กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 06-09-2012, 20:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บางทีการเจ็บไข้ได้ป่วยก็ดีนะ ช่วยเตือนให้เรารู้ว่าร่างกายนี้ไม่ดีจริง ถ้าเราคิดว่าเป็นธรรมดา เราก็ไม่ไปคร่ำครวญกับอาการป่วยนั้น ในเมื่อเราทำเอาไว้ ถึงเวลาเขามาเรารับไว้ก็หมดเรื่อง

เราต้องคิดว่าการเกิดมาอยู่ในโลกนี้ ก็เหมือนกับติดอยู่ในกรงขัง สัตว์ที่ติดอยู่ในกรงขัง ดิ้นรนไปก็เหนื่อยเปล่า นอนเฉย ๆ ยังสบายกว่า การที่นอนเฉย ๆ อยู่ในกรงก็เหมือนกับการที่เราทำใจให้ยอมรับว่า สภาพของร่างกายนี้มีปกติธรรมดาเป็นอย่างนั้น ในเมื่อปกติธรรมดาเป็นอย่างนั้น อยากจะเป็นก็เป็นไปสิ เป็นได้ก็ต้องหายได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 236 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 06-09-2012, 20:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เด็ก ๆ สมัยนี้รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดเร็ว การพูดช้าดีกว่านะ คนพูดช้าแสดงว่าพูดอย่างมีสติ พูดด้วยความระมัดระวัง สมัยนี้เขาพูดเร็วจนรู้สึกว่าประสาทของเรารับไม่ทัน กว่าจะตีความได้เขาพูดไปอีกหลายประโยคแล้ว

มีคนที่อาตมารู้จัก..เวลาเขาสั่งงาน เขาสั่งเร็วจนกระทั่งแม้แต่อาตมาเองยังฟังไม่ทัน ลูกน้องเขาฟังทันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่ารู้ตัวให้ปรับการพูดให้ช้าลงนิดหนึ่ง

ส่วนอาตมาเองพูดสั้นเกินไป คนจึงไปตีความกันมากจนเกินเหตุ กลายเป็นผิดไปทุกที อาตมาเป็นคนที่เห็นว่าถ้าเนื้อหาครบก็จบแค่นั้น คราวนี้เขาดันไปตีความ ซึ่งความจริงทำตามไปตรง ๆ ก็จบแล้ว ยิ่งตีความก็ยิ่งเข้าป่าเข้าดงไปกันใหญ่

นึกถึงมหาวิทยาลัยสมัยนี้ ที่เขาสอนให้วิเคราะห์พระพุทธเจ้า ว่าทำไมพระพุทธเจ้าถึงเทศน์พระสูตรนี้ ? อยู่ในสถานการณ์อย่างไร ? พระองค์มีความคิดความต้องการอย่างไร ? ชาติหน้าคงจะวิเคราะห์ได้ถึงหรอก..! เจตนาของพระองค์ท่านก็แค่ตั้งใจสงเคราะห์
ให้เขามีโอกาสได้มรรคได้ผล พระองค์ท่านถึงได้แสดงพระธรรมเทศนา ทำไมต้องไปเสียเวลานั่งวิเคราะห์ด้วยว่าพระองค์ท่านอยู่ในอารมณ์ไหน ? ประเภทข้าวอยู่ตรงหน้าแทนที่จะรีบกิน กลับไปนั่งเขี่ยดูว่ามีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง ควรที่จะปล่อยให้อดเสียให้เข็ด..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 240 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 06-09-2012, 20:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงนี้อยู่ดี ๆ หนูก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาค่ะ ?
ตอบ : ไม่อยู่ดี ๆ หรอก ถ้าอยู่ดีต้องไม่หงุดหงิด นี่ต้องอยู่ไม่ดี

ถาม : ก็ควรจะเป็นอย่างนั้นค่ะ แต่คราวนี้หนูพยายามหาว่าเป็นเพราะอะไรถึงรู้สึกแบบนั้น ปรากฏว่าพอหาไม่เจอก็เลยยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่เลยค่ะ ?
ตอบ : เก็บกด..ไปออกกำลัง กวาดบ้านถูบ้านแทน พอสิ่งที่เราเก็บเอาไว้ระบายออกไปกับเรี่ยวกับแรงเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง

การปฏิบัติแรก ๆ จะเป็นอย่างนี้แหละ เพราะเราไปกดรัก โลภ โกรธ หลงไว้ คราวนี้กิเลสพยายามจะงัดเราขึ้น ตอนที่งัดขึ้นนี่แหละ เราไม่รู้ตัวเราก็หงุดหงิด พอหงุดหงิดแปลว่าโทสะเกิดแล้ว แต่เรารู้ไม่เท่าทัน เราก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ด้วยวะ ?

เพราะฉะนั้น..ไปหาทางทำอย่างอื่นแทน แสดงว่าเรากดกิเลสมาก เขาพยายามจะงัดคืน แต่อย่าปล่อยนะ...ปล่อยเมื่อไรกิเลสเอาเราตายเลย..! ฉะนั้น..ไปหางานอื่นทำ เข้าฟิตเนสบ้าง ถูบ้าน กวาดบ้านบ้าง ไล่ตีลูกบ้างก็ได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 06-09-2012, 20:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่ภาวนาแล้วหลุดออกไปแล้ว พอเราไปถามท่านนั้นท่านนี้ เวลาท่านตอบหนูจะได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้างค่ะ แต่พอตอนโดนด่านี่จะได้ยินชัดเจนตลอด ขนาดไม่ได้ตั้งใจจะฟังยังได้ยินชัดเลยค่ะ ทำไมท่านไม่ทำให้ได้ยินเท่า ๆ กันหมดคะ ?
ตอบ : เดี๋ยวเราจะไม่สนใจ..ไปเจอใครอย่าถามส่งเดช เคยถามท่านใดองค์ใดให้ถามเฉพาะท่านนั้น ถ้าถามเรื่อยเปื่อยเดี๋ยวจะโดนหลอก ไม่ใช่เจอใครก็ถามท่านไปหมด

ถ้าสอบถามรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น จะไปไหน ไปอย่างไร ก็พอไหว แต่อย่าไปถามเรื่องของการปฏิบัติ ถามเรื่องการปฏิบัติต้องถามเฉพาะองค์ ไม่อย่างนั้นจะเหมือนกับเราขาดความมั่นใจ เจอใครก็ถามไปหมด เดี๋ยวท่านก็แกล้งจูงเข้าป่าไป ดูซิว่าจะออกเป็นไหม ?

ถาม : แต่ก่อนจะไปนี่หนูเจาะจงว่าจะไปถามท่านนั้นโดยเฉพาะเลย แบบนี้ใช้ได้ไหมคะ ?
ตอบ : ถามท่านนั้นแล้วเคยถามไหม ?

ถาม : ก็เคยถามมาบ้างค่ะ ?
ตอบ : ถ้าเคยก็แล้วไป ถ้าไม่เคยแล้วไปถามเปะปะไปเรื่อย เดี๋ยวจะไปหาองค์นี้ไปถามท่าน ไปหาองค์นั้นไปถามท่าน เดี๋ยวได้รางวัลแน่..!

ถาม : แล้วเวลาที่โดนท่านว่า หรือตำหนิ ส่วนใหญ่จะเป็นของจริงหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ยังมีราคาพอจะให้ท่านตำหนิ พูดง่าย ๆ ว่า ถ้าท่านยังด่าเราอยู่ แสดงว่าเรายังมีราคาพอที่ท่านจะด่า ถ้าท่านไม่ด่าอะไร ปล่อยเลยตามเลย นั่นเตรียมตัวไว้เถอะ ไม่มีใครเขาแลหรอก เพราะฉะนั้น..โดนด่าให้ดีใจ เรายังอยู่ในความสนใจของท่านนะ อุตส่าห์ช่วยด่าให้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 06-09-2012, 20:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเคยบอกว่า นักปฏิบัติพอทำไปถึงระดับหนึ่งต้องการอะไรก็จะเป็นอย่างนั้น จึงต้องควบคุมตัวเอง ระวังไม่ให้รัก โลภ โกรธ หลงเกิด ไม่อย่างนั้นแล้วความต้องการของเราจะไปเรื่อยเปื่อย บางท่านจึงหลงทางเพราะไปคิดว่าตัวเองดีแล้ว ขณะเดียวกันก็เป็นการทดสอบว่า ปัญญาของเรามีพอหรือไม่เมื่อเกิดเหตุอย่างนี้ขึ้นมา ?

ยิ่งปฏิบัติไป สติสัมปชัญญะต้องยิ่งมากขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วจะเผลอ แล้วจะเสียท่ากิเลส โดนเขาหลอกให้คิดว่าเราดีแล้ว ถ้าคิดว่าตัวเองดีเมื่อไรจะไม่แสวงหาความก้าวหน้า แล้วก็จะติดอยู่อย่างนั้น อย่างนี้เรียกว่าติดดี

พระสูตรแรกในสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ก็คือพรหมชาลสูตร พรหมชาละ แปลว่า ตาข่ายดักพรหม สรุปง่าย ๆ ว่าติดอยู่แค่พรหม เพราะฉะนั้น..โยคีต่าง ๆ ที่เขาไม่สามารถจะล่วงพ้นไปได้ ถ้าไม่ติดที่รูปพรหมก็จะไปติดที่อรูปพรหม ก็เพราะไปคิดว่านั่นดีแล้ว แต่พระพุทธเจ้าของเราเห็นว่านั่นยังไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ จึงทรงแสวงหาทางที่ดีกว่านั้น แล้วพระองค์ท่านก็เจอทาง ในขณะที่ผู้อื่นไม่แสวงหาเลยจึงไม่เจอ หรือถ้าแสวงหา แต่ว่าสั่งสมบุญบารมีมาไม่สมบูรณ์ก็ไม่เจอเหมือนกัน หรือถึงรู้ว่ามีทางแต่ก็ไปไม่ถึง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-09-2012 เมื่อ 03:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 07-09-2012, 20:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไม่ทราบว่าอาตมาเคยเล่าให้พวกเราฟังแล้วหรือยังว่า มีโยมคนหนึ่งตั้งใจจะถือกรรมบถ ๑๐ แต่อยู่ร่วมกับพวกที่ทำงานไม่ได้ เพราะเขากลัวผิดกรรมบถ ๑๐ เวลาเจ้านายถาม เขาก็ไม่พูดด้วย เพื่อนร่วมงานถาม เขาก็ไม่พูดด้วย เขาเรียกว่าปฏิบัติธรรมแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ กลัวผิดกรรมบถ ๑๐ เจ้านายคุยเรื่องงานแล้วไม่คุยด้วย แล้วจะรู้เรื่องไหม ? เพื่อนร่วมงานถามก็ไม่คุยด้วย จึงอยู่ร่วมกับเขาไม่ได้

วันก่อนเขาโทรศัพท์มาบอกว่า ตอนนี้ไปนับถือศาสนาคริสต์แล้ว คงจะเห็นว่าปฏิบัติตามศาสนาพุทธแล้วอยู่ร่วมกับคนอื่นไม่ได้ แต่ที่เขาโทรศัพท์มามีปัญหาว่า ไปภาวนาว่า
“เยซู..เยซู” แล้วทำไมสติสมาธิไม่ทรงตัวเหมือนพุทโธ ? อาตมาจึงบอกไปว่า เป็นผู้ใหญ่แข็งแรง ๆ แล้วคุณลดตัวเองลงไปเป็นเด็ก จะเอากำลังเหมือนผู้ใหญ่ได้อย่างไร ? อันนี้คืออย่างหนึ่ง เพราะพระพุทธเจ้าเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ส่วนพระเยซูท่านยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่

อีกประการหนึ่งก็คือ ไปเปลี่ยนคำภาวนาที่ตัวเองไม่เคยชิน สมาธิก็เลยไม่ทรงตัว เขาก็ยังมีข้อแย้งว่า ในเมื่อไปถือศาสนาคริสต์ ถ้าไม่เอ่ยนามพระบิดา แต่ไปเอ่ยนามศาสดาอื่น เกรงพระบิดาจะไม่พอใจ อาตมาจึงบอกไปว่า "พระบิดาไม่โง่เหมือนแกหรอก..!"


สรุปว่าเขาไปถือศาสนาไหนก็โง่ต่อไป ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเวทนา ไปได้ไกลขนาดนั้น ถ้าหมดท่าขึ้นมา เห็นว่าสมาธิไม่ทรงตัว อาจจะไปถืออิสลามเข้าอีกศาสนาหนึ่ง เผื่อละหมาดวันละ ๕ ครั้งแล้วอาจจะดีขึ้น..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 15:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 07-09-2012, 20:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พวกเราคงจะเคยได้ยินสำนวนชายสามโบสถ์ ชายสามโบสถ์ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าบวช ๓ ครั้ง แต่หมายถึงถือศาสนา ๓ ศาสนาแล้วยังเอาดีไม่ได้ เจอโบสถ์พุทธ โบสถ์คริสต์ โบสถ์อิสลามไปแล้วยังเอาดีไม่ได้ แล้วใครจะไปคบด้วย

เพราะฉะนั้น..สำนวนชายสามโบสถ์ของคนโบราณ บ่งบอกถึงความเป็นคนจับจด ทำอะไรไม่จริงจัง หรือไม่ก็เป็นคนเถรตรงเกินไป ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ คนประเภทนี้เดินแล้วเลี้ยวไม่เป็น เจอถนนเป็นหลุมเป็นร่องก็ลุยไปอย่างนั้น หกล้มหกลุกหัวร้างคางแตก ก็ยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

ต้องบอกว่าถ้าหลักการของพุทธศาสนาปฏิบัติแล้วยังเอาดีไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปปฏิบัติที่อื่นหรอก แต่อาตมาก็ไม่บอกเขา กลัวว่าจะกลับมาอีก..!

ในอนันตริยกรรม ๕ อย่าง ก็คือกรรมที่มีโทษหนักอย่างหาที่สุดได้ยาก ประกอบไปด้วย การฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต และยุสงฆ์ให้แตกกัน บางแห่งท่านนับอัญญสัตถุเทศเข้าไปด้วย

อัญญสัตถุเทศ
ก็คือ การถือพระพุทธศาสนาแล้วเปลี่ยนใจไปนับถือศาสนาอื่น อรรถกถาจารย์บางแห่งท่านถือว่าเป็นอนันตริยกรรมด้วย เหมือนกับมีช่องทางที่จะหลุดพ้นอยู่แล้ว อยู่ ๆ ก็ไปตะเกียกตะกายทางอื่นแทน ถ้าเขาไปมีความมั่นคงในศาสนาอื่น ก็อีกนานกว่าที่จะย้อนกลับมาได้ คำว่าอีกนานก็คือนับชาติไม่ถ้วน ท่านคงเห็นว่าโทษหนักพอ ๆ กับอนันตริยกรรม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2012 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 225 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 07-09-2012, 21:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาสงสัยว่าญาติโยมบางคนเป็นโรคจิตหรือเปล่า ? มีของอะไรต้องยัดเข้าตู้เย็นไว้ก่อน อย่างพวกขนมแห้ง ๆ ไปยัดเข้าตู้เย็นนี่เสียเลย เก็บต่อไม่ได้ แต่ถ้าเราไว้ข้างนอกจะเก็บได้เป็นปี

ถ้าลูกหลานที่บ้านทำอย่างนี้ฟาดเสียบ้างนะ เสียของเปล่า ๆ พอเอาเข้าตู้เย็นแล้วเอาออกไปไม่ได้ จนกว่าจะกินจนหมด อย่างขนมพวกเวเฟอร์ แครกเกอร์พวกนั้น ไม่ได้มีความจำเป็นต้องไปเข้าตู้เย็นก็เอาเข้าไปอยู่ได้ เห็นมาหลายบ้านแล้ว เขานิมนต์ไป บังเอิญเขาไปเปิดตู้เย็น อาตมาตาไวเหลือบไปเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะแช่ไปทำไม ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2012 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 222 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 07-09-2012, 21:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : รับรู้ไว้เฉย ๆ แล้วก็ระมัดระวังไว้ อย่าให้รัก โลภ โกรธ หลงเข้ามาอีก

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : จำไว้ว่าถ้าหนักยังไม่ใช่ของแท้ ต้องเบาถึงจะใช่ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านถึงได้สอนให้พวกเราส่งใจไปนิพพานให้เคยชิน เพราะสภาวะพระนิพพานเป็นสภาวะหมดกิเลส ก็คือสภาวะจิตของพระอรหันต์นั่นแหละ พอเราเคยชินกับสภาวะจิตที่ไม่มีกิเลส ต่อไปก็จะสบาย แต่ส่วนใหญ่ได้แล้วก็มักจะปล่อยปละละเลย ไปเที่ยวสนุกสนานเสียมากกว่า

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ให้เราจดจำอารมณ์นั้น แล้วประคับประคองรักษาอารมณ์นั้นให้อยู่กับเรา พอเคยชินไปนาน ๆ เข้าเดี๋ยวก็เป็นของเราไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 219 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 07-09-2012, 21:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้วัดท่าขนุนทอดกฐินวันตักบาตรเทโว ปกติแล้ววัดท่าขนุนจะทอดกฐินวันที่ ๒๓ ตุลาคมทุกปี แต่ ๒๓ ตุลาคมปีนี้ยังไม่ออกพรรษา ก็เลยต้องไปกำหนดวันที่ค่อนข้างจะเร็วหน่อย เพราะว่าปีนี้มีเดือน ๘ สองหน เข้าพรรษาวันที่ ๒ สิงหาคม เข้าพรรษาช้ามาก ก็เลยไปออกพรรษาเอาปลายเดือนตุลาคมโน่น

อาตมาจึงกำหนดทอดกฐินวันเดียวกับตักบาตรเทโว ช่วงเช้าถึงเพลตักบาตรเทโว ช่วงบ่ายโมงทอดกฐิน ๓ วัด แล้วเดือนถัดไป วันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ต้องไปเป็นประธานทอดกฐินที่วัดตะเคียนงาม วัดหนองบ้านเก่า วัดประตูด่าน วัดบ้านห้วยน้ำขาว รวมเป็น ๗ วัด

นอกจากนี้อาตมารับเป็นเจ้าภาพกฐินปลดหนี้วัดครูบาเหนือชัยวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน จะะแวะทอดกฐินกับหลวงพ่อสิงห์ ที่วัดถ้ำป่าไผ่วันเสาร์ที่ ๑๐ พฤศจิกายนด้วย
ในเมื่อเดินทางผ่านก็แวะวัดหลวงพ่อสิงห์ก่อน แล้วค่อยเลยไปเชียงราย สรุปว่าได้ครบ ๙ วัดพอดี

ตอนนี้ที่แยกตัวไม่ออกเพราะส่วนใหญ่เขาจะให้ไปเป็นประธานทอดกฐินวัดเขา แค่ไปนั่งเฉย ๆ ก็พอ ไม่ต้องทำอะไร แต่คราวนี้กฐินส่วนใหญ่เลือกวันเสาร์อาทิตย์ จึงมีให้เลือกแค่ไม่กี่วัน ชนกันให้มั่วไปหมด อย่างวัดหนองบ้านเก่า ตะเคียนงาม ประตูด่าน อยู่ไม่ห่างกันมาก จึงให้เขากำหนดวันเดียวกัน มี ๑๐ โมงเช้า เที่ยงครึ่ง บ่ายสองโมง วิ่งไล่ทอดกันแถว ๆ นั้นแหละ ๓ วัด ส่วนของวัดท่าขนุน พุทธบริษัท กับเกาะพระฤๅษีทอดที่เดียวกันวันตักบาตรเทโว เวลาบ่ายโมงตรง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2012 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 08-09-2012, 20:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนอาตมารื้อเตียง ได้เงินมา ๕๐,๐๐๐ กว่าบาท ออกกิจนิมนต์แล้วโยนไว้ตรงนั้นบ้าง โยนไว้ตรงนี้บ้าง พอของเต็มเตียงจึงรำคาญตา ก็เลยรื้อสักที

ทำให้นึกถึงหลวงปู่เนื่อง วัดจุฬามณี ท่านเป็นศิษย์ของหลวงปู่คง วัดบางกระพ้อม หลวงปู่เนื่องท่านเป็นเซียนให้หวย หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า ถ้าเล่นหวยหลวงปู่เนื่องเป็น จะถูกทุกงวด

ท่านบอกว่า ถ้าอยากถูกหวยหลวงปู่เนื่องงวดนั้น ให้ตัดท้ายมาเล่นตัวเดียว แต่ถ้าอยากถูก ๓ ตัวตรง ๆ ให้ตามไปเรื่อย ภายใน ๑๒ งวดจะออก แต่ให้เล่นในลักษณะที่ว่า..ถ้างวดแรกเล่น ๑๐ บาท งวดที่สองให้เล่น ๒๐ บาท งวดที่สามให้เล่น ๓๐ บาท งวดที่สี่ให้เล่น ๔๐ บาท ท่านบอกว่าถ้าเล่นแบบนั้นเมื่อได้มาแล้วจะคุ้ม

คราวนี้หลวงปู่เนื่องท่านให้หวยอยู่ ๓๐ กว่าปี คนถูกหวยก็เอาแบงก์ใหม่ ๆ ไปให้ท่านเป็นมัด ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบงก์ ๑๐, ๒๐, ๑๐๐, ๕๐๐ สมัยนั้นแบงก์ ๕๐๐ ใหญ่สุด ท่านรับมาก็โยนกอง ๆ ไว้ในกุฏิท่าน ตอนหลวงปู่เนื่องมรณภาพ กรรมการวัดเข้าไปจัดกุฏิ เก็บเงินออกมาได้ ๒๐ กว่าล้าน..! โยนไว้ตรงไหนก็อยู่ตรงนั้น ท่านไม่ได้ไปแตะต้องอะไรเลย

ท่านไม่ได้ใส่ใจเรื่องเงินหรอก รับมาก็ทิ้งกองไว้ตรงนั้น แล้วกรรมการวัดก็ไม่กล้าไปยุ่งในกุฏิของท่าน เงินก็กองอยู่อย่างนั้น ที่น่าเสียดายที่สุดก็คือ พอท่านมรณภาพแล้ว หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านได้รับรายงานจากท้าวมหาราช จึงบอกกับพวกเราว่า “น่าเสียดาย..เขาขอหวยจนพระอรหันต์ตายไปทั้งองค์” ท่านบอกว่าหลวงปู่เนื่องเป็นพระอรหันต์ แต่ไม่มีใครไปขออย่างอื่น ขอแต่หวย เรื่องของธรรมะไม่เอาเลย ถ้าเขาไม่เอาหวยเขาก็เอาวัตถุมงคล อย่างอื่นไม่เอา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 231 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 08-09-2012, 20:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พี่ก้องซึ่งเป็นพี่ชายคนที่ ๓ ของอาตมา เขาไปหาหลวงปู่เนื่องได้หวยมา ๓ ตัว หวยของหลวงปู่เนื่องไม่ต้องเสียเวลาไปขอ ท่านจะเขียนใส่กระดานดำไว้ให้เลย ทุกงวดแหละ ถึงเวลาก็ไปลอกมา งวดแรกพี่ก้องตามทั้งเต็งและโต๊ดก็ไม่ถูก งวดที่สองไม่ถูก งวดที่สามไม่ถูก..เลิก ! งวดที่ ๔ ออกมาตรง ๆ คิดดูก็แล้วกันว่าเป็นอย่างไร ?

พอบอกเคล็ดลับนี้ไป ปรากฏว่าพี่ชายอีกคน คือพี่สุรกานต์ รู้ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงปีหนึ่งให้หวยแน่ ๆ ครั้งหนึ่ง ก็คืองานกฐิน ถึงเวลาพี่สุรกานต์ก็ไปนั่งฟัง พอสะดุดหูตัวไหนก็จดไว้ แต่งานนั้นไม่ใช่แค่สะดุดหู หลวงพ่อท่านบอกตรง ๆ กลางศาลาเลย ท่านบอก “ลูกหลานเอ๊ย..พ่ออยากจะได้เงิน ๖๘๓ บาท ใครให้ได้บ้างวะ ?” คอหวยนี่เฮกันแทบศาลาถล่ม

ปรากฏว่างวดแรกออก ๘๓ งวดที่ ๒ ออก ๖๓๘ พวกที่เล่นกลับเล่นโต๊ดถูกไป ๒ งวดก็เลิก งวดที่ ๔ ที่ ๕ ไม่มีวี่แววก็เลิกกันหมด พี่สุรกานต์ตามไปเรื่อย ไปออกตรง ๆ งวดที่ ๙ ได้มาแสนแปด..!

อาตมาก็ถามพี่เขาว่า “ถ้าถึงงวดที่ ๑๑ แล้วยังไม่ออกล่ะ ?” เขาบอกว่า “งวดที่ ๑๒ ผมขายบ้านเล่นเลย..!” เขาเชื่อว่าที่หลวงพ่อบอกมาใช้ได้หมด เพียงแต่ว่าสิ่งไหนก็ตาม ที่บอกเป็นสาธารณะ บุญคนไม่เท่ากัน งวดที่จะออกก็จะเลื่อนไป ขึ้นอยู่กับว่าใครมีบุญที่จะได้ ก็จะมีฉันทะในการติดตาม อย่าลืมว่า ๙ งวด คือ ๔ เดือนครึ่ง..! ใครมีอารมณ์ตามบ้าง ? ส่วนใหญ่ถ้า ๓ งวดไม่ออกก็เลิกกันหมดแล้ว

หลวงปู่เนื่องให้หวยนี่เจ้ามือไม่โกรธหรอก เพราะเจ้ามือได้เยอะกว่า ท่านไม่ได้ให้ตรง ๆ เป๊ะ ๆ แต่ท่านให้ตรง ๆ ในอีกหลายงวดข้างหน้า ถ้าอยากได้ให้ตัดท้ายเล่นตัวเดียวแล้วจะถูก แต่ว่าได้น้อย แต่สำหรับพี่ชายอาตมาเขาไม่สนใจหรอก "ตัวเดียวได้น้อยผมก็เอา" อาตมาถามว่าทำไม ? เขาบอกว่า "เติมหน้า ๑๐ ตัว เติมหลัง ๑๐ ตัว ต้องถูกแน่นอน"

ลองนึกดู ได้มาตัวเดียวใช่ไหม ? ถ้าจะเล่นเลขท้าย ๒ ตัว เติมหน้า ๑๐ หลัก เติมหลัง ๑๐ หลัก อย่างไรก็ได้แน่ นั่นพวกเซียนหวยเขาเล่นกัน อาตมาเล่นไม่เป็นหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 08-09-2012, 20:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เสียดายอยู่อย่างเดียวว่า หลวงพ่อท่านห้ามอาตมาให้หวย เพราะอาตมากั๊กไม่เป็น มักจะให้ตรง ๆ ไม่ได้ให้มา ๒๐ - ๓๐ ปีแล้ว รู้สึกว่าวิชาจะเสื่อมไปแล้วกระมัง ?

อะไรที่ครูบาอาจารย์ท่านห้าม เราจะไปฝืนไม่ได้ ถ้าฝืนก็แปลว่าไม่เชื่อกัน ก็ไม่ต้องมาเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กันเท่านั้น ที่ท่านห้ามไว้เพราะท่านรู้ว่า ถ้าว่ามัวแต่ไปให้หวยอยู่ จะเป็นแบบหลวงปู่เนื่อง คนจะไปเอาแต่หวย ไม่เอาธรรมะ แล้วอีกอย่าง ท่านบอกว่า ถ้ารู้แล้วไปบอกตรง ๆ เท่ากับไปปล้นเขากิน..!

สู้นายกฯ ยิ่งลักษณ์ไม่ได้นะ นั่งคันไหนออกคันนั้น ต่อไปถ้าทำนางกวัก ต้องทำเป็นรูปนายกฯ ยิ่งลักษณ์..!

ความจริงท้าวมหาราชท่านเคยให้สูตรสำหรับคิดหวยได้ แต่ท่านไม่ได้บอกตรง ๆ ท่านบอกว่า ให้เอาเลขตัวผู้คูณ ๓ เลขตัวเมียคูณ ๗ เอาผลมากตั้ง เอาผลน้อยลบ เลขที่ออกมาจะเป็นเลขท้าย ๒ ตัวหรือตัวเดียว คราวนี้เราต้องไปตีความว่าเลขตัวผู้กับเลขตัวเมีย อย่างไหนเลขคู่อย่างไหนเลขคี่

อาตมาเคยคิดย้อนหลังไป ๓๐ กว่างวด ปรากฏว่าออกจริง ๆ แต่บางงวดบวกลบออกมาเหลือเลขตัวเดียวก็ต้องเล่นน้อย ถ้าอย่างพี่สุรกานต์เขาไม่สนใจหรอก ตัวเดียวเขาก็เพิ่มหน้าเพิ่มหลัง เขาเล่นของเขาได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 08-09-2012, 20:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พวกเราอย่าไปเล่นเลย เสียเงินเปล่า ๆ เดี๋ยวจะไปเหมือนกำนันเถา กำนันตำบลบางนมโค เขาไปขอเลขหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก หลวงปู่จงบอกว่า “อย่าเอาไปเลย เอ็งไม่ได้เล่นหรอก” กำนันเถาไม่เชื่อ เวลาประกาศหวย เลขออกตรงตามหลวงปู่จงเต็ม ๆ เลย ไม่ต้องกลับ กำนันเถาตรวจโพยเสร็จ ปรากฏว่าซื้อเลขทุกเจ้าที่ไปขอเขามา ยกเว้นเลขของหลวงปู่จง ลืมไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ ?

ต้องบอกว่าบุญไม่มีก็เลยโดนกรรมบังไป กำนันเถาคว้าปืนจะยิงหัวตัวเอง ลูกเมียต้องห้ามกันวุ่น หลวงปู่จงท่านรู้ขนาดว่าเอาไปก็ไม่ได้ซื้อหรอก เขาก็ยังดื้อจะเอาให้ได้

แต่อย่างแม่ลูกอ่อนที่ผัวไปโดนเกณฑ์ทหาร ไม่มีเงินเลี้ยงลูก จึงไปขอหวยหลวงปู่จง หลวงปู่จงให้เลขไปเสร็จสรรพ นึกขึ้นมาได้ จึงพายเรือตามมาถึงบ้าน บอกว่า “อีหนูอย่าเล่นเกิน ๕ บาทนะลูก ถ้าเล่นเกิน ๕ บาท เกินบุญของเอ็ง เลขจะเคลื่อน” เขาก็เชื่อ เล่น ๕ บาทก็ถูก ดังนั้น..ใครถ้าเคยเล่นหวยประมาณเท่าไรแล้วเคยถูก ต่อไปอย่าเล่นเกินนั้น บุญเรามีแค่นั้นแหละ มากไปกว่านั้นจะไม่ถูก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 08-09-2012, 20:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ความจริงการดูหวยเป็นการใช้ทิพจักขุญาณในอนาคตังสญาณ แต่บางท่านที่ได้อนาคตังสญาณและได้มโนมยิทธิ เขาใช้วิธีวิ่งไปที่กองสลาก ไปถามเทวดาที่รักษากองสลากว่าจะออกเลขอะไร แต่ส่วนใหญ่เทวดาเขาจะบอกตัวเดียว ไม่บอกด้วยว่าบนหรือล่าง ให้ไปเล่นเอาเอง

งานที่เป็นส่วนของราชการทุกภาคส่วนจะมีเทวดารักษา ดังนั้น..อาตมาจึงชอบใจที่เวลารัฐมนตรีเข้ารับตำแหน่ง ท่านจะไปไหว้เจ้าที่กันก่อน นั่นท่านทำถูก แต่อย่างบางกระทรวง เช่น กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ท่านไปไหว้เจ้าที่คนโห่เอา เขาว่าเป็นกระทรวงทันสมัยสุด ๆ แล้วยังไปไหว้ผีอีก แสดงว่าพวกที่ว่าท่านนี่ทันสมัยจนลืมรากเหง้าตัวเอง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 08-09-2012, 21:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาหลุดออกไปแล้วจะไปที่ไหน ๆ รู้สึกว่าหนักมากเลยค่ะ กว่าจะไปได้แต่ละที่แสนจะลำบาก
ตอบ : ให้พิจารณาร่างกายก่อน จำไม่ได้หรืออย่างไร..? เดี๋ยวฆ่าทิ้งเลย..! ไม่ทันพิจารณาไปก่อนทุกที แล้วจะไปเบาอีท่าไหนได้ ?

สภาพจิตจะต้องเห็นชัด ๆ ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา ไม่มีห่วงไม่มีกังวล ถึงจะไปแบบเบามาก แต่ถ้ายังหน่วง ยังหนัก ยังดึง ยังรั้งอยู่ เหมือนกับวิ่งฝ่าน้ำตกดี ๆ นี่เอง บอกไปเท่าไรไม่เคยจำ..!

แต่ว่าเรื่องของอภิญญาสมาบัติก็แบบนี้แหละ..ต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง คนอื่นบอกเราเหมือนเข้าใจ..แต่ไม่ใช่ พอตัวเองไปได้สักทีถึงจะรู้ว่าที่แท้ต้องทำอย่างนี้ เพราะฉะนั้น..ต้องไปลองผิดลองถูกต่อไป ถามคนอื่นก็ได้แค่แนวทางไปเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 08-09-2012, 21:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีอยู่อย่างหนึ่งที่อาจารย์สอนปริญญาเอกของอาตมาท่านเป็นห่วง ก็คือความจงรักภักดีต่อในหลวง ว่าอยู่ในลักษณะที่เทิดทูนพระองค์ท่านเกินไปหรือเปล่า ? อาจารย์ท่านใช้คำนี้นะ ท่านบอกว่าถ้าทำอย่างนั้น ในหลวงพระองค์ต่อไปจะลำบาก

ท่านอรรถาธิบายว่า ในหลวงองค์ปัจจุบันทรงงานมา ๖๐ กว่าปี คนเคารพเทิดทูนท่านอย่างนั้นก็ไม่แปลก แต่อีกพระองค์หนึ่งอายุ ๖๐ ปีแล้ว ยังไม่ได้ทรงงานเลย อยู่ ๆ ขึ้นมาทำงานจะเป็นอย่างไร ? อาจารย์ท่านห่วงตรงนี้

อาตมาก็เลยเรียนท่านอาจารย์ไปว่า "อาจารย์ครับ..ก็เหมือนกับเจ้าอาวาสนั่นแหละครับ ถ้าเจ้าอาวาสรูปเก่าเก่ง เจ้าอาวาสรูปใหม่จะลำบากสาหัสเลย ถึงเจ้าอาวาสรูปใหม่เก่ง คนเขาก็ยังคิดถึงแต่รูปเก่าอยู่ ถ้าเจ้าอาวาสรูปใหม่ไม่เก่งนี่ จมดินหายไปเลยครับ..!"

ฟัง ๆ ดูก็จริงอย่างที่อาจารย์ท่านพูด แต่ว่าอาจารย์ท่านลืมไปอย่างหนึ่งว่า นิสัยของคนไทยอย่างหนึ่งก็คือ เคารพสถาบันโดยไม่มีข้อแม้ ในเมื่อไม่มีข้อแม้ ในหลวงพระองค์ใหม่มาก็เคารพรักอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ากว่าจะให้รักเท่าพระองค์เก่า ก็ต้องแสดงผลงานกันหลายยกหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 08-09-2012, 21:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาจารย์ท่านคิดแบบนักวิชาการ ท่านคิดว่าชาวบ้านรักเทิดทูนในหลวงมากเกินไป คำว่ามากเกินไปนี่เป็นในสายตาของท่านอาจารย์นะ แต่ถ้าในความรู้สึกของพวกเรายังรู้สึกว่าน้อยเกินไป..ใช่ไหม ? ท่านคิดว่ามากเกินไปแล้วในหลวงพระองค์ต่อไปจะลำบาก..ไม่ลำบากหรอก ก็ประคับประคองกันไประยะหนึ่ง ถ้าพระองค์ท่านทรงงานให้เห็นว่าทุ่มเทเพื่อประชาชนอย่างไร เดี๋ยวความศรัทธาเลื่อมใส ความจงรักภักดี ความเทิดทูนก็จะมาเอง

เราลองนึกถึงในหลวงรัชกาลที่ ๘ ครองราชย์ตั้งแต่พระองค์น้อย ๆ ยังเป็นเด็กเล็กอยู่แท้ ๆ ต้องมารับภาระทั้งบ้านทั้งเมือง ด้วยความที่ในหลวงรัชกาลที่ ๘ ได้รับการอบรมสั่งสอนจากสมเด็จพระบรมราชชนนีอย่างเข้มงวด พระองค์ท่านจึงวางพระองค์ได้ถูกต้อง ออกต้อนรับคณะทูตานุทูตต่าง ๆ หลังจากขึ้นครองราชย์ พระองค์ท่านยังวางพระองค์ได้ชนิดเหมาะสมทุกประการ เรียกง่าย ๆ ว่าไม่อายใคร

พอเจริญพระชันษาขึ้นมา จนกระทั่งบรรลุนิติภาวะ ความจงรักภักดีของคนก็มากขึ้น ๆ อยู่ ๆ ก็เหมือนกับฟ้าผ่า..! พระองค์เสด็จสวรรคต ไม่ใช่แต่ในรั้วในวังเท่านั้น คนข้างนอกก็ร้องไห้กันทั้งบ้านทั้งเมือง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2012 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 10-09-2012, 10:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือของสมคิด ลวางกูร มีดีอยู่หลายเล่ม มีอยู่เล่มหนึ่งใช้คำค่อนข้างจะแรง เขาใช้ว่า “มึงสู้จริงหรือเปล่า ?” ลองไปหาอ่านดู เขายกตัวอย่างเรื่องของซิงเกอร์ ทำจักรเย็บผ้าขึ้นมาแล้วมั่นใจมากว่าสินค้าของเขาดี ก็เลยลาออกจากงาน แล้วไปเสนอขายจักรเย็บผ้า จากที่คิดว่าน่าจะขายได้มากมาย กลายเป็นว่ามีคนสนใจน้อยมาก ขายได้แค่ไม่กี่ตัว แต่เขาไม่ยอมแพ้ ถือว่าผลงานของตัวเองดี ต้องคนรู้จักของดีเท่านั้นถึงจะซื้อ

เขาก็ไล่ขายไปเรื่อย กว่าจะได้รับความสนใจใช้เวลา ๒๐ ปี กว่าที่โรงงานใหญ่จะรู้ว่าเครื่องจักรนี้ผ่อนแรงคนได้มหาศาล ค่อยสั่งซื้อครั้งเดียวเป็นร้อย ๆ ตัว พอคนอื่นเห็นก็เอาตามอย่างกัน คราวนี้ขายไปทั่วโลกเลย

เขาถึงได้บอกว่า ถ้านักขายประกันยังขายไม่ได้ภายใน ๒๐ ปี อย่าเพิ่งท้อ เพราะตัวอย่างมีแล้ว เขาบอกว่าคนสู้จริงไม่มีอะไรเลย นอกจากพระเจ้าต้องมอบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ให้แก่คุณเท่านั้น สำคัญคือคุณสู้จริงหรือเปล่า ?

หนังสือของเขา วลีกวนตา วาจากวนตีน อาตมาเห็นก็สะดุดตาเลย อย่างไรก็ซื้อแน่..ถ้าเอ็งไม่ดีจริงเดี๋ยวข้าจะโทรศัพท์ไปด่า..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2012 เมื่อ 16:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 10-09-2012, 11:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,174 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระแตก..?
ตอบ : บรรจุใส่พระองค์ใหญ่สิ หรือไม่ก็ซ่อมไว้ใช้งาน มีคนทำพระปิดตาแตก อาตมารีบขอแลกเขามาเลย อย่าลืมว่าวัตถุมงคล ๑ ชิ้น เทวดารักษา ๑ องค์ ยิ่งแตกหลายชิ้นยิ่งดี อาตมาจึงรีบขอแลกเขามา แล้วมาติดกาว บางคนเขาคงไม่รู้ โอ๊ย..พระแตก เสียอกเสียใจกันใหญ่ หาทางปล่อยให้พ้นตัวเอง จึงทิ้งของดีไปแบบน่าเสียดาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-09-2012 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:48



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว