กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 26-07-2011, 10:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเกิดพ่อกับแม่เขาไม่อยากให้บวช แต่เราจะบวช อย่างนี้บุญกับบาปอย่างไหนจะหนักกว่ากัน ?
ตอบ : ถ้าตั้งใจทำดี บุญย่อมมากกว่า ต้องดูอย่างพระสารีบุตร ถ้าครอบครัวเป็นมิจฉาทิฐิ เขาไม่นับพ่อแม่ว่าเป็นผู้ปกครอง เพราะฉะนั้น..ถ้ามีญาติผู้ใหญ่ที่เป็นสัมมาทิฐิเห็นด้วย เราไปขออนุญาตท่าน แล้วก็ไปบวช ค่อยกลับมากล่อมพ่อแม่ทีหลัง

อย่างพระสารีบุตรนี่สงเคราะห์แม่จนวินาทีสุดท้ายเลย เทศน์ให้แม่ฟังเป็นพระโสดาบันแล้วพระสารีบุตรเองก็หมดลมพอดี..!

ถาม : พ่อบอกว่ายังไม่มีแฟน จะรีบบวชไปไหน ?
ตอบ : บอกพ่อไปสิว่า.."ผมเชื่อโบราณที่บอกว่าให้บวชก่อนเบียดนะพ่อ" หรือไม่ก็บอกพ่ออย่างนี้ดีกว่า "จัดงานบวชพ่อได้เงิน แต่ถ้าจัดงานเบียด (แต่งงาน) พ่อเสียเงิน พ่อจะเลือกเอาอย่างไหน ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2011 เมื่อ 14:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 27-07-2011, 05:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมัยที่อาตมายังอยู่บ้านที่นครปฐม แถวนั้นคนจีนมาก เขาจะมีการเข้าสมาคมตระกูลแซ่กัน การเข้าสมาคม ก็คือ เวลามีการจัดงานในครอบครัวอื่น เราก็ต้องไปช่วยงานเขา โดยมีธรรมเนียมว่า ถ้าเขาเคยให้เราเท่าไร ต้องให้เขากลับไปไม่ต่ำกว่านั้น เช่น เขาเคยช่วยงานเรา ๑๐๐ บาท เราก็ช่วยงานเขากลับไป ๑๒๐ บาท

มีครอบครอบครัวหนึ่งไม่เคยจัดงานที่บ้านเลย มีแต่จ่ายให้บ้านอื่นอย่างเดียว ตัวเองไม่เคยได้สักที จึงตัดสินใจบวชลูกชาย ปรากฏว่างานนั้นพอลูกชายสึกออกมา เขาด่ากันทั้งตำบลเลย เพราะบวชลูกแค่สามวัน..!

วันแรกเลี้ยงอาหารเสร็จค่อยไปบวชลูกที่วัดตอนบ่าย วันที่สองเป็นพระเต็ม ๆ วันหนึ่ง วันที่สามสึกแล้ว กลับมาที่บ้านยังเก็บโต๊ะไม่เสร็จเลย เขาถึงได้สรรเสริญกันทั้งตำบลว่าตั้งใจจัดงานเอาเงิน ไม่ได้ตั้งใจจัดเอาบุญ

ครอบครัวอาตมาก็เข้าสมาคมเหมือนกัน แต่ที่บ้านไม่ค่อยมีงาน ไปช่วยที่อื่นตลอด พอถึงคราวอาตมาบวช แทนที่จะได้จัดงานบ้าง กลับหนีไปบวชที่อุทัยธานี พอพี่ชายเจอหน้าก็บ่นทุกที "คิดว่าจะได้ถอนทุนคืนบ้าง ท่านก็หนีไปบวชซะที่โน่นเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-07-2011 เมื่อ 13:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 27-07-2011, 05:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พอถอยกำลังสมาธิออกมา ค่อยใช้อารมณ์พิจารณาตัด คำว่าคิดพิจารณาตัด คืออย่างไรครับ ?
ตอบ : ดูสิว่าเราจะตัดอะไร ? ถ้าจะพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงก็ไล่ไปสิ..ตั้งแต่เด็กจนแก่จนตาย ถ้าพิจารณาเห็นความเป็นทุกข์ ก็ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับตาลงไป ถ้าพิจารณาว่าร่างกายนี้ โลกนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ก็พยายามแยกแยะว่าเป็นอย่างไร เป็นดิน เป็นน้ำ เป็นลม เป็นไฟอย่างไร

ถ้าจะดูเกิดดับก็ไล่ตั้งแต่เล็กจนโต ถ้าจะดูดับอย่างเดียวทุกอย่างก็พังหมด ถ้าจะให้เห็นเป็นโทษเป็นภัย ก็ไล่ไปสิ เดี๋ยวหิว เดี๋ยวกระหาย เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวเจ็บไข้ได้ป่วย

อยู่ที่เราจะพิจารณาแง่ไหน สำคัญตรงที่จิตยอมรับ แล้วตัดสินใจว่าไม่เอาแน่ ยอมรับอย่างเดียวไม่พอนะ ไม่เอาแน่ ๆ แล้ว ประเภทยกให้ก็ไม่เอาแล้ว สวยแค่ไหนก็ไม่เอาแล้ว ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเบื่อ ๆ อยาก ๆ พอได้สติก็เบื่อ หน้ามืดขึ้นมาก็อยากอีก ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-07-2011 เมื่อ 01:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 27-07-2011, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนที่พระราหุลตักน้ำล้างพระบาทพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า "ดูก่อนราหุล...น้ำในขันนี้มีอยู่เท่าไร ?" พระราหุลตอบว่า "ประมาณกึ่งหนึ่งพระพุทธเจ้าข้า"

พระองค์ท่านตรัสสอนว่า ถ้าคนเราทำความดีก็เหมือนกับขันที่มีน้ำเต็มเปี่ยม ถ้าหากว่าละเมิดศีลก็มีน้ำครึ่งเดียว ถ้าไม่มีสมาธิ ไม่มีปัญญาด้วย พระองค์ท่านคว่ำขันน้ำเลย แปลว่าไม่มีความดีอะไรเลย

พระพุทธเจ้าทรงใช้สื่อการสอนแบบง่าย ๆ แม้แต่สามเณรราหุลที่อายุเพียง ๗ ขวบก็เข้าใจได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2011 เมื่อ 03:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 28-07-2011, 01:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ด้วยวิสัยเก่าของตัวเองยังมีอยู่มาก ทั้งที่ยังไม่ได้ไปยินดียินร้ายกับสภาพของการแข่งขันทางการเมือง แต่จากการที่เคยทำหน้าที่เป็นทหารรักษาบ้านรักษาเมืองมา จึงมีความรู้สึกว่าอยากได้นักการเมืองที่ทุ่มเทให้กับประเทศชาติด้วย ก็เลยพลอยมานั่งลุ้นผลการเลือกตั้งกับเขา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย

ทั้งนี้เกิดจากสาเหตุสองประการ ประการแรก บ้านเมืองเราล้าหลังมานานแล้ว เขาทำร้ายทำลายบ้านเมืองมามากแล้ว ประการที่สองก็คือ เป็นห่วงและสงสารในหลวง คนแก่อายุตั้ง ๗ รอบไปแล้ว ถ้าลูก ๆ ยังทะเลาะกันไม่เลิก พระองค์ท่านก็คงไม่มีกำลังใจที่จะอยู่ ถึงได้บอกว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องเด็ดขาดไปข้างหนึ่ง ไม่อย่างนั้นจะวุ่นวายไม่รู้จบ ที่สำคัญที่สุดก็คือพลังเงียบ โปรดอย่าได้เงียบ ถ้าเงียบเมื่อไรแปลว่าเราต้องยอมให้ประเทศชาติลุ่ม ๆ ดอน ๆ กันต่อไป

ตอนนี้รอบข้างประเทศของเรายกเว้นพม่า ความเจริญจะแซงหน้าเราไปหมดแล้ว แม้แต่พม่าก็อุตส่าห์พยายามสร้างนิวเคลียร์ ตกลงว่าประเทศไทยเราจะล้าหลังกว่าทุกประเทศแล้ว

ประเทศเวียดนามมีกลุ่มบุคคลระดับหัวกะทิที่จบปริญญาเอกมาประมาณหนึ่งพันห้าร้อยกว่าคน ช่วยกันคิดวางแผนพัฒนาประเทศ มีการปรับปรุงข้อมูลอยู่ทุกวัน เขาถึงได้เจริญก้าวหน้า แต่กรรมเก่าเขายังหนักอยู่ ประเทศกำลังก้าวหน้าอยู่ดี ๆ ก็มักเกิดภัยธรรมชาติหนัก ๆ ทุกที

ถ้าบ้านเมืองเขาไม่มีภัยธรรมชาติหนัก ๆ แบบของเรา เขาจะเจริญก้าวหน้าไปกว่านั้นอีกมาก ตอนนี้ข้าวของทุกอย่างของเวียดนามตีตลาดแทนไทยเกือบหมดแล้ว แม้กระทั่งข้าวที่เราส่งออกเป็นอันดับหนึ่งอยู่ตลอด จะเสียอันดับให้แก่เวียดนามเมื่อไรก็ไม่รู้ ?

เวลาเรากินถั่วลิสงจะเห็นว่าฝักใหญ่กว่าปกติ นั่นถั่วเวียดนามทั้งนั้น จากการที่เราเปิดเขตการค้าเสรี ทำให้เขาส่งเข้ามาได้ทุกทิศทุกทาง ลาวกับเขมรมีโทรศัพท์ 3g ใช้นานแล้วนะ ของประเทศไทยเรายังแบ่งผลประโยชน์ไม่ลงตัวเลย ขายหน้าเขาบ้างไหม ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 29-07-2011 เมื่อ 18:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 28-07-2011, 01:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนเขาปฏิวัติกันใหม่ ๆ มีคนมาถามอาตมาว่าประเทศไทยจะดีขึ้นไหม ? อาตมาบอกว่ายัง..เขาถามว่าเมื่อไรจะดีขึ้น ? จึงบอกเขาไปว่า "ปี ๕๖ ขึ้นไปแล้วจะค่อย ๆ ดีขึ้น" ทำเอาเขารับกันไม่ได้ จากวันนั้นจนถึงวันนี้คงจะเห็นชัดแล้วว่าเป็นอย่างไร

ในเว็บหนึ่งเขาลงเอาไว้ว่า นักลงทุนต่างชาติหลายรายที่เลือกลงทุนเป็นพันล้านในประเทศไทย ก็เพราะไทยมีในหลวง เขาไม่กลัวหรอกเรื่องการปะทะกันทางการเมืองหรือการประท้วง เขาบอกว่าถ้าเรื่องใหญ่จริง ๆ ในหลวงพูดคำเดียว ทุกคนหยุดหมด เขาเลยไม่กลัว แต่ประเทศอื่นไม่ใช่อย่างนั้น ไม่มีใครที่จะมีอำนาจแบบนี้ ไม่มีใครที่จะเชื่อฟังผู้นำแบบนี้

เพราะฉะนั้น..ถ้าประเทศอื่นเกิดเรื่องขึ้น กิจการของเขาจะเสียหายมาก แต่ถ้าเป็นประเทศไทยเขามั่นใจ เขาจึงกล้ามาลงทุน ในเมื่อต่างประเทศเขายังเห็นประโยชน์ตรงนี้ เราเองก็ควรจะทำในสิ่งที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนให้มากกว่านี้

ต่างประเทศเขาทึ่งและแปลกใจมากว่า สถานการณ์บ้านเมืองที่ผ่านมาของเราเละไม่เป็นท่า แต่เศรษฐกิจไทยกลับโตขึ้น ต้องบอกว่าคนไทยตายด้านและชาชินกับเรื่องพวกนี้เสียแล้ว อยากตีก็ตีกันไป เราก็ทำงานของเราไป

เราควรที่จะสร้างจิตสำนึกสาธารณะ ให้เห็นแก่ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัวตั้งแต่เด็ก ๆ ไปเลย อาตมาเจอเด็กบางคนไปวัด เห็นเด็กเขากำมืออยู่ก็สงสัยว่าเขากำอะไร ปรากฏว่าเขากำเศษเปลือกลูกอมอยู่ ๒ ชิ้น เขาหาถังขยะไม่เจอ เลยกำไว้ก่อน พ่อแม่เขาสอนไว้ดี ว่าต้องทิ้งขยะลงถัง ถ้าเป็นผู้ใหญ่คงโยนลงพื้นไปนานแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-07-2011 เมื่อ 03:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 30-07-2011, 11:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนหน้าวัดท่าขนุนเป็นเจ้าภาพอบรมพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ งานอบรมพระนวกะจะมีกำหนดเวลาที่แน่นอนของแต่ละอำเภอ จะเป็นขึ้นแรมที่ตายตัวของปีนั้น อย่างวัดท่าขนุนเป็นขึ้น ๙ ค่ำเดือน ๙ ปีนี้ตรงกับวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๔

อาตมาขอเวลากลับไปเตรียมงานวันหนึ่ง คือวันอาทิตย์ที่ ๗ ดังนั้น..เดือนหน้าจะมารับสังฆทานวันพฤหัสบดีที่ ๔ วันศุกร์ที่ ๕ และวันเสาร์ที่ ๖ สิงหาคม ปีที่แล้วก็ต้องเลื่อนวันรับสังฆทานวันหนึ่งเพราะงานอบรมพระนวกะนี้ ปีนี้เลื่อนอีกครั้งหนึ่ง ปีหน้าไม่รู้ว่าจะต้องเลื่อนอีกหรือเปล่า ?

เรื่องของการคณะสงฆ์เป็นงานใหญ่ โดยเฉพาะวัดท่าขนุนของเรา พระเณรเยอะกว่าวัดอื่นทั้งหมด ถึงเวลาก็จำเป็นต้องพาพระเณรไปร่วมกับเขา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2011 เมื่อ 17:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 30-07-2011, 11:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เรื่องของสภาพจิตใจที่อยู่เหนือร่างกาย ตัวอย่างที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือพระอริยเจ้า เพราะปกติคนทั่วไปเห็นว่าร่างกายต้องการอะไร เราก็ต้องตามใจ ความจริงไม่ใช่..ถ้าเราสู้เราก็จะชนะ

ในความเป็นพระอนาคามีเป็นอะไรที่อัศจรรย์มาก ระบบร่างกายจะพลิกเปลี่ยนใหม่ สมัยที่อาตมายังอยู่วัดท่าซุง มีโยมผู้หญิงคนหนึ่งอายุไม่ถึง ๓๐ ปี คาดว่าก้าวเข้าถึงความเป็นพระอนาคามีแล้ว สาเหตุที่คาดว่า เพราะอยู่ ๆ ประจำเดือนของเธอก็หมดไปเฉย ๆ

อัศจรรย์กว่านั้นก็คือ ภรรยาหมดความรู้สึกทางเพศ แต่สามียังคึกเหมือนเดิม สามีก็พยายามที่จะขอมีเพศสัมพันธ์ด้วย แต่พอจับตัวภรรยาทีไรจะตกใจ เหมือนกับภรรยาเป็นไข้ ตัวร้อนมาก คิดว่าภรรยาไม่สบาย เขาก็ไม่ยุ่งด้วย วันหนึ่งสามีเมากลับมา ไม่ได้นอนกับเมียมานานก็หน้ามืดปล้ำเมียเลย..!

ไม่รู้ว่าท่านใดช่วย ภรรยาตบฉาดเดียว สามีปลิวติดข้างฝาเลย เสียงห้าวเป็นผู้ชาย บอกว่า "ถ้าทำอย่างนี้อีก คราวหน้าจะฆ่าให้ตาย..!" คึกขนาดไหนก็เฉาไปเลย แสดงว่าเทวดาคงไม่อยากให้ล่วงเกินพระอริยเจ้าระดับนั้น เพราะจะเกิดโทษแก่ตัวเอง ต้องบอกว่าสามีทำบุญไว้ดี ขนาดเทวดาต้องลงมาสงเคราะห์

จะเห็นได้ชัดเจนว่าในสภาพจิตใจที่เหนือร่างกาย พอทำไปถึงระดับนั้น กำลังใจที่ก้าวผ่านไปแล้ว ทำให้ระบบร่างกายที่เกี่ยวกับทางเพศหยุดทำงานไป เหมือนกับหมดฮอร์โมนไปเฉย ๆ ที่อัศจรรย์มากก็คือเธออายุน้อยมาก ฉะนั้น..ไม่ใช่ว่าคนที่อยู่มานานแล้วจะได้ดี คนที่มาทีหลังเขาแซงไปไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2011 เมื่อ 17:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 30-07-2011, 11:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"การเป็นพระอนาคามีนี่ปลอดภัยแล้ว อย่างไรเสียก็ไปรออยู่ข้างบน เพียงแต่จะเป็นพระอนาคามีแบบไหน ? อันตราปรินิพพายี แปลว่า ปรินิพพานเสียในระหว่างอายุ ก็คือจะช่วงไหนก็ได้ อุปหัจจปรินิพพายี ปรินิพพานเมื่ออายุได้กึ่งหนึ่ง เช่น ท่านมีอายุสองหมื่นมหากัป พออายุได้หนึ่งหมื่นมหากัป ท่านก็ปรินิพพานแล้ว สสังขาราปรินิพพายี ปรินิพพานด้วยความเพียรพยายามอย่างสูง อสังขาราปรินิพพายี ปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้ความเพียรพยายามมาก อุทธังโสตอกนิฏฐคามี เป็นพระอนาคามีระดับสูงสุด ก็คือเป็นระดับอรหัตมรรคแล้ว

ฉะนั้น..สุทธาวาสพรหม ๕ ชั้นจะมีความต่างอยู่ โดยเฉพาะชั้นที่ ๑๖ จะมีธุสเจดีย์ เป็นพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อบรรจุผ้าที่เจ้าชายสิทธัตถะสละออกในวันมหาภิเนษกรมณ์ ใครที่ได้มโนมยิทธิลองขึ้นไปดูบ้าง ไม่อย่างนั้นเราจะรู้จักแต่พระจุฬามณีอย่างเดียว ความงามความสำคัญของธุสเจดีย์ไม่ได้แพ้กัน แต่คนไม่ค่อยรู้จัก ที่ไม่รู้จักอาจจะเป็นเพราะถนัดไปแค่พระเจดีย์จุฬามณี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2011 เมื่อ 17:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 30-07-2011, 17:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เรื่องของมโนมยิทธิ เด็กโรงเรียนพระสุธรรมยานเถระหลอกอาจารย์มาเยอะแล้ว เด็กรุ่นหลัง ๆ ได้มโนมยิทธิจริง ๆ ไม่ถึงสองเปอร์เซ็นต์ นอกนั้นแหกตาอาจารย์เพื่อเข้าไปเรียน เขาสอนกันมาเลยว่าถ้าถามอย่างนี้ต้องตอบอย่างไร แล้วอาจารย์ก็เก่งไม่จริง ไม่รู้ว่าโดนลูกศิษย์หลอก

อาตมาก็เคยหลอกลูกศิษย์ หลอกไปหลอกมาเจอลูกศิษย์เก่งจริง ทำให้หลอกไม่สำเร็จ พาเขาขึ้นไปบนพระนิพพาน ปกติพระพุทธเจ้าจะประทับอยู่บนพระวิมาน อาตมาชิงล่วงหน้าไปก่อน อาราธนาท่านเสด็จออกมาเลย อยากทดสอบลูกศิษย์ว่ารู้จริงหรือเปล่า ? ถามคุณยายว่าพระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน ? คุณยายตอบว่าออกมาข้างหน้า ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว สรุปว่าหลอกยายไม่ได้

วันนั้นที่หัดมโนมยิทธิกัน บรรดาพี่ ๆ เขาจะเลือกวงพวกวัยรุ่นบ้าง หรือวงเด็กบ้างเพราะสอนง่าย แต่ถ้าวงคนแก่เขาจะไม่เอา พี่ ๆ เขาอาวุโสกว่า เขามีสิทธิ์เลือกก่อน วงที่เหลือก็เป็นของอาตมา วันนั้นคุณยาย ๕ คนไปนั่งอยู่วงเดียวกัน อาตมาได้วงนั้น

ปรากฏว่าเจอคนแก่มหัศจรรย์ คล่องกว่าเด็กอีก ไม่ว่าอาตมาจะกราบอาราธนาพระพุทธเจ้าเสด็จไปซ้าย ไปขวา ไปข้างหน้า ไปข้างหลัง ยายบอกถูกหมด อาตมายังคล่องตัวสู้ยายไม่ได้เลย นั่นพิสูจน์ได้ชัด ๆ เลยว่าเขาทำได้จริง ๆ ฉะนั้น..ถ้าอาจารย์ไม่คล่องจริง ๆ ลูกศิษย์จะหลอกอาจารย์ได้

ตอนที่อาตมาอยู่ท่าซุงได้วางแนวทางไว้ว่า จะขอคณะกรรมการสงฆ์ว่า พระที่บวชเข้าไป ๕ พรรษาแรกห้ามทำงาน ให้ฝึกมโนยิทธิอย่างเดียว ซักซ้อมให้คล่องตัวถึงขนาดพิสูจน์ได้ว่าของในหีบในห่อมีอะไร ลักษณะอย่างไรต้องบอกได้หมด เพราะมโนยิทธิเป็นธงชัยของวัดท่าซุง เอ่ยถึงเมื่อไรก็รู้ว่านี่คือวัดท่าซุง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2011 เมื่อ 17:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 30-07-2011, 17:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าหากเราท้าพิสูจน์ไม่ได้นี่เสียหายมาก พอถึงเวลาคนท้าพิสูจน์เมื่อไรจะเกิดอาการตื่นเต้น ตอบผิดตอบถูก ลักษณะแบบเดียวกับพระที่วัดท่าขนุน พระครูน้อย อาจารย์สอนมโนยิทธิเลย พอหยิบขนมปังขึ้นมา อาตมาก็คว้ามือไว้ "เดี๋ยว..อย่าเพิ่งฉัน ไส้ในสีอะไร ?" ท่านตอบว่า "สีขาวมั้ง ?" เพราะเห็นว่าขนมปังแบบนี้ไม่น่าจะมีไส้ อาตมาบอกว่า "ผิด..สีเขียวว่ะ" พอแกะออกมากลายเป็นขนมปังไส้สีเขียว พระครูน้อยร้อง "ไม่จริ๊ง..!" ไม่จริงอะไร ก็เห็นคาตาอยู่

พอวันรุ่งขึ้นก็ถามอีก "วันนี้ไส้ในสีอะไร ?" ท่านก็ลังเล "สีเขียวมั้ง ?" อาตมาบอกว่าไม่ใช่ พอลองแกะดูเป็นไส้เผือกสีม่วง เพราะฉะนั้น...ที่วางแผนไว้ตอนอยู่วัดท่าซุงก็ยังไม่ได้ใช้ เพราะออกจากวัดมาก่อน ส่วนที่วัดท่าขนุน ถ้าหากอาตมาฝึกพระที่นี่ก็เหมือนกับไปแข่งกับสำนักใหญ่ ไม่ใช่เรื่องดี ฉะนั้น..ใครฝึกแล้วติดขัดตรงไหน มาถามได้

เรื่องของมโนมยิทธิ สำคัญตรงฝึกซ้อมบ่อย ๆ ถ้าขาดการฝึกซ้อมเมื่อไรก็สนิมกิน โดยเฉพาะอย่าเผลอลืมในเรื่องการตัดร่างกาย ถ้าเผลอความชัดเจนจะหมดไปทันทีเลย ต้องเห็นให้ชัดเจนเสมอว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเรา พอใจไม่เกาะในร่างกาย ความสะอาดของจิตมีมาก การรู้เห็นก็จะชัดเจนมาก "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 30-01-2019 เมื่อ 21:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 30-07-2011, 17:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราตั้งใจใช้มโนมยิทธิดู สามารถมีคนปลอม..?
ตอบ : มารเขาปลอมตัวได้หมดทุกระดับ เราต้องดูประวัติตอนที่พระอุปคุตปราบพระยามาร พระยามารท่านเดียวสามารถแปลงกายเป็นพระพุทธเจ้า พร้อมพระอัครสาวกซ้ายขวาและหมู่สงฆ์ด้วย เขาเก่งขนาดนั้น

ถ้ามีโอกาส อาตมาจะเขียนเรื่องสักตอนหนึ่ง ตอนพระยามารรำพัน ใครอ่านพระไตรปิฎกตอนนี้จะซึ้งมากเลย พระยามารนั่งเอานิ้วขีดแผ่นดิน "เราไม่มีสัพพัญญุตญาณเหมือนเจ้าชายสิทธัตถะ เราไม่มีอินทริยปโรปริยัติญาณเหมือนเจ้าชายสิทธัตถะ..." ไล่ไปจนครบญาณ ๑๖ ถึงได้แพ้กลับมา

ปรากฏว่าลูกสาวพระยามารไม่ยอม ขออนุญาตพ่อไปจัดการ "ไม่มีผู้ชายคนไหนที่พ้นจากอำนาจของลูกไปได้" พระยามารบอกว่า "อย่าเลย พ่อยังสู้เขาไม่ได้ ถ้าลูกไม่เชื่อ ก็ไปลองดู" ท้ายสุดก็ซมซานกลับมา พ่อด่าซ้ำว่า "พ่อเตือนพวกเจ้าแล้วไม่ฟัง การที่จะไปรุกรานสมณะองค์นั้น เปรียบเหมือนเจ้าใช้เล็บไปขุดภูเขา เหมือนเอาหน้าอกไปกระแทกตอไม้ จะสำเร็จประโยชน์ได้ที่ไหน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 30-01-2019 เมื่อ 20:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 30-07-2011, 17:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พอพระโคธิกะเชือดคอมรณภาพไปพระนิพพาน พระยามารท่านไม่ยอม ตามค้นหาพระโคธิกะไปทั่ว แปลงกายเป็นมาณพหนุ่มน้อย ถือพิณสีเหลืองเหมือนผลมะตูมมาเข้าเฝ้า กล่าวว่า "พระโคธิกะ บุตรของท่านทำการเชือดคอตาย ตอนนี้ต้องตกอยู่ในอำนาจของเรา" พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ปาปิมะ..ดูก่อน..มารผู้มีบาป บุตรของเราพ้นจากอำนาจของท่านแล้ว"

พระยามารไม่เชื่อ พยายามวิ่งค้นหา ในบาลีท่านบอกว่า ภิกษุทั้งหลายเห็นแต่ฝุ่นที่ปรากฏขึ้นในทิศทั้งสี่ แสดงว่าวิ่งฝุ่นตลบ หาจนทั่ว ลงไปในมหาสมุทร ค้นในเม็ดทราย แหวกกลีบเมฆ หาเท่าไรก็หาไม่เจอ เพราะพระนิพพานละเอียดกว่า หาอย่างไรก็ไม่เจอ ถึงได้ยอมแพ้ว่าพระโคธิกะพ้นไปแล้วจริง ๆ

พระยามารแปลกใจว่าคนเชือดคอตาย หลุดมือเขาไปได้อย่างไร ? ความจริงพระโคธิกะท่านไม่เห็นความดีของขันธ์ ๕ เลย เพราะป่วยอยู่ตลอด จะทรงฌานก็ทรงไม่ได้ พอภาวนาจนอารมณ์เริ่มทรงตัว เวทนาก็เกิดขึ้น ฌานก็สลายไปอีกแล้ว ท่านเบื่อหน่ายสุดชีวิต ไม่เอาแล้ว ตัดใจทิ้งร่างกาย เชือดคอตายดีกว่า กรุณาอย่าทำอย่างท่านนะ...ถ้าพวกเราทำก็เสร็จพระยามาร เพราะกำลังของเราไม่สูงขนาดนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2011 เมื่อ 17:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 31-07-2011, 17:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เราจะสังเกตว่าผู้นำประเทศต่าง ๆ เป็นผู้หญิงมากขึ้นเรื่อย ๆ และในอดีตผู้นำของเราก็เป็นผู้หญิงมาแล้ว เราจะเห็นว่าการออกรบจะมี "แม่ทัพ" ที่มีแม่ทัพเพราะในอดีตผู้หญิงเป็นผู้นำ และติดคำนี้มาจนถึงทุกวันนี้

ผู้ชายยอมให้ผู้หญิงเป็นผู้นำเพราะผู้หญิงเป็นผู้ให้กำเนิด เป็นเพศแม่ คนโบราณเขาเชื่อพลังสิ่งลี้ลับ ในเมื่อสามารถทำให้ชีวิตใหม่เกิดขึ้นมา เขาจึงเชื่อว่าผู้หญิงต้องเก่งกว่า แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ฝรั่งเขาทำวิจัยพบว่า ผู้หญิงจะมีความอดทนต่อความเจ็บปวดมากกว่าผู้ชาย เพราะสภาพร่างกายเตรียมมาเพื่อให้คลอดลูก ถ้าหากเราคลอดตามวิธีเก่าจะต้องเจ็บปวดมาก ซึ่งผู้หญิงสามารถทนได้ ดังนั้น..ที่เขาบอกว่าผู้หญิงแก่ง่ายตายช้านั้น เป็นเรื่องจริงเลย เจ็บขนาดนั้นยังทนได้ ตายยากอยู่แล้ว

อย่างช้างเป็นสัตว์ใหญ่ที่สุด มีลักษณะสังคมแบ่งตามลำดับชั้น คล้าย ๆ มนุษย์ ช้างตัวเมียที่อาวุโสที่สุดก็เป็นผู้นำฝูง เขาเรียกว่า "แม่ปะแหรก" เขาจะรู้ว่าตรงไหนมีแหล่งน้ำ ตรงไหนมีอาหาร ฤดูกาลแบบไหนจะต้องไปหากินตรงไหน จึงจะมีอาหารพอเลี้ยงลูกฝูงตัวเอง

จะว่าไปแล้วในเรื่องของโบราณมา ผู้หญิงเป็นผู้นำมาโดยตลอด เพิ่งจะเปลี่ยนผู้ชายเป็นผู้นำเมื่อไม่นานมานี้เอง ถ้ากลับไปถึงยุคผู้หญิงเป็นผู้นำอีกทีก็ไม่ใช่ของแปลก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 31-07-2011 เมื่อ 17:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 31-07-2011, 17:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่างสิงโตมีการจัดกลุ่มออกล่าสัตว์ ตัวเมียเป็นผู้นำตลอด ถ้าสิงโตตัวผู้ไม่ได้ตัวเมียมาช่วยอาจจะอดตายได้ เพราะสิงโตตัวผู้มีหน้าที่ปกป้องเขตแดน ถ้ามีตัวผู้มารุกล้ำก็ออกไปต่อสู้ ส่วนสิงโตตัวเมียมีหน้าที่ล่าสัตว์มาเลี้ยงฝูงอยู่ตลอด

อาตมาเองเคยป่วยหนักอยู่ครั้งหนึ่ง พอใกล้ ๆ จะหาย เห็นภาพตัวเองเป็นนางสิงห์จอมสังหารเหมือนกัน ล่าไม่เคยพลาด ที่เหลือเชื่อก็คือวัวมันหนีลงไปอยู่ในหนองน้ำ ห่างจากฝั่ง ๕-๖ วา ก็ยังกระโดดไปถึง แสดงว่ากำลังเหลือเฟือจริง ๆ เนื่องจากฆ่าเขาไว้เยอะ แม้จะเป็นสัตว์ อยู่ในความมืดบอดกว่ามนุษย์ แต่ก็เป็นการสร้างกรรมอยู่ดี กรรมนั้นน้อยกว่า เพราะเจตนาฆ่าด้วยความโกรธแค้นนั้นไม่มี มุ่งแต่จะหาอาหารอย่างเดียว

แต่นิมิตต่าง ๆ เวลาเกิดขึ้นจะชัดเจนมาก เวลากระโดดงับ เสียงกระดูกหักลั่นกร้วมอยู่ในหัวเราเลย เวลาเลือดกระเซ็นใส่นี่รู้สึกเลย ชัดขนาดนั้นน่ากลัวเหมือนกันนะ มีอยู่ชาติหนึ่งเกิดเป็นหมูป่า เป็นจ่าฝูง มีเสือตัวหนึ่งมาตามกินลูกฝูงอยู่ตลอดเวลา เสือตัวนี้โคตรเจ้าเล่ห์เลย ย่องตามฝูงไปเรื่อย พอเราเผลอก็คว้าตัวท้ายฝูงได้ก็เผ่นไปเลย หายไปสองสามวันก็มาใหม่อีกแล้ว แสดงว่ากินหมดแล้ว ส่วนเราก็ทำอะไรไม่ได้สักที

จนกระทั่งวันหนึ่ง หากินไปเจอภูเขาที่มีหน้าผาตัด มีทางเข้าเล็ก ๆ ทางเดียว เห็นว่าชัยภูมิดี จึงเรียกลูกฝูงมาทั้งหมด สั่งให้เข้าไปหากินข้างใน ไม่ต้องออกมาเลย ๓-๕ วัน อยู่ในนั้นแหละ อาตมาเพิ่งจะรู้ว่าสัตว์ก็มีความคิดเหมือนคน วางแผนได้ รู้จักโกรธ รู้จักแก้แค้นด้วย

พอเข้าไปอยู่ข้างในสามวันสี่วัน เสือหิวมากก็ย่องมา มองซ้ายมองขวาแล้วก็เข้าไป ส่วนเราแอบซ่อนอยู่ พอเสือเข้ามาก็ออกมาขวางทาง เสือออกไม่ได้ เพราะมีทางออกช่องเดียว ก็ต้องสู้ ปกติเขาไม่สู้หรอก หนีตลอด บริวารที่มือรอง ๆ ไป ๗-๘ ตัวของเรา ชักแถวปิดทางเลย ที่เหลือให้เจ้านายไปรบกับเสือเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 01-08-2011 เมื่อ 10:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 31-07-2011, 18:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นเสือ แต่ในสภาพตอนนั้นไม่ได้มีความกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว พริบตาแรกที่ปะทะกัน ความเร็วระดับนั้นสายตามนุษย์น่าจะดูไม่ทัน เราโดนไปเต็ม ๆ แต่ไม่เป็นไร มาเข้าใจทีหลังว่าเป็นจ่าฝูงที่หนังเหนียว มีเขี้ยวตัน..! โดนเขาตบไปเต็ม ๆ ชาไปทั้งแถบ..! ปะทะกี่ทีเราก็ไม่เป็นอะไร แต่ฝ่ายเขาได้แผลทุกที เขาก็แย่

ครั้งสุดท้ายเขาพุ่งมาปะทะ เราก็ขวิดทิ้งเลย มั่นใจว่าทีเดียวไม่รอดแน่ เพิ่งจะรู้ตอนนั้นแหละว่าหมูป่ากินเนื้อด้วย พอขวิดทิ้งเขาร่วงลงไป ตัวอื่นที่เหลือก็ช่วยกันฉีกเป็นชิ้น ๆ กินกัน ตอนนั้นทำให้รู้หลายอย่าง รู้ว่าสัตว์เขาก็คือคนนี่แหละ เพียงแต่อยู่ในร่างสัตว์ เขามีความคิด มีความโกรธ มีความรักเหมือนกันหมดทุกอย่าง เพียงแต่การแสดงออกของเขา ถ้าเราไม่ใช่สัตว์ด้วยกัน ส่วนมากเราจะดูไม่ออก

อย่างหมาจะมีภาษาเสียง มีภาษากาย มีภาษาใจอีกด้วย แต่พวกนี้ของเราเสื่อมหมด เหลือแค่ภาษาเสียง และภาษากายอีกไม่กี่ท่าเท่านั้น ทำให้เราต้องไปศึกษาภาษาคนอื่นจึงจะเข้าใจเขาได้ ลองเอาหมาข้างถนนไปโยนไว้ที่กลางกรุงลอนดอนสิ เขาคุยกับหมาฝรั่งรู้เรื่องเดี๋ยวนั้นเลย แสดงว่าเขาเก่งกว่าเราเยอะ

ตอนนั้นทำให้เรารู้ว่า สัตว์ก็คือคนนี่เอง เป็นสภาพจิตที่มืดบอด แล้วก็ไปเกิดอยู่ในสภาวะของความเป็นเดรัจฉาน ความคิด ความรู้สึกเหมือนคนหมด เพียงแต่การแสดงออกเขาได้เต็มที่แค่อย่างที่เราเห็น ประการที่สอง เข้าใจเลยว่ารัก โลภ โกรธ หลงกินทุกสรรพชีวิต แม้กระทั่งในความเป็นสัตว์ก็ยังถูกกินเต็ม ๆ

ทำให้ได้เห็นชัดว่า สิ่งทั้งหลายเวียนตายเวียนเกิดนับชาติไม่ถ้วน พวกเราสร้างกรรมชั่วไว้มาก ถ้าหากเผลอลงข้างล่าง เขาคิดดอกทบต้นเมื่อไร ไม่ต้องผุดต้องเกิดอีกนาน มีทางเดียวต้องหนีให้ได้ ที่จะหนีได้มีที่เดียว คือพระนิพพาน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2011 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 01-08-2011, 17:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การขอขมาแล้วโทษยังเหลืออยู่ไหมครับ ?
ตอบ : การขอขมาก็เพื่อให้ใจปลดออกจากโทษนั้น ถ้าใจยังกังวลอยู่ก็แปลว่ายังไม่ปลดออก

กังวลโดยใช่เหตุ..ตอนทำไม่กลัว ดันมากลัวตอนที่ทำลงไปแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2011 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 02-08-2011, 08:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เด็กเขาดื้อค่ะ ไม่รู้จะทำอย่างไร ?
ตอบ : ใช้เหตุผลเลี้ยงเขา ถ้าไม่ใช้เหตุผลจะดื้อทุกคนแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2011 เมื่อ 09:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 02-08-2011, 08:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงพี่ติงลี่กราบเรียนพระอาจารย์ว่า ช่วงงานพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร จะสร้างเหรียญวัตถุมงคลเอาไปเข้าพิธีเป่ายันต์ แล้วนำไปแจก

พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "ไม่มีการหวงห้าม ใครทำไปเยอะเท่าไรก็เบาภาระผมได้มากเท่านั้น ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเห็นหลวงพ่อหวงใครเลย ท่านบอกว่า ถ้าคนรู้มากเท่าไรท่านก็สบายเท่านั้น ผมก็เลียนแบบบ้าง

แต่ก็แปลก..เพราะว่าศรัทธาเป็นเรื่องเฉพาะตัวบุคคล วัตถุมงคลเราก็ไปพุทธาภิเษกให้ แต่พอออกในนามวัดอื่นเขาไม่เอา แต่พอออกในนามวัดท่าขนุน เขาแย่งกันหัวแตกเลย จะว่าไปแล้วก็เป็นการยึดติดนะ แต่ถ้าไม่ยึดก็จะไม่มีอะไรให้ปล่อย อันดับแรกต้องยึดดีไว้ก่อน พอหลังจากดีเต็มที่แล้วก็จะปล่อยเอง เพียงแต่ว่าอย่ายึดเพลินจนลืมปล่อยก็แล้วกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2011 เมื่อ 09:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 02-08-2011, 09:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,403 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำงานคนเขาไม่ค่อยเห็นใจ เกิดจากกรรมอะไร ?
ตอบ : เรื่องของงานเหมือนกับสนามรบ ไม่มีการเห็นใจกันหรอก แต่ละคนทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น เพราะฉะนั้น..ผู้ปฏิบัติธรรมมีอย่างเดียว คือ ต้องยอมเสียเปรียบ และเชื่อมั่นว่าทำดีย่อมได้ดีตอบ แม้จะมาช้าหน่อยแต่ก็มา

ถาม : เราทำงานกับคนที่เขาโยนงาน เราควรจะรับทำไปเรื่อยหรือเปล่า ?
ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ หาความชำนาญใส่ตัว ถึงเวลาเราจะได้เอง

ถาม : เวลาทำงานเหมือนกับกลัวว่าเราจะทำไม่ได้ พอทำแล้วไม่มีความสุข เราควรจะทำอย่างไร ?
ตอบ : ก่อนไปทำงานให้นึกอยู่อย่างเดียวว่า งานทุกอย่างเป็นของง่าย เหมือนกับเราตั้งโปรแกรมไว้ใหม่ ทุกอย่างเป็นของง่าย เราสามารถทำได้อย่างง่ายดาย บอกตัวเองไปเรื่อย เดี๋ยวความมั่นใจจะมา

ทุกอย่างสำเร็จที่ใจทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ฝรั่งเขาบอกว่าเป็นการตั้งโปรแกรมใหม่ อดทนไว้ มั่นใจว่าทำดีต้องได้ดีแน่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2011 เมื่อ 09:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:10



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว