กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #141  
เก่า 30-12-2012, 17:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมฟังบทคาถาชินบัญชรที่เขานำมาทำเป็นเพลง แล้วกำหนดมโนมยิทธิไปด้วย แจ่มใสมากเลย จริง ๆ วิธีนี้ควรไหมครับ ?
ตอบ : ควร..สำหรับคนหัดใหม่ ๆ ต้องอย่างนั้นไปก่อน ถ้าไม่มีขนมมาล่อก็ไม่อยากทำ ในเมื่อเราเป็นเด็กหัดใหม่ก็ให้ทำไปก่อน

ถาม : ถ้าผมเอาไปเผยแพร่ ทำแผ่นไปแจกนี้เป็นธรรมทานไหมครับ ?
ตอบ : เป็น...ถือเป็นธรรมทานอย่างหนึ่ง ระวังเรื่องลิขสิทธิ์เอาไว้ด้วย

ถาม : แล้วถ้าทำไปเรื่อย ๆ เราจะไปติดตรงนี้ไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าเราไม่มีพัฒนาการก็จะติดอยู่แค่ตรงนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2012 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #142  
เก่า 30-12-2012, 17:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตัว “สุข” ในโพชฌงค์ เป็นสุขที่มีอามิสไหมครับ ?
ตอบ : สิ่งใดก็ตามถ้ายังมีเครื่องยึดโยงอยู่ สิ่งนั้นเป็นอามิส ถ้าปราศจากเครื่องยึดโยงก็ไม่มีอามิส อย่างเช่น สภาพจิตของเราที่ปล่อยวางจากการยึดเกาะสิ่งต่าง ๆ ถ้าปล่อยวางได้จริง ๆ ความเบาความสบายจะสุขจนบอกไม่ถูก นั่นเป็นสุขที่ไม่มีอามิส

แต่ถ้าเป็นสุขที่เกิดจากการกระตุ้นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ พวกนี้ยังมีอามิสอยู่ เพราะฉะนั้น...ในเรื่องของสมาธิก็ต้องบอกว่า ถ้ายังมีสมาธิเป็นเครื่องยึดโยงก็ถือว่ายังมีอามิสอยู่


ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : อากิญจัญญายตนฌานยังต้องอาศัยกำลังสมาธิอยู่ ถ้าไม่มีกำลังสมาธิจะไม่สามารถกดกำลังใจให้นิ่งสนิทอย่างนั้นได้ ตัวปล่อยวางจริง ๆ นั้น ถึงคุณไม่ใช้สมาธิแต่สภาพจิตยอมรับแล้ว อากิญจัญญายตนฌานเหมือนอย่างกับแชมป์เปี้ยนยกน้ำหนักโอลิมปิก ให้มาถือข้าวสาร ๕ กิโลกรัมนี่สบายมาก ไม่รู้สึกหนักหรอก เหมือนกับไม่มีอะไรเลย

แต่สำหรับคนที่เขาถึงในส่วนของการปล่อยวางจริง ๆ แม้แต่ข้าวสารถุงนั้นก็ไม่เอาด้วย ต่อให้เขาไม่แข็งแรง แต่เขาไม่จำเป็นต้องไปแบกอะไรนี่..ปล่อยไปหมดแล้ว


ถาม : ปีติและปัสสัทธิในสัมโพชฌงค์เกิดแล้วสืบเนื่องมาเป็นปัญญา ?
ตอบ : เมื่อเข้าถึงอารมณ์แล้วจะเห็นว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนนั้นเป็นจริง ก็เลยไม่ท้อถอย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพากเพียรไปให้ถึง จึงเป็นเครื่องช่วยในการตรัสรู้

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : พูดถึงว่าเกิดก่อนก็ได้ พอเกิดแล้วก็เข้าใจว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเป็นจริงอย่างนี้ ในเมื่อรู้ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนเป็นจริงอย่างนี้เอง ส่วนที่นอกเหนือกว่านี้ก็ต้องพากเพียรทำให้ถึง ก็เท่ากับว่าปีติหรือปัสสัทธิเป็นตัวเสริมให้เราเข้าถึงพระนิพพานได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2012 เมื่อ 02:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #143  
เก่า 30-12-2012, 17:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เตโชกสิณจะมีผลกับคนที่ปฏิบัติให้ตัวร้อนหรือเป็นอันตรายหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่เกี่ยวกัน เพราะว่าถ้าทำได้จริงเราจะควบคุมได้ทุกอย่าง จะให้อยู่ส่วนไหนก็ได้ ต้องการให้ลุกท่วมร่างกายของเรา ถ้าอธิษฐานไว้ว่าไม่ให้ทำอันตรายกับเสื้อผ้าเผ้าผมผิวหนัง เราก็ไม่เป็นอะไร เพราะเราสั่งได้ทุกอย่าง

ถาม : ถ้าเราอธิษฐานขอให้ขับไล่สิ่งอาถรรพ์ในร่างกายออกไปได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ได้...สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเอาไปไล่เผาพวกเจ้ากรรมนายเวรเสียด้วยซ้ำไป คือเจ้ากรรมนายเวรมาเข้าแถวคอยทวง หลวงพ่อท่านโดนทวงจนเบื่อเต็มทีแล้ว ท่านจึงอธิษฐานเตโชธาตุเผาพวกนั้นจนเกลี้ยงเลย ก็คิดว่าสบายแล้ว..ต่อไปจะได้ไม่มาทวง

ปรากฏว่าพระท่านหัวเราะ ท่านบอกว่า “ไอ้ที่คุณเผาไปนั้นเป็นแค่รูป แค่ในส่วนของนามยังอยู่ เขาก็ทวงได้อยู่ดี” สรุปว่าทำไปก็เสียเวลาเปล่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2012 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #144  
เก่า 30-12-2012, 17:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : น้ำปานะที่เขาบอกว่าจะต้องทำให้สุกด้วยแสงอาทิตย์ ?
ตอบ : ไม่ใช่...เขาบอกว่าทำให้สุกแล้วไม่ควร คือน้ำปานะส่วนใหญ่จะคั้นจากผลไม้ ถ้าเราเอาไปต้มสุกพวกสารอาหารต่าง ๆ จะสลายไปหมด จึงมีท่านที่เข้าใจว่าในเมื่อเราไม่ต้ม ก็แปลว่าใช้ได้ เขาก็เลยเอาไปตากแดดแทน แต่ความจริงไม่ต้องหรอก เขาให้สด ๆ เลย ต้มไม่ได้ ท่านบอกแล้วว่าทำให้สุกไม่ควร

ถาม : ก็เก็บไว้ได้ไม่นานสิครับ
ตอบ : ก็ท่านไม่ได้ให้เก็บ อย่าลืมว่าปานะเป็นยาวกาลิก ถ้าเลยเที่ยงแล้วเราก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะฉันแล้ว แล้วจะไปเก็บทำไม ? ถ้าให้ลูกศิษย์เก็บแล้วไม่เอามาประเคนก็อดอยู่ดี สรุปแล้วทำอย่างอาตมาสบายที่สุด น้ำเปล่าไม่จำกัดเวลา แม้กระทั่งนอนไปแล้วก็ยังได้ เพราะท่านบอกแล้วว่าเว้นน้ำเปล่ากับไม้สีฟัน ไม่อย่างนั้นแล้วแปรงฟันไม่ได้ ตื่นขึ้นมากลางดึกจะทำกรรมฐานก็ล้างหน้าแปรงฟัน เสร็จสรรพเรียบร้อยก็ดื่มน้ำสักแก้วใหญ่ ๆ นั่งกรรมฐานไป อีก ๒ ชั่วโมงก็วิ่งฉี่แทบไม่ทัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2012 เมื่อ 02:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #145  
เก่า 30-12-2012, 17:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาถึงฌานสี่ที่เขาบอกว่าไม่มีลมหายใจ แต่ผมรู้สึกว่ายังมี ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วถ้าจะรู้เราก็สามารถรู้ได้ แต่ความละเอียดของเกินกว่าเครื่องมือวิทยาศาสตร์จะตรวจได้ เป็นลมที่ละเอียดมาก ๆ เหมือนอย่างกับเส้นเอ็นใส ๆ เล็กนิดเดียวเท่านั้น เส้นนี้ถ้าขาดก็ตายเลย แต่ด้วยความที่จิตละเอียดมากจึงจับได้ อย่างไรก็ไม่ขาด

ถาม : เขาบอกว่าเวลาถอดจิตไปจะมีสายใยเชื่อมกับร่างกายอยู่ ?
ตอบ : อันนั้นจริง ๆ ต้องบอกว่าสายแห่งความเป็นห่วง ที่ยังยึดอยู่ ยังห่วงใยร่างกายอยู่

ถาม : ถ้าไม่ห่วงใยร่างกายก็ไม่มี ?
ตอบ : ก็ตัดไปเลย เดี๋ยวจะเหมือนกับท่านลุค ท่านลุคเป็นฝรั่งไปบวชอยู่วัดท่าขนุน ท่านไปแล้วไม่ยอมกลับ ข้างบนก็เลยบรรจงถีบลงมา..!

ถาม : โดนถีบแล้วเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : เขาถีบก็อยู่ไม่ได้..ต้องกลับ โครมเดียวมารู้สึกตัวที่ข้างล่าง พอเห็นว่าร่างกายไม่ได้เรื่องก็ไม่อยากกลับ ข้างบนเขาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา..ให้ลงไปก่อน ท่านไม่ยอมลง ในเมื่อไม่ยอมลงเขาก็ต้องบรรจงถีบให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2012 เมื่อ 10:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #146  
เก่า 30-12-2012, 18:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "เสี่ยตือเคยไปดูเขาตามประทีปเป็นพุทธบูชาที่วัดท่าขนุนสักครั้งแล้วหรือยัง ? ลองไปดูสักทีสิ เผื่ออาการของผู้ปรารถนาพระโพธิญาณจะกำเริบแล้วทำให้ดีกว่านั้น

ครั้งนี้เขาตะกายขึ้นไปประดับจนถึงครึ่งพระเจดีย์แล้ว อาตมาบอกว่าฝากหน่อย ช่วยขึ้นไปตามประทีปบนยอดฉัตรนั้นดวงหนึ่ง แต่ไม่มีใครทำให้ ปีก่อนตอนซ่อมพระเจดีย์ทาสีใหม่ เขาทำนั่งร้านขึ้นไป พอไปยืนสูงกว่ายอดตาลข้างศาลาอีก ถ้าไม่ใช่คนไม่กลัวตายอย่างไรก็ต้องเสียว เพราะถ่ายรูปลงมาเป็นภาพถ่ายทางอากาศหมดเลย เพิ่งจะรู้ว่าต้นตาล ๒ ต้นของวัดสูงขนาดนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-12-2012 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #147  
เก่า 02-01-2013, 08:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเคยนั่งเฉย ๆ แล้วนึกปัญหาธรรมให้ท่านตอบ จริง ๆ แล้วนึกอย่างนี้คำตอบที่ได้จะถูกไหมครับ ?
ตอบ : เอาไปพิสูจน์..ถ้าพิสูจน์แล้วถูกก็ถูก ถ้าพิสูจน์แล้วไม่ถูกก็แปลว่ามั่วเอง..!

ถาม : ทำอย่างไรเราถึงจะมั่นใจได้ครับว่าสิ่งที่เรารู้มาถูก ?
ตอบ : ก็บอกแล้วว่าให้พิสูจน์ พอเราพิสูจน์ทุกครั้งแล้วเป็นไปตามนั้นทุกครั้ง ถ้าวางกำลังใจอย่างนั้นได้อีกก็จะถูกอีก

ถาม : แต่ผมใช้วิธีนี้แล้วรู้สึกดีมากเลยครับ เหมือนกับตัวหายไปแล้วใจเย็นบอกไม่ถูก ?
ตอบ : ควรจะทำไว้ เพราะถึงจะไม่ได้อะไรแต่ความเป็นกีฬาสมาธิยังคงอยู่ ขณะที่เราทรงสมาธิอยู่ รัก โลภ โกรธ หลงก็เข้ามากินไม่ได้ ในเมื่อไม่มีกิเลสมาให้แบกเราก็ไม่หนัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 18:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #148  
เก่า 02-01-2013, 08:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราทำอภิญญาให้คล่อง แล้วได้ยินเสียงที่ไพเราะ เขาบอกว่าเสื่อมได้ เสื่อมได้จริงหรือครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ว่ามีสติไหม ? ถ้าสติสัมปชัญญะทรงตัวก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าสติสัมปชัญญะไม่ทรงตัว เผลอปรุงแต่งเมื่อไรก็เจ๊งเลย เพราะว่าทันทีที่ปรุงแต่งก็แปลว่าจิตหลุดออกจากฌาน ก็จบแค่นั้นแหละ ถึงเหาะอยู่ก็ร่วงเดี๋ยวนั้น..!

ถาม : ไม่ใช่ค่อย ๆ เหาะลงหรือครับ ?
ตอบ : ในเมื่อเสื่อมแล้วจะไปบังคับได้อย่างไร ? แบบเดียวกับฤๅษีที่เหาะผ่านสวนอุทยานของพระราชา ไปเจอบรรดานางสนมกำลังเล่นน้ำอยู่ก็ตกพลั่กเลย..!

อย่างป่าอิสิปตนะ อิสิก็คือฤๅษี ปตนะคือในความตก อิสิปตนมฤคทายวัน ก็คือป่าสวนกวางที่ฤๅษีตก คาดว่าตรงนั้นในอดีตน่าจะเป็นที่ตั้งของเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พวกฤๅษีพอเหาะผ่านเทวดาเขาไม่ยอมเขาจึงสอยลงมาหมด..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #149  
เก่า 02-01-2013, 08:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระท่านเปล่งฉัพพรรณรังสีอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : สามารถทำได้ตลอดเวลาหรือเฉพาะกิจก็ได้ ฉะนั้น..ต้องดูว่าท่านจะสงเคราะห์อย่างไร ปกติแล้วเหมือนอย่างกับเราไปเชื่อมกระแส ถ้าเรานึกถึงเมื่อไรพระองค์ท่านก็ส่งมาให้ เพราะฉะนั้น..รีบ ๆ ต่อสายเชื่อมไว้ อย่าปล่อยให้หลุด

ถาม : ยากครับ ทำไปเดี๋ยวก็มีเรื่องมาทำให้ลืม ?
ตอบ : รู้ตัวก็เริ่มทำใหม่ ลืมพระไม่อันตรายเท่าไรหรอก ถ้าลืมลูกลืมเมียนี่ถึงตาย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #150  
เก่า 02-01-2013, 08:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทรงฌานหนึ่งนี่ยังพูดคุยได้ไหมครับ ?
ตอบ : ฌานไหนก็คุยได้ถ้าเป็นฌานใช้งาน คนที่ทำได้เขาใช้กันจนเป็นปกติอยู่แล้ว ต้องอาศัยเจโตปริยญาณไปดูกำลังใจท่านทั้งหลายเหล่านั้น เราจะเห็นว่าสภาพจิตของท่านทรงอยู่ในระดับไหน ไม่ดูตรงจุดนี้ก็ได้แต่ต้องทำให้ถึงเอง ถ้าทำให้ถึงเองก็จะยืนยันว่าคุยได้หรือไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #151  
เก่า 02-01-2013, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมได้เช่าวัตถุมงคลที่เขาลงหนังสือพระว่ายิงไม่ออก ก่อนเช่าผมก็ถามว่าทดลองแล้วหรือยัง ? เขาตอบว่าทดสอบหมดแล้ว ผมเช่าแล้วทำการทดสอบปรากฏว่ายิงออกทุกนัด วัตถุมงคลพังเสียหายหมด ปัจจุบันผมไม่อยากทดสอบแล้ว แต่มาสะสมวัตถุมงคลของพระเกจิอาจารย์ที่ท่านมรณภาพแล้วไม่เน่าหรือกลายเป็นพระธาตุ เลยคิดว่าท่านปฏิบัติแล้วพิสูจน์ให้เห็นว่าท่านได้จริง ผมอยากทราบความเห็นของท่านว่าการทดสอบวัตถุมงคลและประสบการณ์ของท่าน มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้และพระเกจิอาจารย์ที่ศพไม่เน่าอย่างไรครับ ?

ตอบ : ขอบอกว่าสะสมแบบนี้ก็เจ๊งเหมือนเดิม..! วัตถุมงคลเหมือนกับเครื่องส่ง จะส่งพลังงานอยู่ตลอดเวลา ใจของเราที่เป็นเครื่องรับต้องเปิดรับด้วยความเคารพ พลังงานนั้นถึงจะก่อให้เกิดผล การที่เราทดสอบแปลว่าขาดความเชื่อมั่น ขาดความเคารพ มีเท่าไรก็พังหมด..!

ลำดับต่อมาก็คือพระเกจิอาจารย์หลายต่อหลายรูป แม้กระทั่งหลวงพ่อวัดท่าซุงเอง ท่านบอกว่าท่านทำวัตถุมงคลให้คงกระพันไม่ได้ เพราะลูกศิษย์ของท่านแต่ละคนแสบมาก ถ้าทำวัตถุมงคลพวกหนังเหนียวออกมามีหวังไปเป็นโจรกันหมด สายของหลวงพ่อฤๅษีท่านจึงเน้นในเรื่องลาภเป็นหลัก ส่วนอื่นถือว่าเป็นของแถมเท่านั้น

ส่วนในเรื่องของพระเกจิอาจารย์ที่มรณภาพแล้วไม่เน่าไม่สามารถยืนยันผลการปฏิบัติได้ เพราะว่าการที่ศพไม่เน่านั้นเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน ประการแรกคือท่านอธิษฐานทิ้งเอาไว้ให้ ประการที่สอง คือ กินว่านยาบางอย่างซึ่งรักษาสภาพร่างกายไว้ได้ ประการที่สาม คือ เสกข้าวกินด้วยคาถาบางอย่างเป็นประจำ ตายไปก็ไม่เน่าเหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าคุณทำอย่างนี้ก็คงเหมือนเดิม คือเสียของเปล่า

ถ้าใครอยากตายแล้วศพไม่เน่าให้ทำตั้งแต่วันนี้ ก็คือก่อนกินข้าวให้เสกด้วยพระอภิธรรม ๗ บท อันนี้หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าพระสั่งให้ท่านทำเอง เพื่อรักษาสภาพสังขารร่างกายไว้ให้ลูกหลาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #152  
เก่า 02-01-2013, 09:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คาถาว่าอย่างไรครับ ?
ตอบ กุสลา ธัมมาฯ ไปยันจบนั่นแหละ ถ้าใช้คำย่อถือว่าขี้เกียจเกินไป

ถาม : แล้วท่านจะทำไหมครับ ?
ตอบ : ไม่รู้จะสวดไปทำไม เพราะตั้งใจแล้วว่าสามวันจะให้เน่าเละเลย ไม่อย่างนั้นแล้วคนจะยึดแต่ร่างกาย ไม่ใช่แต่เน่าเละเฉย ๆ นะ กระดูกก็จะให้ผุด้วย ไม่ให้เหลืออะไรเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #153  
เก่า 02-01-2013, 09:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่บอกว่า ช่วงพรรษาแล้วพญานาคท่านจำศีลเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ก็แค่ตั้งใจนอนเท่านั้นเอง ลักษณะที่เรียกว่าจำศีล อย่าลืมว่าเขาทรงฌานนะ อาการจำศีลเป็นการทรงฌานอย่างหนึ่ง ถ้าไม่ได้ระยะเวลาที่ต้องการเขาก็ไม่ตื่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #154  
เก่า 02-01-2013, 09:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อตอนที่รับสังฆทานอยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์ใหม่ ๆ มีอาเสี่ยชินวัตรท่านหนึ่งปวารณาไว้ว่า ให้ก่อสร้างได้ตามสบาย สิ้นปีเคลียร์หนี้ให้ทุกอย่าง นาน ๆ เขาก็แวะมาเยี่ยมที วันนั้นแกมาแล้วก็บ่น “หลวงพี่มาไม่โทรบอกผมเลย จะได้มีโอกาสทำบุญ หลวงพี่ขาดเงินเท่าไรครับ ?”

อาตมาบอกไปว่า “ขาดเท่าไร เอ็งไม่ต้องสนใจหรอก เอ็งมีในกระเป๋าเท่าไรเอามาแค่นั้นก็พอ” เขาเทกระเป๋ามาให้ มีอยู่สี่แสนกว่าบาท ขอคืนเป็นค่าน้ำมันไปสองพัน เขาบอกว่าเพิ่งไปจ่ายค่าแรงคนงานมา ไม่อย่างนั้นจะเหลือเยอะกว่านี้

บุคคลผู้นี้บูชาบูชาพระสมเด็จคำข้าวกับสมเด็จหางหมากวัดท่าซุงอย่างละแสน ๆ บาทเลย พระหลวงปู่ปานวัดบางนมโคที่ประกวดได้ที่ ๑ เขาไปตามเก็บมาในราคาสองแสนบาท ตั้งแต่นั้นมาราคาพระหลวงปู่ปานพุ่งกระฉูดเลย เขาเป็นคนแรก ๆ ที่ทุ่มขนาดนั้น มีอยู่หลายสิบองค์ เลี่ยมทองทั้งนั้น เขาถามว่าหลวงพี่อยากได้องค์ไหนขอได้เลยผมจะให้ อาตมาบอกว่าไม่ชอบขอ และก็มีแล้วด้วย ไม่ได้ตื่นเต้น พระหลวงปู่ปานนี่ได้มาเยอะ แต่ว่าท่านก็ไปของท่านเรื่อย ไม่ค่อยจะอยู่ด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #155  
เก่า 02-01-2013, 09:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default


พระอาจารย์กล่าวว่า "รูปนี่แหละ เป็นรูปที่อาตมาใช้เพ่งกสิณอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ พอมาฝึกมโนมยิทธิพระองค์ท่านยืนได้ถึงได้เชื่อ จากนั่งกลายเป็นยืน อธิษฐานขอว่าถ้าพระองค์ท่านเสด็จมาโปรดจริง ขอให้ประทับยืน พระองค์ท่านก็ประทับยืนขึ้นเฉยเลย ตอนนั้นรู้สึกพองทั้งตัวเหมือนจะลอย ไม่นึกว่าจะมีโอกาสเห็นอย่างนั้น"

ถาม : ชัดเหมือนตาเห็นเลยหรือครับ ?
ตอบ : บอกไม่ถูก ตอนนั้นรู้สึกว่าชัดจริง ๆ บรรยายได้ทุกอย่างเลย แต่ถ้าถามตอนนี้ว่าชัดเหมือนตาเห็นหรือเปล่าก็บอกไม่ได้ คืออะไรที่รู้แล้วจะยุ่ง ถ้าไม่รู้จะชัดมากเลย เพราะฉะนั้น..ฝึกแบบโง่ ๆ จะดีที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #156  
เก่า 02-01-2013, 09:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พวกใช้สมาธิทำวิชาไสยศาสตร์ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วไม่ต้องมากหรอก แค่อุปจารสมาธิปลาย ๆ ก็เกิดผลแล้ว แต่ถ้าระดับตะปูเข้าท้องนั้นต้องทรงฌานได้ พวกนี้พอทำแล้วสมาธิจะเสื่อม เนื่องจากว่าเป็นโลกียฌาน พอรวบรวมความมั่นใจได้ใหม่ก็ทำได้อีก สมาธิเขาก็เลยประเภทไป ๆ มา ๆ เสื่อม ๆ หาย ๆ

ถาม : แล้วเป็นการละเมิดศีล ?
ตอบ : ตอนที่เขาทำไม่ได้ทำผิดศีลอะไร ตอนที่เขาทำอยู่กำลังใจทรงตัวเพราะว่าความชำนาญที่เป็นวสี แค่ตั้งใจก็เป็นแล้ว แต่พอทำแล้วโทษที่เกิดขึ้นสมาธิก็เสื่อม พอสร้างความมั่นใจขึ้นมาใหม่ก็ทรงได้อีก ท่านทั้งหลายเหล่านี้เวลาตายมักจะเป็นมหิทธิกาเปรต

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : เขาแปลงวัตถุเป็นพลังงาน เมื่อแปลงวัตถุเป็นพลังงานเสร็จแล้วตั้งใจให้ไปไหนก็แค่คิดให้ไปตรงนั้น เรื่องนี้วิทยาศาสตร์เขาจะไม่แปลกใจ เพราะเขายืนยันว่าแกนกลางของวัตถุทุกชนิดเป็นพลังงาน พอเข้าไปอยู่ในร่างกายของคนอื่นก็คืนสภาพเป็นวัตถุตามเดิม คราวนี้ก็เป็นเรื่อง

ถาม : แล้วการถอนของต้องใช้กำลังระดับไหนครับ ?
ตอบ : ถ้าทรงฌานได้ยิ่งดี แต่ต้องรู้วิธีดึงมาอยู่ที่จุดเดียวแล้วก็บังคับให้ออกมา สมัยก่อนอาจารย์โสมทัต เป็นฆราวาสที่ถอนของพวกนี้เก่งมากเลย เวลา อ.โสมทัตเรียกของพวกนี้ออกมานี่ จะโผล่มาเห็น ๆ ให้เขาใช้คีมดึงแล้วกระชากออกมาเลย ท่านอยากให้คนเขารู้ว่าเป็นของจริง คนไหนขี้สงสัยท่านจะส่งคีมให้เขาหนีบดึงออกมากับมือเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #157  
เก่า 02-01-2013, 09:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นิมิตก่อนตาย ?
ตอบ : ดูว่ากรรมนิมิตเป็นอย่างไร ถ้าเห็นไฟลุกท่วมฟ้าก็ไปนรกแน่ ๆ ถ้าเห็นดินแดนรกร้างแห้งแล้งก็ไปเป็นเปรตเป็นอสุรกาย ถ้าเห็นป่าไปเป็นสัตว์เดียรัจฉาน ถ้าเห็นชิ้นเนื้อก็มักจะไปเกิดเป็นคน ถ้าเห็นเทวดาอยู่หน้า พรหมอยู่กลาง พระอยู่หลังก็ไปเกิดเป็นเทวดา

ถ้าเห็นพรหมอยู่หน้า เทวดาอยู่กลาง พระอยู่หลัง ก็ไปเกิดเป็นพรหม ถ้าเห็นพระอยู่หน้า ไม่ต้องสนใจอะไรแล้ว ตามท่านไปเลย


ถาม : แล้วโดนหลอกได้ไหมครับ ?
ตอบ : เป็นนิมิตก่อนตาย หลอกกันไม่ได้หรอก เป็นสภาพจิต สภาพกรรม สภาพบุญที่แท้จริงที่เราทำมา เหมือนอย่างกับเปิดช่องให้รู้ว่าเราจะไปไหน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #158  
เก่า 02-01-2013, 09:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ก่อนพระพุทธเจ้าท่านปรินิพพาน พระองค์ท่านแสดงการเข้าสมาบัติระดับต่าง ๆ ?
ตอบ : พระองค์ท่านไม่ได้แสดง เป็นการกระทำที่เป็นปกติ แต่พระอนุรุทธท่านทราบแล้วบอกคนอื่น คนอื่นเขาสงสัยว่าทำไมพระพุทธเจ้าเงียบไป ปรินิพพานแล้วหรือยัง พระอนุรุทธจึงต้องแจ้งให้ทราบเป็นระยะว่าตอนนี้พระพุทธเจ้าอยู่ในสมาธิระดับไหน แค่บอกให้คนอื่นรู้จะได้หายกังวลแค่นั้น

ถาม : เพื่อประโยชน์อะไรครับ ?
ตอบ : จะไปพระนิพพานเขาก็ทำอย่างนั้นทุกคน

ถาม : อย่างนั้นเป็นเพราะพุทธานุภาพหรือเพราะความสามารถของพระอนุรุทธครับ ?
ตอบ : ความสามารถของพระอนุรุทธ

ถาม : แล้วคนที่ไม่ได้ฌานสูงละครับ ?
ตอบ : ไม่ได้ฌานสูงก็ไปพระนิพพานไม่ได้ เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ว่าไม่ได้ฌานสูงไปพระนิพพานไม่ได้อย่างเดียว ไม่ได้ฌานสูงก็ตัดกิเลสระดับสูงไม่ได้ด้วย แล้วจะไปอย่างไร ?

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ต่ำสุดต้องฌานสี่คล่องตัวถึงจะไปได้ โดยเฉพาะการตัดกิเลสในระดับของพระอนาคามีและพระอรหันต์ ถ้ากำลังไม่ถึงฌานสี่ตัดไม่ได้หรอก
เพราะฉะนั้น..ต่อให้เป็นพระอรหันต์สุกขวิปัสสโกท่านก็ทรงฌานสี่เป็นปกติ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #159  
เก่า 02-01-2013, 09:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : อย่างที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสอนชาวบ้านทั่ว ๆไป ให้คิดตัดร่างกายช่วงตื่นใหม่ ๆ กับก่อนหลับ แล้วท่านบอกว่าคนเหล่านั้นไปพระนิพพานได้ นั่นไปได้อย่างไรคะ ?
ตอบ : ถ้าทรงฌานไม่ได้ก็ไปไม่ได้สักคน การจะตัดกิเลสระดับอนาคามีหรืออรหันต์ต้องได้เท่าฌานสี่ ถ้าไม่ได้ก็ตัดกิเลสไม่ไหว แต่คราวนี้สายสุกขวิปัสสโกบางทีทรงฌานได้ไม่รู้ตัว คือตัวเองพิจารณาธรรมไปเรื่อย ๆ แล้วก็ตัดกิเลสได้ แต่ความจริงตอนพิจารณาธรรมจิตจะนิ่งดิ่งลึกไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นฌานในระดับนั้นถึงจะตัดได้ แปลว่าท่านทรงฌานได้แต่บางท่านก็ไม่รู้ว่าตัวเองทรงฌานได้ บางทีกว่าจะรู้ก็ทรงฌานซะเต็ม ๆ แล้ว ตัดกิเลสไปแล้วยังไม่รู้เลย

คราวนี้บุคคลที่จะไปพระนิพพาน ไม่จำเป็นที่จะต้องรู้เห็นพระนิพพานในลักษณะของมโนมยิทธิหรือในลักษณะทิพจักขุญาณของอภิญญา หรือว่าไปทั้งตัวแบบอภิญญาใหญ่ บุคคลที่ทำถึงกระแสพระนิพพาน ความสงบเย็นจากการปราศจากกิเลสจะบ่งชัดอยู่ในใจตนเอง ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถึงได้รู้ว่านิพพานมีจริง พูดง่าย ๆ แล้วคือสำหรับท่านแล้ว ไม่ว่าตรงไหนก็คือนิพพาน กิเลสหมดแล้วนี่ ถ้ากิเลสไม่หมดก็ยังเลือกอยู่ ถ้ากิเลสหมดแล้วตรงไหนก็นิพพาน เพราะฉะนั้นท่านมั่นใจว่าตรงไหนก็นิพพาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #160  
เก่า 02-01-2013, 09:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,488
ได้ให้อนุโมทนา: 151,147
ได้รับอนุโมทนา 4,405,186 ครั้ง ใน 34,077 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนวิชาลูกเสือจะยากตรงการยังชีพในป่า โดยเฉพาะการก่อไฟให้ใช้ไม้ขีดไม่เกิน ๓ ก้าน สมัยนี้มีไฟแช็กแก๊ส เขาไม่กลัวกันหรอก

สมัยนั้นเขาบังคับใช้ไม้ขีดไม่เกิน ๓ ก้าน แล้วต้องหาวิธีก่อไฟแบบอื่น วิธีก่อไฟที่ง่าย ๆ เลยก็คือเอาไม้สีกันอย่างหนึ่ง กับใช้เชือกทำลักษณะเป็นคันธนูแล้วก็ปั่น แต่ต้องปั่นเป็น อย่างไม้ที่สีกันนั้นจริง ๆ ไม่ใช่สีหรอก เป็นการถูแล้วอัดแรง ๆ ประมาณ ๒๐ วินาทีไฟก็ติดแล้ว แต่ต้องรู้วิธี รู้มุมรู้เหลี่ยม

อันดับแรกต้องเอาไม้ไผ่แห้งที่ไม่อ่อนและไม่แก่เกินไป เอามาขูดให้เป็นขุยให้ได้ขยุ้มใหญ่ ๆ แล้วเอาไม้ไผ่อีกซีกหนึ่งมาเฉาะให้เป็นรูเพื่อให้อากาศเข้าได้ แล้วเอาไปคร่อมไว้กับขุยไผ่กองนั้น แล้วเหลาไม้ไผ่อีกชิ้นหนึ่งให้เป็นเหลี่ยมค่อนข้างคม อย่าเหลาให้ลื่น เหลาให้ลื่นแล้วจะถูไม่เป็นไฟ เมื่อได้เหลี่ยมที่เหมาะได้เอามาถู ต้องทั้งแรงและเร็ว ขอยืนยันว่าไม่เกิน ๒๐ วินาทีจะเกิดสะเก็ดไฟไปติดอยู่กับขุยไผ่ที่เราขูดไว้ ให้รีบเป่า ก็จะติดเป็นเปลว ถ้าทำไม่เป็น ถูให้ตายก็ไม่ติด"


ถาม : ทำไมไม่ใช้เตโชกสิณเลยล่ะครับ ?
ตอบ : มักง่ายเกินไป กว่าจะฝึกได้มีหวังอดตายก่อน..! อาตมาเสียเวลาฝึกอยู่ตั้งหลายเดือน ฝึกจนหลังคามุ้งดำเลย ที่บ้านมีแต่ตะเกียงกระป๋อง อาตมาจะจุดตะเกียงกระป๋องไว้ในมุ้ง ถ้าแม่รู้นี่โดนตบหัวทิ่มเพราะเปลือง ก็ต้องทำเป็นขยัน ถือหนังสือไว้ด้วย แม่เขาคิดว่าอ่านหนังสือ แต่ความจริงเปล่าหรอก...กำลังเพ่งกสิณ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-01-2013 เมื่อ 09:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 03:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว