหลักสูตร ๖ วัน แต่หนูชอบแบบวัดท่าซุงมากกว่า ?
ตอบ : การปฏิบัติทุกอย่างท้ายสุดลงที่เดียวกันหมด เพียงแต่ว่าเราชอบหรือไม่ชอบแนวปฏิบัตินั้น หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่เคยห้ามเรื่องแนวการปฏิบัติ เคยปฏิบัติมาแล้วก็ให้ทำต่อจากของเดิม

ถาม : หนูภาวนาแล้วมักจะมีประสบการณ์รู้เห็นมาก ทั้งที่ไม่เคยฝึกทิพจักขุญาณมาก่อน ?
ตอบ : ของเก่ามีมา ไม่ต้องไปทำใหม่ให้เสียเวลา พอกำลังใจทรงตัวเดี๋ยวก็มาเอง

ถาม : สายพระป่าท่านถือการรู้เห็นเป็นนิมิตที่ต้องละ ?
ตอบ : ท่านให้ละพวกนี้ออก อาตมาเองโตมากับสายพระป่า ก่อนหน้านี้คลุกคลีกับหลวงปู่หลวงพ่อสายหลวงปู่มั่น ในสมัยที่ท่านยังอยู่กันเต็มบ้านเต็มเมือง แต่ไปติดขัดเรื่องการปฏิบัติ พอการรู้เห็นเกิดขึ้น ท่านบอกให้ละ ๆ ๆ ซึ่งไม่ถูกกับอารมณ์ตัวเอง พอมาเจอสายหลวงพ่อวัดท่าซุงจึงเปลี่ยนมาทางด้านนี้ เพราะตรงกับเรามากกว่า

ถาม : ระยะนี้พอภาวนาแล้วมักจะฟุ้งซ่านมากกว่าแต่ก่อน
ตอบ : ไม่เป็นไร ทันทีที่รู้ตัว ดึงความรู้สึกมาอยู่กับลมหายใจ แรก ๆ ก็ต้องบังคับกันหน่อยเพราะเราไปปล่อยทิ้งมานาน

ถาม : หนูควรจะทำอย่างไรให้กำลังใจทรงตัวแบบเดิมคะ ?
ตอบ : พยายามไปฟื้นใหม่ แรก ๆ ก็ลำบากหน่อย เหมือนกับกระจกที่โดนสิ่งสกปรกทับถมเยอะ ต้องอาศัยการขัดถู แต่พอสะอาดเมื่อไรก็จะใช้งานได้ใหม่ เพราะฉะนั้น..แรก ๆ ที่เราไปฟื้นของเก่าก็อาจจะรำคาญ ว่าทำไมจิตจึงรวมยากเหลือเกิน แต่ถ้าเรารู้ตัวให้ดึงกลับมาอยู่กับลมหายใจ ถ้าทรงตัวสักครั้งเดียว เดี๋ยวของอื่นก็ตามมาเอง ใช้ความพยายามนิดหน่อย ไม่ต้องลำบากเหมือนคนอื่นเขา

ถาม : วันที่ ๑๒ สิงหาคมนี้ จะไปสมัครปฏิบัติธรรมที่วัดท่าขนุนก่อน ?
ตอบ : ที่วัดท่าขนุนฝึกรูปแบบบังคับ เพราะว่าสำนักปฏิบัติธรรมเขาให้ฝึกแบบพองหนอยุบหนอ ซึ่งเหมาะสำหรับคนหัดใหม่ ถ้าคนที่มีพื้นฐานไปฝึกแล้วจะรู้สึกรำคาญมากกว่า..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2011 เมื่อ 02:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 245 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-08-2011, 19:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราเอารูปพระพุทธรูปมาขึ้นหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นการปรามาสไหมคะ ?
ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าเป็นพุทธานุสติ แต่อย่าเอาไอคอนหรือช็อตคัตไปแปะใส่หรือทับลงบนองค์พระก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2011 เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 243 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 09-08-2011, 20:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรื่องการปฏิบัติยังไม่ก้าวหน้าเลยค่ะ ตอนนี้มีปัญหาเรื่องงาน
ตอบ : หมดจากงานแล้วเราก็กองทิ้งเอาตรงนั้น แล้วมาหาความสงบทางใจ เราต้องแบ่งเวลาให้เป็น การปฏิบัติธรรมจึงจะก้าวหน้า แบ่งเวลาให้ถูก ต้องตัดให้ขาด เข้าไปยุ่งกับงานเมื่อไรก็ทำตามหน้าที่ ออกพ้นจากที่ทำงานเมื่อไรก็เป็นเวลาปฏิบัติธรรมของเรา ถ้าไปเก็บเอางานมาฟุ้งซ่านก็ไม่ดีต่อการปฏิบัติของเรา

ไม่มีที่ไหนที่ไม่มีปัญหา ที่ที่เราอยู่มีปัญหา แต่เรารู้จักทุกอย่างดีแล้ว เราย่อมรู้ว่าควรจะแก้ไขอย่างไร ต่อให้เราเปลี่ยนที่ใหม่ก็เหมือนเดิม เพราะคนก็เป็นคนวันยังค่ำ เราแก้ไขคนอื่นไม่ได้ ต้องแก้ไขที่ตัวเราเอง ไปที่ใหม่ เราเจอคนใหม่ ก็ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

ในชีวิตฆราวาส คนเขาไม่กลัวคนดี เขากลัวแต่คนที่ชั่วกว่า เพราะฉะนั้น..ต้องแสบให้เขาเห็นบ้าง เขาจะได้เข็ด..!

ถาม : เราโดนคนว่า เราก็เฉย แล้วเราก็โดนไม่หยุด
ตอบ : มีอยู่สองวิธี วิธีหนึ่งก็คือ ยอมเขาไปเรื่อย ๆ ซึ่งไม่ใช่วิสัยของอาตมา

วิธีที่สอง ใส่เขากลับไปเต็ม ๆ นี่แหละนิสัยของอาตมา..! ให้รู้เสียบ้างว่าเราก็มีเขี้ยวมีเล็บเหมือนกัน ส่วนการปฏิบัติรอให้กลับบ้านแล้วค่อยใช้ ไปถึงที่ทำงานงับให้กระจายไปเลย..!

ตามหลักยุทธศาสตร์ซุนวูเขาบอกว่า การรุกเป็นการตั้งรับที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้น..ลุยไปข้างหน้า แนวรับจะกว้างขึ้นไปเรื่อย ๆ เท่ากับตั้งรับไปในตัว แต่ถ้าเราตั้งรับไปเรื่อย และเขาตีเข้ามาเรื่อย ๆ แนวแตกเมื่อไร เราก็ไม่มีที่จะไป นี่กำลังสอนให้ทำชั่วนะ ฟังให้ดี ๆ..!

เราจะต้องมีกรอบของตัวเอง พออยู่ที่ทำงานเราก็สู้เต็มที่เลย พอกลับมาบ้านค่อยมาปฏิบัติของเรา ในแต่ละวันพยายามให้กำลังใจที่เกาะในด้านดีมีมากกว่าเอาไว้ ไม่อย่างนั้นเราจะขาดทุน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2011 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 248 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 10-08-2011, 15:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ภาวนาแล้วตัวโยก ?
ตอบ : เริ่มก้าวเข้าสู่ตัวปีติแล้ว นับไปแล้วก็เข้าอนุบาล ๑ เพียงแต่ว่าเราต้องไม่กลัว เราจะสังเกตว่าตอนนั้นใจเราจะนิ่ง เราก็แค่ดูไปเฉย ๆ ปล่อยอาการขึ้นให้เต็มที่ จะตึงตังโครมครามหกคะเมนตีลังกาอย่างไรก็ปล่อยไปตามธรรมชาติ ถ้าอาการขึ้นเต็มที่แล้วจะเลิก แต่ถ้าเรากลัวหรืออายคนอื่นเขา เราไปฝืนให้หยุดก็หยุดได้ แต่ถ้ากำลังใจถึงตรงนั้นเมื่อไรก็จะเป็นอีก

ดังนั้น..เรามีหน้าที่ตามดูและปล่อยอาการให้เต็มที่ อาตมาเองตามดูอยู่เกือบสามเดือน พอข้ามตรงนั้นไปแล้วจิตจะเริ่มทรงตัวเป็นปฐมฌานแล้ว

ถาม : ควรจะทำอย่างไรต่อไปคะ ?
ตอบ : แสดงว่าที่พูดมานี่ไม่ได้ฟังใช่ไหม ? ทำไปแบบเดิม พอถึงตรงนั้นแล้วเรามีหน้าที่ดูอย่างเดียว จะเป็นอย่างไรก็ปล่อยให้เป็นไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 11-08-2011 เมื่อ 11:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 10-08-2011, 15:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เป็นอะไรไม่ทราบค่ะ ชอบปรามาสพระรัตนตรัย เมื่อก่อนไม่เป็น แต่ตอนนี้เป็น ?
ตอบ : เรื่องปกติ..คนจะก้าวเข้าใกล้ความดี มารเขาก็กันสุดชีวิต เพราะถ้าเรายังปรามาสพระรัตนตรัยอยู่ เราก็ก้าวเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าไม่ได้ ถ้าคนไม่ได้เดินใกล้ประตู เขาไม่กันให้เสียเวลา เพราะฉะนั้น..เขารู้ว่าเราใกล้ความดี เขาถึงกันเรา

ให้เราตั้งหน้าตั้งตาขอขมาพระไปเรื่อย ๆ ถ้าเราไม่หวั่นไหว รู้ทัน เราขอขมาพระไปเรื่อย ๆ ไม่สนใจ เขารู้ว่ากันเราไม่อยู่ เขาก็ปล่อย เขาแค่กวนน้ำให้ขุ่น ถ้าเรามัวแต่ไปขุ่นและกังวลอยู่ เราก็ไม่ก้าวหน้าเสียที

ถ้าสติสัมปชัญญะเราสมบูรณ์ เราไม่คิดไม่ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ถ้าเราไม่หวั่นไหว ขอขมาไปเรื่อย เขาทนคนหน้าด้านไม่ไหว ก็ถอยไปเอง หลังจากนั้นก็ไม่มาอีก เพราะเขารู้ว่าทำให้เราหวั่นไหวไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2011 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 10-08-2011, 20:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บุญเก่าน้อยค่ะ จึงปฏิบัติไปไม่ถึงไหนเสียที หลายปีแล้ว ?
ตอบ : ไม่ได้น้อย เพียงแต่เราเลี้ยวไม่ถูกทาง ถ้าบุญน้อยเราไม่ได้เกิดมาเป็นคนหรอก โดยเฉพาะคนบุญน้อยจะไม่รู้จักพระนิพพาน

ปล่อยวาง เห็นธรรมดาให้ได้ การเกิดมาในโลกนี้ต้องเจอสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเกิดมาแบบนี้เราจะไม่เอาอีกแล้ว สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้นเพราะกรรมเก่าเราเคยทำไว้ ในเมื่อเราเคยทำไว้ เราก็ต้องยอมรับผลที่เราทำนั้นให้ได้ แต่เราจะไม่รับในชาติต่อ ๆ ไปแล้ว

เราทำไว้เราก็ต้องรับ ใครทำใครได้เป็นเรื่องปกติ แสดงให้เห็นว่า ชาติก่อน ๆ เราเกเรมาไม่น้อยเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2011 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 10-08-2011, 20:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมที่ปฏิบัติมาหลายปีว่า "พระพุทธเจ้าตรัสถึงการปฏิบัติว่า อย่างช้า ๗ ปี อย่างกลาง ๗ เดือน อย่างเร็ว ๗ วัน เพราะฉะนั้น..เกิน ๗ ปีแล้วยังเอาดีไม่ได้ ควรจะรู้ไว้ว่าเราปฏิบัติมาไม่ถูกทาง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 17-08-2011 เมื่อ 17:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 229 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 11-08-2011, 06:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เมื่อวันก่อนขับรถไปชนหมาตาย ?
ตอบ : คราวหน้าเก็บมากินด้วย จะได้ใช้ประโยชน์ให้เต็มที่..!

ถาม : ครับ..?
ตอบ : คุณจะไปตื่นเต้นอะไร เราไม่ได้มีเจตนาไปไล่ชนให้ตายนี่ บางอย่างวาระกรรมที่เนื่องกันมา ทำให้เขาต้องมาตายเพราะเรา ไม่ใช่ความผิดของเรา เพราะเจตนาที่จะฆ่าเขาไม่มี

มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่อาตมากำลังเดินทาง มีหมาวิ่งข้ามถนนมา อีกศอกเดียวเขาก็จะพ้นถนนไปแล้ว แต่พอรถวิ่งมาหมาดันเลี้ยวกลับ พอเลี้ยวกลับคนขับก็หักหลบไปทางซ้าย หมาก็เลี้ยวกลับมาหารถอีกที พอคนขับหักขวาหมาก็ย้อนกลับมาอีกรอบ โดนชนเข้าเต็ม ๆ เจอแบบนั้นใครจะหลบได้มากกว่านั้นไหม ? ถึงวาระของเขาจริง ๆ วิ่งวนจนได้ตายสมใจนึก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-08-2011 เมื่อ 11:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 11-08-2011, 20:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมผิดหวังกับชีวิตมากเลยครับ มีธรรมะอะไรช่วยไม่ให้เครียด ?
ตอบ : ถ้ารู้จักคำว่า "ธรรมดา" ก็จบเลย ฟังดูแล้วง่าย แต่ทำใจได้ยาก ถ้าเห็นว่าธรรมดาของการเกิดมาย่อมเป็นแบบนี้ก็ไม่มีปัญหา ถ้าหากเรารู้สึกว่า "ไม่ธรรมดา" เมื่อไรก็เครียด

ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาอย่างนี้มีสำหรับเราเพียงชาติเดียว ชีวิตนี้ของเรากำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว ชีวิตเรามีแค่เสี้ยวลมหายใจ หายใจเข้าไม่หายใจออกก็ตายแล้ว หายใจออกไม่หายใจเข้าก็จะตายแล้ว ในเมื่อมีเวลาแค่ชั่วลมหายใจเดียว เราก็จะพ้นไปแล้ว ทำไมตอนนี้เราจะอยู่ด้วยดีไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-08-2011 เมื่อ 01:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 12-08-2011, 16:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "การเดินทางไปทอดกฐินที่ปักษ์ใต้ครั้งนี้ ถ้าว่ากันตามหลักการของทหาร ถือว่าอันตรายสุด ๆ สาเหตุเพราะ อันดับแรก คณะใหญ่ทำให้ไม่คล่องตัว อันดับที่สอง วันเวลาแน่นอน อันดับที่สาม เส้นทางแน่นอน เพราะฉะนั้น..จะไปโฆษณาอย่างไรก็เชิญ ไม่มีอะไรอันตรายไปกว่านี้แล้ว..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-08-2011 เมื่อ 16:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 12-08-2011, 16:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องกาลเทศะว่า "การดำเนินชีวิตของบุคคล กาลเทศะเป็นสิ่งสำคัญมาก กาละ คือ เวลาเหมาะสม เทศะ คือ สถานที่อันเหมาะสม ถ้ารู้กาลเทศะเราก็จะไม่ทำให้เสียหาย

พระอานนท์เป็นเอตทัคคะด้านอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ท่านรู้ว่าเวลาไหนควรจะพาบุคคลเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เวลาไหนจึงไม่ควร ท่านจึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในเรื่องของการรู้กาลเทศะ อีกประการหนึ่ง..พระพุทธเจ้าท่านเทศน์ในสัปปุริสธรรม ๗ ประการ คือ กาลัญญุตา รู้ว่ากาลใดควร กาลใดไม่ควร

ส่วนใหญ่แล้วพวกเรามักไม่รู้กาลเทศะ ยกตัวอย่างคุณเต้ยไปหล่อหลวงพ่อเหลือ ที่วัดธรรมยาน คุณเต้ยใส่เสื้อแขนกุดกับกางเกงขาสั้นไป ทุเรศสุด ๆ..! เขาเรียกว่าไม่รู้กาลเทศะ เราจะไปเข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดิน แต่งตัวอย่างนั้นยังถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง แล้วพระพุทธเจ้ายิ่งกว่าพระเจ้าแผ่นดินอีก แต่งตัวทุเรศอย่างนั้นยังอุตส่าห์ไปได้..!

พอใครถามก็ดันไปอวดว่าเป็นลูกศิษย์หลวงพี่สมปอง ลูกศิษย์หลวงพี่เล็ก ฟังแล้วตูจะเป็นลม..! ส่วนเวลาที่ไม่จำเป็น ดันแต่งตัวซะหล่อ เวลาที่ดีที่สุดกลับแต่งตัวทุเรศที่สุด เพราะฉะนั้น..เรื่องกาลเทศะเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่างที่บอกว่า ปัจจุบันคนเราเอาความสบายส่วนตัว จนลืมความเหมาะสมไปแล้ว

แม้กระทั่งไปเคารพพระบรมศพ ยังเห็นเขาใส่กระโปรงกางเกงสั้นจู๋ ถึงแม้จะเป็นสีดำก็ตามเถอะ ลักษณะอย่างนั้นเรียกว่าไม่ให้เกียรติคนตาย เราจะเห็นว่างานศพระยะหลัง ๆ จะใส่สั้นกัน มากต่อมากด้วยกันที่แต่งตัวลักษณะไปเดินอวดกัน ไม่ได้ไปเคารพศพ การปฏิบัติธรรมยิ่งทำไปใจต้องยิ่งละเอียด ต้องรู้ว่าอะไรเหมาะ อะไรควร ไม่ใช่ยิ่งทำก็ยิ่งเละ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-08-2011 เมื่อ 16:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 12-08-2011, 16:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างเราไปงานศพผู้ใหญ่กว่า เราควรแต่งสีอะไรครับ?
ตอบ : โดยธรรมเนียมไทยแล้ว ถ้าผู้ตายอาวุโสกว่า เราควรใส่ชุดขาว ถ้าผู้ตายเด็กกว่าจึงใส่ชุดดำ แต่ปัจจุบันนี้เขาอาวุโสกว่าสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ อีก ใส่ชุดดำกันทั้งบ้านเมือง ธรรมเนียมการแต่งสีดำเรารับมาจากตะวันตกเมื่อไม่นานนี้เอง ไม่ใช่ธรรมเนียมไทยแต่เดิม

วันก่อนไปดูพระที่นั่งวิมานเมฆ ตั้งใจจะไปดูว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ปรากฏว่าเขาปูลาดพระบาททุกที่ อาตมาต้องเดินตะแคงข้างไป ส่วนคนที่ไม่รู้ก็เดินขึ้นไปเหยียบ คิดว่าเขาปูพรมแดงรับ สบายใจไปเลย ถ้าเป็นสมัยโบราณโดนตัดหัวเจ็ดชั่วโคตร..! เขาถือว่าตีเสมอพระเจ้าแผ่นดิน

เด็กรุ่นใหม่ไม่รู้ว่าเคยได้ยินคำว่า "ตัดหน้าฉาน" หรือไม่ ? ก็คือ การที่พระเจ้าแผ่นดิน หรือพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จ แล้วไปวิ่งตัดหน้าทางเสด็จพระราชดำเนินของพระองค์ท่าน สมัยก่อนกฎมณเฑียรบาลเขาให้เฆี่ยนตรงนั้นเลย โบราณเขาเฆี่ยนเพื่อให้รู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร ลาดพระบาทเราไม่มีสิทธิ์ข้าม ไม่มีสิทธิ์เดิน ถ้าหากว่าจำเป็นต้องข้ามจะต้องทำอย่างไร ? ให้เดินหารอยต่อให้เจอ..เลิกรอยต่อขึ้นมา พอข้ามไปแล้วค่อยปูกลับไปตามเดิม..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-08-2011 เมื่อ 16:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 12-08-2011, 19:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูไปภาวนาคาถาโสตัตตะภิญญามา ๑ เดือน เพิ่งเห็นผลเมื่อวันก่อนนี่เองค่ะ ตอนที่ตัวลอยขึ้น หนูควบคุมตัวเองไม่ได้ หน้าคว่ำลง และอาการลอยหายไปตอนไหนหนูก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน พอจะกลับมาทำใหม่ ก็จำอารมณ์นั้นไม่ได้
ตอบ : ไม่ใช่จำอารมณ์นั้นไม่ได้อย่างเดียว เราไปอยากได้ด้วย ตัวอยากได้จะทำให้เราไม่ได้ ให้เราภาวนาโดยไม่ต้องสนใจว่าผลของอภิญญาจะเกิดหรือไม่เกิด
ถ้าหากว่าเกิดผลร่างกายลอยขึ้นมา ให้บังคับลอยช้า ๆ ก่อน พยายามตั้งสติ เคลื่อนไหวจนคล่องได้อย่างที่เราต้องการแล้วค่อยลอยไปที่อื่น

ถาม : วันที่ได้ เป็นวันที่ตัดสินใจว่าจะไม่เอาผลแล้ว
ตอบ : โถ..ตั้งเดือนหนึ่งกว่าจะได้ ถ้ารู้ว่าอาตมาภาวนาเวลานั้นแล้วได้เวลานั้นเลย คงจะหมดอารมณ์..! ถ้าเดือนหนึ่งนี่แสดงว่ากำลังใจเราอยากได้มาก อยากได้มากก็ฟุ้งซ่านมาก จิตจึงไม่รวมตัวจริง ๆ เสียที

ที่ว่ามายังไม่ถือว่าได้นะ คำว่าได้ต้องใช้ผลได้เดี๋ยวนั้นเลย ของเราเป็นลักษณะของการเพิ่งเข้าถึง และยังควบคุมไม่ได้ด้วย แต่ก็ยังดี..เริ่มต้นก็เขียน ก.ไก่ได้ก่อน ค่อยเขียนสระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ เดี๋ยวก็ได้เป็นคำขึ้นมาเอง

ต่อไปจะได้ไม่เปลืองค่าน้ำมัน จะไปไหนแวบเดียวก็ถึงแล้ว หลอกชาวบ้านว่าขับรถมา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2011 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 13-08-2011, 00:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของอภิญญาสมาบัติ คนที่สนใจปฏิบัติสายนี้มักจะมีของเก่าอยู่แล้ว ดังนั้น..พระพุทธเจ้าจึงได้ประทานคาถานี้มาให้ ไม่ว่าจะเป็นโสตัตตะภิญญาก็ดี หรือสัมปะจิตฉามิก็ดี ให้ภาวนาสำหรับฟื้นของเก่า แม้จะไม่ได้ผลเต็มที่เหมือนการฝึกกสิณ ๑๐ แต่ก็มีความคล่องตัวคล้ายกัน

ถาม : พอภาวนาคาถาโสตัตตะภิญญาแล้วตัวลอยขึ้น ตอนนั้นทั้งในส่วนของทิพจักขุหรือทิพโสตก็มาพร้อมกันด้วย
ตอบ : ตอนนั้นถ้าต้องการรู้อะไรก็รู้หมด มองอยู่ในห้องก็จะเห็นไปรอบบ้าน ตอนแรก ๆ ที่ทำอยู่อาตมาก็คิดว่าเราเพี้ยนหรือเปล่า เพราะผลของอภิญญานั้นคนที่ไม่เคยชินก็จะตื่นเต้น แต่พอนาน ๆ เข้าก็ขี้เกียจที่จะรู้

ช่วงที่ผ่านมา พายุเข้า ฝนตกทุกวัน โดยเฉพาะฝนตกตอนพระบิณฑบาต พระเณรเขาก็สงสัยว่าทำไมอาจารย์ไม่ห้ามฝน อาตมาก็บอกว่าไม่จำเป็น พอดีวันที่ ๒๘ ไปทำวัตรพระผู้ใหญ่ในเมือง ฝนตก งานยังไม่เสร็จ ต้องไปต่ออีกหลายแห่ง อาตมาก็ไม่อยากจะเปียก จึงภาวนาคาถาแคล้วคลาดของหลวงพ่อ

ตอนว่าคาถาเขาให้กลั้นหายใจ กว่าจะเดินถึงรถก็แทบขาดใจ พอขึ้นรถเสร็จ ถามพระครูบ่าวกับน้องเล็กว่า "เปียกไหม ?" เขาหันมาดูแล้วร้องว่า "ขี้โกงนี่นา..!" ไม่ได้โกง..แต่ตอนนี้ไม่อยากเปียกโว้ย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2011 เมื่อ 11:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 224 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #17  
เก่า 13-08-2011, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หนูตีเด็กนักเรียนทุกวัน ใครโดดเรียนตี ๕ ที ครั้งต่อไปตีคูณสอง ถ้าหนูอยู่ต่อก็สร้างเวรสร้างกรรมกับเด็ก ๆ หนีไปบวชดีกว่า
ตอบ : เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นจริง ๆ เราไม่ได้ตีด้วยโทสะ เขาเรียกว่าสร้างกุศลกับเด็ก เราได้อานิสงส์ตัวเมตตา การลงโทษเพราะหวังประโยชน์แก่คนอื่น จัดเป็นเมตตาบารมี
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2011 เมื่อ 17:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #18  
เก่า 13-08-2011, 01:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันเสาร์มีโยมมาถวายกระดาษสำหรับทำวุฒิบัตร พระอาจารย์กล่าวว่า "โยมเขาปวารณาว่า กระดาษสำหรับทำวุฒิบัตรแจก ให้ขอจากเขาได้ทุกเวลา เขามีอยู่แค่โกดังเดียวเท่านั้น..! พอบอกให้เก็บเอาไว้ขาย เขาก็บอกว่ารวยแล้ว ขายกระดาษจนหมดโกดังก็ไม่ได้ทำให้ฐานะดีขึ้นกว่านี้ หมดโกดังไปก็ไม่ได้ทำให้ฐานะต่ำลงกว่านี้ ต้องโมทนากับกำลังใจของเขาจริง ๆ

อย่างกำลังใจของท่านอนาถปิณฑิกเศรษฐี แม้ฐานะตัวเองจะตกต่ำลง เหลือแค่ข้าวต้มกับน้ำผักดอง ท่านก็ยังเลี้ยงพระ ๕๐๐ รูปอยู่ เพียงแต่ท่านรู้สึกว่าทานของท่านไม่ได้ละเอียดประณีตเหมือนแต่ก่อน

พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า เรื่องของทานไม่มีหยาบ ไม่มีประณีต มีอย่างเดียวคือกำลังใจที่สละออก ถ้าเจตนาบริสุทธิ์ วัตถุทานบริสุทธิ์ ผู้ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ อานิสงส์ย่อมเต็มร้อยส่วน

ดีที่สุดเท่าที่เรามีอยู่ จัดเป็นสามีทาน เสมอกับที่เรามีอยู่ จัดเป็นสหายทาน ถ้าหากว่าต่ำกว่าที่มีอยู่ ก็ให้ทำไปเถอะ ถึงแม้เป็นทาสทานก็ตาม อานิสงส์ก็ได้เป็นเศรษฐีเหมือนกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-08-2011 เมื่อ 16:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #19  
เก่า 13-08-2011, 01:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงกำลังใจการตัดอาลัยของนักปฏิบัติว่า "พระพุทธเจ้าตรัสว่า เหมือนนกที่บินไปจากคอน ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเหลือไว้ ธรรมชาติของนกบินแล้วบินเลย ไม่เหลียวมาดูแม้กระทั่งที่เกาะของตัวเอง เปรียบเหมือนกับผู้ปฏิบัติธรรม ไม่มีอะไรให้ห่วงกังวล ไปแล้วไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2011 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #20  
เก่า 13-08-2011, 08:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,447
ได้ให้อนุโมทนา: 151,085
ได้รับอนุโมทนา 4,399,762 ครั้ง ใน 34,036 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "พระที่วัดท่าขนุนท่านเอาเรื่องที่สนทนากันที่นี่ไปโพสต์ลงในเฟซบุ๊ค และมีคนเข้ามาด่า ในลักษณะที่ว่าพูดโอ้อวดเกินจริง เรื่องของการปฏิบัติธรรมต้องไม่เอาอะไรเลย

อย่างวันนี้มีโยมมาถามว่า ไปปฏิบัติกับสายพระป่าหลักสูตรสามวัน วันนี้ท่านโทรมาให้ไปปฏิบัติอีกหกวัน ควรจะไปหรือเปล่า ? เพราะชอบสายหลวงพ่อฤๅษีมากกว่า

อาตมาบอกไปว่า จริง ๆ แล้วการปฏิบัติไม่มีสายของใครหรอก ทั้งหมดมาจากพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ท่านหยิบเอาตรงไหนมาสอน คนชอบใจแล้วปฏิบัติตามนั้นเป็นจำนวนมาก เขาก็ถือว่าเป็นสายนั้นสายนี้

เขาบอกว่าไม่ชอบสายพระป่าตรงที่อะไรก็ให้ละหมด แต่ตัวเขาเองปฏิบัติแล้วมักจะรู้เห็นเสมอ อาตมาบอกเขาว่า ถึงเวลาก็ปฏิบัติตามรูปแบบของเรา ส่วนรูปแบบเขาจะเป็นอย่างไรก็ไม่ต้องไปค้านเขา

ส่วนใหญ่เขาเข้าใจว่าธรรมจะต้องบริสุทธิ์โดยส่วนเดียว อาตมาเคยยืนยันว่า ศาสนาพุทธไม่มีธรรมะบริสุทธิ์ เพราะว่าถูกปะปนมาตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากคำสอนของศาสนาอื่นที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพิจารณาว่าถูกต้อง ปฏิบัติตามแล้วจะเกิดผล ส่วนที่สองเป็นธรรมะที่ดัดแปลงของศาสนาอื่นให้เป็นหลักธรรมที่ถูกต้อง เพื่อที่จะได้ปฏิบัติตามแล้วเห็นผล

ส่วนสุดท้ายเป็นสิ่งที่พระองค์ท่านตรัสรู้ ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดของธรรม แต่ธรรมชาติของนักปฏิบัติ แผนภูมิจะเป็นลักษณะสามเหลี่ยมด้านเท่าเหมือนรูปพีระมิด ส่วนที่เป็นธรรมะบริสุทธิ์คือส่วนยอด ระดับปานกลางก็มากขึ้นหน่อย ส่วนระดับล่างสุดที่เป็นฐาน ก็จะมีจำนวนมากต่อมากด้วยกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2011 เมื่อ 09:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว