กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 20-04-2018, 09:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีใครไปปราสาทพระเทพบิดรมาหรือยัง ? แต่งชุดไทยไปได้เลย จะนุ่งโจงฯ นุ่งซิ่นอย่างไรก็ได้ เพราะว่าปีหนึ่งเปิดครั้งเดียว ยกเว้นว่ามีพระราชพิธีสำคัญก็มีเปิดเพิ่มให้ เพียงแต่ว่าที่แน่ ๆ เปิดวันที่ ๖ เมษายนแน่นอน"

ถาม : วันนี้ท่านเสด็จด้วยค่ะ ?
ตอบ : ท่านเสด็จเราก็เฝ้าด้วย จะไปยากอะไร

ถาม : ช่วงที่เสด็จก็จะไม่ได้เข้า
ตอบ : เขาก็ประเภทนั่งเข้าแถวกันรอบกำแพงวัง เรื่องของคนไทยเรากับสถาบันพระมหากษัตริย์ ผูกพันลึกซึ้งมาตั้งแต่ไม่รู้ยุคไหนสมัยไหน ขอให้ได้เข้าเฝ้าเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน จะมีความสุขมาก นั่งร้อนเท่าไรก็ทนได้ ฝนตกลงมาก็ทนได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2018 เมื่อ 10:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 20-04-2018, 09:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ชัด) ?
ตอบ : บาลีก็มีบอกไว้ ที่เอามาแต่งเป็นโคลงโลกนิติ ว่า

เย็นเงาพฤกษ์มิ่งไม้..............สุขสบาย
เย็นญาติทุกข์สำราย ............กว่าไม้
เย็นครูยิ่งจันทร์ฉาย.................กษัตริย์ยิ่ง ครูนา
เย็นร่มพระเจ้าให้.................ร่มฟ้าดินบน
ท้ายสุดก็คือพระธรรมของพระพุทธเจ้าเย็นที่สุด

ไปฟังพระพม่าเทศน์แล้วเขามีคนที่รู้ภาษาไทย เขาแปลเป็นไทยฟังแล้วเครียด ท่านเทศน์เรื่องนี้แหละ แม่เจ้าประคุณแปลว่า ของต้นไม้ร่มเงา ก็คือแปลแบบพม่าแท้เลย เพราะภาษาพม่าแปลจากข้างหลังมาข้างหน้า ของเราจากข้างหน้าไปข้างหลัง คราวนี้เขาถนัดพูดแบบพม่า ก็เลยแปลจากข้างหน้าไปข้างหลัง ลืมไปว่าต้องแปลหลังไปหน้า

อย่าง "ทะมินซา" ทะมินก็ข้าว ซาก็กิน เขาแปลเป็นข้าวกิน ต้องแปลกลับว่ากินข้าว เพราะฉะนั้นร่มเงาของต้นไม้ เขาเล่นแปลแบบพม่าเป็นของต้นไม้ร่มเงา อาตมาฟังแล้วเครียด คิดว่ากูแปลเองเสียดีกว่ากระมัง ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2018 เมื่อ 10:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 20-04-2018, 09:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระมหากุลวัฒน์ธนะ กตธัมโม วัดเทพลีลา ขาประจำเว็บวัดท่าขนุน ปีนี้ได้สอบได้ประโยค ๙ ส่วนท่านเจ้าคุณพระปริยัติธรรมเมธี วัดบุรณศิริมาตยาราม ท่านเป็นเจ้าคุณไปแล้ว ลูกศิษย์เป็นเจ้าคุณกันไปหมดแล้ว อาจารย์ก็ยังอยู่แค่เดิม เรื่องของบุญวาสนาแข่งกันไม่ได้ ท่านได้เราก็ดีใจด้วย พอถึงเวลาท่านรายงานว่า “ผมเป็นเจ้าคุณแล้วครับ” อาจารย์ฟังแล้วก็ชื่นใจ ต้องบอกว่าบ้านเรายังให้ราคาเปรียญสูงกว่าอย่างอื่นเยอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-04-2018 เมื่อ 09:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 21-04-2018, 20:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คุณูปการของบุพเพสันนิวาส ทำให้รากเหง้าความเป็นไทยกลับคืนมามาก อาจจะเป็นเพราะว่ามาได้ถูกจังหวะ คำว่าถูกจังหวะก็คือ พอสิ้นในหลวงรัชกาลที่ ๙ ในความรู้สึกของคนไทยส่วนใหญ่ เหมือนอย่างกับว่าความเป็นชาติไทยของเราล่มสลายไป พอมีอะไรที่แสดงออกซึ่งความเป็นไทยชัด ๆ ขึ้นมา จึงกลายเป็นกระแสที่ไม่ต้องปลุกก็ขึ้น

แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือ เหตุการณ์ในอดีตที่เขาย้อนกลับไป เป็นเหตุการณ์ในช่วงที่มีการหักเล่ห์ชิงไหวพริบ
ต่าง ๆ กันอยู่ในราชสำนัก แม้กระทั่งต่างชาติก็จะมาครอบงำบ้านเมืองของเรา ก็ทำให้คนติดใจได้ โดยเฉพาะนางเอกเป็นคนยุคใหม่กลับเข้าไป ก็เลยทำให้มีอารมณ์ร่วมได้เยอะ ทำให้เราไม่รู้สึกว่าตกยุค เพราะว่าอย่างน้อย ๆ ก็ยุคเดียวกับนางเอกนั่นแหละ เพียงแต่ว่านางเอกหลงยุคไป

ในส่วนนี้สร้างเลียนแบบไม่ได้ ถ้าหากว่าทำอีกก็ต้องทำเรื่องอื่นไปเลย ภาคต่อก็จะไม่ได้อย่างนี้ แล้วก็ใครที่มีการใฝ่ฝันว่าจะส่งออกละครไทยในลักษณะนี้ไป ไม่เกิน ๓ เรื่องก็เฟ้อแล้ว ถ้าจะทำต้องทำในลักษณะอื่น อย่างเช่นว่า อาจจะเป็นประวัติวีรกษัตริย์ หรือว่าวีรบุรุษของเรา หรือไม่ก็อาจจะดึงตัวละครที่ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์ มาผสมกับประวัติศาสตร์ก็ได้ จะเอาลักษณะย้อนยุคอย่างนี้ก็ได้

มาได้ถูกช่อง มาได้ถูกจังหวะ โดยเฉพาะงานอุ่นไอรักที่ลานพระรูป แหม...ไปกันแบบไม่ต้องบังคับเลย ชุดไทยเพียบ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2018 เมื่อ 03:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 21-04-2018, 21:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันพุธอาตมาขึ้นไปตรวจงานสร้างบันไดขึ้นรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน พอดีบรรดามหาเปรียญเขากลับไปเยี่ยมวัด ก็เลยพาเดินขึ้นไป ขาลงฝนกระหน่ำ เดินข้ามถนนนี่ลมแรงจนเกือบจะเซ ก็ว่าเออ...นี่ก็เข้าเค้าพายุฤดูร้อน ปรากฏว่ารุ่งเช้าไปบิณฑบาตในตลาด หลังคาเปิงไปตั้งหลายบ้าน แสดงว่าแนวที่แรงที่สุดก็คือแนวในตลาด เพราะว่าร่องลมมากับแม่น้ำ ส่วนทางด้านหน้าวัดของเรามีร่องลมเฉพาะตรงถนน ก็เลยแรงเฉพาะตอนที่เราข้ามถนน แล้วช่วงนั้นไม่มีบ้านคน บ้านคนส่วนใหญ่ไปเลาะอยู่ริมแม่น้ำ พอลมแม่น้ำมาก็เรียบร้อยเลย หลังคาเปิดเปิงไปหลายบ้าน

ปีก่อนโน้นพายุแรงมาก อาตมาตั้งใจอาราธนาธงพิชัยสงคราม ซึ่งไปอยู่ที่ไหนก็จะเอาไปติดด้วย ขอให้ลมขึ้นสูงไป จะได้ไม่ทำอันตรายกับพื้นที่ ปรากฏว่าโยมในตลาดโทรมาบอกว่า “หลวงพ่อ...ศาลพระภูมิปลิวไปทั้งหลังเลย” โอ้โฮ...แรงขนาดนั้นเลยหรือ ? บอกไปว่า "ขออภัย...อาตมาเองก็ป้องกันแต่วัด ลืมโยมไปเลย" บ้านโยมศาลพระภูมิปลิวไปทั้งหลังเลย

ปีที่แล้วพายุฤดูร้อนที่บ้านเติมบุญนี่ พอเห็นลมแรงอาตมาก็อธิษฐานขอธงมหาพิชัยสงครามเหมือนเดิม ก็คือให้พายุพัดขึ้นสูงไป เรื่องของธรรมชาติอย่าไปห้าม เพราะว่าธรรมชาติอย่างไรก็ต้องเจอ มีทางเดียวก็คือให้ไปซ้ายไปขวา ไปบนไปล่างได้ ปรากฏว่าบ้านเติมบุญไม่เป็นอะไร แต่สถานีรถไฟฟ้าฝ้าเพดานบินไปหลายแผ่น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2018 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 21-04-2018, 22:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ไปหาอาจารย์บ๊ะ พระลูกวัดของท่านเอาชาร้อนมาให้ บอกเลยว่า “ร้อนมากนะครับอาจารย์” ก็เลยบอกท่านว่า “เอามาเถอะ” ว่าแล้วก็ซดเกลี้ยงส่งถ้วยคืนไป โยมจับถ้วยแล้วสะดุ้ง บอกว่า “ร้อนขนาดนี้ "เทค" เข้าไปได้อย่างไร ?” ก็ไม่รู้สิ อาตมารู้สึกว่าพอดีนี่นา"

ถาม : คนสมัยนี้กินเย็นเป็นปกติ ?
ตอบ : กินเย็นเป็นปกติก็เลยไม่ค่อยจะชินกับของร้อน ไม่ว่าไอศกรีมหรือน้ำแข็งหรือน้ำเย็น อาตมากินลงไปแล้วปวดขมับ เพราะว่าเส้นเลือดหดตัว เลยถนัดแต่น้ำร้อน

เวลาไปวัดอื่น ส่วนใหญ่ก็เอาน้ำเย็นมาถวาย อาตมารับแล้วก็วางไว้ มีบางวัดเขาก็จะสังเกตเห็นว่าอาจารย์ไม่ฉันน้ำเย็น ก็บอกว่าถ้าหากเป็นไปได้ขอน้ำร้อน วัดไหนไม่ถามก็ไม่บอก ปล่อยเขาไป ส่วนใหญ่เขาจะเป็นน้ำเย็นแก้วใหญ่ น้ำชาถ้วยหนึ่ง อาตมาบอกว่า "คราวหน้าเอาน้ำชาใส่ถ้วยใหญ่มาเถอะ น้ำเย็นไม่ต้องมีก็ได้" มาระยะหลังเวลาไปพุทธาภิเษก ถ้าที่ไหนไปซ้ำเขาจะจำได้ เขาจะจัดน้ำร้อนมาให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2018 เมื่อ 03:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 22-04-2018, 22:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระโหราธิบดีเป็นสุดยอดหมอดู ท่านทายว่าเวลาเที่ยงตรงจะไฟไหม้พระราชวัง ให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเตรียมความพร้อม สมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็อพยพสาวสรรกำนัลในลงกองเรือไปลอยอยู่กลางแม่น้ำ ให้บรรดาทหารและมหาดเล็กเตรียมน้ำเตรียมครุอะไรไว้

ปรากฏว่าพอเที่ยงตรงไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ทรงตรัสว่า “สงสัยว่าเคราะห์จะผ่านพ้นไปแล้วกระมังเจ้าคุณ ?” พระโหราธิบดีทูลตอบว่า “ยังขอรับ...ยังต้องรอเสียงฆ้องดังก่อน” พอเสียงฆ้องบอกยามเที่ยงดัง ฟ้าผ่าเปรี้ยงกลางยอดปราสาท...ไฟไหม้ แต่คราวนี้มีเตรียมการพร้อม ก็ดับได้ทัน ในจดหมายเหตุบอกว่า ดีบุกที่ดาดหลังคาไหลลงมาเหมือนฝนตก ร้อนจนละลาย

อีกครั้งหนึ่งพอสมเด็จพระนารายณ์มหาราชล้างพระพักตร์ตอนเช้า หนูตกจากเพดานลงมา พระองค์ท่านก็เอาขันล้างพระพักตร์ครอบไว้ แล้วเรียกพระโหราธิบดีมา ตรัสว่า "ลองทายดูสิว่าในขันนี้มีอะไร ?" พระโหราธิบดีลงเลขยามเสร็จกราบทูลว่า "สัตว์สี่เท้าพระเจ้าข้า" “เออ..ใช่ แล้วมีกี่ตัว ?” กราบทูลว่า ๕ ตัว สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงพระสรวลตรัสว่า “ทีนี้ผิดแล้วอาจารย์ เพราะว่ามีหนูอยู่ตัวเดียว” เปิดขัน
ออกมาปรากฏว่าหนูคลอดลูกในนั้น ๔ ตัว รวมแม่เป็น ๕ ตัว แม่หนูท้องแก่ ตกลงมาแล้วคลอดเลย ท่านแม่นของท่านจริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 19:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 22-04-2018, 22:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บันทึกสมัยราชวงศ์โจวของจีนบอกว่า มีรัศมี ๕ สีมาจากทางด้านตะวันตกของประเทศจีน ปรากฏว่าปุโรหิตาจารย์ทำนายให้พระเจ้าโจวเหวินหวังว่า มีอัจฉริยบุคคลกำเนิดขึ้นทางด้านทิศตะวันตกของจีน หลังจากนั้นมาอีก ๓๐ กว่าปี มีรัศมีสีทองส่องสว่างมาอีก เกิดปรากฏการณ์พิเศษก็คือ น้ำขึ้นในเวลาที่น้ำลง แหล่งน้ำทุกแห่งมีน้ำเต็มขอบบ่อหมด ปุโรหิตาจารย์บอกว่า อัจฉริยบุคคลท่านนั้นสำเร็จเป็นพุทธะ อะไรจะเก่งปานนั้น

พอหลังจากนั้น ๔๕ ปีมีแผ่นดินไหว มีรัศมี ๕ สีส่องมา ปุโรหิตาจารย์บอกว่า กายหยาบของพุทธะดับสลายลง อีก ๑,๐๐๐ ปีข้างหน้า หลักธรรมของพระองค์ท่านจะมาถึงประเทศจีน เก่งเกินคนไปไหม ? ต้องบอกว่าทิพจักขุญาณสุดยอดมาก คราวนี้จีนเขาขยันบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ ก็เลยสามารถค้นย้อนหลังไปได้เป็นพัน ๆ ปี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 03:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 22-04-2018, 22:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เจ้าหน้าที่ห้องสมุดที่ดูแลคลังความรู้ เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุ๋นระดับ ๔ หน้าที่หลักสำคัญเลยก็คือ รวบรวมคณะลูกศิษย์คัดลอกบันทึกเก่า ๆ เล่มไหนมีทีท่าว่าจะหมดอายุก็เขียนใหม่ทันที เพื่อไม่ให้สูญหาย แล้วก็จะมีลงบันทึกเอาไว้ว่า ต้นฉบับเขียนมาตั้งแต่ยุคไหน มาสมัยนี้เขียนใหม่ใครเป็นคนเขียน วันเดือนปีเท่าไร บอกเอาไว้หมด เพราะฉะนั้น...สามารถค้นย้อนหลังได้ พอเล่มเก่าสลายไปเล่มใหม่ก็ยังอยู่

เสียดาย...ตอนปฏิวัติวัฒนธรรมจีนนี่ โดนทำลายไปเกือบหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 03:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 22-04-2018, 23:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์สอนลูกศิษย์ที่นั่งรับใช้อยู่ข้าง ๆ "ทำให้ดูเห็น ๆ ก็เลียนแบบสิวะ...! สมัยนั่งอยู่ข้างหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมามีหน้าที่อย่างเดียวคือทรงอารมณ์มองพระ ถึงเวลาท่านจะทำอะไร หรือโยมถามอะไร ท่านจะทำออกมาลักษณะไหน หรือตอบอย่างไร ถ้าพยายามแล้วท้ายสุดก็จะได้คำตอบ รู้เลยว่าเขาถามอย่างนี้หลวงพ่อท่านจะตอบอย่างไร อย่างปัจจุบันนี้ที่มานั่งอยู่ตรงนี้ได้ก็คืออารมณ์ช่วงนั้นแหละ พอถึงเวลาจะรู้ว่าถ้าทรงอารมณ์อย่างนี้คำตอบที่ได้มาจะใช่ เพราะฉะนั้น...อย่ามานั่งเฉย ๆ

สมัยนั้นอยู่ข้าง ๆ หลวงพ่อท่านก็ซ้อมอยู่ตลอด ถึงเวลาโยมถวายปัจจัยมานี่ต้องหยิบวัตถุมงคลให้ เขามีแจกวัตถุมงคลตามราคา ถวาย ๑๐๐ บาท แจกอย่างนี้ ถวาย ๕๐๐ บาทแจกอย่างนี้ ถวาย ๑,๐๐๐ บาทแจกอันนี้ หยิบให้ไปเรื่อยแหละ บางทีลุงเอี๊ยงก็ตกใจเปิดซองดู แอบเช็กอยู่เรื่อย ว่าอาตมาไม่เปิดซองเลยแล้วรู้ได้อย่างไร ?

มีอยู่เที่ยวหนึ่งพอโยมส่งซองมา อาตมาฉีกแควกลงถังขยะ แล้วก็หยิบแหนบให้เขาไปอันหนึ่ง ลุงเอี๊ยงตะปบหมับเลย รีบเปิดดูว่าอะไร โยมเขาอยากได้วัตถุมงคล ก็เลยฉีกกระดาษหนังสือพิมพ์แผ่นหนึ่งใส่ซองมา พอมาถึงจะมีประโยชน์อะไร ส่งให้เขาไปก็เสียเวลาแกะอีก ฉีกสองท่อนหย่อนลงถังไปเลย คราวนี้ลุงเอี๊ยงอยู่ข้าง ๆ เขาตกใจ อะไร..ส่งเงินมาแล้วฉีกทิ้ง ก็เลยรีบเปิดดู

เพราะฉะนั้น...คนรุ่นเก่า ๆ ที่อยู่วัดท่าซุงจะรู้ สงสัยอะไรถามพระอาจารย์เล็ก...จบ แต่หลายท่านก็ไม่จบ ถามแล้วไปถามหลวงพ่อวัดท่าซุงอีกรอบ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 03:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 22-04-2018, 23:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เวลาอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์บางทีกำลังของท่านมาถึง เท่ากับว่าบังคับเราให้กิเลสน้อยลงโดยอัตโนมัติ ความสะอาดของจิตจะมีมากขึ้น เราต้องฉวยโอกาสใช้ให้เยอะที่สุด ไม่ใช่นั่งบื้ออยู่ วัน ๆ ทำแต่งาน แบบนั้นก็สมควรโดนถีบ...!

ไม่มีอะไรหรอก ถ้าเราตั้งกำลังใจได้ก็เหมือนกับที่พูดไป ๆ นั่นแหละ ใช่ทั้งนั้นแหละ แล้วรู้ได้อย่างไร? ก็อารมณ์นั้นใช่"


ถาม : ต้องขี้ตรงร่องให้ได้ ?
ตอบ : นั่นแหละ...เอาให้ได้ก็แล้วกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 03:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 22-04-2018, 23:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราเพ่งภาพโครงกระดูก เราจะมีหลักในการเพ่งหรือพิจารณาอย่างไรบ้างครับ ?
ตอบ : อยู่ที่เราว่าจะเอาแบบไหน ถ้าจะพิจารณาให้เห็นจริง ก็แค่มองดูแล้วนึกว่าตัวเราก็เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าจะเอาเป็นกสิณเลยก็มองดู หลับตานึกถึง พอภาพเลือนไปก็ลืมตาดูใหม่ แต่ขอโทษ...ถ้าเริ่มถึงอุปจารสมาธิโครงกระดูกจะเต้นได้ ที่นี้อยู่ที่เราว่าจะกลัวไหม ก็คือจะเคลื่อนไหวของเขาเอง ไม่ว่าอย่างไรโครงกระดูกก็ต้องขยับ คราวนี้เราจะกลัวไหม ?

เราก็ทำได้ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือพิจารณาว่าตัวเราก็เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าหากว่าจะประเภทกำหนดภาพ อัฏฐิกัง ปะฏิกุลัง ก็ลักษณะคล้าย ๆ กับกำหนดกสิณ ก็คือลืมตามอง หลับตานึกถึง ภาวนา อัฏฐิกัง ปะฏิกุลัง ๆ ไปเรื่อย เดี๋ยวพอสมาธิทรงตัวภาพก็จะติดตาไปเอง

ถาม : แบบแรกนี่ ?
ตอบ : แบบแรกจะเป็นวิปัสสนาญาณมากกว่า แบบหลังไปทางเรื่องฤทธิ์เรื่องเดชมากกว่า ทำไปทั้ง ๒ แบบนั้นแหละ หมดเรื่องหมดราวไปเลย

อาตมาเองอยู่กับโครงกระดูกจนกระทั่งโครงกระดูกทนไม่ไหว ประเภทออกมาเป็นตัว ๆ เลย ต้องบอก
เขาว่าไปห่าง ๆ หน่อย เพราะว่าอย่างไรแกก็เป็นผู้หญิง ถึงจะมาชุดไม่เหมือนชาวบ้านขนาดไหนก็เป็นผู้หญิง คนเขารู้เห็นเข้าจะไม่ดี เขาก็ยืนยันว่าคนอื่นจะไม่เห็น ท้ายสุดก็ไปถามหมออี๊ด (บุณฑริกา) ว่าโครงกระดูกนี่ผู้หญิงใช่ไหม? หมออี๊ดเขามาดู ๆ เขาบอกว่าใช่ ถามว่าดูออกอย่างไร ? หมอเขาบอกว่าสันคิ้วไม่มี ถ้าผู้ชายจะมีสันคิ้ว อาตมาก็อ๋อ...ที่แท้เราก็รู้ถูกเหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 05:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 22-04-2018, 23:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่เรามีจิตสละออกกับจิตสาธารณประโยชน์ เป็นเรื่องเดียวกันไหมครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่...จิตที่เราสละออกเป็นจาคานุสติ ถ้าหากว่าได้สละไปเลยเป็นทานบารมี แต่จิตสาธารณประโยชน์นั่นเป็นเมตตากรุณาของพรหมวิหาร เพราะว่าตั้งใจช่วยคนอื่น คราวนี้เมตตาพรหมวิหารที่เป็นหลักนั้น ทำให้เราต้องไปสละทรัพย์ สละแรงกาย แรงใจอีก เพราะฉะนั้น...เป็นคนละตัวกัน อย่าไปมั่วกรรมฐานจนผิดกอง

ถาม : อย่างนี้เวลาเราทำทาน เป็นจิตสละออกหรือจิตสาธารณประโยชน์ ?
ตอบ : ทานนี่เป็นสละออก แต่คราวนี้ว่าจะสละออกเพื่ออะไร ถ้าเราไปเห็นเขาทำงานสาธารณประโยชน์อยู่ เกิดเมตตากรุณาอยากสงเคราะห์เขา เราก็จะกลายเป็นพรหมวิหารนำจาคานุสติ แต่ถ้าหากว่าอยากจะสละออก พอดีว่าเขาสละออกเพื่อส่วนรวม ก็จะกลายเป็นเรื่องของจาคานุสตินำ เป็นจิตสละออก

ถาม : อานิสงส์ละครับ ?
ตอบ : อานิสงส์ขึ้นอยู่กับสภาพจิตตอนนั้นของเรา ถ้าหากว่าเป็นพรหมวิหารนี่อานิสงส์สูงกว่ามาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 05:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 22-04-2018, 23:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : โอกาสที่จะมีการหล่อพระสมเด็จองค์ปฐม ยากไหมครับ ?
ตอบ : ต้องบอกว่ายากสุด ๆ เลย ตั้งแต่อาตมาคลุกคลีตีโมงอยู่ในวงการมา ก่อนหลวงพ่อวัดท่าซุงมรณภาพไม่กี่ปีที่ท่านพูดถึงสมเด็จองค์ปฐม ถึงได้มีรูปเปรียบท่านเกิดขึ้นทั่วประเทศไทย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะสร้างได้ทุกคน

มีอยู่วัดหนึ่งอย่าให้เอ่ยชื่อวัดเลย อยู่กาญจนบุรีเหมือนกันนี่แหละ สร้างสมเด็จองค์ปฐมเหมือนกัน ช่างคณะเดียวกันกับของทางวัดท่าขนุน แต่ประเภทเทแล้วเทอีก หล่อแล้วหล่ออีกมา ๔ วาระแล้วยังไม่สำเร็จเลย เพราะที่สำคัญที่สุดก็คือไม่รู้ว่าสมเด็จองค์ปฐมคือใคร เขาว่าองค์ปฐม ตูก็ว่าด้วย...แค่นั้น ในเมื่อไม่รู้ว่าคือใครแล้วจะไปขออนุญาตใคร ? ก็เลยกลายเป็นอะไรที่ต้องบอกว่า ไม่ใช่ว่าจะสร้างได้ทั่วไป


ถาม : ถ้าเราอยากจะสร้างพระพุทธรูปที่ไม่ใช่สมเด็จองค์ปฐม มีวิธีแบบโบราณไหมครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วถ้าเอาแบบโบราณเลยก็คือ บายศรี ๑ ชุด บอกกล่าวขออนุญาตสร้าง แต่คราวนี้ที่แน่ ๆ ก็คือสร้างแล้วต้องมีที่ประดิษฐานให้สมพระเกียรติของพระองค์ท่านด้วย ก็เลยกลายเป็นว่าต้องดูวัดที่ท่านมีสถานที่เหมาะสมด้วย

อาตมาเจอวัดอยู่วัดหนึ่ง วางพระองค์ใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ไว้เต็มพื้นศาลาเลย แล้วก็ฝุ่นจับเต็มไปหมด บางทีอาตมาทนไม่ได้ต้องไปทำความสะอาดให้ท่าน ก็แบบเดียวกับที่วัดบางนมโค ไปถึงนี่ประเภทเจอต้นโพธิ์ต้นหญ้าขึ้นเต็มพระเจดีย์ไปหมด ด้วยความที่อาตมาเห็นว่า เป็นสิ่งที่หลวงปู่ของเราสร้างมา ก็ไปช่วยถก ช่วยดึง ช่วยทึ้งลงมากองเบ้อเร่อ ปรากฏว่าเขาด่าเอา เขาอยากให้ขึ้นเยอะ ๆ พระเจดีย์พังเขาจะได้เอาพระออกมาขาย อาตมาดันไปทำความสะอาดให้เขา

๒๒๐ ปี๊บออกมานี่ไม่ต้องอะไร แค่องค์ละหมื่นก็รวยตายชักแล้ว สมัยนี้พระหลวงปู่ปานราคาแสนขึ้นไปทุกพิมพ์เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-04-2018 เมื่อ 21:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 22-04-2018, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระสรีระที่เป็นพระธาตุของพระพุทธเจ้า ในประเทศไทยมีที่ไหนบ้างครับ ?
ตอบ : เอาแน่ ๆ ก็พระธาตุพนม ตำนานพระอุรังคธาตุระบุไว้ชัดเจนที่สุด แล้วก็วัดสระเกศ อันนี้ชัดเจนเลยว่าเขาถวายในหลวงรัชกาลที่ ๕ มา ที่อื่นเราเองถ้าหากว่ากำลังใจไม่ถึง อยากได้ของแท้ ๆ แน่ ๆ ก็เอาที่ประวัติชัด ๆ ไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 19:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 22-04-2018, 23:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เราสงสารหมู ก็เลยตั้งใจไม่กินหมูตลอดชีวิต อย่างนี้ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ก็ได้อยู่ ก็เป็นตัวเมตตาบารมีเฉพาะของเรา แต่อย่าไปตำหนิคนอื่นเขา เพราะว่าในลักษณะอย่างนั้นก็คือการทำความดีเฉพาะตัว ถ้าจะเอาหลักที่ถูกต้องก็ต้องอย่างพระพุทธเจ้าที่ว่า ไม่รู้ว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ไม่เห็นว่าเขาฆ่าเพื่อเรา ไม่รังเกียจว่าเขาฆ่าเพื่อเราก็กินได้ เพราะต่อให้เราไม่กินเขาก็ยังฆ่ากันอยู่เป็นปกติ

หากเราเองต้องการจะดึงตัวให้พ้นไปเลย ก็เอาอย่างหลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ ท่านฉันเจมาตั้งแต่เด็กเลย เพราะด้วยความที่วิสัยพระโพธิสัตว์ของท่านเมตตาสรรพสัตว์เป็นปกติ ขนาดตอนเป็นเด็กเข้าป่าไปหาพวกหัวเผือกหัวกลอย ไปเจอสัตว์ติดบ่วงอยู่ ท่านก็เอาพวกหัวเผือกหัวกลอยใส่ให้แทน แล้วปล่อยสัตว์ไป เพราะฉะนั้น...ถ้าเป็นเมตตาส่วนตัวเราก็ทำได้ แต่อย่าไปตำหนิคนอื่นเขา


ถาม : อย่างนี้ท่านที่กินเจ ควรกินอย่างไร ?
ตอบ : ท่านกินในลักษณะอย่างนี้แหละ ก็คือเพื่อความเมตตา ไม่ใช่กินแล้วก็ไปทะนงตนว่าเราบริสุทธิ์กว่า เราดีกว่า ถ้าลักษณะอย่างนั้นจะเป็นสีลัพพัตตุปาทาน ก็คือยึดมั่นในหลักปฏิบัติว่าของเราดีกว่า เหมือนอย่างกับพระบางสายในประเทศของเรา ซึ่งโอกาสที่จะหลุดพ้นมีน้อยมาก เพราะว่าไปยึดเสียแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 05:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 22-04-2018, 23:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำไมขุนหลวงพะงั่วไม่สามารถเอาเมืองสุโขทัยได้เหมือนพระยาลิไทได้ ?
ตอบ : ความสามัคคี พระยาลิไทได้ใจชาวบ้านสุด ๆ เพราะว่าพระองค์ท่านเสด็จออกบวช พูดง่าย ๆ คือชาวบ้านสมัยก่อนได้มอบกายถวายชีวิตให้พระศาสนา พระองค์ท่านเสด็จออกบวช พอสึกออกมาก็ทำนุบำรุงพระศาสนา ถึงขนาดเขียนไตรภูมิพระร่วง ต้องเรียนนานแค่ไหน ? สร้างพระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ พระศรีศาสดา เพราะฉะนั้น...ในเมื่อพระเจ้าอยู่หัวทำในสิ่งที่ชาวบ้านเขาเห็นว่าดี ทุกคนก็ทุ่มเทมอบกายถวายชีวิตให้ สามัคคีอย่างเดียวก็กินขาดแล้ว

รู้สึกว่าท่านจะบวชอยู่นานถึง ๘ เดือนกระมัง ? แต่ต้องบอกว่าเก่งมาก ๘ เดือนศึกษาถึงขนาดเขียนหนังสือได้เป็นเล่ม พระยาลิไทมีนามจริง ๆ ว่าพระเจ้าศรีทรงธรรมปิฎก บางคนก็เรียกพระร่วง บางคนก็เรียกพระยาลิไท
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 05:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 22-04-2018, 23:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอความเมตตาช่วยด้วย จะขายที่ได้ไหมครับ ?
ตอบ : ขายที่จะไปยากอะไร ก็ขายถูก ๆ ไปดูในกระทู้ท่านอาจารย์บ๊ะ ท่านจะบอกให้ไปไหว้พระที่ไหนก็ไปตามนั้นแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 05:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 22-04-2018, 23:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "แถวปทุมธานี นนทบุรี เกจิอาจารย์จะมีเชื้อสายมอญ ส่วนใหญ่แล้วเก่งมาก ๆ

พระพุทธเจ้าหลวงบำรุงซึ่งกรุงศรี ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว เพราะฉะนั้น...ชื่อเมืองเก่ากับชื่อเมืองใหม่ต้องแยกให้ออก ปทุมธานีก่อนนั้นคือเมืองสามโคก แบบเดียวกับพระนครศรีอยุธยาก็คืออโยธยา พิษณุโลกก็สองแคว สระบุรีก็ปากเพรียว ลพบุรีก็ละโว้ อ่างทองก็วิเศษไชยชาญ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 05:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 22-04-2018, 23:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,030 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ช่วงแผ่นดินอยุธยาในบุพเพสันนิวาส เป็นช่วงที่การค้ากับต่างชาติของเรารุ่งเรืองที่สุด แม้กระทั่งในการรับราชการของเราก็มีกองอาสาทหารญี่ปุ่น กองอาสาทหารโปรตุเกส แล้วก็มีพวกทหารอาสาแขกอิสลาม

ปัจจุบันอิสลามรุ่นนั้นก็อยู่แถวคลองตะเคียนอยุธยานั่นแหละ ต้องบอกว่าแขวนพระกันแทบทุกคน ไม่มีอะไรอย่างน้อยก็ต้องมีตะกรุดของหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช สมัยก่อนนี่เล่นกริ่งคลองตะเคียนกันหมดเลย มาระยะหลังราคาดีก็ปล่อยกันหมด ไปใช้ตะกรุดหลวงปู่เทียมแทน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2018 เมื่อ 05:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:11



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว