กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #201  
เก่า 02-09-2015, 11:23
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๔. ดูเขา ดูเรา ให้เห็นความทุกข์ ในโลกนี้ไม่มีใครเขามีความสุขจริง ๆ หรอก ยกเว้นพระอรหันต์ แต่ท่านก็สุขเพียงจิตของท่านเท่านั้น ร่างกายก็ยังทุกข์อยู่เป็นธรรมดา แต่จิตไม่ทุกข์ไปกับร่างกายตนเองและร่างกายผู้อื่น เนื่องด้วยมาจากการพิจารณาร่างกายว่า มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา มันเป็นเพียงเรือนให้อาศัยอยู่ชั่วคราว เมื่อถึงเวลาก็ทิ้งบ้านที่อาศัยไปโดยไม่มีความห่วงใย หรือมีความกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น จุดนี้ก็มาจากการพิจารณาร่างกายที่อาศัยอยู่ชั่วคราวว่าเป็นเพียงธาตุ ๔ มีอาการ ๓๒ จนชิน จิตเป็นเพียงผู้มาอาศัยอยู่ จิตก็ปลดร่างกาย เพราะรู้ตามความเป็นจริงของร่างกายว่า รูป - เวทนา - สัญญา - สังขาร - วิญญาณ ล้วนแต่ไม่เที่ยง เกิด - ดับ ๆ อยู่ตลอดเวลาเป็นสันตติธรรม มันไม่ใช่เรา ไม่มีในเรา อารมณ์เกาะติดในขันธ์ ๕ จึงไม่มีในพระอรหันต์ รู้สักเพียงแต่ว่ารู้ สักแต่เพียงแต่ว่าอาศัย ไม่เกาะติดในร่างกายนั้น จิตท่านรู้อยู่ ตื่นอยู่อย่างนี้แหละ เรียกว่าจิตพ้นจากโลกและขันธโลก ตกสู่กระแสพระนิพพานอย่างแท้จริง

เรื่องของจิตไม่มีใครช่วยใครได้ ตถาคตเป็นเพียงผู้แนะนำเท่านั้น ทำได้หรือไม่ได้อยู่ที่ตัวผู้ปฏิบัติเอง จงอย่าประมาท และหมั่นตรวจสอบจิตของตนเอง ว่าการปฏิบัติของตนนั้นถึงจริงหรือยัง ละอารมณ์ ๓ โลภ - โกรธ - หลงได้แค่ไหน ละตัณหา ๓ ได้หรือยัง สังโยชน์ ๑๐ ประการหมดหรือยัง

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-09-2015 เมื่อ 11:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #202  
เก่า 04-09-2015, 10:07
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๕. งานธุดงค์ก็ผ่านไปแล้ว เป็นงานที่นำคนมาเพื่อสร้างความดีในมรรคผลของการปฏิบัติ เป็นการบำเพ็ญกุศลหมู่ ในข้อวัตรปฏิบัติของธุดงค์ จัดเป็นอุบายของการโน้มน้าวจิตคนให้เข้ามาสู่ความดี ผลจักได้มาก - น้อยสุดแต่วิริยะ - ขันติ - สัจจะบารมี โดยมีปัญญาบารมีคุมของแต่ละคนซึ่งมีมาไม่เสมอกัน จัดว่าเป็นการรักษาพระพุทธศาสนาให้สืบเนื่องไปได้เช่นกัน สำหรับพวกอยู่วัดก็ดี ไปวัดแต่ไม่สะดวกที่จะเข้าธุดงค์ก็ดี หากเข้าใจมีปัญญา ก็สามารถปฏิบัติธุดงค์ได้ เพราะมีให้เลือกถึง ๑๓ ข้อ ผู้มีปัญญาสามารถเลือกเอามาปฏิบัติได้ไม่ยาก

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-09-2015 เมื่อ 11:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #203  
เก่า 09-09-2015, 13:08
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๖. ดูร่างกายตนเองแล้ว ดูร่างกายผู้อื่นด้วย การพิจารณาจักต้องย้อนไปย้อนมา จึงจักวางความโกรธ – โลภ - หลงได้ อย่ามองด้านเดียวจักขาดทุน แล้วให้พิจารณาหาความจริงของชีวิตว่า เกิด - แก่ - เจ็บ - ตาย ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจ ความปรารถนาไม่สมหวังเป็นทุกข์จริงไหม ที่ทุกข์นั้นเป็นเพราะจิตเราไปฝืนความจริง คือฝืนโลกฝืนธรรมเป็นต้นเหตุหรือเปล่า ถ้าจิตเราไม่ฝืนความจริง ยอมรับทุกข์ของการมีร่างกายตามความเป็นจริง จิตก็จักวางร่างกายหรืออุปาทานขันธ์ ๕ ลงได้ ไม่ต้องการขันธ์ ๕ อีก อยู่ที่ความเพียรตัวเดียว รู้แล้วแต่ไม่ยอมรับก็เท่ากับยังไม่รู้จริง หากรู้จริงจิตก็วางเฉยได้ (เฉยในทุกเรื่องของร่างกายด้วยปัญญา มิใช่เฉยแบบควาย) ในที่สุดสังขารุเบกขาญาณก็เกิด จุดนั้นจิตดวงนี้ก็จักพ้นเกิดพ้นตาย รู้แล้วก็จงอย่าประมาท เพราะการรู้ยังมิใช่การปฏิบัติ เป็นเพียงแค่สัญญา จักต้องเพียรปฏิบัติให้เกิดผลอย่างทรงตัว หมายความว่าปฏิบัติได้จนชำนาญเป็นอัตโนมัติ จึงจักเรียกได้ว่าการปฏิบัติตัดกิเลสได้เข้าถึงเป็นสมุจเฉทปหาน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 16:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #204  
เก่า 16-09-2015, 11:12
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๗. พยายามชำระจิตที่ติดข้องอยู่ในอารมณ์พอใจหรือไม่พอใจ ด้วยการเห็นความเกิดขึ้น - ตั้งอยู่ และดับไปของอารมณ์ น้อมจิตมาอยู่ที่ปัจจุบันธรรมเนือง ๆ (เสมอ ๆ) แล้วจักเห็นความไม่เป็นสาระของอารมณ์ ไม่ว่าจักเกิดขึ้นด้วยการกระทบของอายตนะภายในหรือภายนอกก็ดี จิตจักรู้เท่าทัน และปล่อยวางความพอใจและไม่พอใจลงได้โดยง่าย ด้วยปัญญาที่รู้เท่าทันความเป็นจริง ทำอะไร - พูดอะไร คิดอะไรให้รู้เท่าทันความเป็นจริงอยู่เสมอ แล้วจิตจักเข้าถึงมรรคผลนิพพานได้ง่าย ถ้าทำได้ ความเดือดเนื้อร้อนใจก็จักน้อยลง จิตจักเยือกเย็นขึ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่มุ่งเอาดีเพื่อมรรคผลนิพพาน จักต้องทำอย่างนี้เหมือนกันหมด

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-09-2015 เมื่อ 19:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #205  
เก่า 22-09-2015, 17:55
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๘. จิตตามหาสติปัฏฐานสูตรคือ เอาจิตให้มีสติคอยดูอารมณ์ของจิต แล้วกำหนดรู้ทุกอย่างตามความเป็นจริง จิตนั้นแหละจักเกิดความสงบ - เยือกเย็น สักแต่ว่าเห็นอยู่ – รู้อยู่ ไม่ติดอยู่ทั้งภายนอกและภายใน เป็นเพียงสักแต่ว่าเป็นเครื่องอยู่ที่อาศัยชั่วคราวเท่านั้น เห็นจริงแจ้งจริงก็วางได้จริง ๆ มิใช่สักแต่ว่าเป็นความเข้าใจ หรือรู้เพียงแค่สัญญาเท่านั้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-09-2015 เมื่อ 18:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #206  
เก่า 23-09-2015, 11:37
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๙. พิจารณากฎของกรรมให้มาก และพิจารณากรรมใครกรรมมันให้มาก รวมทั้งศึกษาวิสัยของคน ให้เห็นธรรมดาในแต่ละวิสัยนั้น แล้วไม่ต้องไปแก้ใคร ให้แก้วิสัยของตนเองเป็นสำคัญ กรรมของคนไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน อย่าไปทุกข์ตา - ทุกข์ใจกับกรรมของใครเขาเลย ดูแต่กรรมของตนเองดีกว่า

ถ้าหากจักมุ่งไปพระนิพพานให้ได้ในชาติปัจจุบัน จักต้องปลดทุกข์ที่เนื่องด้วยกรรมของคนอื่นให้หมดไป กล่าวคือกระทบด้วยอายตนะภายนอก เห็นแต่ความไม่เที่ยง เกิดขึ้น - เสื่อมลง แล้วก็ดับไป แล้วจักต้องปลดทุกข์เนื่องด้วยกรรมของตนเอง คืออายตนะภายใน ด้วยเห็นแต่ความไม่เที่ยง เกิดขึ้น แปรปรวน แล้วก็ดับไปเช่นกัน การไปพระนิพพานจักต้องมุ่งชำระจิตของตนเอง ไม่ให้ติดอยู่ในกรรม ไม่ว่าจักเนื่องด้วยกุศลหรืออกุศล พึงปล่อยวางอยู่ในจิตตลอดเวลา ในยามที่มีชีวิตอยู่ การงานในหน้าที่มีอยู่เท่าใด ก็จงทำไปตามหน้าที่อย่าพึงหลีกเลี่ยง ให้ทำไปให้เต็มความสามารถ ทำแล้วจิตไม่เกาะ ปล่อยวางทันทีที่พ้นจากหน้าที่มา

เรื่องของอายตนะก็เช่นกัน ขันธ์ ๕ ก็เช่นกัน รู้-เห็น-ได้ยิน-สัมผัส-ลิ้มรสไปตามหน้าที่ ผ่านไปแล้วก็ปล่อยวางทันทีเมื่อพ้นจากหน้าที่มา จงอย่าสร้างความเบื่อหน่ายแต่อย่างเดียว จุดนั้นยังเป็นความเศร้าหมองของจิต พึงเจริญไปให้ถึงการพิจารณาลงตัวธรรมดา แล้วความเบื่อหน่ายท้อแท้จักหายไป จิตจักมีความผ่องใส... ด้วยความยอมรับนับถือกฎของกรรมมากขึ้นตามลำดับ จนถึงที่สุดก็วาง... เป็นสังขารุเบกขาญาณได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-09-2015 เมื่อ 11:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #207  
เก่า 28-09-2015, 11:16
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๐. งานที่ไม่เหนื่อยไม่ทุกข์ย่อมไม่มี ตราบใดที่ยังมีขันธ์ ๕ อยู่ ถ้าหากต้องการพ้นทุกข์ก็จักต้องเจริญจิตไปให้ถึงการละ - การปลด - การปล่อยวางขันธ์ ๕ ลงได้อย่างสิ้นเชิง เช่น อย่ากังวลใจในการทำงาน เพราะจักไม่ให้มีความผิดพลาดเลยนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่พึงระมัดระวังในความผิดพลาดต่อไปในภายหน้า อย่าให้มีความผิดพลาดอีก ในการปฏิบัติพระกรรมฐานก็เช่นกัน ผิดบ้าง พลาดบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา ผู้ที่ไม่ผิดพลาดเลยมีแต่พระตถาคตเจ้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นจงอย่าเสียใจ เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ แต่พึงเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น จักได้ผิดพลาดน้อยลงไป

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2015 เมื่อ 17:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #208  
เก่า 02-10-2015, 09:48
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๑. การเหน็ดเหนื่อยของร่างกายก็เป็นธรรมดาของผู้มีร่างกาย ให้ตั้งใจว่าจักขอเหนื่อยเป็นครั้งสุดท้าย ชาติสุดท้าย กายตายเมื่อไหร่จิตเรามุ่งไปพระนิพพานจุดเดียว มีมรณาฯ และอุปสมานุสติมั่นคง จักได้ไม่ต้องมาเกิดให้มีร่างกาย อันต้องทำงานให้เหนื่อยอย่างนี้อีก แต่ในขณะเดียวกัน จงอย่ามีความเศร้าหมองหรือความกังวลของจิต เพราะสภาวการณ์ต่าง ๆ อันเป็นไปด้วยเหตุของกฎแห่งกรรมทั้งสิ้น ไม่มีใครฝืนได้ ทุกข์แค่ไหนก็ให้กำหนดรู้แล้วปล่อยวาง เพราะกรรมเหล่านี้ไม่สามารถแก้ได้ จงทำใจให้ยอมรับความเป็นจริง อย่าหนักใจเมื่อถูกกระทบ ต้องทำใจให้ยอมรับ พิจารณาด้วยปัญญาลงเป็นธรรมดาทั้งหมด ด้วยอารมณ์เบา ๆ และสบาย ๆ

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-10-2015 เมื่อ 11:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #209  
เก่า 06-10-2015, 11:20
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,548 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๑๒. อย่าสนใจอารมณ์ของคนอื่น ให้ดูอารมณ์ของตนเองเป็นสำคัญ จงเพียรรักษาอารมณ์ให้สงบ ไม่หวั่นไหวไปกับอารมณ์ที่เข้ามากระทบทั้งภายในและภายนอก ใครจักว่าอย่างไรอย่าไปสนใจ เพราะไม่สามารถจักไปห้ามปากใครไม่ให้พูดได้ ดูแต่อารมณ์ของจิต ดูกรรม การกระทำของกาย - วาจา - ใจ แห่งตนเองนี้ ไม่ให้ละเมิดศีล - สมาธิ - ปัญญา เท่านั้นเป็นพอ อย่าให้ไหลไปตามโลกนิยม จงอย่าเป็นไปตามลมปากคนอื่น ให้เป็นตัวของตัวเองที่มีจุดยืนอย่างแน่นอนว่า กระทำทุกอย่างเพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อพระนิพพาน จงวางจิตของตนเองให้เป็นกลาง อย่าไปมีอารมณ์ชื่นชอบ (พอใจ) หรือชิงชัง (ไม่พอใจ) ตามเขา

หากร่างกายเหน็ดเหนื่อย มีเวทนาจากการงาน ก็จงเอาเวทนานั้นมาพิจารณาว่า เวทนานี้เป็นของกาย มิใช่ของเราหรือของจิต แยกเวทนาให้ออกจากจิตด้วยปัญญา มาถึงจุดนี้อย่าไปมองภายนอก ให้ความสำคัญกับภายใน คือดูขันธ์ ๕ ให้มาก ทำความรู้จักกับขันธ์ ๕ ตนเองให้ดี รู้ด้วยปัญญา ไม่ใช่รู้ด้วยสัญญา (ทรงให้ใช้มหาสติปัฏฐาน ๔ เป็นหลักสำคัญ แยกกาย - เวทนา – จิต และธรรมออกจากกัน ๒ ข้อแรกเป็นเรื่องของกาย ๒ ข้อหลังเป็นเรื่องของจิต)

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-10-2015 เมื่อ 17:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว