กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

Notices

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 26-06-2010, 07:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default สร้างกำลังใจให้เข้มแข็ง เอาไว้สู้กับงาน

สมัยที่บวชอยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงใหม่ ๆ ท่านให้ปฏิบัติให้มากเข้าไว้ ท่านบอกว่าในช่วงแรกเราต้องสร้างกำลังใจของตัวเอง ให้เข้มแข็งที่สุดเท่าที่จะสร้างได้ ถ้าหากว่ามีงานเข้ามาเมื่อไร จะได้มีกำลังไว้สู้กับงาน

ตอนนั้นอาตมาเป็นคนที่ค่อนข้างจะพลังงานเหลือเฟือ ให้ปฏิบัติอย่างเดียวรู้สึกไม่ชอบใจ อยากมีงานในรับผิดชอบเร็ว ๆ ในเมื่อไม่มีงานอื่นทำก็หางานทำเอง

งานแรกที่เท่ากับเป็นความผิดชอบก็คือ กวาดถูศาลานวราชบพิตร เพราะว่าเป็นศาลาที่หลวงพ่อท่านจะต้องลงรับสังฆทานทุกวัน ปรากฏว่าถูศาลาอย่างมีความสุขได้ไม่กี่วัน มีคนมาแย่งทำ เขาคงเห็นว่าพระรูปนี้ขยันอะไรนักหนา ถูอยู่ได้ทุกวัน

ในเวลาทำงานเรากำหนดความรู้สึกตามไปด้วย
เวลากวาด เวลาถู ไม้ถู..ไม้กวาด ไปข้างหน้า ไปข้างหลัง แรงหรือเบา ยาวหรือสั้น กำหนดรู้ไปด้วย ก็เท่ากับเราปฏิบัติกรรมฐานไปด้วย ในขณะที่ทำงานตอนนั้นก็คิดว่า กำลังของเราสามารถที่จะทำงานได้

มาในระยะหลัง พอออกจากวัดไปทำงานด้วยตนเอง จึงพอที่จะเข้าใจที่หลวงพ่อท่านว่ามา เพราะว่าการทำงานต่าง ๆ เช่น งานก่อสร้างก็ดี การบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ ก็ดี จะมีปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามาในลักษณะที่เป็นแรงกระทบอยู่ตลอดเวลา ถ้ากำลังใจของเราไม่มั่นคงก็จะพังในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าเราสะสมกำลังเอาไว้เพียงพอ ก็จะสามารถที่จะยืนหยัดต่อสู้กับกิเลสได้

คราวนี้ในปัจจุบัน อย่างการบริหารวัดวาอารามต่าง ๆ หรืองานรับผิดชอบ เวลามอบให้คนอื่นทำหน้าที่แทนเวลาเราไม่อยู่ ตัวอย่างชัดที่สุดก็คือ พระครูน้อย(พระครูสังฆรักษ์วิฑูรย์ จนฺทวํโส) พออาตมากลับไปทีไร ท่านเหมือนกับวางโลกลงไปได้ หายใจได้สะดวกสักที กลายเป็นว่าการที่ท่านต้องไปรับหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ เพื่อที่จะบริหารวัดให้ดีแค่นั้นของอาตมา ในความรู้สึกของท่าน คือ เกินกำลังที่จะรับไหว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2015 เมื่อ 12:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 103 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 26-06-2010, 07:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,826 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนที่กล่าวถึงนี้ อยากจะบอกต่อไปอีกว่า ถ้าหากว่าตราบใดที่กำลังใจของเรา ยังไม่สามารถที่จะละ รัก โลภ โกรธ หลง บางส่วนไปได้ บางทีการตัดสินใจในหน้าที่การงานต่าง ๆ เราก็จะทำไปด้วย รัก โลภ โกรธ หลง เต็ม ๆ ซึ่งโอกาสเสียก็จะมีมากกว่าดี เพราะว่าเป็นการใช้อารมณ์มากกว่าใช้เหตุผล

จากที่คิดว่าเราแน่ อยากมีงานรับผิดชอบเร็ว ๆ มาตอนนี้พยายามเลี่ยงการรับผิดชอบให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ กลายเป็นคนละอารมณ์กัน

พอออกจากวัดท่าซุงมา ทางวัดต้องหาพระไปแทนที่อาตมาทำงานซึ่งอยู่คนเดียว ไม่มากไม่มาย แค่ ๕ ท่านเท่านั้นเอง..! ก็เลยสงสัยว่านี่อาตมารับงานไว้เยอะขนาดนั้นเลยหรือ ? จากงานที่เราเคยทำ ที่รู้สึกว่าคนเดียวก็ไม่เกินกำลัง กลายเป็นว่าต้องใช้ถึง ๕ คน ถึงมารับผิดชอบงานนั้นได้

การทุ่มเทให้กับงาน เป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งว่า กำลังใจของเราเข้าถึงธรรมมากน้อยเท่าไร ถ้ายังไม่ทุ่มเทจริงจัง ยังกลัวเหนื่อย ยังกลัวลำบากอยู่ ก็แปลว่ากำลังใจเรายังรักยังห่วงร่างกายนี้อยู่มาก ถ้าอย่างนั้นโอกาสที่จะเข้าถึงธรรมจริง ๆ ก็ยาก

ฉะนั้น..กลับไปใหม่ งานที่เคยรับผิดชอบลองกลับไปทุ่มให้เต็ม ๆ เสียที ให้เอาอย่างทหาร เขาปฏิญาณตนอยู่ทุกวัน เช้า ๆ เย็น ๆ ทหารเขาต้องตะโกนว่า "ตายในสนามรบเป็นเกียรติของทหาร ตายเสียดีกว่าที่จะละทิ้งหน้าที่ ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ไหว ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ทัน"

ตะโกนอยู่ทุกวัน ตะโกนจนซึมเข้าเนื้อไปเลย จนกระทั่งมารู้สึกว่าตัวเองทำได้ทุกอย่าง ลักษณะนี้เป็นมโนมยา คือสำเร็จด้วยใจ ตะโกนกรอกหูอยู่ทุกวัน เลยพลอยคิดว่าเราทำได้จริง ไปลองสะกดจิตตัวเองอย่างนี้ดูบ้างสิ


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ช่วงบ่าย ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2015 เมื่อ 12:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 107 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:29



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว