กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #161  
เก่า 02-01-2013, 10:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนั้นอายุเท่าไร ?
ตอบ : ตอนนั้นเพิ่งจะเรียนมัธยม

ถาม : แล้วท่านรู้วิธีการได้อย่างไรครับ ?
ตอบ : อ่านตำราของหลวงพ่อวัดท่าซุงจนปรุแล้ว อุปกรณ์ที่หาง่ายที่สุดก็คือกสิณไฟนั่นแหละ เริ่มจากนั่นแล้วก็ไปกสิณน้ำ ตักน้ำได้ขันหนึ่งก็เผ่นพรวด หายเข้าไปในไร่ แอบอยู่หลังต้นมะม่วง ต้นโตขนาด ๓ - ๔ คนโอบ นั่งอยู่ข้างหลังไม่มีใครเห็นหรอก เข้าไปฝึกกสิณน้ำ

แต่ก็กลัว ๆ อยู่เหมือนกันแหละ เพราะว่าสมัยเด็ก ๆ บรรดาหลวงปู่หลวงพ่อท่านฝึกให้ลูกศิษย์ท่าน แล้วลูกศิษย์คุมนิมิตไม่เป็น เมื่อปฏิภาคนิมิตเกิดเต็มที่ น้ำท่วมมาทุกทิศทุกทางก็ตะกายบกกัน ว่ายน้ำหนี ตัวเองทำเองแท้ ๆ สั่งให้น้ำหายไปก็จบแล้ว คราวนี้พอตัวเองตะกายหนีก็กลายเป็นตะกายบก หน้าอกถลอกหมด


ถาม : แสดงว่าของเก่าท่านมีมากเลยสิครับ ?
ตอบ : เชื้อชั่วไม่ยอมตายตามมาเยอะ ตั้งแต่อายุ ๔ - ๕ ขวบตอนตกน้ำแล้ว ตอนนั้นไม่รู้ว่าทรงฌาน พอร่วงตูมลงน้ำไป น้ำปิดหูก็เงียบไป ความเย็นของน้ำกับความเงียบ ทำให้รู้สึกทันทีเลยว่า อารมณ์อย่างนี้เราเคยทำได้ จึงนั่งเงียบอยู่ใต้น้ำนั้นแหละ ดูไปก็เห็นว่าความสงบ สุข เยือกเย็นบอกไม่ถูกอย่างนี้ เราเคยทำได้มานานแสนนานแล้ว

นั่งพิจารณาเพลินอยู่ใต้น้ำตั้งสิบกว่านาที ไม่รู้ว่าหายใจได้อย่างไร หรือว่าสมาธิลึกจนไม่หายใจก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนที่พี่มุกดาควานเจอนี่เขาจะช็อกตายอยู่แล้ว เพราะลงไปนานขนาดนั้นน่าจะตายไปแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 17:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #162  
เก่า 02-01-2013, 10:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ต้องขนาดนั้นนะ ใจนิ่งเปรี๊ยะเลย ไม่ได้คิดถึงความตาย ไม่ได้คิดถึงความกลัว ในเมื่อไม่ได้คิดอะไรกำลังใจต้องทำได้ขนาดทรงฌาน ฉะนั้นสมัยก่อนที่เขาจะออกรบได้ กำลังใจเขาต้องได้ กำลังใจไม่ได้ไปรบก็ตายเปล่า

ถาม : แล้วคนที่กำลังใจไม่ได้ แต่ไปออกรบมีเยอะไหมคะ ?
ตอบ : เยอะ...ก็ไม่มีอะไร ถึงเวลาตายเขาก็ลากมาสุม ๆ กันแล้วก็เผา

ถาม : แล้วอย่างนั้นเขาจะเกาะพระก่อนตายได้ไหมคะ ?
ตอบ : ก่อนที่จะไปเขาปลุกพระไม่รู้กี่รอบแล้ว กำลังใจเกาะอยู่แล้วละ

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ต้องมีทุกคน แต่ถ้าเป็นแม่ทัพที่มีความสามารถจริง ๆ ในตำราพิชัยสงครามมีวิชาหนึ่งที่เรียกว่าแต่งคน ก็คือสามารถเสกว่านยาหรือน้ำมันให้ลูกน้องกินหรือทาแล้วเหนียวด้วย ถ้าได้แม่ทัพแบบนั้นก็รอด ถ้าไม่ได้แม่ทัพแบบนั้นก็เอาศพลูกน้องถมเข้าไป

ถาม : แล้วสมัยนั้นเขามีพระเครื่องติดตัวกันไม่ใช่หรือครับ ?
ตอบ : สมัยก่อนไม่นิยมพระเครื่อง เพราะถือว่าเป็นของสูง เขาจะใช้พวกตะกรุด พิสมร พวกเชือกถัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 17:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 215 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #163  
เก่า 02-01-2013, 20:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วพิสมรคืออะไรคะ ?
ตอบ : เครื่องรางชนิดหนึ่ง ลักษณะเหมือนกับตะกรุดนี่แหละ แต่เขาพับเป็นเหลี่ยม เขาจะพับเป็นสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมเพื่อเอาผ้าผูกมัดกับแขนหรือกับหัวได้ ถ้าเป็นตะกรุดเขาก็จะม้วนกลม ๆ แล้วร้อยเชือก

เอาอย่างผู้การประจักษ์ก็หมดเรื่อง ผู้การเอาเหรียญเอกราชของหลวงปู่ปานเย็บรอบเสื้อกั๊กเลย ไม่รู้ว่ากี่ร้อยเหรียญ ถ้าไม่แม่นจริงยิงไม่รอดเหรียญหรอก ติดเหรียญหมด

ผู้การประจักษ์ สว่างจิต นิมนต์หลวงพ่อวัดท่าซุงไปเจิมรถถังของ ม.พล.๒ กองพลทหารม้าที่ ๒ ที่ปราจีนบุรี รถถังของ ม.พล.๒ ติดธงมหาพิชัยสงครามทุกคัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2013 เมื่อ 15:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #164  
เก่า 02-01-2013, 21:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ท่านอินทกะมีหน้าที่อะไร ?
ตอบ : หน้าที่ดูแลรักษาโลกเป็นส่วนใหญ่ ถ้ามีสถานที่ที่สำคัญมาก ๆ ท่านก็ไปดูแลตรงนั้น ถึงเวลาที่เหมาะสมขึ้นมา เมื่อท่านท้าวมหาราชท่านจุติ ก็คัดเลือกจากอินทกะขึ้นมาเป็นท้าวมหาราชแทน

ถ้าอยากจะเป็น อันดับแรกทรงสมาธิให้ได้ก่อน อย่างน้อย ๆ เอาสักปฐมฌาน แล้วก็ตั้งความหวังไว้ว่าเราจะไปเกิดที่นั่น ตั้งใจปักมั่น อธิษฐานเลยว่าจะไปเกิดตรงนั้น ถ้าทรงฌานไม่ได้ ชั้นจาตุมหาราชเขาไม่รับ ชั้นจาตุมหาราชเขารับพวกที่ทรงฌานได้ แล้วก็ลืมเข้าฌาน แต่เราทรงฌานแล้วอธิษฐานบารมีช่วย ขอไปเกิดตรงนั้น แม้เป็นกำลังของพรหม แต่เราตั้งใจจะไปเกิดตรงนั้นก็จะได้ไปเกิดตรงนั้น


ถาม : ถ้าตั้งใจเกิดเป็นยักษ์ ?
ตอบ : ตั้งใจไปเลยว่าจะเอาอะไร หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไปเจอภุมมเทวดาเป็นพระอนาคามี ถามท่านว่าทำไมไม่ไปอยู่สุทธาวาสพรหม ท่านมีสิทธิ์อยู่สูงขนาดนั้น ทำไมอยู่แค่ภุมมเทวดา ท่านบอกว่าเพื่อนของท่านอยู่ที่นี่ ก่อนตายคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะไปหาเพื่อน ภุมมเทวดาท่านนี้ใครเล่นด้วยไม่ได้เลยเพราะว่าศักดานุภาพขนาดพระอนาคามี เชื่อว่าไม่มีใครหน้าไหนต้านติด

ท่านระดับนั้นแล้วลงมาเป็นพระภูมิรักษาพื้นที่ แต่ว่าเทวดาผู้ใหญ่ระดับท้าวมหาราชท่านไม่เรียกใช้งานหรอก เก็บไว้เป็นปูชนียบุคคล
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-01-2013 เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #165  
เก่า 03-01-2013, 20:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สัตว์เข้าสมาธิได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้...เท่าที่เจอมาก็มีหมา แต่สัตว์อื่นก็น่าจะทำได้ เพราะสภาพของเขาก็คือสัตว์เดรัจฉานเหมือนกัน แต่ที่เจอง่ายที่สุดคือหมา หมาที่อาตมาเจอนั้นสุดยอดขนาดทรงฌานตั้งเวลาได้ นึกจะเข้าสมาธิเมื่อไร จะออกสมาธิเมื่อไร เขาตั้งเวลาได้เลย ฉะนั้น..โปรดทราบ ถ้าเรายังทำไม่ได้นี่อายหมาเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #166  
เก่า 03-01-2013, 20:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สัตว์เข้าถึงมรรคผลได้ไหมคะ ?
ตอบ : ไม่ได้..ไม่ใช่วิสัยของเขา เราลองนึกถึงเด็ก ๆ สิ ขนาดเด็กรู้ภาษาแล้วเรายังสอนยากสอนเย็น ถ้าสัตว์ที่ไม่ใช่พวกที่สร้างบารมีมาโดยตรง จะให้เขามาทำความดี ย่อมไม่ใช่วิสัยของเขา เรื่องของสัตว์เดรัจฉาน เก่งขนาดไหนก็เข้าไม่ถึงมรรคผล จะมีพวกเก่งเกินมนุษย์อยู่ไม่กี่ตัวหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #167  
เก่า 03-01-2013, 21:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : บางท่านเขาบอกว่าฌานลึกเป็นสมาธิแบบโง่ ๆ แต่ในขณะนั้นทำไมรู้ทุกอย่าง ?
ตอบ : ก็คนพูดเป็นคนประเภทโง่ ๆ..! ฌานมี ๒ อย่าง คือ ฌานที่เกิดจากการพิจารณาไปเรื่อย ๆ และฌานที่เกิดจากกำลังในการฝึกอย่างเดียว พอเข้าถึงสมาธิ ยิ่งเป็นฌาน ๔ ด้วยแล้ว ความละเอียดจะเกินการปรุงแต่ง ในเมื่อเกินการปรุงแต่ง จะนึกคิดอะไรไม่ได้ ต้องถอยออกมาก่อน แต่ถ้าสามารถทำในลักษณะฌานใช้งานได้ ก็สามารถที่จะคิดและรับรู้ได้ทุกอย่าง

ฉะนั้น..คนพูดยังทำไม่ถึงตรงจุดนี้ เลยเหมาเอาว่าคิดอะไรไม่ได้ โง่ไปเฉย ๆ แต่ความจริงไม่ใช่โง่..ฉลาดสุดยอดเลย เพราะเกินรัก โลภ โกรธ หลงไปแล้ว ไม่สามารถจะปรุงแต่งรัก โลภ โกรธ หลงได้ เพียงแต่มีอันตรายตรงที่ว่า ถ้าเราถอยออกมา รัก โลภ โกรธ หลงก็เกิดใหม่อีก ถ้าไม่ระวังจะโดนงัดหงายท้อง..!

มีทางเดียวคือพยายามรักษาประคับประคองอารมณ์สมาธิให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ พอความเคยชินที่กดกิเลสไปนาน ๆ กิเลสเกิดไม่ได้ ถ้าระยะเวลานานพอ กิเลสจะหมดไปเอง โบราณเขาว่าเหมือนเอาหินทับหญ้า ถ้าทับไปนานพอ หญ้าก็ตายเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 03:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #168  
เก่า 03-01-2013, 21:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เราจับภาพพระ ก็ทรงฌานได้ ?
ตอบ :ได้...แต่พวกเกาะตำราเขาไม่เชื่อ พวกเกาะตำราบอกว่าอนุสติทรงฌานไม่ได้ เพราะเขาทำไม่เป็น คิดว่าคาดว่าอย่างเดียว

ถาม : จับภาพพระเป็นพุทธานุสติและเป็นกสิณด้วย ?
ตอบ : เป็น....คนอื่นคิดว่าเป็นพุทธานุสติอย่างเดียว เพราะเขาทำไม่เป็น

ถาม : ธัมมานุสตินึกอย่างไร ?
ตอบ : ให้นึกถึงว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมมีลักษณะเหมือนดอกมะลิแก้วหรือดอกมะลิทองคำลอยอยู่ตรงหน้า แล้วเราจับภาพนั้น นึกถึงภาพพระพุทธรูปแล้วมีดอกมะลิลอยจากพระโอษฐ์มาทีละดอก ๆ อย่าเผลอนะ ไม่อย่างนั้นเวลาเพลิน ๆ จะหลับไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #169  
เก่า 03-01-2013, 21:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สีลานุสติทำอย่างไร ?
ตอบ : เมื่อพิจารณาศีลจนอารมณ์ใจทรงตัวแล้วให้ภาวนาต่อ เมื่อภาวนาต่ออารมณ์จะเข้าเป็นฌานได้ ถ้าจะปรับสีลานุสติเป็นกสิณอีกที เราต้องนึกถึงภาพขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าพระองค์ท่านเป็นผู้บัญญัติศีลขึ้นมา เสร็จแล้วเราก็จับภาพของพระองค์ท่านภาวนาต่อไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #170  
เก่า 03-01-2013, 21:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ฤๅษีอูคันตี ?
ตอบ : ความจริงฤๅษีอูคันตีท่านเป็นพระมาก่อน แต่พระวินัยบังคับ จะทำอะไรก็ไม่ถนัด ท่านจึงสึกจากความเป็นพระ แล้วบวชเป็นฤๅษีแทน คราวนี้จะทำอะไรที่พระวินัยห้ามก็ทำไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 04-01-2013 เมื่อ 08:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #171  
เก่า 04-01-2013, 08:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สติปัฏฐาน ๔ ต้องเป็นอานาปานสติหรือไม่ ?
ตอบ : ต้องเป็นอยู่แล้ว อย่าลืมว่ามหาสติปัฏฐานสูตร เริ่มด้วยอานาปานสติ ถ้าไม่เริ่มด้วยอานาปานสติ อารมณ์ใจจะไม่ทรงตัว กรรมฐานที่ทำก็ไม่มีผล ฯลฯ..ทีฆัง วา อัสสะสันโต ทีฆัง ฯลฯ...รัสสัง วา อัสสะสันโต รัสสัง ฯลฯ หายใจเข้ายาวก็รู้ว่าหายใจเข้ายาว หายใจเข้าสั้นก็รู้ว่าหายใจเข้าสั้น ฯลฯ

มหาสติปัฏฐานสูตรเริ่มด้วยอานาปานสติ แต่ปัจจุบันนักปฏิบัติกรรมฐานสายพองยุบของเราแกล้งลืมตรงจุดนี้ ไปจับอาการพองยุบแทน สำหรับนักปฏิบัติแรกเริ่มที่ไม่มีพื้นฐานเลยจะดี แต่ดีได้แค่พักเดียว เพราะถึงเวลาสมาธิไม่มีกำลัง กิเลสตีกลับ ก็พังเหมือนเดิม ฉะนั้น..ถ้าปฏิบัติสายพองหนอยุบหนอ ต้องทำต่อเนื่องห้ามหยุดเด็ดขาด หยุดเมื่อไรกิเลสตีตายเมื่อนั้น ต้องบอกว่าของดีมีอยู่แต่ไม่ยอมใช้

เหมือนกับว่าไปสู้กับไมค์ ไทสัน มีปืนอยู่ก็ซัดเข้าไปสิ ดันทิ้งอาวุธไปต่อยมวยก็ตายคาเวที..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 11:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #172  
เก่า 04-01-2013, 08:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "มีโยมโทรมาถามว่า สวดชัยมงคลคาถากับธรรมจักรทุกวัน แล้วเปลี่ยนมาสวดคาถาเงินล้านแทน ผลจะต่างกันหรือไม่? อาตมาก็บอกว่าต่างกัน เพราะชัยมงคลคาถากับธรรมจักร เราได้พุทธานุสติ ธัมมานุสติ ผลของการปฏิบัติก็ดีขึ้นเพราะว่าเราซักซ้อมอนุสติอยู่ทุกวัน

ส่วนคาถาเงินล้านสวดแล้วมีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ ต่างกันอยู่เห็น ๆ แต่ถ้าเราสวดแล้วเรานึกถึงพระด้วยก็ได้พุทธานุสติด้วย แต่ก็บอกให้เขาทำทั้งสองอย่าง แบ่งเวลาเอา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 11:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #173  
เก่า 04-01-2013, 08:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องตะกรุดกำลังแม่ธรณี ต้องนึกถึงยายผีป่า ยายผีป่าเอาตะกรุดกำลังแม่ธรณีไปโฆษณาว่า ตราบใดที่ตีนยังแตะพื้นอยู่ ตราบนั้นจะไม่เป็นอันตราย อาตมาเลยบอกเขาว่า เวลาคุณขับรถก็ต้องเปิดประตูเอาตีนแหย่พื้นไว้ข้างหนึ่ง..(หัวเราะ)..ดันไปสรุปอย่างนั้น สรุปแล้วมีช่องโหว่ให้เถียงได้ เขาเรียกว่าเอามะพร้าวห้าวไปขายเกาะสมุย

สมัยก่อนพื้นที่เกาะสมุยเขาปลูกมะพร้าวเป็นปกติ เวลาพ่อแม่แบ่งสมบัติให้ลูก แบ่งที่ดินให้ลูก ลูกคนไหนที่รักมากก็แบ่งที่ด้านใน ๆ ให้ ลูกคนไหนขี้เกียจก็แบ่งที่ติดทะเลไป เพราะว่าที่ติดทะเลมะพร้าวไม่ค่อยจะได้ผล เจอลมแรง เจอคลื่นบ่อย ปรากฏว่ามาระยะหลังกิจการท่องเที่ยวดีขึ้น ที่ดินติดทะเลราคาแพงหูดับเลย ที่อยู่กลาง ๆ ไม่ค่อยมีราคา ตกลงพวกขี้เกียจได้ดี ขายที่ทำรีสอร์ท ส่วนลูกคนขยันก็ทำสวนมะพร้าวต่อไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 11:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #174  
เก่า 04-01-2013, 09:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สมัยก่อนที่ไปออกรบกัน จะมีบางคนพกชายผ้าถุงแม่ไปด้วย จะมีผลหรือไม่ ?
ตอบ : มี...มีมากด้วย เสียดายปู่จอมตายไปแล้ว เพิ่งตายเมื่อ ๓ - ๔ ปีนี้เอง ปู่จอมไปรบที่เชียงตุง สมัยนั้นนอกจากหนทางทุรกันดารแล้ว โรคมาลาเรียยังมหาศาลเลย ปรากฏว่าสมเด็จพระสังฆราช (แพ) ติสสเทวมหาเถระ วัดสุทัศน์เทพวราราม ทำพระกริ่งรุ่นหนึ่ง ให้กับทหารที่ไปรบเชียงตุงโดยเฉพาะ เรียกว่าพระกริ่งเชียงตุง ให้ติดตัวไปรักษาโรค

ปู่จอมรบท่าไหนไม่รู้ ทำพระกริ่งหาย แต่มีชายผ้าถุงแม่ติดไปด้วย แกควั่นเป็นเกลียวแล้วคล้องคอไป ปรากฏว่าเพื่อน ๆ ที่ทำพระกริ่งหายเป็นมาลาเรียตั้งหลายคน แกเลยเอาชายผ้าถุงแม่มาทำน้ำมนต์กิน โรคมาลาเรียหาย ชายผ้าถุงแม่ใช้ได้ดีพอ ๆ กับพระกริ่งเลย

ความเชื่อมั่นว่าพระคุณของพ่อแม่ สามารถปกป้องคุ้มครองเราได้ โดยเฉพาะคุณของแม่ที่สละเลือดเนื้อและชีวิตให้ลูกเกิดมา ฉะนั้น..ถ้ากำลังใจเรามั่นคงจริง ๆ อย่างที่สมัยก่อนเขาออกรบ มีแค่ชายผ้าถุงแม่ก็ปลอดภัยแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 11:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #175  
เก่า 04-01-2013, 09:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ปู่จอมไปรบเชียงตุง ขาไปนั่งรถไฟ ขากลับทางรถไฟโดนทำลาย ต้องเดินกลับ สมัยก่อนใช้คำว่าเดินนับไม้หมอนกลับมา เดินก้าวไปตามทางรถไฟ น่าเบื่อไม่มีอะไรทำ ก็เดินนับหมอนรองรางรถไฟกลับมา

บ้านปู่จอมอยู่ที่พุน้ำร้อนหินดาด หลัง ๆ แกไปเที่ยวบอกญาติโยมให้มาทำบุญกับอาตมาอยู่เรื่อย ระยะหลัง ๆ ปู่จอมเขาถือศีลกินเจ ปฏิบัติภาวนา ถึงเวลาก็ไปทำบุญที่วัดใกล้ ๆ ไป ๆ มา ๆ บอกญาติโยมว่าให้ไปทำบุญกับพระอาจารย์เล็กแทน ตกลงพระแถว ๆ ใกล้บ้านไม่ได้รับการทำบุญจากปู่จอม แกชวนลูกชวนหลานมาทำบุญที่วัดท่าขนุนหมด ต้องบอกว่า พอเริ่มรู้ก็ชักจะเลือก

ถ้าเราตั้งใจถวายเป็นสังฆทาน ก็ได้อานิสงส์เท่ากัน เพราะว่าผู้รับสังฆทานเป็นแค่ตัวแทนเท่านั้น ผู้รับจะเป็นอย่างไรก็ช่าง อานิสงส์เราก็ได้เต็ม แต่ส่วนใหญ่พอรู้แล้วมักจะเลือก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 11:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #176  
เก่า 04-01-2013, 09:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม: ของที่เราแพ้แน่ ๆ เกิดจากกรรมใช่หรือเปล่าคะ ?
ตอบ: เกิดจากกรรม..เมื่อหลายปีก่อน มีหนุ่มอยู่คนหนึ่งแพ้ผู้หญิง เข้าใกล้ผู้หญิงแล้วจะอ้วก เป็นการแพ้ที่อเนจอนาถมาก

แต่แม่อยากให้เขาเรียนจบปริญญาตรีก่อน อาการหนักขึ้นทุกวัน ท้ายสุดก็ตัดสินใจเอาปัจจัยไปถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นมัดจำไว้ ว่าจะบวชหลังจากเรียนจบแล้ว อาการถึงดีขึ้น นั่นแสดงว่าโดนบังคับ ใกล้ผู้หญิงแล้วอ้วก เกิดมาเพิ่งเคยเจออยู่รายเดียว ถ้าเป็นยุคนี้ก็ต้องใกล้ทั้งผู้หญิงผู้ชายแล้วอ้วก ไม่อย่างนั้นอาจจะเบี่ยงเบนได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 11:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #177  
เก่า 04-01-2013, 09:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อสองวันก่อนตอนพาพระไปบิณฑบาต เดิน ๆ ไปก็บ่นว่า "กูจะไปทางไหนวะ..?" พระข้างหลังก็งง ๆ ว่าพระอาจารย์บ่นอะไร

ความจริงรถชนกันเอาตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วเศษกระจกแตกเต็มทางเดินเลย พระมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดินตาม ท่านไม่เห็นหรอก ดังนั้นถ้าต้องการจะเห็นก่อน
ต้องมีสติอยู่ทุกฝีก้าวเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 11:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #178  
เก่า 04-01-2013, 09:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่เราไม่พอใจกิเลส ไม่พอใจตนเอง ควรจะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรดีคะ ?
ตอบ : ถ้าแก้เฉพาะหน้านี่แก้ไม่ทันหรอก เพราะกำลังเราต่ำกว่า เราต้องรักษาสภาพจิตให้ผ่องใสเหนือกว่ากิเลสให้ได้ แปลว่าหลังจากนั้นต้องมาสั่งสมศีล สมาธิ ปัญญาให้มากกว่าไว้ ตอนนั้นไม่ทันกินหรอก ตอนนั้นแพ้แล้วแพ้เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2013 เมื่อ 11:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #179  
เก่า 04-01-2013, 09:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระไตรปิฎกบอกว่าร่างกายไม่ใช่เป็นแท่งทึบ แล้วเราเห็นร่างกายเป็นเล็ก ๆ กระจายลอย ๆ ไป ที่เราเห็นอยู่อย่างนี้ แรงยึดนี้เป็นแค่ความยึดของเราจริง ๆ ใช่ไหมคะ ?
ตอบ :จริง ๆ แล้วสภาพร่างกายที่เกาะตัวอยู่ มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลเป็นปกติ แรงยึดของเราก็คือไปยึดว่าเป็นของเราเท่านั้น

สำหรับสภาพจิตแล้ว ร่องรอยระหว่างโมเลกุลกว้างกว่าประตูอีก จิตถึงออกมาได้ทุกทิศทาง อย่างเช่นกำแพงที่เห็นว่าหนาทึบ ความจริงช่องว่างระหว่างโมเลกุลกว้างมาก แต่เนื่องจากในสภาพของความหยาบของร่างกายเรามีมากกว่า ก็เลยไม่สามารถจะเดินผ่านไปได้


ถาม : ถ้าเราคิดอย่างนั้น ?
ตอบ : ถ้าเห็นอย่างนั้นจริงเราก็สามารถเดินผ่านไปได้เลย คนอื่นก็คิดว่าเราเดินทะลุกำแพงไปได้ แค่หลักการง่าย ๆ แค่นี้เอง คือ ในสภาพของจิตที่ละเอียดกว่า ก็แค่ผ่านไปเฉย ๆ เหมือนเดินออกประตู แต่คนอื่นก็ปากอ้าตาค้างว่าทำได้อย่างไร
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-01-2013 เมื่อ 16:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #180  
เก่า 05-01-2013, 09:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,011 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "ตกลงวันนี้ฟ้ามืดเร็วใช่ไหม ? เห็นกลัววันสิ้นโลก ๒๑:๑๒:๑๒ กัน ที่เขาบอกว่าฟ้าจะมืดสามวันสามคืน วันนี้ถือเป็นวันที่ ๑ ก็แล้วกัน

ตถาคตาโพธิสัทธา คือ ความเชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านกล่าวเอาไว้ว่าอายุพระศาสนาจะอยู่ถึง ๕,๐๐๐ ปี อย่างไรก็ต้องอยู่ถึง จะสิ้นโลกอย่างไรก็ปล่อยให้สิ้นไปเถอะ ขอให้พระพุทธศาสนาอยู่ได้ก็แล้วกัน แต่คราวนี้คนต่างชาติไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ หรือที่นับถือศาสนาพุทธก็ไม่ได้ยึดมั่นอย่างแท้จริง จึงไม่เชื่อตรงจุดนี้ แต่ที่แย่กว่านั้นคือ คนไทยที่ได้ชื่อว่านับถือพระพุทธศาสนา กลับไปตื่นข่าว พอตื่นข่าวก็ลืมไปว่าพระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสถึงหลักการกาลามสูตรเอาไว้ว่า อย่าเชื่อโดยเขาลือสืบ ๆ กันมา อย่าเชื่อเพราะมีปรากฏอยู่ในตำรา เป็นต้น

เหตุการณ์ร้ายแรงต่าง ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ถึงขนาดสิ้นโลกหรอก โลกนี้ยังไม่เคยสิ้นมาสักครั้งหนึ่ง โดนไฟบรรลัยกัลป์ล้างโลก อย่างเก่งก็เป็นขี้เถ้าหายไปสัก ๑๐ - ๒๐ กว่ากิโลเมตร พอมีต้นไม้ขึ้นมาก็ทับถมกันใหม่แล้วก็หนาขึ้นมาเท่าเดิม เกิดมีมนุษย์และสัตว์แล้วก็อยู่อาศัยกันต่อไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-01-2013 เมื่อ 11:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:16



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว