กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-06-2023, 23:19
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default เทศน์วันวิสาขบูชา วันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖

เทศน์วันวิสาขบูชา วันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖


เชิญรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/live/IvUbdmgTn3w
เทศน์เริ่มที่นาทีที่ ๕๙:๐๐


นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

อัคโคหะมัสมิ โลกัสสะ
อะนุตตะรัง สัมมาสัมโพธิง
อะภิสัมพุทโธ ปัจจัญญาสิง
อัปปะมาเทนะ สัมปาเทถา ติ

ณ บัดนี้อาตมภาพจักแสดงพระธรรมเทศนาในวิสาขปูชากถา เพื่อเป็นเครื่องประดับสติปัญญาเพิ่มพูนบารมี เสริมสร้างกุศลบุญราศี ของบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ซึ่งพร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันวิสาขบูชา ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้

ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันวิสาขบูชานั้นจัดว่าเป็นวันสำคัญยิ่งวันหนึ่งในพระพุทธศาสนา แม้กระทั่งองค์กรยูเนสโก (UNESCO) ยังยกให้เป็นวันสำคัญของโลก โดยเฉพาะพระพุทธศาสนาของเรา ได้รับการยกย่องว่าเป็นศาสนาแห่งสันติ เนื่องเพราะว่าไม่เคยเผยแผ่ด้วยการเบียดเบียนผู้หนึ่งผู้ใดเลย

ดังนั้นวันสำคัญของโลกเช่นนี้ เราท่านทั้งหลายจึงควรที่จะสร้างกุศลบุญราศี นอกจากเป็นการสร้างบุญแก่ตนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมให้วันสำคัญทางพระพุทธศาสนานี้ มีความเด่นชัดยิ่ง ๆ ขึ้นไปในสายตาของชาวโลก

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 04-06-2023 เมื่อ 00:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-06-2023, 23:23
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

วันวิสาขบูชานั้น ถ้าจะว่าไปแล้วพวกเราทั้งหลายก็ทราบดีว่า เป็นวันที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า "ประสูติ" ก็คือเกิด "ตรัสรู้" ก็คือจบการศึกษา และ "ปรินิพพาน" ก็คือสิ้นชีวิตลง ซึ่งวันทั้งสามนี้ทางด้านพระพุทธศาสนาเถรวาทของเรานั้นถือว่าเป็นวันเดียวกัน คือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ แต่พระพุทธศาสนามหายานนั้นถือว่า วันเกิด คือ วันประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นอีกวันหนึ่ง

ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับการคำนวณปฏิทินเวลา อย่างเช่น คณะสงฆ์ของเราก็มีการคำนวณปฏิทินปักขคณนา จนกระทั่งสามารถกำหนดได้ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติในวันศุกร์ ปีจอ เป็นต้น ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเราพลาดแม้แต่วันเดียวก็จะผิดพลาดไปมาก จึงไม่ใช่สาระสำคัญ

สาระสำคัญอยู่ที่ว่า แม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น ก็มีการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นปกติ เหมือนกับเราท่านทั่วไป ในเมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ที่ประสูติขึ้นมาก็ตรัสแล้วว่า "อะหัง อัคโคหะมัสมิ โลกัสสะ" เป็นต้น แปลเป็นใจความว่า เราเป็นผู้เลิศที่สุดในโลก เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก ชาตินี้จักเป็นชาติสุดท้ายของเรา เหล่านี้เป็นต้น
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 03-06-2023, 23:28
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น เสด็จพระราชดำเนินไป ๗ ก้าว พร้อมกับประกาศอาสภิวาจานี้ ซึ่งบรรดาผู้ที่เป็นนักศึกษาหรือว่านักวิชาการพระพุทธศาสนาต่าง ๆ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เด็กที่เพิ่งจะเกิดมาจะให้เดินได้เลยนั้นไม่พึงหวัง ก็คือเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน จะให้กล่าวคำพูดเลยนั้นไม่พึงหวัง ก็คือไม่เป็นไปอย่างแน่นอน

แต่ถ้าท่านทั้งหลายศึกษาในชาดกจะเห็นว่า ในชาติหนึ่งก็คือ มโหสถชาดก หรือที่เราเรียกว่าพระเจ้าสิบชาติ ในชาติที่เสวยพระชาติเป็นมโหสถนั้น เมื่อเกิดมาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ ในพระหัตถ์ได้กำยามาด้วย แล้วก็บอกว่าให้เอาไปรักษาพ่อที่ป่วยอยู่

หรือว่าในชาติที่เกิดเป็นพระเวสสันดร องค์พระโพธิสัตว์เมื่อจุติออกจากครรภ์มารดา ก็กล่าวว่า "อะมะ ข้าแต่แม่ ข้าพเจ้าจักให้ทาน" เป็นต้น
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 03-06-2023, 23:32
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เราจะเห็นว่า องค์สมเด็จพระทศพลเกิดมาแล้ว ไม่ใช่พูดได้เลยแค่ชาติเดียวเท่านั้น แต่ว่ามีหลายชาติที่สามารถกล่าววาจาได้เลย ตรงจุดนี้..ถ้าท่านทั้งหลายศึกษาให้ละเอียด องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า

สัตว์ทั้งหลายบางจำพวก ขณะที่จุติไม่รู้ตัว ขณะที่เคลื่อนไปไม่รู้ตัว ขณะอยู่ในครรภ์มารดาไม่รู้ตัว ต่อเมื่อคลอดออกจากครรภ์มารดาจึงรู้ตัว
สัตว์บางจำพวก ขณะที่จุติไม่รู้ตัว ขณะที่เคลื่อนไปไม่รู้ตัว ขณะอยู่ในครรภ์มารดารู้ตัว เมื่อคลอดออกมาก็รู้ตัว
สัตว์บางจำพวก ขณะที่จุติไม่รู้ตัว เมื่อเคลื่อนไปรู้ตัว อยู่ในครรภ์มารดารู้ตัว คลอดออกมาก็รู้ตัว
สัตว์บางจำพวก แม้ขณะจุติก็รู้ตัว ขณะเคลื่อนไปก็รู้ตัว อยู่ในครรภ์มารดาก็รู้ตัว คลอดออกมาก็รู้ตัว


องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจัดอยู่ในประเภทสุดท้าย ก็คือ รู้ตัวอยู่ทุกขณะตั้งแต่ตายจนกระทั่งเกิด ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พัฒนาการต่าง ๆ จึงไม่มีอะไรมาขวางกั้นได้ เพราะว่ารู้ตัวอยู่ตลอด เหมือนกับคนหลับแล้วตื่นเท่านั้น ในเมื่อชาติก่อนพูดได้ ชาตินี้ก็พูดได้เลย น่าเสียดายที่ว่าร่างของราชกุมารก็คือทารก ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่เดินแค่ ๗ ก้าว อาจจะวิ่งรอบโลกไปแล้วก็ได้ !
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 03-06-2023, 23:37
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ในส่วนนี้ถ้าท่านทั้งหลายศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถา ตลอดจนกระทั่งฏีกาอนุฏีกาให้ครบถ้วน ก็จะไม่ต้องเสียเวลาไปถกเถียงกัน เนื่องเพราะว่าตัวเรานั้นสติไม่สมบูรณ์ แต่ว่าองค์มหาโพธิสัตว์เจ้านั้นสติสมบูรณ์อยู่ตลอด

จนกระทั่งออกมหาภิเนษกรมณ์ ทรมานกายพระองค์ท่านอยู่ ๖ ปี เมื่อเห็นว่าไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง จึงเปลี่ยนมาใช้มัชฌิมาปฏิปทา จนกระทั่งสามารถตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณได้ นักวิชาการหลายท่านก็กล่าวว่า องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เสียเวลาไปถึง ๖ ปี แต่กระผม/อาตมภาพเห็นว่า ไม่ใช่การเสียเวลา

ในเมื่อสมัยนั้นนิยมว่า การทรมานตนจะเป็นเครื่องให้บรรลุมรรคผล พระองค์ท่านก็ทำแล้ว เมื่อทำแล้ว ทำยิ่งกว่าคนอื่นหลายเท่า ไม่มีใครสามารถคัดค้านได้ว่า พระองค์ท่านทำน้อยกว่า ในเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วไม่บรรลุ พระองค์ท่านก็ยืนยันได้ว่า วิธีนี้ผิด

โดยที่เป็นการทดลองด้วยพระองค์เอง สามารถที่จะยืนยันได้อย่างเต็มที่ มีประจักษ์พยานก็คือปัญจวัคคีย์ฤๅษีทั้ง ๕ ที่อยู่ดูแลโดยตลอด และคอยกระจายข่าวให้เพื่อนฝูงว่า ตอนนี้สิทธัตถราชกุมารทรมานตนแบบใดบ้าง ซึ่งทุกคนที่เป็นนักบวชในสมัยนั้นได้ยินก็ต้องยอมให้ทั้งสิ้น เพราะว่าตนเองไม่ได้ทรมานตนถึงขนาดนั้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2023 เมื่อ 02:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 03-06-2023, 23:41
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว จึงกล่าวได้ว่า ในส่วนของ "อัตตกิลมถานุโยค" คือ การทรมานตน นั้นเป็นการสูญเปล่า ขณะเดียวกัน "กามสุขขัลลิกานุโยค" ก็รังแต่จะยึดติดกับความสุข พระองค์ท่านจึงเสนอ "มัชฌิมาปฏิปทา" หนทางสายกลางที่พอเหมาะพอดี ซึ่งสรุปลงมาแล้ว มี ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นต้น

องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงสามารถประกาศพระพุทธศาสนา ให้ตั้งมั่นอยู่ในชมพูทวีป ซึ่งประกอบไปด้วยศาสดาเจ้าลัทธิต่าง ๆ ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่เคารพนับถือถึง ๖๒ ลัทธิด้วยกัน ก็เพราะว่าองค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำด้วยพระองค์เอง ทำยิ่งกว่าผู้อื่น แล้วไม่สามารถบรรลุได้ ในเมื่อพระองค์บรรลุได้ด้วยมัชฌิมาปฏิปทา จึงมีผู้เชื่อถือและปฏิบัติตาม จนเกิดพระสงฆ์ขึ้นมาในโลก เป็นเครื่องยืนยันการตรัสรู้ของพระองค์ท่าน

ดังนั้น..ไม่ว่าจะเป็นการเกิดก็ดี การตรัสรู้ก็ตาม ไม่ว่าจะตรงกับ ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ หรือไม่ แต่ว่าสิ่งที่ยืนยันได้ก็คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ก็ตกอยู่ในอำนาจของไตรลักษณ์ ก็คือ "อนิจจัง" ไม่เที่ยง มีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นปกติ

"ทุกขัง" เมื่อดำรงพระวรกายอยู่ พระองค์ท่านก็มีทุกข์เช่นเดียวกับมนุษย์ทั่ว ๆ ไป เพียงแต่พระองค์ท่านนั้น เข้าถึงความบริสุทธิ์ของใจ เห็นว่า..ทุกข์นั้นเป็นธรรมดาของโลก จึงไม่ได้ใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์หรือความสุข วางกำลังใจของพระองค์ท่านเป็นกลาง ๆ ไม่ยินดียินร้าย จึงเหมือนกับว่าพระองค์ท่านไม่ได้ทุกข์กับใครเลย

เมื่อทรงประกาศพระพุทธศาสนาอยู่ ๔๕ ปี จนกระทั่งศาสนานี้ตั้งมั่น มีพระรัตนตรัยครบถ้วนสมบูรณ์ พระองค์ท่านก็ปรินิพพานที่สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา เป็นการย้ำอย่างชัดเจนว่า "สัพเพ สังขารา อนิจจา" สังขารทั้งหลายไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน เกิดขึ้นในเบื้องต้น แปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2023 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 03-06-2023, 23:51
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..แม้ว่าวันวิสาขบูชาจะเป็นวันสำคัญของโลกก็ดี ไม่เป็นวันสำคัญของโลกก็ตาม ส่วนที่เราต้องระลึกอยู่เสมอก็คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมีอุบัติขึ้นมา เพื่ออนุเคราะห์สงเคราะห์แก่หมู่สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งในดวงตามีธุลีน้อย คือ เป็นผู้มีปัญญาญาณ สามารถที่จะรู้ทั่วถึงธรรมของพระองค์ท่าน จึงได้ทรงตรัสหลักธรรมทั้งหลายแล้วถึง ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ ส่วนหนึ่งประการใดที่พอเหมาะพอดีแก่พวกเรา เราก็ควรที่จะน้อมนำมาปฏิบัติให้เกิดผล จึงจะได้ชื่อว่าเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง

ไม่เช่นนั้นแล้ว ต่อให้เรายกย่องวันวิสาขบูชาว่าเป็นวันสำคัญอย่างไรก็ตาม แต่ว่าเราไม่ได้น้อมนำเอาหลักธรรมนั้นมาปฏิบัติ วันนั้นก็ยังคงเป็นวันสำคัญอยู่ แต่เราเองหาความสำคัญอะไรไม่ได้ เพราะว่าส่วนที่เป็นสาระแก่นสารนั้น เราไม่ได้น้อมนำเข้ามาอยู่ในใจ จนก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเลย

ดังนั้น..ในวันวิสาขบูชาจึงเป็นวันที่เราทั้งหลายควรที่จะน้อมจิตน้อมใจ ตั้งใจรักษาศีล เจริญภาวนา สั่งสมบุญกุศลในด้านต่าง ๆ นานัปการ เพื่อให้สมกับเป็นวันสำคัญของโลก เราจักได้กอบโกยเอาบุญกุศล ตลอดจนกระทั่งคุณงามความดี เข้ามาไว้ในจิตในใจของเรา เมื่อความดีในใจมีมากขึ้นมาเท่าไร ความชั่วก็แทรกเข้ามาได้น้อย จนกระทั่งสุดท้าย ความดีเต็มสมบูรณ์บริบูรณ์ เราเองก็จักเป็นผู้ที่ดีเลิศเช่นกัน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2023 เมื่อ 02:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 04-06-2023, 00:03
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

แต่ขณะเดียวกัน ถ้ายังยึดเกาะความดีอยู่ เราก็ยังไปไหนไม่ได้ ดังนั้น..องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงสอนให้เราทั้งหลาย "ปล่อยวาง" ไม่ว่าจะเรื่องดีก็ไม่ยินดี จะเรื่องร้ายก็ไม่ยินร้าย ถ้าสามารถวางใจให้เป็นกลางอย่างนี้ได้ พระองค์ท่านตรัสว่า เราทั้งหลายจักมีพระนิพพานเป็นที่ไปในเบื้องหน้า

สำหรับวันวิสาขบูชานั้น ทางวัดท่าขนุนของเรานอกจากจะมีการทำบุญใส่บาตร ฟังเทศน์ฟังธรรมแล้ว เราก็ยังมีการมอบทุนการศึกษา มีการอุปสมบทหมู่เพื่อปฏิบัติธรรม มีการบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม มีการตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชานับหมื่นดวง และยังมีการเวียนเทียนอีกด้วย

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่เราปฏิบัติตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนเอาไว้ ก็คือ ให้พวกเราทั้งหลายรักษาใจของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ประกอบไปด้วยการละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส จึงจะได้สมกับเป็นพุทธศาสนิกชน ที่องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรากตรำพระวรกายอยู่ถึง ๔๕ ปี เพื่อสั่งสอนในสิ่งอันเป็นประโยชน์แก่พวกเรา ทั้งชาตินี้ ชาติหน้า และเป็นประโยชน์สูงสุด คือ พระนิพพาน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2023 เมื่อ 02:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 04-06-2023, 00:08
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เทสนาวสาเน..ในท้ายสุดแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐาน อ้างคุณพระศรีรัตนตรัย คือพระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ และพระสังฆรัตนะเป็นประธาน มีบารมีของหลวงปู่สาย อคฺควํโส อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนเป็นที่สุด

ขอได้โปรดดลบันดาลให้ญาติโยมทั้งหลายมีความปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งหนึ่งประการใด ที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบแล้วด้วยธรรมแล้ว ก็ขอให้อำนาจพุทธบารมี ธรรมบารมี สังฆบารมี ดลบันดาลให้ท่านทั้งหลายประสบความสำเร็จ สมดังมโนรถปรารถนาจงทุกประการ

รับหน้าที่วิสัชนามาในวิสาขปูชากถา ก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอสมมติยุติพระธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์วันมาฆบูชา ณ วัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-06-2023 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 04-06-2023, 00:10
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ถ่ายทอดสดพิธีบวงสรวงพุทธาภิเษกเหรียญมหาลาภเงินล้าน วัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖


เชิญรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/live/ZH9n94D9Y_8
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 04-06-2023, 00:11
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 74,310 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ถ่ายทอดสดงานเวียนเทียนวันวิสาขบูชา วัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖


เชิญรับชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=pPQCKpKAmdE

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 01-08-2023 เมื่อ 22:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:26



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว