กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-08-2016, 18:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันเสาร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๙

ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติคือความรู้สึกทั้งหมดของเราเอาไว้ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า...ให้เอาความรู้สึกไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก...ให้เอาความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม

วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ ๖ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ดังที่เมื่อครู่ได้กล่าวไปว่า ขณะนี้ศาสนาพุทธของเราโดนเบียดเบียนเหลือเกิน ซึ่งความจริงแล้วศาสนาพุทธของเราเป็นของจริง เป็นของแท้ ท้าพิสูจน์ได้ เพียงแต่ว่าทุกวันนี้ที่เราไม่มีอะไรให้เขาพิสูจน์ ก็เพราะว่าพุทธบริษัททั้ง ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา นั้น ย่อหย่อนต่อการปฏิบัติจนเกินไป

ตอนนี้ของเราถือว่าฝ่ายเถรวาทไม่มีภิกษุณีแล้ว ก็สงเคราะห์นับเอาแม่ชีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ก็แปลว่า ภิกษุ แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา ของเรานั้น ย่อหย่อนต่อหลักการการปฏิบัติมาก ไม่สามารถทำตัวให้เข้าถึงผลของการปฏิบัติในพุทธศาสนา จนถึงระดับที่สามารถแก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนาได้ ก็เพราะว่าเรายังไม่จริงจังในการปฏิบัติ

ถ้าหากว่าเราจริงจังต่อการปฏิบัติ ก็ต้องนึกถึงตอนที่เราสมาทานพระกรรมฐานว่า ขอมอบกายถวายชีวิตต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าท่านทั้งหลายนึกถึงตรงจุดนี้ ก็จะรู้ว่า ตัวเรายังย่อหย่อนต่อการปฏิบัติมากขนาดไหน เพราะว่าแค่ลำบากนิดเดียวเราก็ถอยเสียแล้ว แค่ทำอะไรเนิ่นนานหน่อย ไม่ทันจะเห็นผลเราก็รู้สึกเบื่อเสียแล้ว

ถ้าอย่างนี้ชีวิตนี้เราจะหวังการปฏิบัติ จนกระทั่งกลายเป็นทนายแก้ต่างให้พระพุทธศาสนาได้อย่างไร ? โดยเฉพาะอุบาสก อุบาสิกา ฆราวาสหญิงชายในปัจจุบันนั้น ก็มักจะอยู่ในลักษณะของการปล่อยให้ฝ่ายของภิกษุ ภิกษุณี เต้นไปโดยฝ่ายเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-08-2016 เมื่อ 20:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-08-2016, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระพุทธศาสนาของเราเปรียบเหมือนกับยานที่ประกอบไปด้วยล้อ ๔ ล้อ จึงสามารถที่จะขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ล้อทั้งสี่ล้อ ก็คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในปัจจุบันล้อที่เป็นภิกษุณีไม่มีแล้ว ทดแทนมาด้วยแม่ชีที่สงเคราะห์เข้ามาอย่างเต็มฝืน ก็ไม่สามารถที่จะทดแทนได้เต็มที่ แล้วถ้าล้อที่เป็นอุบาสก อุบาสิกาของเรายังไม่ยอมทำหน้าที่ในการสนับสนุนช่วยเหลือ เราลองมานึกดูว่า ถ้าหากว่ารถยนต์ใช้งานไม่ได้ไปสามล้อแล้วจะวิ่งอย่างไร ?

ดังนั้น...อาตมาจึงอยากที่จะตักเตือนท่านทั้งหลายว่า การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของการเอาจริง ต้องทุ่มเทแบบมอบกายถวายชีวิต ไม่ใช่ลำบากหน่อยหนึ่งก็เลิก เจออุปสรรคนิดหนึ่งก็ท้อ ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่กำลังใจของนักปฏิบัติ หลวงปู่หลวงพ่อสายวัดป่าท่านกล่าวว่า “ธรรมะอยู่ฟากตาย” ก็คือต้องแลกกันด้วยชีวิตจึงจะเข้าถึงธรรมได้

เราลองถามใจตัวเองดูว่า ถ้าหากว่าเราตายลงไปตรงนี้เพื่อแลกกับการปฏิบัติให้เข้าถึงธรรม เราจะสามารถตัดสินใจได้หรือไม่ ? ถ้าหากว่าเราสามารถที่จะตัดสินใจได้ การปฏิบัติของเราก็มีโอกาสที่จะเข้าถึงคุณความดีในพระพุทธศาสนา แม้เป็นเพียงความดีขั้นต้นคืออยู่ในส่วนของโลกียะ ก็ยังเหลือเฟือเกินพอที่จะเป็นทนายแก้ต่างให้กับพระพุทธศาสนาได้ เพราะเราจะรู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก อะไรควร อะไรไม่ควร

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะมีขึ้นได้ จะบังเกิดขึ้นได้ เราก็ต้องทุ่มเทให้กับการปฏิบัติอย่างจริงจัง มีความเพียรไม่ท้อถอยในระดับฝนทั่งให้เป็นเข็ม เราจึงต้องมาปรับกำลังกาย กำลังใจของเราเสียใหม่ ว่าการที่เราทั้งหลายปฏิบัติ บางท่านก็หลายปี บางท่านก็นับเป็นสิบ ๆ ปี แล้วเอาดีไม่ได้นั้นเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะเราไม่ได้ทุ่มเท หรือเป็นเพราะเราทุ่มเทเต็มที่แล้วไม่เกิดอะไรขึ้น ซึ่งนั่นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2016 เมื่อ 15:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-08-2016, 09:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,955 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้วก็ต้องทุ่มเทให้กับการปฏิบัติ หลัก ๆ ก็คือ อานาปานสติที่เราจะทิ้งไม่ได้ เพราะว่าเป็นพื้นฐานใหญ่ของกองกรรมฐานทั้งปวง หลังจากนั้นก็ต้องแผ่เมตตาเป็นปกติเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจของเราให้ชุ่มชื่นเยือกเย็นอยู่เสมอ เมื่อกำลังใจของเราภาวนาจนไปต่อไม่ได้แล้ว กำลังใจเริ่มคลายออกมา ก็พยายามพินิจพิจารณาในร่างกายนี้ให้เห็นชัดเจนว่ามีความไม่เที่ยงอย่างไร เป็นทุกข์อย่างไร ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราอย่างไร

ในระหว่างนั้นก็ระมัดระวังศีลทุกสิกขาบทให้สมบูรณ์บริบูรณ์ ไม่ละเมิดศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีล ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างจริงใจ ไม่ล่วงเกินทั้งต่อหน้าและลับหลัง ตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า ถ้าเราตายลงไป เราปรารถนาพระนิพพานที่เดียว

เมื่อท่านทั้งหลายทบทวนและเพียรพยายามทำให้ถึงจุดหมายดังที่ว่านี้ เรื่องของพระพุทธศาสนาก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินฝัน เรื่องของมรรคผลยังมีอยู่เป็นปกติ ถ้าหากว่าเราทำดี เราทำถูก โอกาสที่เราจะเสวยมรรคเสวยผลก็เป็นเรื่องที่ไม่เกินความสามารถ

ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันเสาร์ที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๙

(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย คะน้าอ่อน)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2016 เมื่อ 15:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 51 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:05



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว