กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 30-08-2011, 09:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ทั้งหมดเกิดจากทิพจักขุญาณอย่างเดียว แค่เปลี่ยนวิธีใช้เท่านั้น เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าต้องการ ก็ลองใช้ ๒ อย่าง อย่างแรกลองฝึกมโนมยิทธิดู ที่วัดท่าซุงมีสอนทุกวัน บ้านสายลมทุกเสาร์ - อาทิตย์ต้นเดือนก็มีสอน

ถ้าฝึกเองก็ใช้กสิณ เพ่งสีขาว เพ่งแสงสว่าง หรือลูกแก้วก็ได้ หรือไม่ก็เพ่งไฟ พออารมณ์ใจทรงตัว ภาพกสิณจะติดตาติดใจ หลับตาก็เห็น ลืมตาก็เห็น เราก็เอาสติช่วยประคับประคองไว้ จนภาพกสิณนั้นเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นสว่างเจิดจ้าเมื่อไร ก็ลองอธิษฐานขอให้ใหญ่ ให้เล็กดู

ถ้าใหญ่ได้เล็กได้ มาได้ไปได้ ก็อธิษฐานขอให้เห็นนั่นเห็นนี่ได้ ใช้ความพยายามหน่อยจ้ะ ไม่กี่ชาติก็ได้แล้ว..!

การฝึกปฏิบัติเป็นการสั่งสมบารมี ไม่สำเร็จรูปเหมือนเข้าร้านสะดวกซื้อไปซื้อเอา เพราะฉะนั้น..ต้องใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ทำไป ต้องการอะไรตั้งใจเอาไว้ แต่ตอนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำ ให้ลืมความต้องการนั้นเสีย เรามีหน้าที่ปฏิบัติอย่างเดียว ถึงเวลาผลจะเกิดเอง

เหมือนกับการปลูกต้นไม้ เราก็รดน้ำพรวนดิน ใส่ปุ๋ยของเราไป ดูแลกำจัดวัชพืช กำจัดหนอนแมลงไป ถึงเวลาต้นไม้ก็ออกดอกออกผลเอง ไม่ใช่เราไปเร่ง ดึงยอดให้โตเร็ว ๆ หน่อย แบบนั้นเดี๋ยวก็ตายคามือ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2011 เมื่อ 20:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 30-08-2011, 15:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "จากรูปแบบที่เคยยึดถือมา การสร้างพระจะต้องมีหลังคา แต่พอรับคำสั่งให้สร้างพระแบบไม่มีหลังคา ก็เลยงง ๆ เพราะไม่คุ้นจริง ๆ ท่านสั่งให้สร้างหน้าวัด ให้ชาวบ้านเห็นแล้วเกิดอนุสติ อยากเข้าวัดมาไหว้พระ ถ้าสร้างในตัวอาคารจะไม่เด่นพอ

อาตมาจะสร้างสัก ๒๑ ศอก ต่อไปจะกลายเป็นจุดรวมศรัทธาคน หลวงพ่อภปร.ที่ทองผาภูมิหน้าตัก ๑๘ ศอก องค์ที่สร้างใหญ่กว่านั้น ๓ ศอกหรือเมตรครึ่ง ตัวอาคาร ๓๐x๓๐ เมตร ทำเป็นห้องประชุมได้เลย

ฐานจะมี ๒ ระดับ ระดับแรก ๓๐ เมตร ระดับที่สอง ๒๐ เมตร ข้างล่างจะกลายเป็นห้องประชุมใหญ่เท่ากับได้พื้นที่ ๙๐๐ ตารางเมตร

ใครมีเงินเหลือสัก ๓ ล้าน จะเป็นเจ้าภาพสร้างพระใหญ่ก็ได้นะ ๓ ล้านคงได้แค่โครงสร้าง หรืออาจจะได้ประมาณฐานเท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2011 เมื่อ 20:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 30-08-2011, 16:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ศาลาของหลวงพี่วิรัช คนไปงานเป็นหมื่นก็บรรจุได้สบาย เพราะว่าพี่เขาสร้างคร่อมอาคารพระชำระหนี้สงฆ์ทั้ง ๔ ด้าน และพระประธานใหญ่

หลวงพี่วิรัชทำบวงสรวงตอนสิบโมงเกือบครึ่ง อาตมาบอกว่า "พี่ทำบวงสรวงสายขนาดนี้ เทวดาที่ไหนจะเหลือเล่า ? ไม่มีใครอำนวยความสะดวกให้ ฝนถึงได้ตกกระหน่ำเปียกอย่างนี้"

หลวงพี่วิรัชบอกว่า อยากจะให้ทำงานต่อเนื่อง พอบวงสรวงเสร็จก็หล่อพระต่อเลย จึงกำหนดบวงสรวงเวลาสาย อาตมาก็บอกว่า "ถ้าเกินเก้าโมงครึ่ง ก็ไม่ต้องรอแล้ว เทวดาท่านไปเทวสภากันหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2011 เมื่อ 20:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 30-08-2011, 16:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าเรื่องหลวงพ่อประทีปให้ฟังว่า "หลวงพี่ประทีปบวชจากวัดสุขุมาราม ต่อมาหลวงพ่อพระครูสุรินทร์ส่งมาอยู่รับใช้หลวงพ่อวัดท่าซุง

หลวงพี่ประทีปเป็นพระนอกที่เป็นยิ่งกว่าเนื้อแท้ ท่านบวชปี ๒๕๑๘ พรรษามากกว่าอาตมา ๑๑ พรรษา เป็นพระที่ทุ่มเททำงาน โดยเฉพาะงานก่อสร้าง การซ่อมแซมต่าง ๆ

ตอนที่หลวงพ่อท่านเร่งงานห้องกรรมฐานที่ศาลา ๒๕ ไร่ ท่านก็ระดมพระเณรไปช่วยทาสี อาตมาก็คิดว่าทาสีนั้นช้า น่าจะใช้สีพ่นได้ ก็ไปปรึกษากับหลวงพี่ประทีป หลวงพี่ก็บอกว่า "ใช่..ถ้ามีถังพ่นขนาด ๒๐ ลิตร เราสามารถเอาสีทั้งถังใส่ลงไป ปิดฝาพ่นได้เลย" อาตมาจึงบอกว่า "พี่ไปเสนอป๋าสิ.." พระในวัดที่บวชแล้วเรียกหลวงพ่อวัดท่าซุงว่าป๋า มีอยู่ ๓ คน ก็คือหลวงพี่ประทีป พระปลัดน้อย และอาตมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 01-09-2011 เมื่อ 16:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 30-08-2011, 16:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอหลวงพี่ประทีปนำเรื่องไปเสนอ หลวงพ่อท่านบอกว่า "ซื้อมาต้องใช้เป็นนะ" หลวงพี่ท่านก็ "ครับ ๆ" พอถึงเวลาซื้อมาปรากฏว่ามีหลวงพี่ประทีปพ่นสีเป็นอยู่คนเดียว อาตมาก็เลยต้องไปช่วย

ปกติช่วงนั้นอาตมาจะหวงเวลามาก ตอนนั้นงานอย่างอื่นโดนกรรมการสงฆ์ตัดออกหมดทุกอย่าง ยกเว้นอยู่เวรยาม พอออกเวรเสร็จอาตมาก็หลบเข้าที่พัก ภาวนาของเรา พูดง่าย ๆ ว่านอกจากหน้าที่ประจำก็ไม่เอางานอื่นเลย

พอมาทำงานพ่นสีนี้ จับกาพ่นขึ้นมา หลวงพี่ประทีปหันมาเห็นเข้าก็ถีบพลั่ก..! "เป็นงานนี่หว่า ?" คนทำมาหากินกับสีมา ๘ ปี อย่างไรก็ต้องเป็น การทำสีรถยนต์ยากที่สุด ดังนั้นการพ่นสีจึงเป็นงานง่ายสำหรับอาตมา หลวงพี่ท่านเห็นท่าจับกาพ่นก็รู้แล้วว่าเป็นงานมาก่อน "ครับ..ผมเคยทำสีรถมา ๘ ปี" "แล้วทำไมไม่มาช่วยกูบ้าง..?" โธ่..ก็พี่เคยเรียกผมให้ช่วยหรือเปล่า ? ถ้าผมเข้าไปขอช่วยแล้วพี่ว่าผมเสือก แล้วผมจะทำอย่างไร ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 03-09-2011 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 30-08-2011, 17:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในช่วง ๑๐๐ วันของหลวงพ่อวัดท่าซุง เราจะทำการเปลี่ยนจีวรหลวงพ่ออยู่เรื่อย ๆ พอเปลี่ยนจีวร หลวงพี่ประทีปก็จะเก็บจีวรทั้งหมด ท่านจึงมีจีวรหลวงพ่อมากที่สุด

ปรากฏว่า พอปี ๒๕๓๗ เกิดน้ำท่วมใหญ่ หลวงพี่ประทีปบ่นว่า "ไอ้ห่_คนมาช่วยกู กูจะขอบใจมันดีหรือจะด่ามันดีวะ..?" อาตมาก็ถามว่าทำไม ? พี่เขาบอกว่า "มันเห็นจีวรป๋าเปื้อนโคลน มันเอาไปทิ้งหมดเลย" คนไม่รู้ว่าเป็นจีวรเก่าของหลวงพ่อวัดท่าซุง นึกว่าเป็นจีวรเก่าของหลวงพี่ประทีป ก็เลยเอาไปทิ้งหมด..!

อาตมาอยากได้ของอย่างหนึ่งของหลวงพี่ประทีป นอกนั้นไม่อยากได้เลย คือมีดหมอหลวงพ่อเดิมขนาด ๙ นิ้ว ด้ามงาช้างยาวเป็นศอกเลย พี่เขาดูแลอย่างดี เช็ดถูเป็นประจำ มีสนิมขุมกินเนื้อนิดหน่อย ส่วนอื่นก็ยังขาวอยู่เลย

แต่ถ้าพระมรณภาพลง เจ้าอาวาสจะต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอย่างน้อย ๓ รูป ช่วยกันจัดการแบ่งสรรปันส่วนทรัพย์สิน ว่าอะไรเหมาะจะให้ใคร ในปัจจุบันนี้หลายต่อหลายวัดด้วยกันมอบสิทธิ์ขาดให้เจ้าอาวาสจัดการ แล้วแต่ท่านเห็นสมควร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2011 เมื่อ 20:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 30-08-2011, 19:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "โยมที่โทรมาเมื่อครู่นี้ รู้จักกันตั้งแต่สมัยอยู่วัดท่าซุง รู้จักกันเพราะเขาเล่นวิทยุสมัครเล่น ช่วงที่อาตมาอยู่วัดท่าซุงต้องเข้าเวรตอนกลางคืน บางทีนั่งทั้งคืนแล้วเบื่อก็เข้าช่องวีอาร์ ฟังเขาพูดวิทยุกัน บางทีก็แหย่เขาไปบ้าง ไม่รู้ว่าถูกใจเขาหรืออย่างไร เขาขอ ว.๑๕ ก็คือขอเจอหน้าหน่อย

อาตมาก็เลยถามว่าบ้านอยู่ไหน ? เขาบอกว่าอยู่มโนรมย์ จึงบอกให้เขาข้ามฝั่งมา วิ่งมา ๔ กิโลเมตร จะเจอรั้วเหลืองใหญ่ ๆ บ้านหลังมหึมา พอเขามาถึงก็เจอว่าเป็นพระ เขางงมาก

บ้านนี้เขามี ๒ ครอบครัว สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้เล็ก พี่แต่งกับพี่ น้องแต่งกับน้อง ลูก ๆ เขาเพิ่งจะเรียนมัธยม แต่แม่เขาใจยิ่งกว่าฝรั่งอีก ลูกสองบ้านนี้เป็นผู้หญิงหมดเลยนะ คนเล็กสุดเรียนอยู่ ม. ๒ แม่เขาบอกลูกว่า "จะเที่ยวไหนก็เที่ยวเถอะ อย่าให้ท้องก็พอ..!"

เด็กก็เลยเที่ยวหัวหกก้นขวิด กลับบ้านดึกดื่นทุกคืน พอถึงเวลาจะกลับบ้าน เขาก็จะวิทยุคุยกัน "อยู่ที่ไหน ? จะกลับแล้วนะ.." อาตมาก็แหย่ไปว่า "อ้าว..ทำไมวันนี้กลับเร็วจัง ยังไม่ทันจะสว่างเลย.."

เขาสงสัยว่า ไม่ว่าเขาอยู่ที่ไหนแล้วอาตมารู้ทุกที ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นนักเที่ยวเหมือนกัน เมื่อสงสัยจึงบุกไปที่วัด พอเขาถามว่ารู้เรื่องได้อย่างไร อาตมาก็บอกว่า เวลาเขาพูดวิทยุ พอกดคีย์ เสียงข้าง ๆ วิทยุเข้ามาด้วย ก็เลยได้ยิน หาเรื่องแก้ตัวไปเรื่อย

อาตมาจึงแนะนำเขาว่า เรื่องอย่างนี้เป็นคุณสมบัติที่ทุกคนทำได้ แต่ต้องฝึกสมาธิเบื้องต้นให้ได้ก่อน ถ้าจิตของเราสงบก็เหมือนกับน้ำนิ่ง น้ำที่นิ่งสามารถสะท้อนเงาของทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้าง ๆ ให้เห็นได้ชัด เขาก็ลองทำดู ปรากฏว่าเทอมนั้นผลการเรียนดีขึ้นผิดหูผิดตาทั้ง ๓-๔ คน

แม่เขาที่อยู่ข้างวัด แต่ไม่เคยเข้าวัดก็เลยเริ่มเข้าวัด มาทำบุญ อาตมาเห็นลูกคนกลางของเขากลมเป็นลูกชิ้นเลย จึงขอลูกคนนี้กับแม่ของเขา แม่ก็เลยยกให้อีก ๒ คน คราวนี้พี่สาวเขารู้ก็เลยยกให้อีก ๓ สรุปแล้วขอ ๑ ได้มา ๖ ตอนนี้แต่งงานไปหมดแล้ว เจ้าตัวเล็กสุดที่ตอนนั้นอยู่ ม. ๒ ตอนนี้มีลูกสองคนแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-08-2011 เมื่อ 20:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 30-08-2011, 19:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เขาเป็นตัวแทนบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตสาขาชัยนาท ทำสถิติยอดเงินประกันสูงสุดของภาคเหนือทุกปี อยู่ในลักษณะที่ลูกค้าวิ่งไปหาเขาเอง เขาไม่ต้องหาลูกค้า เพราะว่าเขาดูแลลูกค้าดีมาก

อย่างน้อย ๆ อาทิตย์หนึ่งลูกค้าจะต้องเห็นหน้าเขาครั้งหนึ่ง จะมีเรื่องหรือไม่มีเรื่องเขาก็ไปถึงบ้านตลอด ถามสารทุกข์สุขดิบ วันเกิดปีใหม่ก็ส่งกระเช้าไปให้ ลูกค้าเกิดเรื่องอะไรเจ็บไข้ได้ป่วยเล็กน้อยขนาดไหนเขาทำเคลมให้หมด

เขาไปทะเลาะกับสำนักงานใหญ่จนสำนักงานใหญ่ระอา เขาบอกว่าเป็นสิทธิของลูกค้า จะสามร้อยบาท ห้าร้อยบาท ก็เบิกให้หมด ก็เป็นสิทธิของเขาที่จะเบิกได้ คุณมีหน้าที่คุณก็จ่ายมา

บางทีแม้กระทั่งลูกค้าก็ไม่อยากได้ แต่เขาบอกว่าเซ็นมาเถอะเขาจะเคลมให้ ในเมื่อเขาดูแลดี ลูกค้ารู้ก็วิ่งมาหาเอง พอเยอะเข้า ๆ ตัวเองทำไม่ไหว จึงให้สามีออกจากโรงเรียนที่สอนอยู่ มาช่วยทำประกัน แล้วก็เอาลูกออกจากงานมาช่วยทำ ไป ๆ มา ๆ ทั้งตระกูลก็มาช่วยกันทำ

ดังนั้น..เราจะเห็นได้ว่า การทำงานหรือปฏิบัติธรรมก็เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งว่า ถ้าทุ่มเทอย่างจริง ๆ จัง ๆ คือเมื่อฉันทะเกิดแล้ว วิริยะตามมา พากเพียรทำไป จิตใจปักมั่นอยู่กับเป้าหมายไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเขาก็วิ่งหาลูกค้าอยู่ตลอด พูดง่าย ๆ ว่าเดือนหนึ่งลูกค้าเห็นหน้า ๓-๔ ครั้ง ก็เกิดความมั่นใจว่าตัวแทนไม่ทิ้งเขาแน่ ถึงเวลาเรื่องเล็กเรื่องน้อยขนาดไหนเขาก็จัดการเคลมให้หมด

ขนาดตัวเองไม่ไปโรงพยาบาลก็ยังไปหาเพื่อนหมอที่คลินิก บอกให้เพื่อนเซ็นรับรองว่าป่วย ในเมื่อเขาทำได้ ลูกค้าก็วิ่งมาชนเอง เขาไปเที่ยวต่างประเทศจนเบื่อ เพราะรางวัลพวกนี้ส่วนใหญ่ให้ไปเที่ยวต่างประเทศ ไปจนไม่อยากจะไปแล้ว ฟรีก็จริงแต่เวลาอยากได้อะไรก็ต้องควักกระเป๋าซื้อเอง

เรามาดูกำลังใจว่า เขาทุ่มเทให้กับงานขนาดนั้น พวกเราก็ควรทุ่มเทกับการปฏิบัติแบบนั้นบ้าง ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถ้าไม่ได้ดีที่สุด ก็ต้องได้ให้มากที่สุด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-08-2011 เมื่อ 22:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 30-08-2011, 21:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำพรหมวิหารสี่ให้เป็นฌานได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : แผ่เมตตาจนกระทั่งเต็มที่แล้ว ก็ให้ภาวนาต่อจ้ะ แค่นั้นเอง อย่างเราแผ่ส่วนแผ่ ภาวนาส่วนภาวนา ไปแยกกัน

ให้แผ่เมตตาตามแบบที่เคยสอนไป จนกระทั่งอารมณ์ใจเต็มที่แล้ว เราก็จับลมหายใจภาวนาต่อ

ถาม : เราเอาเมตตามาใส่ จะได้หรือคะ ?
ตอบ : ถ้าเต็มที่อยู่แล้ว ถึงเวลาเราแค่ภาวนาต่อท้ายเท่านั้นเอง เท่ากับเป็นตัวสมาธิในเมตตา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2011 เมื่อ 05:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 30-08-2011, 21:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราส่วนหนึ่งเวลากำลังใจตก จะไม่ค่อยกล้ามาหาพระ ไปรอว่ากำลังใจดีเมื่อไรแล้วค่อยมา ขอบอกว่าถ้าทำอย่างนั้นคิดผิดมาก

ส่วนใหญ่เพราะพวกเรากลัวว่าพระรู้เรื่องไม่ดีของตัวเองแล้วจะว่าเอา อาตมาพูดไม่ผิดหรอก..เพราะรู้จริง ๆ แต่พระไม่ได้มีหน้าที่มาพูดว่าเราทำอะไรไม่ดี พระท่านมีหน้าที่ดูว่าจะช่วยอย่างไรให้เราดี เพราะฉะนั้น..ความลับก็ยังเป็นความลับอยู่เหมือนเดิม ไม่ต้องกังวลไป

พระไม่มีหน้าที่ซ้ำเติมใคร ในสายตาของผู้ปฏิบัติธรรมจริง ๆ ไม่มีคนดี ไม่มีคนเลว มีแต่คนที่กำลังเป็นไปตามวาระของกรรม คนที่ทำกรรมดีก็ติดอยู่ในกระแสขาวที่ดึงขึ้นไป คนที่ทำความชั่วก็หลงอยู่ในกระแสดำ ที่ไหลลงต่ำไปเรื่อย ๆ พระท่านมีหน้าที่แค่ดูว่าจะเสริมเขาให้ดีอย่างไร ? จะช่วยเขาให้ดีอย่างไร ? ไม่ได้มีหน้าที่ไปดูแล้วก็ไปตำหนิด่าว่าใคร

ยกเว้นว่าการด่านั้นทำให้เขาสำนึกแล้วกลับมาดี ท่านจึงทำ ดังนั้น..ไม่ต้องเกรงใจจ้ะ ไม่ใช่รอว่าดีแล้วค่อยมาหาพระ ถ้าดีแล้วจะมาทำไมวะ..?! ถ้ารู้ตัวว่าชั่วให้รีบมาหาพระ เผื่อจะช่วยได้บ้าง ถ้ารอให้ตะเกียกตะกายเองมักจะช้า เสียเวลามากโดยใช่เหตุ ถ้าตายตอนนั้นก็ขาดทุนยับเยิน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-08-2011 เมื่อ 05:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 30-08-2011, 21:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาเป็นคนหน้าด้านมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทำผิดเรารู้ว่าผิด พอเข้าไปหาหลวงพ่อ ท่านไม่เคยตำหนิสักครั้งเดียวเลย แต่ถ้าทำผิดแล้วอวดดี โดนท่านด่าจมทะเลทุกครั้งเลย

เพราะฉะนั้น..ถ้าทำผิดแล้วรู้ผิด พอเข้าไปหา ท่านก็จะบอกวิธีแก้ไขให้ แต่ถ้าทำผิดแล้วไม่รู้ผิด ไม่รับผิดแล้วไปหา จะโดนด่าจมดินทุกครั้งเลย จึงทำให้เข้าใจเลยว่า เรื่องของพระจริง ๆ นั้น ท่านไม่ได้มีหน้าที่ดูว่าใครถูกใครผิด เพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น กฎแห่งกรรมเขาจัดการเองอยู่แล้ว

ท่านมีแต่หน้าที่หนุนเสริมเขาให้ดี ป้องกันไม่ให้เขาชั่ว จะว่าไปแล้วหน้าที่ของพระดูง่าย แต่ขอโทษเถอะ ยากยิ่งกว่าเข็นเรือเกลืออีก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 08-03-2019 เมื่อ 13:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 30-08-2011, 23:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าหนูไม่อยากเจอคนที่ไม่อยากเจอในชาตินี้หรือในชาติหน้า ควรจะทำอย่างไร ?
ตอบ : เป็นไปไม่ได้ คนเราไม่ว่าจะสร้างบุญร่วมกันหรือสร้างกรรมร่วมกัน ถึงเวลาต้องเจอกัน ถ้าไม่อยากเจอเขาก็ต้องสร้างความดีให้ถึงที่สุด คือไปนิพพานให้หมดเรื่องหมดราวไปเลย ถ้าคนอื่นยังชั่วอยู่ โอกาสเจอก็ยากแล้ว เพราะเราไปจนเขาตามไม่ทันแล้ว

ถาม : การตัดกรรมสามารถช่วยได้ไหมคะ ?
ตอบ : การตัดกรรมไม่มีในพระพุทธศาสนา ยกเว้นอย่างเดียวคืออโหสิกรรม คือการที่โจทก์และจำเลยมาตกลงกัน ว่าจะเลิกแล้วต่อกัน ถ้าหากว่าต่างฝ่ายต่างรับรู้ ออกปากยินดียกโทษให้ ก็เป็นอันว่าจบกันไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 01-09-2011 เมื่อ 16:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 30-08-2011, 23:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เคยได้ยินเรื่องขวานฟ้าหรือเปล่าคะ ? คืออะไร ? ใช้ทำอะไรคะ ?
ตอบ : ขวานฟ้าเป็นวัตถุอาถรรพ์ชนิดหนึ่ง เป็นเรื่องที่แปลกมากว่า ถ้าฟ้าผ่าลงตรงไหน ไปค้นดูมักจะเจอขวานหินเล็ก ๆ ถ้าดูแล้วก็เหมือนขวานของมนุษย์โบราณนั่นแหละ แต่แปลกว่าทำไมถึงจำเพาะมาอยู่ตรงที่ฟ้าผ่า

โบราณเขาเชื่อว่าขวานนี้ได้พลังอำนาจจากสายฟ้า ก็เลยเอามาใช้งาน โดยเฉพาะพวกที่เล่นไสยศาสตร์ต่าง ๆ เขาเอาไว้ทำลายอาถรรพ์

สมัยก่อนถ้าหัดมวยไทยโบราณ อย่างมวยคาดเชือก ใช้ด้ายดิบชุบน้ำข้าว ตากไว้จนแข็งโป๊ก อาจารย์เอามาพันมือให้ พอชั้นท้าย ๆ เขาจะเอาขวานฟ้าสอดเอาไว้ แล้วก็พันต่อ เขาเชื่อว่าถ้าฝ่ายตรงข้ามเล่นคาถาอาคมหรือวัตถุอาถรรพ์ มีขวานฟ้าอยู่จะสามารถแก้อาถรรพ์นั้นได้

อาจารย์โมเช่เขาบอกว่า "ที่อาจารย์มีอยู่นี่ เวลาชาวบ้านเขาตากข้าวโพด ก็โยนไว้ตรงนั้นแหละ ไก่จะไม่กล้ามากิน" อาตมาก็สงสัยว่าขวานฟ้ากันไก่ได้ด้วย ? แต่ก็ไม่เคยลอง เพราะไม่เคยตากข้าวโพด เวลาชาวบ้านเก็บข้าวโพดมา จะตากให้แห้งก่อนแล้วค่อยไปสีเอาเม็ด บางทีไก่ก็ฉวยโอกาสกินข้าวโพด พอเอาขวานฟ้าไว้กับกองข้าวโพด ไก่จะไม่กล้ากิน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 01-09-2011 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 30-08-2011, 23:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เป็นขวานเล็ก ๆ บางทีก็มีขนาด ๒ นิ้ว ๓ นิ้ว เคยเจอเต็มที่ก็ไม่เกิน ๔ นิ้วมือ จะมีหลาย ๆ สี อาตมาคิดว่า ถ้าเอามาบดใส่รวมกับวัตถุมงคล คงเข้าท่ากว่าเยอะเลย

ถาม : ใช้รักษาโรคได้ด้วยหรือคะ ?
ตอบ : ในเรื่องของพลังอำนาจ จริง ๆ แล้ววัตถุทุกชนิดมีพลังอยู่แล้ว ว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์ แกนกลางของสสารเป็นพลังงานทั้งนั้น ในเมื่อมีพลังงานก็ขึ้นอยู่กับคนใช้ ว่าจะใช้ในทางไหน ดังนั้น..จะเอาขวานฟ้าไปรักษาโรคก็ได้ เพียงแต่ว่าต้องควบคุมให้เป็นด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 01-09-2011 เมื่อ 16:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 02-09-2011, 07:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เครื่องสังฆทานของที่นี่ครบถ้วนไหมคะ ?
ตอบ : ถ้าตามสูตรวัดท่าซุงนี่ก็ครบแล้ว แต่ถ้ามีสูตรของคนอื่นมากกว่านี้ต้องไปหาเอง

ถาม : ที่ขาดไม่ได้ควรจะมีอะไรบ้างคะ ?
ตอบ : ตามแบบของหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านเอาประสบการณ์จากที่ผีมาขอ ผีแทบทั้งหมดที่มาขอจะระบุว่า ขอพระพุทธรูปหน้าตักอย่างน้อย ๕ นิ้ว ๑ องค์ ขอผ้าสบง จีวร หรือว่าสังฆาฏิ หรือถ้าได้ผ้าไตรทั้งชุดยิ่งดี ๑ ชุด และอาหารสดหรือแห้งก็ได้

พระพุทธรูปจะทำให้เขามีรัศมีกายสว่างมาก มีศักดานุภาพมาก ผ้าไตรจีวรจะทำให้เขามีเครื่องประดับเป็นทิพย์ อาหารจะเป็นอาหารสดหรือแห้งก็ตามจะทำให้เขาอิ่มทิพย์ เพราะฉะนั้น..เมื่อมีครบเท่านี้ก็ถือว่าสมบูรณ์แล้ว

แต่ว่าหลวงปู่มหาอำพันท่านเพิ่มรองเท้ากับร่มเข้าไปด้วย เพราะท่านอ่านในพระธรรมบทที่พระโพธิสัตว์ไปปราบยักษ์ ยักษ์นั้นได้พรจากท้าวเวสสุวรรณว่า ให้ไปอาศัยอยู่ต้นไทรใหญ่นอกเมือง คนหรือสัตว์เข้ามาในร่มเงาของต้นไทรอนุญาตให้จับกินได้ คราวนี้ยักษ์กินคนไปเยอะ พระราชาส่งทหารไปปราบก็โดนกินเสียเรียบ จึงประกาศว่าถ้าใครสามารถปราบยักษ์นี้ได้จะยกสมบัติให้กึ่งหนึ่ง

พระโพธิสัตว์ท่านอยู่กับแม่ มีฐานะยากจนมาก เมื่อได้ยินดังนั้นก็อาสาจะไปปราบยักษ์ ท่านใส่รองเท้าและถือร่มไป พอเข้าไปเขตนั้นยักษ์ก็จะมาจับกิน พระโพธิสัตว์กล่าวกับยักษ์ว่า "เจ้าเอาสิทธิ์อะไรมากินข้า ถ้าเจ้าบอกว่าข้าอยู่ใต้ร่มเงาต้นไทรนี้ เจ้ามีสิทธิ์กิน แต่ข้าอยู่ใต้ร่มของตัวเอง ไม่ได้อยู่ใต้ร่มเงาไม้เสียหน่อย และข้ายืนอยู่บนรองเท้า ไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นที่ของเจ้าสักหน่อย"

หลวงปู่มหาอำพันท่านอ่านตรงนี้แล้วท่านประทับใจมาก ท่านก็จึงใส่รองเท้ากับร่มลงไปด้วย เพราะฉะนั้น..สังฆทานของหลวงปู่มหาอำพันจะมีรองเท้ากับร่มเพิ่มขึ้นมา ถือเคล็ดว่าไปไหนจะได้ปลอดภัย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 11-07-2023 เมื่อ 22:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 02-09-2011, 07:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ได้ยินมาว่าต้องเลือกผู้ที่รับสังฆทาน ?
ตอบ : ถ้าเลือกไม่ใช่สังฆทาน เลือกเนื้อนาบุญจะได้ปาฏิปุคคลิกทาน อานิสงส์ต่ำกว่าเป็นแสนเท่า

ถาม : ถ้าผู้รับศีลไม่บริสุทธิ์ละคะ ?
ตอบ : ก็เขาเป็นตัวแทนสงฆ์ ไม่ใช่ผู้รับไปใช้เองกินเองคนเดียวเสียเมื่อไร ต้องไปดูอันตรธานปริวัตรในปฐมสมโพธิกถา น่าจะเป็นปริวัตรที่ ๒๙ ท่านกล่าวถึง วาระสุดท้ายของพระศาสนา เพศของพระจะเหลือเพียงผ้าเหลืองห้อยหูหรือผ้าพันข้อมือเพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นนักบวชเท่านั้น

ศีล ๒๒๗ ข้อ เหลือเพียงปาราชิก ๔ ข้อเท่านั้นที่ยังไม่ได้ล่วงละเมิด ท่านบอกว่าเพศพระและศีลแม้เหลือเพียงนั้น ถ้าถวายสังฆทานก็ยังมีอานิสงส์เหมือนอย่างกับถวายกับหมู่สงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2011 เมื่อ 16:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 02-09-2011, 07:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มโนมยิทธิดีกว่าการปฏิบัติแบบอื่น ?
ตอบ : ก็เป็นศีล สมาธิ ปัญญาเหมือนกัน แต่เพียงแต่ว่ามโนมยิทธิมีคุณอนันต์และมีโทษมหันต์ มีคุณอนันต์ก็คือเรารู้จักพระนิพพานได้ เราไปพระนิพพานตรง มีโทษมหันต์ก็คือประเภทรู้แล้วก็ไปอวดคนอื่นเขา กูเก่งกว่า กูดีกว่า กลายเป็นยึดติดมากเข้าไปอีก

ถาม : สัพพัญญูวิสัยไม่ใช่จะได้กันง่าย ๆ หมายถึง..?
ตอบ : ก็หมายความว่าสัพพัญญูวิสัย วิสัยของผู้ที่รู้แจ้งในทุกเรื่อง มีเพียงพระพุทธเจ้าอยู่องค์เดียวที่จะมีได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2011 เมื่อ 16:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 02-09-2011, 07:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : มักมีเรื่องกระทบกันแล้วเกิดโทสะขึ้นมา..?
ตอบ : แสดงว่าเราวางไม่ได้ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของคนวางไม่ได้ที่จะเป็นอย่างนั้น ถ้าหากว่าจะวางให้ได้ต้องมีปัญญาประกอบด้วย เราต้องดูว่าสิ่งที่เขาทำให้เราโกรธนั้น เรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่? ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ไม่น่าจะโกรธ เพราะว่าบุคคลที่แสดงเรื่องจริงกับเราก็เหมือนกับกระจก สะท้อนให้เห็นรูปร่างอันน่าเกลียดน่าชังของเรา ซึ่งคือความจริงแล้วเรารับไม่ได้ แล้วไปโกรธกระจกนั้นถูกไหม ?

แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง บุคคลที่ไม่รู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร ก็แปลว่าเขาคนนั้นปัญญาน้อยมาก คนที่โง่ขนาดนั้นก็ไม่ควรจะไปโกรธเขาหรอก สงสารเขาดีกว่า ถ้าหากว่าเราคิดเป็นก็จะไม่โกรธ แต่ถ้าคิดไม่เป็นก็แบกไปนานเลย

เพราะฉะนั้น..ถ้าจะตัดรัก โลภ โกรธ หลง สำคัญต้องมีตัวปัญญาด้วย ถ้าปัญญาไม่พอก็จะโดนเขาชักจูงไปนาน แต่ว่าอย่าท้อใจนะ ต้องใช้ความพยายาม แรก ๆ ก็ลักษณะดึงม้าที่หน้าผา ม้าจะตกหน้าผาแล้วต้องรั้งให้อยู่ ถ้าไม่อยู่ตายทั้งคู่แน่ หลังจากนั้นพอรั้งอยู่แล้ว ทำอย่างไรที่จะให้ม้าไปจากที่นั้นเสีย จะได้ไม่ตกหน้าผาอีก

ค่อย ๆ ทำไปจ้ะ ถ้าหากสมาธิดีขึ้น ตัวยับยั้งจะดีขึ้นด้วย แล้วพอสติสมาธิดีถึงที่สุด จะหยุดตรงนั้นได้ แต่จะเก็บไปคิดทีหลังแล้วโกรธอีก เพราะฉะนั้น..ก็เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือใช้ปัญญาพิจารณาแล้วค่อย ๆ ละวาง ค่อย ๆ ทำไปจ้ะ ถ้าได้เร็วเดี๋ยวพระเขาอาย เพราะพระกว่าจะทำได้ยังตั้งนาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2011 เมื่อ 17:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 02-09-2011, 07:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ภาวนาอย่างไรจะให้ลูกในท้องสมบูรณ์ แข็งแรง ?
ตอบ : ไปสวดอังคุลิมาลปริตรก็ได้ ในหนังสือเจ็ดตำนาน ที่ว่ายะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา สั้น ๆ แค่ ๓-๔ บรรทัด ประโยคสุดท้ายบอกว่า โสตถิ คัพภัสสะ แปลว่า ขอให้ครรภ์นี้จงสวัสดี ก็คือ ปลอดภัยทุกอย่าง

โบราณเขาใช้เป็นคาถาทำน้ำมนต์ให้คลอดลูกง่าย เราก็ภาวนาแล้วนึกถึงลูก ขอให้แข็งแรง สมบูรณ์ เลี้ยงง่าย โตเร็ว อะไรก็ว่าไป ในหนังสือมนต์พิธีก็มีจ้ะ ภาวนาเยอะ ๆ ลูกออกมาจะได้น่ารัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-09-2011 เมื่อ 19:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 02-09-2011, 07:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เก็บตกเดือนนี้หมดแล้วค่ะ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 127 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:23



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว