กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #81  
เก่า 21-04-2012, 17:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราปฏิบัติธรรม แล้วยังมีความโกรธ ?
ตอบ : เรื่องปกติ เขาไม่ได้ห้ามโกรธ คนที่หมดความโกรธแล้วมีแต่พระอนาคามีขึ้นไป พระสกทาคามียังนึกถึงความโกรธอยู่ แต่ความโกรธไม่ค้างคาใจ พระโสดาบันยังโกรธได้เต็ม ๆ แต่ไม่ฆ่าใครไม่ทำร้ายใคร แล้วเราถึงหรือยัง ? ก็ต้องมีบ้าง

ถาม : มารู้ตัวตอนโกรธไปแล้ว ?
ตอบ : ไม่เป็นไร..โกรธได้แต่อย่าไปผูกโกรธ เลิกแล้วก็ลืมเสีย พอถึงเวลาเรารู้เท่าทันก็อย่าไปแสดงออกไปทางกาย ทางวาจา เก็บไว้ในใจให้อกแตกตายไปคนเดียว ทำแบบนี้บ่อย ๆ เดี๋ยวความโกรธก็ค่อย ๆ ลดกำลังลงไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-04-2012 เมื่อ 19:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #82  
เก่า 22-04-2012, 08:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คำว่า "จาร" จริง ๆ คืออะไร ?
ตอบ : จาร คือ เขียนใส่ลงไปบนวัตถุ ต้องเขียนทีละตัว จารแปลตรง ๆ ว่าเขียน

ถาม : จารกับยันต์ก็เหมือนกัน ?
ต้อง : ต้องจารลงไป ถึงจะออกมาเป็นยันต์ จารก็คือจารึกลงไป

ถาม : จารแล้วมีผลอย่างไรคะ ?
ตอบ : อยู่ที่กำลังใจคน ถ้ากำลังใจทรงตัว เท่ากับปลุกเสกไปในตัว

ถาม : ถ้าเรามั่นใจในวัตถุมงคลก็ได้ผล ถ้าไม่มั่นใจก็ไม่ได้ผล ?
ตอบ : วัตถุมงคลเป็นเครื่องส่งและมีการส่งพลังเป็นปกติ สำคัญที่ใจเราซึ่งเป็นเครื่องรับ ถ้าไม่มั่นใจหรือกำลังใจไม่เปิดรับก็ไร้ประโยชน์
ต้องทำให้ได้จริง ๆ ด้วย ไม่ใช่ปากบอกว่ามั่นใจ แต่พอเห็นปากกระบอกปืนแล้วกำลังใจตกวูบ ถ้าอย่างนั้นก็ตายฟรี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2012 เมื่อ 09:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #83  
เก่า 22-04-2012, 12:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าตรัสถึงบัว ๓ เหล่า และบุคคล ๔ จำพวก คนก็เลยไปมั่วเป็นบัว ๔ เหล่า แล้วคิดว่าเป็นพระพุทธวจนะ พระองค์ทรงเปรียบบัว ๓ เหล่า คือ บัวพ้นน้ำ บัวปริ่มน้ำ บัวใต้น้ำเท่านั้น

แต่บุคคลท่านกล่าวถึง ๔ เหล่าคือ อุคฆฏิตัญญู ฟังหัวข้อธรรมก็บรรลุมรรคผลได้ วิปจิตัญญู ฟังการอธิบายขยายความก็บรรลุมรรคผลได้ เนยยะ ต้องเคี่ยวเข็ญจ้ำจี้จ้ำไชกันอย่างหนัก ปทปรมะ ประเภทนี้ไปห่าง ๆ เลย ปทปรมะไม่ใช่คนโง่ แต่ฉลาดเกินจนไม่ยอมรับความคิดคนอื่น ปทปรมะเขาแปลว่ามากด้วยบทบาท ในเมื่อความรู้มากก็ทำตัวเป็นน้ำล้นแก้ว เติมเข้าไปไม่ได้ เพราะเถียงทุกเรื่อง รู้ทุกเรื่อง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2012 เมื่อ 14:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #84  
เก่า 22-04-2012, 12:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "พวกที่มีนิสัยเกินร้อย อย่าไปท้าทายเข้านะ ใครเคยอ่านสามก๊กบ้าง ในเรื่องยี่เอ๋งเป็นหนึ่งในที่ปรึกษาของโจโฉ เป็นคนเก่ง แต่ไม่มีโอกาสแสดงความเก่ง เพราะว่าเป็นคนไม่รู้กาลเทศะ เขาบอกว่าอยู่ใกล้ฮ่องเต้ก็เหมือนอยู่ใกล้เสือร้าย จะโดนตะปบกินเมื่อไรก็ไม่รู้ ยี่เอ๋งถือว่าตัวเองเก่ง นึกอยากทำอะไรก็ทำ

อยู่กลางงานเลี้ยงใหญ่แท้ ๆ ดันไปแก้ผ้าตีกลอง ตีได้ไพเราะแต่ไปถอดเสื้อผ้า นั่นเก่งแต่ไม่รู้กาลเทศะ แทนที่จะได้มีโอกาสใหญ่โต สุดท้ายก็โดนประหารชีวิต "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 23-04-2012 เมื่อ 07:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #85  
เก่า 22-04-2012, 13:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำเขี้ยวเสือของเขาหายครับ
ตอบ : ลงทุนสักสองแสน หาเขี้ยวเสือของหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ยไปสิ เป็นเครื่องรางเขี้ยวเสืออันดับหนึ่งของประเทศไทย แต่เขี้ยวสวย ๆ ราคาเป็นแสนแล้ว เดี๋ยวนี้ของปลอมเยอะด้วย

ถาม : พระปิดตาต่อไปราคาเป็นล้านหรือไม่ครับ ?
ตอบ : ไม่ต้องต่อไปนะ ระยะเวลาอันใกล้นี้ก็น่าจะมี ลองว่าคนแย่งกันขนาดนั้นแล้ว

ถาม : พระปิดตาจัมโบ้มีตะกรุดอยู่สามดอก ถ้าเอาไปเลี่ยมแล้วตะกรุดหายไปหนึ่งดอก จะมีผลอย่างไรครับ ?
ตอบ : มีผลให้เราไล่เตะคนเลี่ยม..! พวกช่างระยำบางทีไม่ได้ทำหายหรอก เขาตั้งใจแคะไป อาตมามีพระคำข้าวที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของวัดท่าซุงเอาไปให้ช่างเลื่ยม ช่างสะกิดไปเสีย ๒ องค์ สมควรตายไหม ?

ถาม : แล้วมีผลต่อพุทธานุภาพหรือไม่ครับ ?
ตอบ : พระท่านเสกทั้งองค์ ไม่ได้เสกเฉพาะตะกรุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2012 เมื่อ 14:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #86  
เก่า 22-04-2012, 13:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเกิดหาเขี้ยวเสือไม่ได้ หาอะไรแทนครับ ประเภทเขี้ยวสิงโต ?
ตอบ : ประเทศไทยยังไม่มีใครทำเขี้ยวสิงโตเลย มีแต่เขี้ยวเสือของหลวงปู่ปาน เขี้ยวหมีของหลวงพ่อนก วัดสังกะสี ความจริงหลวงพ่อนก วัดสังกะสีท่านก็ทำเขี้ยวเสือ แต่ส่วนใหญ่เป็นเขี้ยวหมีมากกว่า

ลองไปหาดู ๑. เขี้ยวเสือหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย ๒.เขี้ยวเสือหลวงพ่อนก วัดสังกะสี ๓. ราชสีห์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ๔. อันนี้หายากหน่อย ราชสีห์หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว เพราะเก่ากว่าหลวงปู่ปาน หลวงปู่เดิมอีก ๕.ผ้ายันต์ราชสีห์ของหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก

ราคาถูกที่สุดน่าจะเป็นผ้ายันต์ของหลวงปู่จง ราคาถูกก็เถอะ เจอคนหวงก็ฟาดไปเป็นหมื่นเหมือนกัน ผ้ายันต์สีหราชบรรลือของหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ใช้คาถา สีหะนาทัง นะทันเตเต ปะริสาสุ วิสาระทา ไปเปิดดูในหนังสือมนต์พิธีของหลวงพ่อพระครูอรุณธรรมรังษี มีอยู่ที่หน้า ๗๓ บรรทัดแรกเลย ขนาดบอกหน้าบอกบรรทัดเลยนะ ถ้าหาไม่เจอก็ไปฆ่าตัวตายเลย..!

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ก็เขี้ยวเสือหลวงพ่อนกนั่นแหละ แต่ส่วนใหญ่เป็นเขี้ยวหมี

ถาม : ท่านอยู่จังหวัดอะไรครับ ?
ตอบ : แถว ๆ บางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ไม่เคยไปเลยใช่ไหม ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 23-04-2012 เมื่อ 16:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #87  
เก่า 22-04-2012, 13:31
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วมีดหมอชาตรีล่ะครับ?
ตอบ : ความจริงอยากจะแนะนำมีดหมอหลวงพ่อเดิม แต่ถ้าไปเจอมีดหมอเก้านิ้ว ตำรวจจับแน่นอน เขาเรียกว่ามีดหมอควาญช้าง รวมด้ามแล้วยาวเป็นศอกเลย

เรื่องของคาถาอย่าไปแปล แปลแล้วไม่ขลัง อย่างคาถาหัวใจราชสีห์ ที่ว่า "ตะมัตถัง ปะกาเสนโต ตัวกูคือพระยาราชสีโห สัตถาอาหะ" ตะมัตถัง ปะกาเสนโต เมื่อจะประกาศพระพุทธศาสนา สัตถาอาหะ พระศาสดาว่าดังนี้ฯ ประโยคที่ว่า "ตัวกูคือพญาราชสีโห" โผล่มาจากไหนไม่รู้

แต่ครูบาอาจารย์ที่ท่านได้อภิญญา ท่านกำหนดขึ้นมาแล้วอธิษฐานจิตทับไว้ ใครใช้ตามก็ได้ผล ถ้าลังเลสงสัยก็ไม่ได้ผล เพราะฉะนั้น..เรื่องของคาถาอย่าไปแปล แปลแล้วไม่ขลัง แบบเดียวกับที่หลวงพ่อบางท่านทำตะกรุดให้ลูกศิษย์ไปใช้ หนังเหนียวนักหนา พอแกะตะกรุดออกมาเจอท่านเขียนเอาไว้ว่า "ไอ้โง่" แต่ทีนี้ท่านทำแล้วขลัง ท่านก็คงรู้ว่าเขาจะต้องแกะ เลยเขียนไปซะเต็ม ๆ ว่า “ไอ้โง่” อยากแกะดีนัก คงจะด่าเพราะเสือกแกะให้เสียของ


วัตถุมงคลของหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ยอย่าไปหา เพราะของปลอมเยอะ เจ้าอาวาสรุ่นถัดมาอีก ๒ องค์ ท่านก็ทำตามครูบาอาจารย์ แล้วยังเป็นช่างรุ่นเดียวกัน ฝีมือเดียวกันอยู่ แต่ว่ารอยจารเขาดูออกว่าคนละลายมือกัน แต่ว่าพอของใช้ไปนาน ๆ แล้วความเก่าใกล้เคียงกัน เซียนเลยแกล้งโง่ ตีเป็นของหลวงปู่ปาน จะได้ขายราคาแพง ๆ

ความจริงมีคาถาอยู่บทหนึ่งแต่ว่าอาตมาเลิกใช้ก็คือ มหาอำนาจพญาครุฑ ที่เลิกใช้ก็เพราะว่าชอบเล่นกับงู พอใช้คาถานี้แล้วงูจะไม่เข้าใกล้

ถาม : คาถานี้ว่าอย่างไรคะ ?
ตอบ : อาตมาไม่ใช้ก็เลยไม่ถ่ายทอดต่อด้วย ลักษณะเหมือนนะจังงัง ตวาดทีคนยืนนิ่งเป็นหุ่นเลย แล้วทีนี้เป็นมหาอำนาจพญาครุฑ ถึงเวลาแล้วงูไม่เข้าใกล้ จะเล่นกับงูเล่นไม่ได้ อาตมาก็เลยเลิกใช้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 23-04-2012 เมื่อ 16:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #88  
เก่า 22-04-2012, 13:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แล้วโดนงูกัด เป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : สี่เขี้ยวเต็ม ๆ ทิ้งไว้หลักฐานไว้ให้เห็นด้วย จะได้ยืนยันกับเขาได้ว่าโดนกัดมาจริง ๆ

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ดีกว่าหลวงพี่สมานหน่อย หลวงพี่สมานท่านสึกไปแล้ว เมื่อก่อนแกเป็นเด็กบ้านนอกชอบตีผึ้ง อุตส่าห์ไปหาคาถาหัวใจหมีมา พอได้มาแล้วท่องคาถา ให้เพื่อนปีนขึ้นไปตีผึ้ง เพื่อนเลยโดนต่อยหัวปูดลงมาเลย

ถาม : ทำไมเป็นอย่างนั้นครับ ?
ตอบ : ก็คนท่องคาถาอยู่ข้างล่าง ส่วนคนไม่ท่องขึ้นไปตีผึ้ง โง่ได้ขนาดนั้นก็สมควรโดน ส่วนเพื่อนก็เชื่อ สุดยอดจริง ๆ อย่างนี้ต่อให้คาถาหัวใจโคตรหมีก็ช่วยอะไรไม่ได้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-04-2012 เมื่อ 14:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #89  
เก่า 23-04-2012, 07:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "หลวงพ่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ให้เจ้าอาวาสใหม่และพระอุปัชฌาย์ใหม่ไปปฏิบัติธรรม ๔๕ วัน จากประสบการณ์ส่วนตัวของอาตมาที่เข้ากรรมฐานมา ตั้งแต่สมัยหลักสูตรพระนักเผยแผ่ หลักสูตรพระธรรมทูตสายวิปัสสนา หลักสูตรประกาศนียบัตรการบริหารกิจการคณะสงฆ์ พุทธศาสตรบัณฑิตและพุทธศาสตรมหาบัณฑิต เข้ากรรมฐานตามแบบสติปัฏฐานสายพองหนอยุบหนอมา น่าจะเกินกว่า ๑๐ ครั้งแล้ว

ทำให้สรุปได้ว่า ท่านที่เข้ากรรมฐานแล้วทำท่าจะตายเสียให้ได้ ก็เพราะว่าใจไปคัดค้านเขา ถ้ากำลังใจของเรายอมรับ เห็นว่าสิ่งนั้นเป็นหน้าที่ซึ่งเราต้องทำ ไม่คัดค้านเขาก็จะอยู่ได้สบาย โดยเฉพาะถ้าใครสามารถเข้ากรรมฐานแบบตั้งเวลาได้จะสบายมากเลย

ช่วง ๑๕ วันที่ผ่านมา อาตมาเข้ากรรมฐานอยู่ พระครูไพโรจน์ภัทรคุณ วัดสระพัง ท่านบอกว่า "อาจารย์เล็กฝึกมาอย่างไรวะ ลงเป็นหลับ ถึงเวลาเป็นตื่น ?" ท่านเองตั้งนาฬิกาปลุกไว้จนเขาตื่นกันหมดทุกคนแต่ท่านยังไม่ลุกเลย อาตมาบอกท่านว่า "คุณไม่ต้องเปลืองนาฬิกาปลุกหรอกครับ เดี๋ยวผมปลุกให้" จะระยะเวลามากน้อยเท่าไร อาตมาสามารถนอนได้เท่าที่ต้องการ อย่างเช่นว่าพอฉันเพลแล้วเหลือเวลาอีกหน่อยหนึ่งก่อนปฏิบัติภาคบ่าย อาตมาก็ยังนอนได้ประมาณ ๓๐ - ๔๐ นาที แต่คนอื่นพอนอนแล้วมักจะหลับยาว ไปไม่ทันเวลาเดี๋ยวก็โดนซ่อม

หลวงพ่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลางรูปปัจจุบัน ท่านมีนโยบายเน้นเกี่ยวกับการปฏิบัติกรรมฐานมากเป็นพิเศษ หลักสูตรปริญญาโทวิปัสสนาภาวนาท่านเป็นคนผลักดันขึ้นมาเอง ตอนนี้มีงานที่พวกเราตั้งใจช่วยกันผลักดัน ก็คือจะตั้งกองวิปัสสนาธุระ ที่ใช้คำว่า "พวกเรา" เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วเขาเอาเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเป็นหัวหอก ก็ถือว่าอาตมาเป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง

ในอดีตนั้น..การศึกษาพระปริยัติธรรมจะต้องปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานควบคู่กันไปด้วยเป็นปกติ พอมาถึงสมัยสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ท่านแยกหลักสูตรปริยัติกับปฏิบัติออกจากกัน เรียนปริยัติโดยไม่ต้องปฏิบัติ ตั้งแต่นั้นมาฝ่ายวิปัสสนาธุระก็ตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ แต่ก็มีบรรดาท่านที่รักการปฏิบัติโดยส่วนตัว และมักจะทำได้ดี ทำให้มีชื่อเสียงกลบฝ่ายปริยัติไปหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2012 เมื่อ 11:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #90  
เก่า 23-04-2012, 07:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มาถึงยุคนี้..หลวงพ่อเจ้าคณะใหญ่หนกลางรูปปัจจุบัน ท่านพยายามผลักดันและต้องการให้มีกองวิปัสสนาธุระ เพื่อจะได้มีงบประมาณสนับสนุนอย่างเป็นทางการ เพราะว่าการศึกษาในพระพุทธศาสนานั้น ก็คือศึกษาทั้งปริยัติและปฏิบัติ

ด้านปริยัติคือการศึกษาตำรานั้น มีแม่กองธรรมสนามหลวงแล้ว ก็คือศึกษานักธรรมตรี โท เอก มีแม่กองบาลีสนามหลวง ก็คือศึกษาเปรียญธรรมประโยค ๑ - ๙ ก็แปลว่าฝ่ายปริยัติธรรมมีแม่กอง ๒ แม่กอง แต่ว่าฝ่ายปฏิบัติไม่มีเลย จึงอยู่ในลักษณะต้องอาศัยกำลังของเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมทั่วประเทศ ช่วยกันผลักดันให้เกิดกองวิปัสสนาธุระ ที่มีศักดิ์ศรีเทียบเท่ากองธรรมสนามหลวงและกองบาลีสนามหลวงขึ้นมา

คาดว่าถ้าตั้งสำเร็จ แม่กองวิปัสสนาธุระรูปแรกก็น่าจะเป็นหลวงพ่อสมเด็จฯ หนกลาง นี่ถือว่าเป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่ง แม้ว่าการปฏิบัติธรรมทุกวันนี้อยู่ในลักษณะคล้าย ๆ กับเป็นแฟชั่น ก็คือมีคนดัง มีดาราเข้ามาปฏิบัติกันมาก เหมือนอย่างกับว่าถ้าใครไม่ทำก็ตกยุค แต่ว่าพวกเราก็จะฉวยโอกาสนี้ผลักดันให้มีกองวิปัสสนาธุระขึ้นมา เพื่อจะได้เข้มแข็งเหมือนในอดีต แต่ว่าคงไม่ต้องเข้าแข่งขันกันเหมือนสมัยก่อนที่พระปฐมเจดีย์นะ

มีอยู่ยุคหนึ่งที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส กำหนดให้พระเกจิอาจารย์มาแสดงฝีมือแข่งกัน จะได้มั่นใจว่าการปฏิบัตินั้นมีผลจริง ๆ ท่านเอากบไสไม้มาวางไว้บนท่อนไม้ นิมนต์พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยในยุคนั้นทั้งหมดมารวมกัน นั่งภาวนาบังคับกบไสไม้ให้ได้ ปรากฏว่าบางท่านที่มีความคล่องตัวก็สบายมาก ทำให้กบไสไม้ไสปรื๊ดกลับไปกลับมาได้ บางท่านกบไสไม้ก็กระโดดเป็นกบจริง ๆ

แต่ว่าหลายท่านที่มีชื่อเสียงทำไม่ได้ เพราะว่าท่านถนัดแค่วิชาการบางอย่าง แต่ไม่ชำนาญในกสิณ ๑๐ ไม่สามารถจะบังคับให้กบไสไม้ให้ไสไปมาได้ นี่เท่ากับว่าเสียเลยนะ ทั้ง ๆ ที่ท่านเก่งจริง แต่ว่าเก่งคนละด้าน ไม่ได้ฝึกกสิณ ๑๐ มา โดยเฉพาะกสิณลม ก็เรียบร้อย ไปไม่รอด แต่ว่าหลายท่านก็ประเภทดำน้ำไป บังคับให้เคลื่อนปรื๊ด ๆ อย่างคนอื่นไม่ได้ ก็เล่นกระโดดเลย เพราะว่าประเภทใช้พลังจิตบังคับ กระโดดได้ สั่นได้ เต้นได้ ช่วงนั้นเขาไปแข่งขันกันที่พระปฐมเจดีย์ สถานที่กว้างพอ กองเชียร์เข้าไปดูกันได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2012 เมื่อ 11:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #91  
เก่า 23-04-2012, 07:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สรุปว่าท่านที่ใช้ไสยเวทย์อาคมสู้ท่านที่มาจากสายกรรมฐาน ๔๐ ไม่ได้ เพราะสายที่มาจากสายกรรมฐาน ๔๐ ถึงเวลาท่านสามารถใช้อำนาจกสิณบังคับให้วัตถุเคลื่อนที่ได้ แบบหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก เสกปลาตะเพียนโลหะ เทลงกลางแม่น้ำ ให้ว่ายกลับมาเข้ากะละมังได้ นั่นเป็นวาโยกสิณ

ครั้งนั้นทำเอาอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเรื่องของคาถาอาคมเสียมวยไปหลายองค์ แต่จะไปว่าท่านไม่เก่งก็ไม่ได้ ถ้ากำหนดตามแบบที่ท่านถนัด ท่านเก่งกว่า แต่ไปเล่นของที่ท่านไม่ถนัด เคยต่อยมวยไทยอยู่ จู่ ๆ ให้ไปชกมวยสากล ท่านก็ไปไม่เป็น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2012 เมื่อ 11:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #92  
เก่า 23-04-2012, 07:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงว่า "ในเรื่องของวัดควรจะเป็นการกุศล วัดไหนที่เป็นประเภทเอาเงินไว้ก่อน โยมที่เคยช่วยงานวัดแล้วเห็นว่าไม่ชอบมาพากล ก็ถอนตัวไปเรื่อย พอถอนตัวออกไปงานของวัดที่เคยมีคนช่วยก็สะดุด

โบราณเขาพูดถูกว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน พอนานไปของแท้หรือของเทียมก็จะปรากฏชัดขึ้นเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2012 เมื่อ 11:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #93  
เก่า 23-04-2012, 07:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ช่วงสงกรานต์ มีก่อพระทรายที่วัดท่าขนุนหรือเปล่า ?
ตอบ : มีอยู่แล้ว วัดท่าขนุนนี่เทศบาลจะเข้ามามีบทบาทด้วย โดยเฉพาะการละเล่นพื้นเมืองต่าง ๆ อย่างปีที่แล้วปีนเสาน้ำมัน อาตมาให้รางวัลเขาพันหนึ่ง ปีนกันแทบตายก็ปีนไม่ได้ ท้ายสุดต้องยอมให้เขาต่อตัวกันขึ้นไปเอา เพราะคนทำเสาน้ำมันโหดมาก ทาน้ำมันเสร็จยังไม่พอ ยังเทใส่กระบอกไว้อีกต่างหาก พอคนปีนเขย่า ๆ น้ำมันก็ไหลลงมาอีก..(หัวเราะ)..เขากะว่าปีน ๆ ไปแล้วเสาจะแห้ง คนหลัง ๆ จะขึ้นได้ แต่นี่ไม่แห้งสักที

ส่วนเวทีมวยทะเลกลายเป็นสระน้ำเด็กไปเลย ต่อยมวยกันไปต่อยมวยกันมา เด็ก ๆ เล่นด้วย โดดลงไปแช่เลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2012 เมื่อ 11:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #94  
เก่า 23-04-2012, 08:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนที่เป็นเจ้าอาวาสใหม่ ถ้าหุบปากให้เป็น อยู่ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวคนก็เห็นความดี เขาก็จะเข้ามาสนับสนุนเอง ส่วนคนที่ไม่เห็นความดี เห็นแต่ประโยชน์นั้นมีไม่กี่คนหรอก สำคัญตรงที่ต้องมีความอดทนพอ ถ้าอดทนไม่พอก็อยู่กับเขาไม่ได้

ตอนอาตมาอยู่ที่เกาะพระฤๅษีปีแรก ๆ เขามาข่มขู่สารพัด ขนาดมาซ้อมยิงปืนกันที่หน้ากุฏิหัวเกาะ อาตมาก็เดินออกไปดู "ถุย..! มึงยิงกันได้แค่นี้เองหรือ ? เอามา..กูจะยิงให้ดู" ยิงใส่ไปชุดเดียว เขาไม่มาอีกเลย แล้วเอาไปลือกันว่าหลวงพ่อวัดเกาะยิงปืนแม่นฉิบหา..เลย..!

ถึงเวลาพวกเขาไปทำไม้ พวกป่าไม้เขามาถามว่า "หลวงพ่อสั่งพวกมันไปทำไม้ข้างบนหรือ ?" อาตมาบอกว่า "เฮ้ย..ไม่ได้ทำ" "แต่เขาบอกว่าไม้ของหลวงพ่อ" ก็เลยชวนพวกป่าไม้ขึ้นไปดู พอไปถึงเห็นเขาตั้งแคมป์ มีคนงานอยู่สิบกว่าคน ไปถึงอาตมาก็ถามว่า "ไม้ของใครวะ ?" เขาบอกว่า "ของหลวงพ่อที่ป่าไม้ครับ" "เออ..กูเองแหละ ช่วยขนขึ้นรถให้ด้วย" กวาดมาซะเรียบเลย เอาไปแจกตามหน่วยป่าไม้ ให้เอาไปทำเรือนเพาะชำ ก็เขาบอกว่าของอาตมา เราก็มีสิทธิ์สิ

หัวหน้าคนงานบอกว่า "ถ้าอาจารย์ไม่อยู่ มันตามยิงหัวผมแน่" "ไม่เป็นไร..ถ้ามึงตายเดี๋ยวกูสวดให้"..(หัวเราะ)..ไป ๆ มา ๆ คนงานแอบมากระซิบ "อาจารย์ไม่กลัวบ้างเลยหรือ ?" อาตมาก็บอกว่า "จะไปกลัวอะไร ถ้าชกกันกูก็ไม่แพ้มันหรอก ถ้ายิงกันกูชนะแน่..!" จบเลย เล่นกับพวกนี้ต้องทำให้เขาดูว่าเราเหนือกว่า ไม่อย่างนั้นเขาไม่ยอมลงให้

เหมือนอย่างลุงพร เมาแล้วชอบซ่าในวัด พอโดนไปเปรี้ยงเดียวลืมโลก ตั้งแต่นั้นมาถึงลุงพรจะเมาแค่ไหน พอได้ยินเสียงเจ้าอาวาสวัดเกาะพระฤๅษี เดินตัวตรงแน่ว ไม่เคยเซให้เห็นเลย..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2012 เมื่อ 13:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #95  
เก่า 23-04-2012, 08:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ผู้ใหญ่บ้าน (ตอนนี้เป็นกำนันไปแล้ว) มาตะโกนเรียกอาตมาอยู่ที่สะพาน "อาจารย์ครับ" "มีธุระอะไร ?" "มีเรื่องอยากจะคุยด้วย" "ก็เข้ามาสิ" อาตมาเห็นเขาถือขวดอยู่ "เหล้าหรือเปล่า ?" "ไม่ใช่ครับ..น้ำอัดลม" "เออ..น้ำอัดลมข้าไม่ได้ห้าม เข้ามาเถอะ" ช่วงนั้นเขาโดนกันบ่อย ก็เลยกลัว

ก่อนอาตมาไปอยู่ปีหนึ่ง เขารุมตีพระตายไปรูปหนึ่ง เป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยสมจิตร เรื่องขัดผลประโยชน์ทำไม้ของเขาแหละ พออาตมาเข้าไปก็เลยกลายเป็นดัง ด้วยความที่วัดอยู่ในป่า ถ้าเวลากลางคืนเปิดไฟ แมลงจะมาเล่นไฟแล้วตายกันเยอะ อาตมาก็ปิดไฟ เขาก็เอาไปลือกันว่า อาจารย์ท่านเตรียมรับมือกับพวกที่จะมา ไปกันใหญ่เลย ดีเหมือนกัน..ทำให้ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วย

ดู ๆ แล้วคนกับสัตว์เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือจะรังแกแต่คนที่กลัว สัตว์ก็เหมือนกัน ถ้าตัวไหนกลัว ทำตัวอ่อนแอเข้ามา โดนไล่ฟัดเลย พอไปเจอที่ไม่กลัวก็ทำอะไรไม่ถูก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-04-2012 เมื่อ 12:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #96  
เก่า 25-04-2012, 08:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมวางพระพุทธรูปไว้บนพื้น พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าไม่จำเป็นจนถึงที่สุดขนาดถึงแก่ชีวิตแล้วละก็..อย่าวางพระไว้ต่ำเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2012 เมื่อ 10:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #97  
เก่า 25-04-2012, 08:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงสำนวนตัดหางปล่อยวัดว่า "สำนวนตัดหางปล่อยวัด เกิดจากการที่คนสมัยก่อน เอาหมาหรือไก่ไปปล่อยวัด แล้วตัดหางเพื่อให้ต่างจากหมาของตัวเองหรือไก่ของตัวเอง ไม่อย่างนั้นพอถึงเวลาก็จะไปหากินปนกัน ไม่รู้ว่าเป็นของใคร

อีกประการหนึ่ง ถ้าหมาโดนตัดหางแล้วมักจะจำว่าใครทำ จำว่าโดนคนนี้ทำอันตรายมา ต่อไปก็จะไม่ไปหาคนนั้นอีก เขาจะได้ปล่อยวัดได้สมใจนึก ส่วนไก่ไทยเราแต่เดิมมักจะเป็นพันธุ์ที่มีเชื้อไก่ป่า บินอย่างกับนก เขาจึงตัดหางเพื่อจะได้ไม่บินไปไกล

สรุปว่าการตัดหางปล่อยวัดมีสองความหมายด้วยกัน ความหมายแรก เพื่อให้มีความต่างจากสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ความหมายที่สอง เพื่อเป็นที่จดจำ เมื่อเป็นอย่างนั้นพอถึงเวลาใครเอาลูกเอาหลานไปไว้วัด เขาก็เลยพูดเล่นกันว่า “โดนตัดหางปล่อยวัด”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2012 เมื่อ 10:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #98  
เก่า 25-04-2012, 08:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เห็นโยมแต่งตัวแล้วนึกถึงซินเดอเรลล่าตอนลอกคราบเป็นเจ้าหญิงแล้ว เด็ก ๆ รุ่นหลังไม่ค่อยได้อ่านนิทานเหล่านี้นะ

ครั้งหนึ่งยังมี.............ดรุณีโสภา
ชื่อซินเดอเรลล่า..........กำพร้าพ่อแม่
อยู่กับแม่เลี้ยง...........ลำเอียงมากแท้
เพราะเธอรักแต่..........ลูกสาวของตน
แม่เลี้ยงนั้นมี.............บุตรีสองสาว
นิสัยก้าวร้าว..............ดุร้ายเหลือล้น ฯลฯ

น่าเสียดาย...อะไรที่ดี ๆ มักจะไม่ค่อยเหลือสำหรับคนรุ่นหลัง เรื่องซินเดอเรลล่าไม่ดีตรงที่ทำให้เด็ก ๆ เพ้อฝัน แล้วก็รอแต่คนช่วยเหลือ แต่ว่าดีในแง่ของความกตัญญู อดทน อ่อนน้อมถ่อมตน แต่ว่าทั้งนี้นิทานทั้งหมดก็ช่วยเสริมสร้างจินตนาการ ทำให้เด็กคิดเป็น

อาตมาเขียนเรียงความได้คะแนนเต็มมาตั้งแต่อยู่ชั้น ป.๓ เพราะอ่านนิทานพวกนี้ไว้เยอะ บางทีอาจารย์ท่านตรวจแล้ววงไว้ เขียนกำกับว่า “สำนวนแรงไป” อาตมาเป็นเด็ก นึกอย่างไรก็เขียนอย่างนั้น แต่อาจารย์ท่านเป็นผู้ใหญ่ ให้คะแนนเต็มแต่ว่าวิจารณ์มาให้ด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2012 เมื่อ 10:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #99  
เก่า 25-04-2012, 08:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาอบรมเด็กหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะพวกวัยรุ่น บอกเขาว่า “พวกเธออยู่ในวัยวิกฤติ เรามักจะคิดว่าเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่พ่อแม่มักจะเห็นเราเป็นเด็ก คราวนี้การจะเป็นผู้ใหญ่นั้นจะต้องมีส่วนประกอบอะไรบ้าง ? ให้พวกเธอลองพิจารณาดู อันดับแรก ถ้าไม่มีพ่อไม่มีแม่เราสามารถที่จะอยู่ได้หรือไม่? ” เงียบไปทั้งศาลา

พอถามเข้าจริง ๆ ว่า ใครมั่นใจว่าถ้าพ่อแม่ตายลงวันนี้ แล้วเราอยู่ได้โดยไม่ต้องพึ่งใคร มียกมือมา ๓ - ๔ คนจากนักเรียนเป็นร้อย ๆ คน สรุปว่าคนที่บอกว่าไม่ต้องพึ่งใครนั่นแหละ เขาหวังพึ่งอยู่แล้ว คิดว่าถ้าพ่อแม่ตายแล้วจะไปอยู่กับใครได้บ้าง ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ผู้ใหญ่หรอก แล้วอาตมาก็พูดไล่ไปเรื่อย เรื่องความอดทน ความเสียสละ ความรู้กาลเทศะ สรุปว่าหาไม่ได้หรอก ฉะนั้น..จงยอมเป็นเด็กเสียเถอะ ยังเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้หรอก

“เวลามีปัญหาเกิดขึ้นสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นเลยหรือไม่ ?” เงียบ...สรุปแล้วเด็กมักจะคิดผิด แต่พอเตือนสติขึ้นมาแล้วเขาก็นึกได้ว่า ใช่..เขายังเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้จริง ๆ ข้อที่นึกไม่ถึง ก็คือ เขาบอกว่าผู้ใหญ่หลายคนก็เป็นอย่างนี้ แสดงว่าใหญ่แต่อายุ ใหญ่แต่ตัว ถ้าหากว่าขาดคนให้พึ่งพิงก็เอาตัวไม่รอด

แต่จะว่าไปแล้วมนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม การพึ่งพิงคนอื่นเป็นเรื่องที่จำเป็น แต่ต้องยืนหยัดด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด ให้คนอื่นพึ่งเป็นเรื่องที่สมควร พึ่งพิงคนอื่นเป็นเรื่องที่ไม่สมควร เพราะว่าการพึ่งพิงคนอื่นไม่ใช่ที่พึ่งที่แท้จริง ถึงเวลาไม่มีเขาเราก็จะเดือดร้อน

ลักษณะเดียวกับการคิดพิจารณาว่า ถ้าเราตายลงไปตอนนี้เราพร้อมหรือไม่ ? คล้าย ๆ กัน..เราก็มาดูว่าคนที่รักมีหรือไม่ ? ของที่รักมีหรือไม่ ? ทรัพย์สมบัติมีหรือไม่ ? ทั้งหมดนี้เราทิ้งไปเลยได้หรือไม่ ? มีญาติโยมจำนวนมากไม่กล้าปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเอง เพราะกลัวผลกระทบที่จะตามมา ส่วนอาตมาพลิกชีวิตตัวเองเล่น ๓ - ๔ ตลบมาตลอด ก็เลยสนุกกับชีวิตมาก

เรียนหนังสืออยู่ก็วิ่งมาทำงานที่กรุงเทพฯ ทำงานกับพี่น้องอยู่ดี ๆ ไม่ต้องลำบาก ก็แหกคอกไปทำงานที่โรงงานไทยญี่ปุ่นเมทัลอุตสาหกรรม ทำไปทำมาได้เลื่อนขึ้นไปเป็นหัวหน้าแผนก ก็ลาออกมาหางานทำเอง ทำงานกำลังรุ่งก็วิ่งไปเป็นทหาร ทิ้งทุกอย่างไปเรียน จนกระทั่งกำลังรุ่งสุด ๆ ชนิดรับ ๒ ขั้นทุกปีก็ลาออก มาหางานทำใหม่ ทำไปทำมากำลังรุ่ง ๆ อีกก็มาบวช บวชไปบวชมาอยู่วัดท่าซุงจนเป็นเจ้าพ่อ ใครจะทำอะไรต้องมองหน้าอาตมาก่อน ถ้าไม่พยักหน้าเห็นด้วยเขาก็ไม่กล้าทำ แล้วก็ออกมาตกระกำลำบากใหม่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 25-04-2012 เมื่อ 17:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #100  
เก่า 25-04-2012, 08:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,443 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าหากว่าเราไม่กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เราก็จะจมอยู่แต่เรื่องเดิม ๆ เหมือนกับชีวิตตายนิ่งไปเฉย ๆ ในเมื่อตายนิ่งไปเฉย ๆ เดี๋ยวก็จะเป็นน้ำเน่า ไม่มีการขวนขวายดิ้นรนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า แล้วจะค่อย ๆ สูญเสียกำลังใจ สูญเสียความตั้งใจ และท้ายสุดเมื่อวันเวลาผ่านพ้นไป ก็ได้แต่นั่งถอนใจว่า น่าจะทำเสียตั้งนานแล้ว

เพราะฉะนั้น..ถ้ายังมีแรงอยู่ต้องรีบทำ ถ้ารอให้หมดแรงก็ไม่ไหวแล้ว ได้แต่พึ่งคนอื่น เหมือนกับคนที่จะเข้าวัด ให้รีบเข้าเสียขณะที่ตัวเองยังไปเองได้ อย่ารอให้คนอื่นเขาหามเราเข้าไป เพราะถ้ารอเขาหามเข้าวัด ส่วนใหญ่เขาก็หามไปเผาแล้ว จะหามไปทำบุญใส่บาตรก็ทำอะไรไม่ถนัด เป็นใหญ่เป็นโตขนาดมีเก้าอี้ประจำตำแหน่งแล้ว พอถึงเวลาเขาก็หิ้วไปทั้งเก้าอี้ แล้วก็ไปวางแปะเอาไว้ ไปไหนก็ไม่ได้ ถ้ามีแรงมากหน่อยก็พอเข็นเก้าอี้ไปได้ ถ้าแรงไม่พอก็ทำอะไรไม่ได้อีก

ฉะนั้น..ควรเข้าวัดตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่หนุ่มสาว วางพื้นฐานให้กับตัวเอง เหมือนกับสะสมแต้มไปได้มาก ถึงเวลาถ้าจำเป็นจะต้องเดินทางไกล (ตาย) ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะว่าเสบียงอาหาร (บุญกุศล) พร้อมแล้ว แต่คนอื่นที่ไม่ได้เริ่มเลย มาทำตอนแก่ก็แย่แล้ว คราวนี้จะทำอย่างไรดี ? บุญก็ไม่ได้สะสมไว้ บาปก็บานตะเกียงเลย ท้ายสุดก็ต้องมานั่งเครียด จิตใจเศร้าหมอง ตกสู่อบายภูมิอีก เป็นอันว่าเฮงไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-04-2012 เมื่อ 10:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 148 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:04



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว