กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-01-2018, 08:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๑

ขอให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกของเราไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้ความรู้สึกทั้งหมดของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๖ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๑ สำหรับวันนี้เรื่องที่อยากบอกกับพวกเราก็คือ ในการปฏิบัติธรรมนั้น นอกจากเราจะต้องสำรวมอินทรีย์ มีความระมัดระวัง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ของเรา เพื่อไม่ให้สิ่งที่เราทำได้รั่วไหลไปจนหมดสิ้นแล้ว เรายังต้องชำระจิตของตนให้ผ่องใสจากกิเลส

ซึ่งจะว่าไปแล้วหน้าที่ของเรานั้นก็มีอยู่เพียงว่า พิจารณาดูว่าสภาพจิตของเราตอนนี้มีความชั่วเกิดขึ้นหรือไม่ ? ถ้าหากว่ามีก็ขับไล่ออกไป แล้วระมัดระวังไว้อย่าให้ความชั่วนั้นเข้ามาอีก สภาพจิตของเราตอนนี้มีความดีอยู่หรือไม่ ? ถ้ายังไม่มีก็สร้างให้มีขึ้นมา ถ้ามีอยู่แล้วก็ทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

คราวนี้เรามาพิจารณากำลังใจของเราว่ามีความชั่วเกิดขึ้นหรือไม่ ? เราจะอาศัยอะไรเป็นตัววัด ก็ให้ดูจากนิวรณ์ทั้ง ๕ เป็นตัววัด นิวรณ์ ๕ ประกอบไปด้วย กามฉันทะ ความพอใจในรูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ ทำให้เราคิดถึง ทำให้เราพูดถึง ทำให้เรากระทำแต่เรื่องทั้งหลายเหล่านั้น

พยาบาท คือ ความโกรธเกลียดอาฆาตแค้นคนอื่น เป็นการผูกโกรธ เหมือนเอาไฟมาเผาใจของตนเอง ถีนมิทธะ เกิดความง่วงเหงาหาวนอน ขี้เกียจปฏิบัติ อุทธัจจะกุกกุจจะ คือความฟุ้งซ่าน หงุดหงิด รำคาญใจที่มานั่งปฏิบัติธรรม วิจิกิจฉา คือความลังเลสงสัยว่า การปฏิบัตินี้จะมีผลดีจริงหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2018 เมื่อ 13:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-01-2018, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่านิวรณ์ทั้ง ๕ เกิดขึ้นในใจของท่านทั้งหลาย ก็แปลว่าความชั่วได้เกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องหาทางระงับยับยั้ง ขับไล่ออกไปจากใจของเราให้ได้

วิธีที่จะระงับยับยั้ง ขับไล่นิวรณ์ออกไปจากใจของเราได้ ก็คือให้ความรู้สึกของเราอยู่กับลมหายใจเข้าออก อยู่กับอานาปานสติ หายใจเข้าพร้อมกับคำภาวนา หายใจออกพร้อมกับคำภาวนา ถ้าสภาพจิตของเราไม่หลุดไปจากตรงนี้ นิวรณ์ทั้งหลายก็เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ถ้าสภาพจิตหลุดออกไปเมื่อไร นิวรณ์ทั้งหลายก็จะเกาะกินเราทันที

ก็แปลว่าในเบื้องต้นของการชำระจิตใจให้สะอาดนั้น เราจะละทิ้งลมหายใจเข้าออกไม่ได้ เพราะว่าเป็นตัวสร้างกำลัง ช่วยกางกั้นไม่ให้กิเลสเข้ามาเกาะกินใจของเราได้ นอกจากนั้นยังเป็นพื้นฐานของปัญญาที่จะช่วยชำระสะสางกิเลสต่าง ๆ ในใจของเราอีกด้วย

ในส่วนของกิเลสที่ละเอียดยิ่งขึ้นไป ก็ต้องพิจารณาจากสังโยชน์ทั้ง ๑๐ ก็คือ สักกายทิฏฐิ เรามีความเห็นว่า ร่างกายนี้เป็นตัวเราของเราหรือไม่ ? วิจิกิจฉา เรามีความลังเลสงสัยไม่มั่นใจในคุณพระรัตนตรัยหรือไม่ ? สีลัพพตปรามาส เรารักษาศีลบ้าง ทำศีลขาดบ้างหรือไม่ ?

กามฉันทะ เรามีความพอใจในเรื่องระหว่างเพศ จนตัดไม่ได้ละไม่ได้หรือไม่ ? ปฏิฆะ กำลังใจของเราเมื่อกระทบกับรูป เสียง กลิ่น รสสัมผัส เราเกิดความไม่ยินดี ไม่พอใจได้ง่ายหรือไม่ ? รูปราคะ กำลังใจของเรายึดมั่นในสมาธิภาวนาของเรา โดยที่ไม่ได้เห็นว่าสมาธิภาวนาเป็นเพียงเครื่องพาเราก้าวข้ามกองทุกข์หรือไม่ ? อรูปราคะ กำลังในของเรายึดมั่นในอรูปฌานหรือในส่วนของฌานไร้รูปทั้งหลาย จนกระทั่งไม่ใส่ใจถึงทางพ้นทุกข์ไปสู่พระนิพพานหรือไม่ ?

มานะ เรามีความถือตัวถือตน แบกอยู่เต็มตัวหรือไม่ ? หลายคนแบกมานะอยู่โดยที่ไม่รู้ตัวก็มี แบกมานะอยู่ประเภทที่ว่า ถ้าครูบาอาจารย์ของฉันต้องคนนี้เท่านั้น คนอื่นไม่ใช่ หรือถ้าฉันจะเรียกหลวงพ่อ ต้องหลวงพ่อของฉันเท่านั้น พระรูปอื่นไม่ใช่ ลักษณะนี้เป็นการแบกมานะ คือความถือตัวถือตนอย่างเต็มเปี่ยม

อุทธัจจะ มีความฟุ้งซ่านอยู่หรือไม่ ? แม้กระทั่งฟุ้งในการทำความดีก็จัดเป็นความฟุ้งซ่านเช่นกัน อวิชชา ยังเป็นผู้ยินดียินร้ายในสิ่งต่าง ๆ โดยง่ายหรือไม่ ? ถ้ายินดีก็คือราคะ ยินร้ายก็คือโทสะ แปลว่าเราเสียท่าทั้งขึ้นทั้งล่อง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-01-2018 เมื่อ 09:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-01-2018, 22:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,034 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าพิจารณาเห็นสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ว่ามีในใจของเรา ก็พยายามตัด พยายามละ พยายามวางลงไปเรื่อย ๆ ขัดเกลาตนเองไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสภาพจิตของเราผ่องใสเบาบางจากกิเลสหยาบ กิเลสปานกลาง และกิเลสละเอียดทั้งหลาย จนมองเห็นชัดเจนว่าร่างกายนี้ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ร่างกายของคนอื่นก็ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา

ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อนนี้ เราไม่ต้องการอีก ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร ที่ไปของเรามีแห่งเดียวคือพระนิพพาน

ขอให้ทุกคนทบทวนขัดเกลาตนเองลักษณะอย่างนี้เอาไว้เสมอ ๆ จะได้มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติ ถ้าหากว่าสติสมาธิปัญญาของเราสมบูรณ์พร้อม จะได้ก้าวเข้าสู่พระนิพพานดังที่ใจปรารถนา

ลำดับต่อไปขอให้ทุกคนภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ
วันเสาร์ที่ ๖ มกราคม ๒๕๖๑

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยคะน้า)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-01-2018 เมื่อ 03:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 04:25



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว