กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #141  
เก่า 19-02-2011, 10:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องเหล็กไหลให้ฟังว่า "มีคนถามหลวงปู่บุดดาเกี่ยวกับเรื่องเหล็กไหลว่า "หลวงปู่เคยเห็นเหล็กไหลไหม ?" หลวงปู่บอกว่า "เคยสิ" "เคยเห็นที่ไหนครับ ?" "ที่หัวลำโพง เดี๋ยวมันก็ไหลไปเหนือ เดี๋ยวมันก็ไหลไปใต้"

ส่วนอีกรายหนึ่งถาม หลวงพ่อวัดปากคลองมะขามเฒ่า ตอนนั้นท่านยังเป็นพระครูวิชาญไชยคุณอยู่ ยังไม่ได้เป็นท่านเจ้าคุณพระมงคลชัยสิทธิ์ พอไปถามท่านเรื่องเหล็กไหล ท่านบอกว่า "ไอ้เรื่องที่ทำให้ยึดติดไม่หลุดพ้น เอ็งจะถามไปทำไมวะ..?"

แต่ตอนที่อาตมาถามหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านกลับบอกให้ฟัง สรุปว่า เหล็กไหลทั้งหมดในปัจจุบันไม่ใช่เหล็กไหลของแท้ เหล็กไหลของแท้ดูง่ายมาก เพราะจะมีรัศมีสว่างเป็นของตัวเอง อยู่ในที่มืดก็สว่าง

วิธีทดสอบ ก็คือ เอาน้ำเดือด ๆ ใส่แก้ว หย่อนเหล็กไหลลงไป น้ำร้อนจะกลายเป็นน้ำเย็นเหมือนมาจากตู้เย็น แต่อย่าให้เหล็กไหลตกดินนะ ตกดินเมื่อไร จะหายไปต่อหน้าต่อตาเลย..!

เหล็กไหลมีหลายสีด้วยกัน จะมีสีน้ำตาลอ่อนออกเหลือง (สีท้องปลาไหล) สีเข้มแบบเมฆพัตร (เหมือนสีปีกแมลงภู่) สีเขียวเหลืองแบบเมฆสิทธิ์ (เหมือนสีปีกแมลงทับ) มีหลายต่อหลายท่านเอาเมฆสิทธิ์เมฆพัตรมา แล้วคิดว่าเป็นเหล็กไหล เพราะสีตรงตำรา ส่วนชนิดที่มีพลังงานสูงสุดจะเป็นสีเงินเหมือนปรอทหรือตะกั่ว

ถ้าเจอเหล็กไหล ให้ตั้งใจขออนุญาตเจ้าที่ที่เฝ้าอยู่ ขอพิสูจน์ว่าเป็นของแท้หรือเปล่า ? แล้วจุดเทียนลนดู ถ้าเป็นของแท้ พอเหล็กไหลโดนไฟจะยืดลงมาเหมือนน้ำตาเทียน แต่จะไม่ขาดหรอก ยืดเท่าเส้นด้ายก็ไม่ขาด พอเราเลิกลน เอานิ้วแตะ เหล็กไหลจะหดกลับไปเหมือนเดิม หน้าตาเดิมเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น

ถ้าไม่ใช่เจ้าของอนุญาตหรือเขาจะมาด้วย จะเอามาไม่ได้ โยมคนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดชื่อเลิศ อยู่เพชรบูรณ์ เขาพยายามขายเหล็กไหลมาหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เพราะเหล็กไหลไม่ยอมไปอยู่กับคนอื่น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2011 เมื่อ 14:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #142  
เก่า 19-02-2011, 11:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เหล็กไหลนี้อัศจรรย์ตรงที่ว่า ในรัศมีที่เขาคลุมถึง ไฟฟ้าไม่สามารถทำงานได้ ทำให้กล้องถ่ายรูปทุกชนิดถ่ายภาพเหล็กไหลของแท้ไม่ได้ เครื่องยนต์ทุกชนิดไม่ทำงาน อาวุธปืนทุกชนิดยิงไม่ออก อาวุธมีดทุกชนิดเหมือนกับไม่มีคม เชือดแล้วลื่นไปเฉย ๆ

แต่เหล็กไหลของนายเลิศก้อนนี้ไม่เหมือนของชาวบ้านเขา แค่ดูก็รู้แล้ว เพราะฉะนั้น..เทวดาที่เฝ้าเหล็กไหลก็เหมือนกับคน ตรงที่แต่ละองค์มีนิสัยไม่เหมือนกัน สำหรับเหล็กไหลก้อนนี้มีนิสัยแปลก เนื่องจากว่าวันหนึ่งโจรไปปล้นควายบ้านนายเลิศ โจรยิงนายเลิศไม่ออก แต่นายเลิศยิงออก ปกติแล้วในรัศมีที่เหล็กไหลคลุมถึง ไม่ว่าเราหรือเขาจะยิงไม่ออกทั้งนั้น แต่ก้อนนี้ไม่เหมือนชาวบ้านเขา

จริง ๆ แล้วนายเลิศไม่ใช่เจ้าของเหล็กไหล นายเลิศเขามีเพื่อนเป็นชาวม้ง นายเลิศไปเยี่ยมเพื่อนม้งที่ทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อนกำลังป่วยหนักอยู่ ไปเฝ้าไข้อยู่สองวันกว่า วันที่สามเพื่อนก็เสียชีวิต นายเลิศก็พยายามค้นเผื่อเจอข้อมูลว่าเพื่อนมีญาติพี่น้องที่ไหนบ้าง ค้นไปค้นมาเจอหิ้งไม้ไผ่มีสำลีอยู่ห่อหนึ่ง แล้วห่อนั้นมีแสงสว่าง ๆ เท่าเม็ดถั่วเขียว นายเลิศเห็นว่าน่าจะเป็นของดี ก็เก็บใส่กระเป๋าไป เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

คนแรกที่ติดต่อซื้อเหล็กไหลกับนายเลิศ คือ ฝรั่งที่ฐานบินโคราช ฝรั่งเขารู้ว่าคนไทยมีของดี เขาขออนุญาตว่าใครมีวัตถุมงคลที่ยิงไม่ออก ให้เอาไปขายให้เขาได้ เขารับซื้อราคาหมื่นดอลล่าร์สมัยนั้น คนอื่น ๆ เอาของดีไปให้ฝรั่งทดลองดู ปรากฏว่าเขาฝรั่งยิงพังหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2011 เมื่อ 14:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #143  
เก่า 19-02-2011, 11:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอนายเลิศได้ยินว่าทหารอเมริกันเขารับซื้อวัตถุพวกนี้อยู่ นายเลิศก็นึกถึงของชิ้นนี้ขึ้นมาได้ จึงทดสอบเองก่อน เอาเหล็กไหลไปวางไว้ที่จอมปลวก แล้วใช้ปืนลูกซองยิงก็ยิงไม่ออก ไม่แน่ใจ..อาจจะเป็นเพราะว่าจอมปลวกขลัง ก็ย้ายที่ใหม่ พอเอาเหล็กไหลไปวางไว้ที่จุดไหนก็ยิงไม่ออกอีก ก็ยังไม่แน่ใจ...กระสุนอาจจะเก่าจนหมดอายุก็ได้ จึงไปยืม .๓๘ ของกำนันมา พอมายิงก็ยิงไม่ออกอีก นายเลิศจึงชวนกำนันไปเป็นเพื่อน เพื่อไปติดต่อกับฝรั่ง

นายเลิศเขารอบคอบมาก เขาขอให้ฝรั่งวางเงินค่ายิงสามหมื่นบาท ถ้ายิงพังจะไม่เอาเรื่อง ถ้ายิงไม่ออกขอค่ามัดจำสามหมื่น ปรากฏว่าฝรั่งใช้ปืนอะไรก็ยิงไม่ออก ฝรั่งจึงมอบเงินให้สามหมื่น แล้วตกลงซื้อขายกันสองล้านบาท ให้นายเลิศไปรออยู่ที่โรงแรม เขาเปิดโรงแรมชั้นหนึ่งให้เลย พรุ่งนี้จะพาไปเปิดบัญชีธนาคารแล้วโอนเงินให้

พอรุ่งเช้า เหล็กไหลหายไปไหนไม่รู้ เขาไม่ยอมไปด้วย ฝรั่งก็หาว่านายเลิศเล่นแง่ ทางนายเลิศก็สาบานว่าเปล่า ทีนี้นายเลิศเขาให้เมียถักเชือกหุ้มเหล็กไหลให้ เวลาถักเชือกก็จะมีห่วงคล้องให้ด้วย ปรากฏว่าห่วงก็ยังอยู่ดี ด้ายถักที่หุ้มก็ยังเป็นห่ออยู่ตามปกติ แต่เหล็กไหลไม่มีแล้ว ฝรั่งจึงยอมเชื่อจริง ๆ

เวลาผ่านไปอาทิตย์กว่า ๆ เหล็กไหลก็กลับมาอยู่ที่เดิม ที่บ้านนายเลิศ คือ ถ้าเหล็กไหลมาก็จะเห็น เพราะมีแสงสว่างเรือง ๆ ตั้งแต่นั้นมา ใครไปขอซื้อนายเลิศขายทั้งนั้น เขาบอกว่าใครมีวิชาดีไปเอาได้เลย เขาอยากขายมาก เพราะฐานะตัวเองก็ไม่ได้ร่ำรวย แต่ขายไม่ออกสักที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2011 เมื่อ 14:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #144  
เก่า 19-02-2011, 12:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "สมัยที่อยู่เกาะพระฤๅษีพวกอาตมาอาศัยบะหมี่สำเร็จรูปเป็นหลัก พอมารับสังฆทานจากกรุงเทพฯ ก็จะเป็นอาหารหรูหราฟู่ฟ่าไปเลย หลังจากนั้นกลับไปที่เกาะ บะหมี่ซองก็จะเป็นหลักเหมือนเดิม

จึงมานึกว่า เราทำบุญมาไม่สม่ำเสมอ เพราะถ้าเราทำบุญสม่ำเสมอก็ต้องได้ในลักษณะเท่า ๆ กันหรือใกล้เคียงกันทุกวัน นี่บทมีกินก็กินกันปางตาย บทไม่มีจะกินก็เจอแต่บะหมี่สำเร็จรูปเป็นอาทิตย์ ๆ เลย

อย่างวันนี้ อยู่ ๆ ก็มีน้ำพริกมา ๖-๗ ถ้วยพร้อม ๆ กัน บทจะไม่มีบางทีสามวันก็ไม่มีน้ำพริกเลย ฉะนั้น..เรื่องของการทำบุญต้องสม่ำเสมอ ถ้าไม่สม่ำเสมอเดี๋ยวจะเจอแบบอาตมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2011 เมื่อ 14:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #145  
เก่า 19-02-2011, 12:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาเป็นคนแปลกมาตั้งแต่เด็ก เพราะไม่มีอาหารอะไรที่รู้สึกอร่อยจนอยากจะกินซ้ำ ตั้งแต่เด็กก็เป็นอย่างนี้ สมัยมาทำงานที่กรุงเทพฯ ใครเขาว่าอาหารอร่อยก็ไปกินดู ก็ไม่เห็นจะอร่อยกับเขาตรงไหน

ตอนนั้นหูฉลามนายเก๊า ถ้วยนิดเดียวราคาหกร้อยบาท เท่ากับค่าแรงอาตมาตั้งหลายวัน ลองไปกินดูไม่เห็นจะอร่อยตรงไหน ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อคาบูกิ เปิดครั้งแรกที่โรงแรมอินทรา ก็อุตส่าห์ขึ้นไปลองกิน ไม่รู้ว่าญี่ปุ่นเขากินได้อย่างไร จืดเป็นบ้าเลย อาตมาเห็นมีซีอิ๊วญี่ปุ่นก็ใส่ ชิมไปก็ไม่เค็ม หวานปะแล่ม ๆ ใส่ไปครึ่งขวดก็ยังหวานปะแล่ม ๆ อยู่ ตกลงว่าอาหารญี่ปุ่นหารสเค็มไม่ได้ อยู่ทะเลกันอย่างไรก็ไม่รู้ ? กลายเป็นซื้อความรู้ไป

อะไรที่เขาว่าอร่อยไปลองมาหมดแล้ว ประเภทซูเปอร์ราดหน้า สมัยนั้นจานละ ๖๐ บาท ใส่หมูชิ้นหนึ่งเกือบเท่าฝ่ามือ เราก็ลองไปชิมดู ผลสรุปว่าบางร้านที่ไปกินส่งเดชอร่อยกว่าเชลล์ชวนชิมเยอะเลย มีก๋วยเตี๋ยวรถเข็นอยู่เจ้าหนึ่ง อยู่ใต้สะพานลอยพระโขนง ใครกินแล้วไม่สั่งเพิ่ม รับประกันได้ว่า จะต้องลิ้นตะเข้จริง ๆ จนกระทั่งหลายคนระแวงว่าเขาใส่กัญชาหรือเปล่า ? เพราะถ้าผสมกัญชาลงไป กินอะไรก็จะอร่อยไปหมด

จึงแปลกใจว่า ตั้งแต่เด็กมาไม่เคยคิดอยากจะกินอะไรซ้ำ อาหารบางอย่างก็รู้สึกว่าอร่อยนะ แต่ก็อร่อยแค่ครั้งนั้น แต่ถึงขนาดให้ตะกายไปหามากินใหม่ก็ไม่ไป แต่โยมบางคนเป็นตายอย่างไรก็ต้องไปกินให้ได้ เคยขึ้นรถยนต์โยมบางคน เขามีแต่แผนที่ร้านเชลล์ชวนชิม แสดงว่าไปทุกที่ ตรงไหนว่าอร่อยเขาไปทั้งนั้น

เราจะเห็นว่า ในเรื่องของกิเลสแต่ละคนแพ้ไม่เหมือนกัน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ เป็นกิเลสที่ดึงร้อยรัดเราให้ติดอยู่กับวัฏสงสาร แต่ละคนแพ้ไม่เท่ากัน คนแพ้รูปก็ทำสถิติสะสมอีหนูไปเถอะ คนแพ้รสเห็นว่ามีอาหารที่ไหนอร่อยต้องไปที่นั่น ต่อให้ป่วยเป็นเบาหวานก็จะไป หมอห้ามแค่ไหนก็จะกิน

ส่วนใหญ่อาตมาลองครั้งเดียวก็เลิก ไม่มีอะไรให้ประทับใจกับเรื่องพวกนี้ โดยเฉพาะพิซซ่า ในชีวิตนี้ได้ฉันพิซซ่าอร่อยครั้งเดียวที่กุฏิหลวงปู่มหาอำพัน เพราะมีน้ำปลาพริกอยู่ถ้วยหนึ่ง อาตมาเทราดลงไปหมดเลย หลังจากนั้นก็ไม่เคยฉันพิซซ่าที่ไหนอร่อยอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2011 เมื่อ 14:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #146  
เก่า 19-02-2011, 12:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในชีวิตแทบจะไม่เคยปรุงเครื่องปรุงรส เหตุที่ไม่เติมก็เพราะว่า ถ้าเติมแล้วอร่อยแปลว่าเป็นฝีมือเราทำเอง ถ้าอาหารอร่อยต้องอร่อยเพราะฝีมือคนทำ แต่ถ้าเติมแล้วอร่อยก็เป็นเพราะเราทำเอง จึงเคยชินกับการฉันที่ไม่ต้องเติม

มาระยะหลัง ๆ อาหารไทยเสียรสชาติหมด เด็ก ๆ ก็เสียลิ้น เพราะรสชาติออกหวานไปหมด ขนาดแกงส้มก็หวาน น้ำพริกก็หวาน ชิมแล้วหมดอารมณ์ ปกติอาหารไทยของเราจะมีของหวานตามหลังอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น..อาหารไทยจึงไม่ใช่อาหารรสหวาน นอกจากบางชนิดอย่างขนมจีนน้ำพริกหรือแกงบอน จะมีหวานนำนิดหน่อย

ถ้าใครบอกว่าอาหารชาววังรสหวาน อย่าไปเชื่อเชียว ชาววังลิ้นท่านประณีตกว่าเราเยอะ เปรี้ยวหวานมันเค็มของท่านจะครบรสกว่าเรา เพราะมีเวลาในการประดิษฐ์ประดอยมากกว่า แต่เขาไปลือว่ากินหวานเป็นต้นตำรับชาววัง เสียหายไปหลายแสน อาตมาเคยวิ่งเล่นในวัง ไม่เห็นเป็นอย่างนี้เลย"

ถาม : เรื่องอาหารทำให้คนติดได้ง่าย พระพุทธเจ้าจึงให้คนพุทธจริตพิจารณากองนี้หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับว่าคนนั้นแพ้อะไร รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ เป็นต้น คนที่ติดเรื่องกลิ่นเราจะเห็นว่า น้ำหอมแพงแค่ไหนเขาก็สะสม ขวดเท่านิ้วก้อยราคาเกือบหมื่นก็ซื้อมาสะสมเพราะชอบกลิ่น พอถึงเวลาบริษัทมีชื่อเสียงผลิตน้ำหอมกลิ่นใหม่ เป็นตายเขาก็ต้องไปลองให้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-02-2011 เมื่อ 15:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #147  
เก่า 19-02-2011, 12:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สุนทรภู่บอกว่า อันรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร ก็แปลว่า เวียนตายเวียนเกิดกันไม่รู้จบ ในพระอภัยมณีมีอะไรดี ๆ เยอะเลย เพียงแต่ว่าเราจะสังเคราะห์ออกมาได้หรือเปล่า ? หรือคนอ่านจะมีกำลังใจเข้าถึงได้แค่ไหน ? ไม่อย่างนั้นจะติดแค่อรรถรสหรือเนื้อหาเฉย ๆ ไม่ได้ดูถึงหลักธรรมหรือข้อคิดสอนใจที่แฝงเอาไว้

ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย.......ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย....................จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย


พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสใด ก็สู้เพศตรงข้ามไม่ได้


พระจันทรสว่างกลางโพยม..................ไม่เทียมโฉมนางงามพี่พราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย.........ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน

เจ้าพราหมณ์ฟังวังเวงในเพลงปี่..............ป่วนฤดีเสนาะในฤทัยหวาน
หวั่นประหวัดสตรีฤดีดาล....................ก็ซาบซ่านเสียวสดับจนหลับไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-02-2011 เมื่อ 14:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #148  
เก่า 20-02-2011, 01:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อยากจะให้ไปหาหนังสือของหลวงปู่หล้า วัดภูจ้อก้อ เล่มที่เขาถ่ายสำเนาลายมือหลวงปู่ลงไปทั้งเล่ม ลองไปอ่านดู ท่านเขียนเป็นเล่ม ๆ ลายมือแทบจะไม่เพี้ยนเลย แสดงออกว่าท่านสมาธิดีมาก คนที่สมาธิดี จดจ่อกับงานตรงหน้า ลายมือจะบอกได้ชัด

หลวงปู่หล้าท่านเขียนด้วยมือเป็นเล่ม ๆ ลองไปหาดูว่าจะหาได้ไหม ? ถ้าอาตมามีเวลาว่าง จะถ่ายสำเนาสมุดจดงานตอนเรียนให้ดู เคยเอาให้เด็ก ๆ ดู เด็กเขาบอกว่า "หลวงพ่อ..นี่ไม่ใช่สมุดจดงาน นี่เป็นสมุดคัดลายมือ..!" อาศัยว่าความจำแม่น เวลาอาจารย์พูด อาตมาเรียบเรียงอยู่ในหัวหมดแล้ว เวลาเขียนจึงไม่ต้องรีบเขียน ทำให้เขียนแล้วอ่านง่าย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2011 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #149  
เก่า 20-02-2011, 01:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "มีอยู่ปีหนึ่งที่เกาะพระฤๅษี พระและโยมกำลังทำวัตรเช้ากันในโบสถ์ อยู่ ๆ มีเสียงครืน..! โบสถ์ไหวทั้งหลัง อาตมาก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ? จึงกำหนดใจดู เห็นเทวดาองค์เบ้อเริ่ม ๘ องค์ จึงถามว่า "มาทำอะไรกัน ?"

ท่านตอบว่า "เอาของมาฝากหน่อยครับ"
"ของ ๆ คุณเป็นอะไร ?"
"ทองไม่กี่ตันครับ" เทวดาเอาทองมายัดไว้ใต้โบสถ์

"ห้ามฝากเปล่า ๆ ต้องคิดดอกเบี้ยค่าฝากด้วย"
"คิดอย่างไร ?"
"ช่วยหาเงินให้อาตมาสร้างวัดด้วย"

อาตมาก็สบาย ท่านเองงานก็เบาลง ไม่ต้องระมัดระวังคอยเฝ้า เพราะทองอยู่ใต้โบสถ์ไปแล้ว เหลืออยู่อย่างเดียว คือ ไปไล่ต้อนคนให้เข้าวัดมาทำบุญเท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2011 เมื่อ 02:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #150  
เก่า 20-02-2011, 01:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องการฟังเพลงว่า "เรื่องของการฟังเพลง ถ้าขาดสติก็จะไหลตามเพลงไป แล้วก็จะเกิดจิตสังขารปรุงแต่ง กลายเป็นรักชอบไปโดยปริยาย

มีอยู่สมัยหนึ่งอาตมาเปิดเพลงทั้งวัน ฟังแล้วไม่ปรุงตามไป พยายามที่จะอยู่กับปัจจุบันธรรมตรงหน้า จนกระทั่งบรรดาพี่ ๆ ที่วัดท่าซุงคาดว่า "ไอ้เล็กตายแน่..เปิดเพลงหน้าห้องหลวงพ่อ..!" เพราะอาตมาเฝ้าเวรอยู่หน้าห้องท่าน เปิดเพลงฟังไปด้วย แต่หลวงพ่อไม่ดุสักคำ จนกระทั่งพระรูปอื่นท่านว่าอาตมาเป็นเด็กเส้น

แต่ความจริงไม่ใช่ หลวงพ่อท่านรู้ว่าอาตมากำลังทำอะไร พอรู้ว่าเราสู้เพลงนี้ไม่ได้ อาตมาก็เปิดฟังจนกว่าจะสู้ได้ เปิดฟังแล้วก็ภาวนาสู้ แต่ด้วยความเคยชินมาก่อน ภาวนาไปได้สักพักก็เผลอไปกับเนื้อเพลงแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2011 เมื่อ 02:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #151  
เก่า 20-02-2011, 01:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าใครเคยอ่านเรื่องแม่สานเมืองลับแล ตลอดเวลาที่อาตมาอยู่ในป่าห้าวันห้าคืน ใจสงบนิ่งเองจนไม่ต้องภาวนา เพราะรู้ว่าในป่ามีอันตรายมาก เราจะตายเมื่อไรก็ไม่รู้ กำลังใจก็ทรงตัวเองโดยอัตโนมัติ

พอตอนเดินทางออกจากป่า อาตมาจำทางได้ว่า เหลือระยะทางอีกไม่เท่าไรก็จะถึงหมู่บ้านแล้ว จิตคลายออกตอนไหนก็ไม่รู้ แทนที่จะอยู่กับการภาวนา อยู่กับความสงบ อยู่กับการนิ่งที่เป็นอุเบกขารมณ์ ก็ไปเที่ยวดูฟ้าดูดิน

บรรยากาศตอนนั้นเป็นป่าดงดิบทึบมาก มีไอความชื้นอยู่มากเหมือนเมฆเหมือนหมอก แดดส่องลงมามากไม่ได้เพราะต้นไม้บังหมด ก็ส่องลงมาเป็นลำ ๆ ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย พอเห็นภาพนั้น เพลงก็ขึ้นมาในใจเองเลย "ดวงตะวันลับทิวแมกไม้ ใจพี่ก็หาย หายลับไปกับตะวัน.." แทนที่จะภาวนากลายเป็นร้องเพลงไปเสียนี่

ไม่รู้ท่านใดจ้องไว้แล้ว คงจะรอจังหวะอยู่ ถีบตูมเดียว..! ตกลงไปในลำธารเลย เปียกตั้งแต่หัวถึงเท้า แล้วเดือนพฤศจิกายนหนาวจะตายชัก เดินสั่นออกมาด้วยความหนาว กว่าจะตากผ้าแห้งได้ก็เป็นชั่วโมง สมน้ำหน้าตัวเองจริง ๆ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 20-02-2011 เมื่อ 17:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #152  
เก่า 20-02-2011, 01:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าหากเราแพ้รูป แพ้รส แพ้กลิ่น แพ้เสียง แพ้สัมผัส ตัวไหนก็ตาม ต้องพยายามสู้จนกว่าจะเอาชนะให้ได้ แต่การที่เราจะสู้จนชนะได้ บางอย่างก็อันตรายเกินไป อย่างเราแพ้รูปจะสู้ให้ชนะก็แปลว่า เราต้องไปประจัญกับเพศตรงข้าม ซึ่งไม่รู้ว่าแพ้กันมากี่แสนชาติแล้ว โอกาสที่จะไปลุ้นแทบจะไม่มีเลย เพราะฉะนั้น..เลี่ยงได้ก็เลี่ยงไปก่อน คนไหนที่พอคิดว่าสู้แล้วไม่อันตรายมาก ค่อยไปทดลองดู

อย่างตอนนั้นอาตมาแพ้เสียงคุณวงจันทร์ ไพโรจน์ ก็เอามาเปิดฟัง แพ้เสียงคุณลัดดา ประวัติวงศ์ ก็เอามาเปิดฟัง ตอนหลังมีคุณสุนทรี เวชานนท์เพิ่มมาอีกคน ตายละวา...นึกว่ารอดแล้ว ยังมีโผล่มาอีก

ฟังจนใจไม่ไหลตามเพลงได้ บางทีก็นั่งร้องเพลงเองเลย ร้องเพลงแล้วสังเกตใจว่าไหลตามเพลงไปหรือไม่ ? มีอารมณ์คล้อยตามไปหรือไม่ ? ยังคิดยังชอบ ยังจินตนาการปรุงแต่งตามเพลงไปเรื่อยหรือเปล่า ? จนกระทั่งมั่นใจว่าสู้ได้แล้วแน่ ๆ อาตมาจึงได้เลิกฟัง

เรื่องพวกนี้บางทีขึ้นอยู่กับการฝึกหัดของพวกเราเอง เพราะความอยากดีจริง ๆ ในเมื่อเราแพ้สิ่งนี้เราก็ต้องชนะให้ได้ นี่เป็นมานะอย่างหนึ่งเหมือนกัน แต่เป็นมานะในด้านที่ดี เป็นความพอใจในการปฏิบัติธรรม เราต้องสู้ให้ได้ ถ้ายังสู้ไม่ได้ ไม่เลิกเด็ดขาด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2011 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #153  
เก่า 20-02-2011, 01:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฟังเพลงบางทีเหมือนกับเป็นสมาธิ ฟังวนอยู่เพลงเดียว
ตอบ : เป็นสมาธิเหมือนกัน แต่เป็นมิจฉาสมาธิ คือไปทำให้เรายึดติดและปรุงแต่ง

สมาธิ มีทั้งสัมมาสมาธิ (สมาธิในทางถูกต้อง) สามารถลด ละ เลิก ในนิวรณ์ โดยเฉพาะกามนิวรณ์ได้ และมิจฉาสมาธิ สร้างสมาธิเกิดขึ้นมาจากกิเลสเหล่านี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-02-2011 เมื่อ 03:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #154  
เก่า 20-02-2011, 01:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เก็บตกเดือนนี้หมดแล้วค่ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:03



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว