กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 13-08-2011, 09:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ลักษณะที่เหมือนกับบัวสามเหล่า ส่วนหนึ่งกระทบแสงแดดก็บานเลย อีกส่วนหนึ่งอยู่กลางน้ำ รอเวลาที่จะขึ้นมาบานต่อไป ส่วนที่เหลือจมอยู่ใต้โคลน จะตกเป็นอาหารของเต่าและปลาเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่พอพระองค์ตรัสถึงบุคคลสี่เหล่า เราก็เอาไปเปรียบเป็นบัวสี่เหล่า ความจริงท่านมีบัวพ้นน้ำ บัวกลางน้ำ และบัวใต้น้ำ

เขาลืมธรรมชาติของคนไป ว่าในแต่ละระดับความต้องการไม่เหมือนกัน จะไปบังคับคนให้กินอาหารรสเดียวไม่ได้ เราจะไปบอกว่าหลักสูตรการศึกษาปริญญาเอกสูงสุด ดีที่สุด ให้เรียนปริญญาเอกไปเลย เด็กยังไม่ได้เริ่มเขียน ก.ไก่เลย แล้วจะไปเรียนอย่างไร ?

จึงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจว่า ส่วนใหญ่แล้วมักจะหยิบไปเฉพาะมุมใดมุมหนึ่งหรือส่วนใดส่วนหนึ่งในคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามา แล้วก็ไปยึดมั่นว่าตรงนั้นดีที่สุด

สมัยก่อนพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงจึงได้บอกพวกอาตมาว่า "พวกแกควรจะศึกษากรรมฐาน ๔๐ ให้ครบ พอไปเจอคนอื่นปฏิบัติในลักษณะอื่น ๆ จะได้รู้ว่าอยู่ตรงส่วนไหนของกรรมฐาน ๔๐ แล้วจะได้ไม่ต้องแสดงความโง่ด้วยการไปค้านเขา..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-08-2011 เมื่อ 09:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 14-08-2011, 09:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าเรื่อง "วังหน้า" ให้ฟังว่า "วังหน้าของเราหมดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ แล้ว การแต่งตั้งวังหน้าและวังหลังอยู่ในลักษณะของการระมัดระวังป้องกันวังหลวงนั่นเอง จะต้องแต่งตั้งบุคคลที่ไว้วางใจได้ให้ไปทำหน้าที่นั้น ๆ แต่มักจะมีปัญหาก็คือ พออยู่ไปแล้ว ลูกน้องยกยอปอปั้นไปเรื่อย ก็มักจะคิดว่าท่านควรจะได้เป็นวังหลวงมากกว่า

ท่านที่มีสติสัมปชัญญะ รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ก็เฉย ๆ แต่บังเอิญว่า อันเสาหินแปดศอกตอกเป็นหลัก พอคนผลักบ่อยเข้าเสายังไหว เมื่อเป็นดังนั้น..ก็มีหลายท่านที่ก่อการกบฏขึ้นมา

อีกส่วนหนึ่งก็คือ ท่านไม่ได้คิดจะก่อการกบฏ แต่ผู้ไม่หวังดีไปเพ็ดทูลอยู่เนือง ๆ คำว่า "เพ็ดทูล" สมัยนี้หนังสือลงเป็น "เท็จทูล" กันหมด ทุเรศจริง ๆ ไม่รู้รากศัพท์แล้วยังเสือกทะลึ่งเขียน..!

ในเมื่อเพ็ดทูลเข้าหูผู้ใหญ่ ครั้งแรกก็ไม่เป็นไร ครั้งที่สองก็ไม่เป็นไร พอนานไปก็เริ่มระแวง เราต้องดูตัวอย่างสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก เมื่อมีคำสั่งจากสมเด็จพระเจ้าตากสินให้เข้าเฝ้าทั้งอาวุธ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกถอดอาวุธวางไว้หน้าห้อง พอมีรับสั่งว่าให้เอาอาวุธเข้ามาได้ ท่านกระทุ้งออกนอกห้องพ้นสายตาไปเลย แสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้คิดร้ายอย่างแน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2011 เมื่อ 10:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 220 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 15-08-2011, 13:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ก็คือวังหน้า ถ้ากรมพระราชวังบวรสถานภิมุข คือ วังหลัง เทียบเท่าตำแหน่งพระมหาอุปราชนั่นเอง

วังหน้าในรัชกาลที่ ๑ ก็คือ ท่านบุญมา (น้องชายในรัชกาลที่ ๑) เป็น กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท วังหน้าในรัชกาลที่ ๒ คือ กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ วังหน้าในรัชกาลที่ ๓ คือ กรมพระราชบวรมหาศักดิพลเสพย์ พอมาถึงรัชกาลที่ ๔ ทรงตั้งให้วังหน้าคือสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณี เป็นพระเจ้าแผ่นดินเสมอด้วยพระองค์เอง ก็คือเป็น พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว

ในหลวงรัชกาลที่ ๔ ทรงเก่งเรื่องโหราศาสตร์มาก ทรงผูกดวงแล้วเห็นว่า ดวงของสมเด็จเจ้าฟ้าจุฑามณีมีสิทธิ์เป็นถึงพระเจ้าแผ่นดิน จึงแก้เคล็ดด้วยการตั้งให้เป็นพระเจ้าแผ่นดินคู่กัน แต่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวก็สำนึกในพระองค์เอง เพราะถ้าผิดท่าผิดทางขึ้นมาก็อาจจะหัวขาดโดยไม่รู้ตัว จึงเสด็จออกเยี่ยมราษฎรไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งสนิทสนมกับบรรดาข้าราชการและประชาชนในมณฑลลาวเฉียงหรือภาคอีสานในปัจจุบัน พระองค์ท่านเป็นต้นกำเนิดเพลงลาวดวงเดือน เพราะว่าอยู่กับลาวมาเยอะ

วังหน้าในรัชกาลที่ ๕ คือ พระโอรสของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว คือ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ คราวนี้สมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญท่านเป็นนักเรียนนอก แนวความคิดค่อนข้างจะเปิดกว้างและคบหาสมาคมกับชาวต่างชาติมาก จึงมีข่าวลือว่าพระองค์ท่านจะใช้เรือปืนและอาวุธของชาวต่างชาติก่อการกบฏ ทำให้พระองค์ต้องเสด็จลี้ภัยไปอยู่ในสถานกงสุลอังกฤษเสียหลายเดือน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2011 เมื่อ 17:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 15-08-2011, 13:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พอกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทิวงคต รัชกาลที่ ๕ จึงยกเลิกตำแหน่งวังหน้า แต่งตั้งสยามมกุฎราชกุมารแทน จึงถือว่ากรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เป็นวังหน้าองค์สุดท้าย

ความจริงสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งพระนามกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญว่า "พระองค์เจ้ายอร์ช วอชิงตัน" รัชกาลที่สี่ทรงรำคาญชื่อฝรั่ง จึงเปลี่ยนเป็น "พระองค์เจ้ายอดยิ่งประยุรยศ" ไม่มีอะไรที่ในหลวงรัชกาลที่สี่แก้ไม่ได้ ทรงแก้ได้ทุกอย่าง

แม้กระทั่งภายหลังที่เขาบอกว่า วังหน้าต้องคำสาปของสมเด็จพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๑ ถ้าไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านแล้ว ใครมายึดวังหน้าไปใช้ก็ขอให้ถึงแก่ความวิบัติฉิบหาย จึงไม่มีใครกล้าไปแตะต้องวังของท่าน รัชกาลที่สี่พิจารณาแล้วจึงส่งลูกไปแต่งงานกับเชื้อสายของวังหน้าในรัชกาลที่ ๑ กลายเป็นญาติ จึงยึดวังไปใช้ได้ จึงกล่าวกันว่า ไม่มีอะไรที่รัชกาลที่สี่ทรงแก้ไม่ได้

รัชกาลที่สี่ตรวจดูดวงเมืองแล้ว พบว่าการผูกดวงเมืองในวันเวลาอย่างนี้ จะอยู่ได้แค่ ๑๕๐ ปีเท่านั้น พระองค์ท่านจึงผูกดวงเมืองใหม่ เพื่อที่จะได้อยู่ยั้งยืนยงต่อไป จึงมีการฝังศาลหลักเมืองซ้ำอีกหนึ่งต้น ฉะนั้น..เราจะเห็นว่าศาลหลักเมืองมีสองต้น ไม่ได้มีต้นเดียว ไม่มีอะไรที่รัชกาลที่สี่แก้ไม่ได้จริง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2011 เมื่อ 16:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 216 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 15-08-2011, 14:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default





ไม่อย่างนั้นเราคงจะได้ฉลองกรุงแค่ ๑๕๐ ปี แสดงว่าพระองค์ท่านรู้จริง ถ้าไม่ได้แก้ดวงเมืองไว้ก่อนตั้งแต่สมัยพระองค์ท่าน ราชวงศ์จักรีคงหมดอยู่แค่นั้น ต้องถือว่าพระองค์ท่านเป็นหนึ่งในสุดยอดโหราจารย์ของเมืองไทย ใครเรียนโหราศาสตร์ นอกจากบูชาพระยาพิเภกหรือบูชาท่านท้าวมหาพรหมแล้ว ให้บูชารัชกาลที่สี่ด้วย

หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล กล่าวกับเสด็จพ่อ คือ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ว่า "เสด็จพ่อคงต้องจนไปตลอดชีวิต เพราะทูลกระหม่อมปู่ ไม่ได้อวยพรให้เสด็จพ่อรวย" รัชกาลที่สี่ทรงผูกดวงให้ลูกหลานทุกคน แล้วอวยพรให้ตามพื้นฐานดวง รัชกาลที่สี่ไม่ได้อวยพรให้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพร่ำรวย เพียงแต่อวยพรให้ประสบความสำเร็จตามหน้าที่การงานของตนเท่านั้น
รูป
ชนิดของไฟล์: jpg P7185202.jpg (79.8 KB, 1507 views)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2011 เมื่อ 16:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 15-08-2011, 14:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วังหน้าใช้ราชาศัพท์ที่ต่างจากวังหลวงหลายอย่าง อย่างวังหลวงใช้คำว่า "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" วังหน้าจะเป็น "สมเด็จพระบวรราชเจ้า"

วังหลวงใช้ว่า "พระบรมราชโองการ" วังหน้าจะใช้คำว่า "พระราชบัณฑูร" ถ้าวังหน้าอภิเษกขึ้นดำรงตำแหน่งจะใช้ "อุปราชาภิเษก" วังหลวงใช้คำว่า "บรมราชาภิเษก"

ฉะนั้น..ตำแหน่งอุปราชหรืออุปราชา แปลว่า ใกล้จะเป็นพระราชา แต่หลายคนใจร้อน ไม่อยากจะใกล้เป็นพระราชา แต่อยากจะเป็นพระราชาเลย

ถาม : อย่างนั้นอุปนิสัย ?
ตอบ : อุปนิสัย แปลว่า เกือบจะเป็นสันดานถาวร ถ้าหากถาวรเลยก็เป็นนิสัย

ถาม : อุปกิเลส ?
ตอบ : อุปกิเลส แปลว่า เกือบจะเป็นกิเลส ถ้าหากพลาดเมื่อไรก็เป็นกิเลส อย่างเช่น โอภาส ถึงเวลาภาวนาแล้วแสงสว่างเกิดขึ้น ถ้าเราไม่ไปยึดถือแสงสว่างนั้นก็เป็นแค่อุปกิเลส แต่ถ้ายึดเมื่อไรก็เป็นกิเลสเมื่อนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-08-2011 เมื่อ 16:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 15-08-2011, 14:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึง "การทำวัตร" ว่า "พอใช้คำว่า "ทำวัตร" พวกเราเคยชินว่าการทำวัตร คือ การสวดมนต์ ความจริงวัตร คือ แบบอย่างที่ควรทำ

ศีลของพระมีอยู่ส่วนหนึ่งที่บังคับในกิจวัตร คือเรื่องที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ วิธีวัตร คือ แบบอย่างต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องทำ อาคันตุกะวัตร คือ แบบอย่างที่ใช้ในการต้อนรับพระอาคันตุกะ

การทำวัตรนั้น ก็คือ การไปแสดงตนต่อพระผู้ใหญ่ ก็คืออุปัชฌาย์อาจารย์ หรือเจ้าคณะปกครอง เพื่อกราบรายงานว่าปีนี้ พรรษานี้ จำพรรษาอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร พระผู้ใหญ่ท่านจะได้รับรู้ว่าลูกศิษย์อยู่สบายดีหรือตกระกำลำบาก หรือมีอะไรต้องการความช่วยเหลือ หรือไม่ก็โผล่หน้าไปให้ท่านเห็นว่าผมยังไม่สึก ผมยังไม่ตาย เป็นต้น ซึ่งการทำวัตรนั้นเขานิยมทำในช่วงเข้าพรรษา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-08-2011 เมื่อ 16:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 16-08-2011, 17:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "แค่เด็ก ๆ ถามคำถามอย่างเดียว พ่อแม่บางคนที่เหนื่อยจากงานกลับมาก็จะเคร่งเครียดหรือรำคาญเด็ก พูดว่าเด็กแรง ๆ

ความจริงการถามเป็นพัฒนาการอย่างหนึ่งของเด็กในการเรียนรู้ เราควรจะตอบคำถามเขาด้วยจิตใจที่เยือกเย็น ชี้แจงความถูกต้องและให้เหตุผลที่ชัดเจน

พ่อแม่เป็นพรหมของลูก ต้องเมตตา กรุณาและอุเบกขา แต่กว่าจะโตได้นี่ต้องเบรกทั้งขาและมือไปไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-08-2011 เมื่อ 17:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 17-08-2011, 07:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เราจะเห็นว่าสินค้าต่าง ๆ พยายามปรับปรุงพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นจะสู้สินค้าเจ้าอื่นไม่ได้ ฉะนั้น..เราต้องปรับปรุงพัฒนากาย วาจา ใจของเราให้ดีขึ้น จะได้สู้กิเลสได้..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2011 เมื่อ 08:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 17-08-2011, 11:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงหนังสือเล่มหนึ่งว่า "มีหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับโยคี อ่านสนุกมาก ชื่อไทยคือ "โยคีมหัศจรรย์" ชื่อภาษาอังกฤษคือ "Paramahansa Yogananda"

ลองอ่านดู จะทราบว่าบรรดาโยคีทั้งหลายมีความสามารถตั้งแต่สมัยพุทธกาล โยคีบางรูปเข้าแต่สมาธิ ปีหนึ่งออกมาพบปะประชาชนแค่ครั้งเดียว กินบิสกิตไปแค่ไม่กี่แผ่น และดื่มน้ำตาม หายไปปีหนึ่งแล้วค่อยออกมาใหม่

เหมือนกับว่าบุคคลไม่ว่าอยู่ในสายไหนก็ตาม เมื่อปฏิบัติไปจนถึงระดับ ก็จะได้เจอกับบุคคลในระดับนั้น ๆ จะค่อย ๆ ก้าวเจอคนที่เก่งขึ้นไปเรื่อย ๆ

ปัจจุบันนี้เมืองฤๅษีเกตของอินเดียก็ยังมีลักษณะเหมือนสมัยพุทธกาล ก็คือมีบรรดานักบวชหลายลัทธิ โดยเฉพาะพวกอเจลก คือ ชีเปลือย เป็นพวกที่เคร่งครัดมาก

ชีเปลือย ก็คือลัทธิทิฆัมพร (นุ่งลมห่มฟ้า) ส่วนพวกที่เคร่งน้อยหน่อย เรียกว่า เศวตัมพร (ผ้าขาว) เขาบอกว่า ถ้านุ่งผ้าอยู่แปลว่ายังมีกิเลส"



หมายเหตุ : หนังสือโยคีมหัศจรรย์ แบบออนไลน์ http://thai-version-of-yogi-translation.blogspot.com/
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2011 เมื่อ 11:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 17-08-2011, 14:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : หัวใจการปฏิบัติกรรมฐานให้สำเร็จ คืออะไรครับ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วก็คือเรื่องของสติ ถ้ามีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน ทุกอย่างจะดีหมด
เพียงแต่ให้เราถือตามหลักของศีล สมาธิ ปัญญา อย่างไรอย่าออกนอกกรอบของศีล เราอยู่ในกรอบ ถ้าหลุดไปก็ไปไม่ไกล โอกาสพลาดก็พลาดไม่มาก เพราะศีลเป็นเครื่องคุ้มกัน ดังนั้น..ถ้าหวังความสำเร็จให้เอาศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-08-2011 เมื่อ 20:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 17-08-2011, 14:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "หลวงปู่ปานสร้างพระเครื่องจากคำข้าว โดยคายคำที่อร่อยออกมาตากแห้งและตำเป็นผง ปั้นเป็นองค์พระหน้าตักประมาณ ๕ นิ้ว ท่านสั่งหลวงพ่อฤๅษีให้จัดเครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ เพื่อทำการบวงสรวงอัญเชิญเทวดาและพระท่านมาสงเคราะห์

หลวงพ่อท่านเรียนถามหลวงปู่ปานว่า "พระองค์เล็กแค่นั้นเอง ทำไมหลวงพ่อต้องสั่งเครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ด้วย ?" หลวงปู่ปานท่านมองหน้า แล้วว่า "เรื่องของพระแกคิดว่ามีเล็กหรือวะ?" จำไว้นะ..คำว่า "พระ" ไม่มีเล็ก

หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ สร้างพระของขวัญองค์ประมาณปลายนิ้วชี้ โยมบางคนรับไปแล้วบอกว่า "หลวงพ่อ..องค์เล็กแค่นี้เอง จะคุ้มครองไหวหรือ ?" ปรากฏว่าคืนนั้นโยมนิมิตเห็นพระของขวัญขยายใหญ่โตเต็มฟ้า ถามว่า "แค่นี้พอไหม ?"

พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าไม่มีประมาณ จะเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญ สำคัญตรงที่กำลังใจของเราว่ายึดมั่นหรือไม่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-08-2011 เมื่อ 07:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 18-08-2011, 07:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จไปบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พระอินทร์มารับเสด็จ ทูลเชิญพระพุทธเจ้าไปประทับที่ซึ่งดีที่สุด ก็คือบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์

บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์นั้น กว้าง ๓๐ โยชน์ ยาว ๖๐ โยชน์ ถ้าพระอินทร์นั่งก็จะพอดี พระอินทร์ท่านคิดว่าพระสมณโคดมสูง ๘ ศอกของมนุษย์ ถ้าขึ้นไปนั่งบนบัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ก็คงเหมือนแมลงวันเกาะอยู่บนเตียง แต่ก็ไม่มีที่ใดเหมาะสมเท่ากับที่นั่นอีกแล้ว จะทำอย่างไรจึงไม่เป็นการหลู่พระเกียรติยศหนอ ? พระพุทธเจ้าทรงทราบความคิด พอเสด็จไปถึง ประทับนั่งลงก็พอเหมาะพอดี ถึงได้บอกว่า พุทโธ อัปปมาโณ คุณของพระพุทธเจ้าหาประมาณมิได้

อีกรายหนึ่ง คือ อสุรินทราหู เป็นมหาอำมาตย์ยักษ์ ตั้งใจจะไปกราบพระพุทธเจ้า แต่ก็ไม่ได้ไปเสียทีเพราะร่างกายท่านใหญ่โตมโหฬารมาก อรรถกถาจารย์อธิบายว่า รอยต่อหว่างคิ้วกว้าง ๑ โยชน์ ท่านเกรงว่าถ้าไปแล้วต้องก้มดูพระพุทธเจ้าจะเป็นการไม่เคารพ

พระพุทธเจ้าทราบความคิดก็เลยเสด็จไปไสยาสน์ขวางทาง จนอสุรินทราหูต้องแหงนหน้ามอง เพราะฉะนั้น..จะมีพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหูเป็นพระปางไสยาสน์แต่ลืมเนตร ส่วนไสยาสน์หลับเนตรแล้วซ้อนเหลื่อมพระบาทเป็นปางไสยาสน์ ถ้าไสยาสน์หลับเนตรพระบาทเสมอกันเป็นปางปรินิพพาน แยกให้ออกนะจ๊ะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-08-2011 เมื่อ 15:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 18-08-2011, 16:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม ยิ่งทำใจต้องยิ่งละเอียด ถ้าทำแล้วหยาบขึ้นเรื่อย ๆ นั่นแปลว่าแย่แล้ว ทำตัวเป็นกันเองกับศีลธรรมจนมากเกินไปแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 18-08-2011, 17:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราควรหาโอกาสไปถวายบังคมพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท

ถ้าเข้าไปวันพระ ที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามจะมีเทศน์ เราก็ฟังเทศน์ สวดมนต์ไหว้พระ แล้วค่อยกลับ ไปทั้งทีเอากำไรให้ได้หลายอย่าง ถ้ามีเงินก็เข้าพิพิธภัณฑ์ ชมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พระแสงดาบซึ่งแต่ละเล่มเป็นทองคำลงยาฝังนพเก้า น่าขโมยนัก..!

นอกจากนี้ ในพิพิธภัณฑ์ยังมีเครื่องทรงเก่าของพระแก้วมรกต ที่เพิ่งเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง จะมีกำหนดเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูฝนวัน แรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ (วันเข้าพรรษา) เปลี่ยนเครื่องทรงฤดูหนาว วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๒ เปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อน แรม ๑ ค่ำ เดือน ๔ จำให้แม่น ๆ จะได้ไปถูกจังหวะ ถ้าไปถูกจังหวะจะได้น้ำสรงพระแก้วมรกตด้วย

ปกติถ้าเรามองขึ้นไปจะเห็นพระแก้วมรกตองค์ไม่โตนัก ต้องสังเกตตอนในหลวงหรือสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สรงน้ำ ตอนที่พระองค์ใช้ผ้าเช็ดพระแก้วมรกต สังเกตว่าองค์พระแก้วมรกตกว้างประมาณสองช่วงพระหัตถ์ ฉะนั้น..องค์พระแก้วไม่ได้มีขนาดเล็กเหมือนอย่างที่ตาเราเห็น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 18-08-2011, 17:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมโทรศัพท์มาแจ้งกับพระอาจารย์ว่า ได้โอนเงินทำบุญสังฆทานเข้าบัญชีแล้ว พระอาจารย์กล่าวว่า "เดี๋ยวนี้นอนอยู่ที่บ้านก็ถวายสังฆทานได้ บางคนเขามีหมายเลขบัญชีของวัด พอโอนเงินเข้าบัญชีแล้วค่อยโทรมาแจ้งให้ทราบ เป็นวิธีทำบุญที่ง่าย แต่ใช้ความเพียรพยายามน้อยลง อาจจะขาดวิริยบารมีไป ไม่อย่างนั้นก็คงต้องพยายามเดินทางมาให้ถึง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 19-08-2011, 07:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึง "ย่าโม" ให้ฟังว่า "สมัยสงครามที่ทุ่งไหหิน ฝรั่งคนหนึ่งได้ภรรยาเป็นคนไทย เขาไปรบที่นั่น พอได้เวลาลาพักสามเดือนก็จะเดินทางกลับบ้าน ภรรยาก็ไปบูชาเหรียญย่าโมมาให้ บอกกับสามีว่า "ให้ติดตัวเอาไว้ แล้วจะปลอดภัยในทุกที่"

ฝรั่งเขาก็สงสัยว่า เหรียญแค่นี้จะช่วยอะไรเขาได้ จึงซักถามจนเกิดการท้าทายขึ้นระหว่างสามีภรรยา เขาตกลงกันว่า ถ้าย่าโมแสดงปาฏิหาริย์ให้เขาเห็นชัด ๆ เขาจะกลับมาเล่นเพลงโคราชถวาย ซึ่งเพลงโคราชนั้น คนไทยเองยังร้องไม่ค่อยจะได้เลย

ตอนเขาขับรถเข้ากรุงเทพฯ ปรากฏว่ายางแตก กว่าจะลากรถไปถึงอู่ กว่าจะปะยางเปลี่ยนยางเสร็จ ทำให้เขาขึ้นเครื่องไม่ทัน ตกเครื่องบินเที่ยวนั้น เขาก็ไปซื้อตั๋วใหม่ พอวันรุ่งขึ้นได้ข่าวว่า เครื่องบินลำที่ไปก่อนนั้นตกลงกลางทะเล ตายเรียบทั้งลำ..!

เขาคลำเหรียญย่าโมที่คล้องคออยู่ขนหัวตั้ง..! ท้ายสุดกลับมาเมืองไทย จึงจ้างครูเพลงโคราชช่วยฝึกซ้อมอยู่หลายเดือนกว่าจะร้องได้ และไปเล่นเพลงโคราชถวายย่าโม คนรุมดูกันเยอะแยะไปหมด ขนาดคนไทยเล่นเพลงโคราชยังหายากเลย นี่ฝรั่งมาเล่นแก้บน เขาจึงแห่กันไปดู

แต่ที่เขาบอกว่า ประตูชุมพลที่อยู่หลังอนุสาวรีย์ย่าโมนั้น ถ้าหนุ่ม ๆ ไปลอด จะได้เป็นเขยย่าโม ด้วยความอยากเป็นเขยย่าโม ครั้งล่าสุดพออาตมาไปถึงก็ลอด มีเสียงดังเข้าหูมาว่า "งานนี้พระไม่เกี่ยว..!" โธ่..ตั้งใจจะเป็นเขยย่าโม ท่านไม่รับเสียอย่างนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 16:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 202 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 19-08-2011, 07:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังตอนเป็นฆราวาสว่า "ครั้งหนึ่งไปขึ้นรถทัวร์ คิดว่าวันนี้เทวดาอุ้มสมแน่ ๆ เลย เพราะสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ น่ารักสุด ๆ ประเภทใครเอาปืนมาจี้ก็ไม่เปลี่ยนที่นั่งแน่นอน

สักพักพอรถโดยสารออกไปได้ไม่กี่กิโล สาวก็คว้าถุงออกมา แล้วก็ "แหวะ" น้ำลายยืด เห็นแล้วหมดอารมณ์เลย สาวเมารถตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง เราก็สงสารแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร

ที่เล่าให้พวกเราฟังจะได้รู้ว่า ที่เราเห็นกันว่าสวยนั้นสวยไม่จริง ไม่ทันไรก็แสดงความสวยไม่จริงออกมาให้เห็นเสียแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 16:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 19-08-2011, 08:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ใจหนูออกไปรับรู้สภาวะต่าง ๆ ของธรรมชาติ ความละเอียดต่าง ๆ ที่อยู่ในอณูอากาศ ตัวหนูเองไม่ได้ต้องการที่จะรับรู้เรื่องต่าง ๆ แต่ก็เหมือนโดนบังคับให้เป็นไปอย่างนั้น
ตอบ : ถ้าทำไปถึงระดับหนึ่ง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องรู้เห็น เราอยากจะรู้หรือไม่รู้ เราก็จะรู้ อยากจะเห็นหรือไม่อยากเห็น เราก็เห็น เพียงแต่สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์เราก็รับไว้ สิ่งไหนไม่เป็นประโยชน์ก็ปล่อยไว้ตรงนั้นแหละ

โดยเฉพาะต้องมีสติให้มาก ๆ เพราะการรู้เห็น เราต้องเน้นว่า "ต้องรู้เห็นเพื่อการหลุดพ้นเท่านั้น" ไม่อย่างนั้นจะโดนหลอกไปไกล หลอกให้รู้ไปเรื่อย ๆ พอรู้มากเข้าก็ออกทะเลหาฝั่งไม่เจอ

ถาม : ถามว่าหนูอยากรับรู้ไหม ? ก็ไม่ได้อยากรับรู้
ตอบ : เขาจะหลอกให้เราอยากรู้ ยั่วให้อยากแล้วก็จะจากไป

ถาม : เวลาหนูเอนหลังลงนอน ใจก็จะออกไปรับรู้ บางทีไปเจอกับคลื่นบางอย่าง ถ้าไปเจอคลื่นกระแสดีก็แล้วไป แต่บางทีก็ไปเจอคลื่นไม่ดี อย่างเช่นพวกที่เป็นมิจฉาทิฐิ เขาเห็นเรา เขาก็ตามเรามา เท่ากับว่าหาเรื่องใส่ตัวโดยไม่ได้ต้องการค่ะ
ตอบ : ให้เอาภาพพระครอบไว้ก่อนแล้วค่อยไป นึกถึงพระแล้วจะปลอดภัย ต้องใส่เกราะไว้ก่อน เรื่องพวกนี้พอก่อกวนแล้วทำให้เสียเวลาปฏิบัติมาก อาตมาต้องทำเป็นตายอยู่หลายรอบ กว่าพวกนั้นเขาจะเลิก มีแต่ฝ่ายเขาทำไป แต่เราไม่รับเสียอย่าง เขานึกว่าเราตายแล้วเขาก็เลิกไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2011 เมื่อ 16:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 22-08-2011, 07:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,163
ได้รับอนุโมทนา 4,405,533 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เขาบอกว่าพระที่แตกหักห้ามไว้บ้าน จริงหรือเปล่าครับ ? แต่ผมไม่เชื่อ
ตอบ : ถ้าเป็นสายหลวงพ่อวัดท่าซุง พระแตกนี่จะดีใจมาก เนื่องจากวัตถุมงคลชิ้นหนึ่งจะมีเทวดารักษาองค์หนึ่ง ถ้าแตกเป็น ๗-๘ ชิ้น เทวดาที่รักษาก็ต้องเพิ่มเป็น ๗-๘ องค์ ถ้าสายอื่นเขาว่าไม่ดี โดยเฉพาะสมเด็จวัดระฆังแตก ๆ ส่งมาสายนี้ได้ (หัวเราะ) อย่างไม่มี ๆ ชิ้นหนึ่งก็สิบหมื่นขึ้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-08-2011 เมื่อ 16:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว