กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #141  
เก่า 30-06-2011, 21:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระกุมารกัสสปะกล่าวว่า "ก็เช่นกัน มหาบพิตร..บุคคลพอลงไปรับโทษหนักอยู่ในนรก นายนิรยบาลเขาไม่ยอมปล่อยมา ญาติที่ไหนจะมาบอกกับท่านได้"พระเจ้าปายาสิจึงกล่าวว่า "แล้วพวกที่ไปสวรรค์เล่า ? ญาติมิตรสาโลหิตของข้าพเจ้าที่มีอยู่ พอถึงเวลาใกล้ตาย ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านทั้งหลายทำความดีไว้มาก ถึงเวลาต้องไปสุคติโลกสวรรค์แน่นอน ข้าพเจ้าก็ไปแจ้งแก่พวกนั้นว่า ถ้าไปสวรรค์แล้วให้กลับมาบอกด้วย ก็ไม่เห็นมีใครมาสักคน แล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่าตายแล้วไม่สูญ ?"

พระกุมารกัสสปะบอกว่า "ดูก่อน..มหาบพิตร..อันบุรุษที่ตกลงไปในหลุมคูถ(ขี้) เมื่อพระองค์ท่านให้ราชบุรุษนำขึ้นมา ใช้ซี่ไม้ไผ่ครูดอุจจาระจนสะอาด ให้อาบน้ำ ลูบไล้ด้วยของหอมเครื่องย้อมเครื่องทา ให้นุ่งผ้าอันสวยงามพร้อมกับสวมพวงมาลัยดอกไม้ แล้วจะให้เขากระโดดลงไปในบ่ออุจจาระอีก จะเป็นไปได้หรือไม่ ?"

พระเจ้าปายาสิบอกว่า "ไม่มีใครเขาทำอย่างนั้นแน่" พระกุมารกัสสปะบอกว่า "ก็เช่นเดียวกัน..มหาบพิตร กลิ่นมนุษย์เหม็นไปไกลเป็นโยชน์ เทวดาที่ไหนอยากจะเข้าใกล้ แล้วผู้ใดจะมาบอกกับท่านได้เล่า"

ลองไปอ่านดูนะ สนุกมาก ท่านเปรียบเทียบแต่ละอย่างชัดเจนมาก เหมือนกับหงายของที่คว่ำ เหมือนกับตามประทีปในที่มืด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2011 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #142  
เก่า 30-06-2011, 22:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บางทีครูบาอาจารย์ท่านไม่ได้สอนนะ ท่านทำให้ดูเป็นตัวอย่าง นั่นยิ่งกว่าสอนอีก

มีเรื่องหนึ่งที่ให้ทิดตู่เขียน แต่ทิดตู่บอกว่าอย่างไรก็เขียนไม่ได้ เพราะอารมณ์ใจไม่ถึง ตอนนั้นที่เกาะพระฤๅษี มีต้นประดู่ส้ม(ประดู่เลือด) ถ้าคนไม่รู้จักต้นไม้ชนิดนี้แล้วไปฟันต้นเข้า ก็จะขวัญหนีดีฝ่อ เพราะยางไม้จะไหลมาสีเหมือนกับเลือด

ปีหนึ่งประดู่ส้มก็จะผลัดใบครั้งหนึ่ง ตอนที่ใบอ่อนเกิดจะมีหนอนบุ้งซึ่งเป็นหนอนคันมากิน หนอนพวกนี้พออยู่ในระยะดักแด้ก็จะสลัดขนทิ้งหมด ขนคัน ๆ นั้นก็จะปลิวว่อน พวกเราก็เกาบ้าง ทนบ้าง

คุณจิรา ลิ่วเฉลิมวงศ์ (ญาติของคุณแบม จณิสตา) เขาไปอยู่ปฏิบัติธรรมที่เกาะ โดนขนบุ้งเข้าไปแล้วเกิดอาการภูมิแพ้อย่างหนัก คอบวมขนาดหายใจไม่ได้ เขาก็มาบ่นให้ฟัง อาตมาจึงตัดสินใจแก้ที่ต้นเหตุ ตัดต้นประดู่ส้มทิ้งเลย ต้นใหญ่มากก็ต้องปีนขึ้นไปหั่นยอดลงมาก่อน

ไม่มีใครกล้าขึ้นไปเพราะคันตายชัก อาตมาต้องตะกายขึ้นไปฟันยอดเอง พอลงมาข้างล่าง จากคนดี ๆ กลายเป็นคางคก เพราะคันบวมไปทั้งตัว จึงบอกพวกทิดตู่ว่า "ไปตำใบพลูตำกับเหล้ามาให้ที จะทาแก้คัน" หลังจากสรงน้ำแล้วจึงทา ทาเสร็จก็ไปทำวัตร เดินตาตี่มองทางเกือบไม่เห็น เพราะคันจนบวมไปทั้งตัว

ทิดตู่เขาก็ถามว่า "หลวงพี่ทนได้อย่างไร ? ไม่เกาสักแกรกเดียว" เราบอกว่า "ยิ่งเกาก็ยิ่งลามสิวะ" ทิดตู่ก็ถามอีกว่า "คันขนาดนั้น แล้วทำไมยังทนได้ ?" อาตมาบอกว่า "ไม่ต้องทนหรอก ทำไม่รู้ไม่ชี้ซะก็หมดเรื่อง" จนป่านนี้ทิดตู่เขายังไม่กล้าเขียนเรื่องนี้เลย เขาบอกว่าทำไม่ถึง ในเมื่อทำไม่ถึงอธิบายอารมณ์ไม่ถูก ก็ไม่เขียนหรอก ทำไม่รู้ไม่ชี้ ฟังดูง่ายนะ แต่ลองเจอด้วยตัวเองแล้วทำดูบ้างสิ..!

ในสิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านทำให้ดู เพราะว่าสอนไปลูกศิษย์ก็โหนไม่ถึง จะไปบอกว่าวางกำลังใจอย่างนั้น วางกำลังใจอย่างนี้ ป่วยก็เหมือนกับไม่ป่วย ไม่ต้องไปอธิบายหรอก เต่าไปอธิบายให้ปลาฟังว่าบนบกหน้าตาเป็นอย่างไร ปลาฟังให้ตายก็ไม่รู้เรื่องหรอก ยกเว้นว่าปลาตัวนั้นจะตะกายขึ้นบกไปเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 02-07-2011 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #143  
เก่า 01-07-2011, 03:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : สรุปลงตรงที่ว่า สักกายทิฐิยังตัดไม่ได้ ก็เลยยังยึดเหนี่ยวอยู่ ทั้ง ๆ ที่คุณอยากจะละนั่นแหละ เกิดจากปัญญาไม่พอ ในเมื่อปัญญาไม่พอ เราจะไม่เห็นทุกข์เห็นโทษ เมื่อไม่เห็นทุกข์เห็นโทษ ก็ไม่เกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด ไม่คิดจะดิ้นรนหนี แถมบางคนปัญญาน้อยก็คิดว่าดีเสียอีก ก็เลยไปยึดมั่นหนักเข้าไปใหญ่

เราเริ่มต้นด้วยการตั้งใจละสักกายทิฐิ แต่ทำไป ๆ กลายเป็นยึดมั่นโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในส่วนของรูปภพ อรูปภพ เพราะมีแต่ความสุขโดยส่วนเดียว ก่อนที่จะพ้นจากเขตนั้นมาจะไม่เจอกับความทุกข์

ยกเว้นว่าบุคคลที่ตั้งใจดิ้นรนเพื่อจะให้พ้นทุกข์ เห็นว่าการดำรงอยู่แม้ในสภาพของขันธ์ทิพย์ก็ยังเป็นทุกข์อยู่ เพราะต้องขวนขวายเพื่อความหลุดพ้น ถ้าปัญญาระดับนั้นจึงจะเห็นได้

ดังนั้น..ยิ่งเป็นภพที่ละเอียด ก็ยิ่งละได้ยากขึ้น สรุปง่าย ๆ ว่าเกิดจากปัญญาไม่เพียงพอ ก็เลยไม่เห็นโทษ ไม่เบื่อหน่าย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2011 เมื่อ 16:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #144  
เก่า 01-07-2011, 03:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : จริง ๆ ในเรื่องสักกายทิฐิ ก็คือ การยึดมั่นว่าตัวเราเป็นของเรา ถ้าสามารถพิจารณาให้เห็นชัดว่าสักแต่เป็นรูปนาม สักแต่เป็นธาตุ ประชุมรวมขึ้นมาให้อาศัยเป็นร่างกายชั่วคราว ถ้ารู้เห็นจริงจัง สภาพจิตยอมรับ ก็จะคลายความยึดมั่นนั้นออก

วิจิกิจฉา ตัวลังเลสงสัยในคุณพระรัตนตรัย ถ้าหากว่าเราเข้ามาปฏิบัติ ตัวนี้ถือว่าได้กำไร เพราะว่าต้องสงสัยน้อยแล้วจึงยอมปฏิบัติ เราก็แค่ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้แน่นแฟ้นจริง ๆ เท่านั้น ก็ไปสำคัญตรงสีลัพพตปรามาส การรักษาศีลไม่จริงจัง สักแต่ว่าลูบ ๆ คลำ ๆ ก็เอาให้จริงจัง ไม่ล่วงศีลด้วยตัวเอง ไม่ยุให้คนอื่นทำ ไม่ยินดีเมื่อคนอื่นทำ สามารถทำไปพร้อมกับสมาธิ ควบไปจนสติตั้งมั่นถึงขนาดที่ขยับตัวเมื่อไรก็รู้ว่าศีลจะขาด ถ้าทำได้ระดับนั้นเมื่อไร ก็มีสิทธิ์ที่จะก้าวข้ามสังโยชน์สามข้อแรกได้

แต่ทั้งสามข้อที่ว่ามานี้ ตัวสักกายทิฐิไม่ได้ขาดเสียทีเดียว เพียงแต่เบาบางลง ยกเว้นเราจะตัดสังโยชน์ระดับสูงขึ้นไป ก็จะค่อยละสักกายทิฐิเบาบางตามลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงข้อสุดท้าย จึงจะละได้อย่างแท้จริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2011 เมื่อ 16:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #145  
เก่า 01-07-2011, 03:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีคนนำเสียงอ่านพระไตรปิฎกมาถวายพระอาจารย์ ท่านจึงกล่าวว่า "เป็นความพยายามอย่างสูงสุดของคนอ่าน โดยเฉพาะในส่วนของอภิธรรม คนที่สมาธิไม่ดีทนอ่านไม่ได้หรอก เพราะเป็นการอ่านอะไรที่เราก็ไม่เข้าใจ นี่เขาอุตส่าห์อ่านได้ครบแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ คนแบบนี้หาได้ยากมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-07-2011 เมื่อ 17:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #146  
เก่า 01-07-2011, 21:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ได้กล่าวเตือนผู้ที่เลี้ยงสุนัขว่า "ขอเตือนอีกวาระหนึ่ง เลี้ยงหมาอย่ารักเขาจนเกินไป ให้มีสติรู้ด้วย เพราะถ้าจิตใจยึดเกาะหมามาก ไปดีใจเสียใจกับหมามาก นั่นไม่ใช่รักแต่เป็นหลง ตายตอนนั้นจะไปเกิดเป็นหมาแทน..!

สมัยอาตมายังวัยรุ่นอยู่ พี่สาวข้างบ้านเลี้ยงหมาไว้ ๕-๖ ตัวด้วยกัน เอาหมานอนบนเตียงเลย ไปบ้านพี่เขาเมื่อไร พอพี่เขาเปิดประตูรับอาตมาก็แทบจะหงายท้อง เพราะว่ากลิ่นหมามาเต็ม ๆ คนที่อยู่ด้วยจนชินจะไม่ได้กลิ่น แต่คนที่นาน ๆ เข้าไปทีจะได้กลิ่นชัดมาก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #147  
เก่า 01-07-2011, 21:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"หมาพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดเป็นหมากู้ภัย น้ำหนักตัวได้ถึงสองร้อยปอนด์ เซนต์เบอร์นาร์ดเกิดในพื้นที่หิมะ อุ้งเท้าใหญ่ เดินบนหิมะได้ง่าย เวลาคนติดในหิมะ เขาจะฝึกหมาพวกนี้ให้เป็นหมากู้ภัย ที่คอของเซนต์เบอร์นาร์ดจะมีถังบรั่นดีเป็นถังไม้เล็ก ๆ ผูกไว้ พอไปเจอคนที่ติดในหิมะ ก็จะไปนอนคร่อมเขา เพื่อไม่ให้หนาว แล้วเขาจะได้เปิดถังบรั่นดีกิน เพื่อรักษาชีวิตไว้ก่อนที่หน่วยกู้ภัยจะไปถึง

แต่คนจีนใช้เซนต์เบอร์นาร์ดผิดประเภท เลี้ยงแค่สองเดือนก็จัดการตุ๋น หมาพันธุ์ใหญ่ ถ้ายังอายุน้อยอยู่เนื้อจะนิ่ม ต้องได้อายุของเขากล้ามเนื้อถึงจะแข็งแรงเต็มที่ เขาก็เลยกินตั้งแต่ตอนที่ยังอายุน้อย ๆ "
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #148  
เก่า 01-07-2011, 21:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถ้าจะเลี้ยงหมาก็ให้รักเขาจริง ๆ โดยเฉพาะหมาพลังสูงอย่างโกลเดนรีทรีฟเวอร์ ถ้าไม่มีเจ้าของเล่นด้วยก็จะเฉา แต่เจ้าของก็เล่นด้วยไม่ไหวหรอก เพราะหมาพันธุ์นี้กระโดดโลดเต้นทั้งวัน และตัวใหญ่มาก

เมื่อก่อนน้องแพทรูปร่างกลมเป็นลูกฟุตบอล ส่วนน้องเจนนี่ก็แห้งเป็นตะเกียบ ตอนนี้น้องแพทโตเป็นสาวผอมสวย ส่วนน้องเจนนี่อ้วน เพราะน้องแพทเขาได้หมาพันธุ์ร็อตไวเลอร์มาเป็นของขวัญวันเกิด เขาพาไปหาสัตวแพทย์ฉีดยา สัตวแพทย์แนะนำว่าอย่าเลี้ยงให้อ้วน ถ้าอ้วนมากจะเป็นโรคง่ายและตายเร็ว

น้องแพทเขารักหมามาก กลัวหมาจะตายก็พาหมาไปวิ่งลดความอ้วนทุกวัน เจ้าร็อตไวเลอร์วิ่งแต่เจ้าของรั้งไม่อยู่ ก็เลยกลายเป็นเจ้าของวิ่งตามหมาทุกวัน จากอ้วน ๆ กลายเป็นผอมกะหร่องไปเลย ส่วนหมายังอ้วนเท่าเดิม กลายเป็นว่าคุณูปการของการเลี้ยงหมา ก็คือ ทำให้หุ่นสวย

สมัยก่อนที่เกาะพระฤๅษีมีหมาชื่อฟ้าใส เป็นหมาพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกี้ หลงทางมา ปกติไซบีเรียนฮัสกี้จะอยู่ในทุ่งน้ำแข็งในไซบีเรียมาตลอด จึงไม่สามารถที่จะทำเครื่องหมายได้ เพราะฉี่ออกมาก็เป็นน้ำแข็ง เป็นอย่างนี้รุ่นแล้วรุ่นเล่า กลายเป็นพัฒนาการอยู่ในดีเอ็นเอว่าไม่ต้องทำเครื่องหมาย พอเจ้าพวกนี้ออกจากบ้านเมื่อไร ถ้าเจ้าของไม่ไปด้วยมักจะหลงทางเสมอ

ยังดีที่เจ้าฟ้าหลงทางมาเจออาตมา ถ้าเจอคนอื่นเข้าไม่รู้จะเป็นอย่างไร ? เพราะตอนนั้นอายุแค่เดือนเดียว กำลังน่ากินเลย เจ้าฟ้าเป็นไซบีเรียนแท้ตาสีฟ้า ลูกออกมาครอกแรก ๖ ตัว มีตาสีฟ้า ๒ ตัว ครึ่งฟ้าครึ่งน้ำตาล ๒ ตัว อีก ๒ ตัวตาเป็นสีน้ำตาล"

ถาม : แสดงว่าตอนนี้มีลูกเยอะ ?
ตอบ : คนเขาขอไปจนหมดแล้ว เหลืออยู่ตัวเดียวชื่อเฉาก๊วย รูปร่างได้ไซบีเรียนมา แต่หน้าคือหมาวัด..! หุ่นหมาป่าแต่หน้าสั้น ๆ ตอนนี้ได้ยินว่าโดนเขาวางยาตายไปแล้ว โทษฐานดูแลสถานที่ดีเกินไป ใครมาก็ไปไล่เห่า เขาโกรธก็เลยวางยาซะ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #149  
เก่า 01-07-2011, 21:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การเจริญเมตตาที่เป็นพรหมวิหาร มีจิตที่สว่าง จิตที่สว่างนี้แผ่ออกไป เปล่งแสงกระจายออก แต่ตอนหลังวูบหดกลับเข้ามา..?
ตอบ : เพราะสมาธิไม่พอ อาตมามักจะสอนให้แผ่เมตตาไปทุกภพทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า พูดง่าย ๆ ว่าเบื้องขวางคืออนันตจักรวาล เบื้องบนไปจรดภควัคพรหม เบื้องล่างไปถึงอเวจี อย่างเราทำสมาธิได้แค่นั้นก็จะแผ่ได้แค่นั้น

แต่ถึงเราทำแค่นั้นแต่ก็ได้ประโยชน์ ก็คือ ระงับรัก โลภ โกรธ หลง ได้ชั่วคราว พอคลายสมาธิออกมารัก โลภ โกรธ หลง ก็งอกงามอีก เพราะฉะนั้น..เมื่ออารมณ์ใจทรงตัว เราเล่นเรื่องฌานสมาบัติสนุกพอแล้ว ให้คลายสมาธิออกมาแล้วพิจารณาวิปัสสนาญาณแทน กำลังจะได้พอตัดกิเลสในเบื้องต้น ทำความสบายให้เราได้บ้าง ไม่อย่างนั้นแล้วจะโดนกิเลสตีกลับทุกที
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #150  
เก่า 01-07-2011, 21:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การแผ่เมตตาตอนกรรมฐาน..?
ตอบ : ตอนนั้นเราจะทำได้ง่ายเพราะมีครูบาอาจารย์คอยนำ สำคัญที่เราต้องซ้อมให้ชำนาญ ถ้าไม่ทำให้ชำนาญก็ได้แค่หน่อยหนึ่ง เดี๋ยวก็หดกลับมาอีก

สังเกตไหมตอนที่สอน พอแผ่ออกไม่เป็นไร แต่พอบอกให้หดคืนนี่เราหดกลับทันทีเลย ก็เพราะว่าเราไม่ชำนาญ ความจริงเราต้องค่อย ๆ หดกลับมาทีละน้อย ๆ แล้วก็ค่อยขยายออกไป ทำอย่างนี้ทุกวัน จะเป็นกีฬาสมาธิให้เราเพลิดเพลินและกิเลสกินใจไม่ได้ หลังจากนั้นพอสมาธิทรงตัว ก็เอากำลังตรงนี้มาพิจารณาตัดกิเลส

ถาม : พอเราปล่อยแล้วหดกลับมา ?
ตอบ : ต้องค่อย ๆ มา ไม่ใช่พรวดเดียว ถ้าพรวดเดียวแสดงว่าฝีมือไม่ถึง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #151  
เก่า 02-07-2011, 02:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าให้ฟังว่า "เคยมีไอ้บ้าอยู่คนหนึ่ง พอเขาได้ยินว่า วัตถุมงคลที่ทำจากของราคาสูงค่า จะยิ่งมีอานุภาพมาก เขาก็จัดแจงไปเอาทองคำขาวมาให้อาตมาทำตะกรุดมหาสะท้อน ผลปรากฏว่าอาตมาทำได้ แต่ม้วนตะกรุดไม่ได้

ด้วยความหมั่นไส้ เราบอกว่า "ถึงเขียนไม่ได้ก็จะเขียนให้ แต่ม้วนเอาเองนะ" เขาก็ครับ ๆ ปรากฏว่าแม้แต่ค้อนทุบก็ยังไม่กระดิกเลย

คนไทยเรียกว่า "ทองคำขาว" แต่ไม่ได้เกี่ยวกับทองคำเลย ส่วนแร่โคตรเศรษฐีเป็นทองคำดำเพราะว่าองค์ประกอบเหมือนทองคำทุกอย่าง เพียงแต่เป็นสีดำ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #152  
เก่า 02-07-2011, 02:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระเตมีย์ใบ้ ทำไมท่านถึงมีกำลังใจสูง ?
ตอบ : เพราะท่านตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้า บุคคลที่ตั้งใจจะเป็นพระพุทธเจ้า กำลังใจสูงกว่าบุคคลทั่วไปนับเท่าไม่ได้ เรื่องที่เรารู้สึกว่ายากแต่เป็นเรื่องง่ายของท่าน แค่คิดว่าจะตัดหัวตัวเองถวายเป็นพุทธบูชา เราก็ไม่กล้าคิดแล้ว แต่นั่นท่านทำเลย กำลังใจต่างกันขนาดนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #153  
เก่า 02-07-2011, 02:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลามีนิพพิทาญาณขึ้นมา จะเป็นฌานหรือไม่ ?
ตอบ : นิพพิทาญาณเป็นอารมณ์เบื่อที่เกิดจากวิปัสสนาญาณ ถ้าหากว่าไม่ได้ดิ่งลึกจริง ๆ ก็ยังไม่เป็นฌาน ตรงที่ไม่เป็นฌาน จะทำให้คนฟุ้งซ่านได้ง่าย

ถ้าหากว่าตัวนิพพิทาญาณเกิด รู้ตัวขึ้นมา เราก็วิ่งไปหาการภาวนาของเรา จะทำให้การฟุ้งซ่านน้อยลงแล้วพออยู่ได้ ไม่อย่างนั้นบางคนเบื่อมาก ๆ ถึงขนาดฆ่าตัวตายไปเลยก็มี

นิพพิทาญาณเป็นของดีมาก เพราะถ้าเราไม่เบื่อก็อยากเกิดอีก ดังนั้นจึงต้องเบื่อก่อน แต่พยายามใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นว่า ธรรมดาของเราเป็นอย่างนี้ การเกิดมามีร่างกายนี้ การเกิดมาในโลกนี้ ต้องกระทบกระทั่งกับอารมณ์เช่นนี้เป็นปกติ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาแล้วพบกับความทุกข์เช่นนี้ของเราจะไม่มีอีก ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ตายเมื่อไรเราขอไปพระนิพพานที่เดียว

ถ้าสามารถทำอารมณ์ใจอย่างนี้ได้ ก็จะก้าวข้ามไปเป็นสังขารุเปกขาญาณ เห็นทุกอย่างเป็นธรรมดา ธรรมดาเราเกิดมาก็ต้องเจออย่างนี้ เราอยู่แค่ชั่วลมหายใจเดียว ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ในเมื่อทุกอย่างมาลงตรงจุดนี้ ถึงเวลาก็มีความสุขเพราะว่าไม่ไปดิ้นรน

อย่างที่เมื่อตอนบ่ายเปรียบเทียบว่าเหมือนเสือตัวหนึ่ง ถูกขังอยู่ในกรง พยายามพุ่งชนไปทุกทิศทุกทางเพื่อจะออกจากกรง แต่ก็เจ็บตัวฟรี ถ้าเสือตัวนั้นใช้ปัญญาหน่อยหนึ่ง รู้ว่าไม่มีทางออก ไม่ดิ้นไม่รน นอนเฉย ๆ ก็ไม่เดือดร้อนอะไร เพราะยอมรับแล้วว่าต้องอยู่ในกรงนี้

ดังนั้น..นิพพิทาญาณสำคัญตรงปัญญาเห็นแล้วยอมรับ ในเมื่อยอมรับแล้วปล่อยวางได้ ไม่ไปดิ้นรนว่าสิ่งนี้เป็นทุกข์ เป็นของเรา เราทุกข์จริงหนอ ถ้าไม่ไปยึด ปล่อยวางหมดก็สบาย ส่วนใหญ่ที่ทุกข์มาก เพราะว่าไปยึดว่าเป็นเราเป็นของเรา แทนที่จะเป็นคนดู รู้ไว้เฉย ๆ ก็กระโดดขึ้นเวทีไปเล่นเอง ถ้าอย่างนั้นก็จะเดือดร้อนนาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #154  
เก่า 02-07-2011, 02:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตัดต้นไม้ใหญ่ต้องทำอย่างไรบ้าง ? แล้วที่บ้านก็ปลวกขึ้นด้วย ?
ตอบ : ถ้าจะตัดต้นไม้มีแก่น ให้ตั้งศาลเพียงตา ๑ หลัง ตัดกิ่งต้นไม้นั้นมาสักศอกหนึ่ง เป็นกิ่งใหญ่นิดหนึ่ง เอาประมาณแขนก็ได้ แล้วตั้งเอาปลายขึ้น จุดธูปบอกรุกขเทวดาว่าให้ย้ายมาอยู่ในศาลนี้แทน เพราะเรามีความจำเป็นที่จะต้องโค่นต้นไม้นั้น เสร็จแล้วก็จัดการโค่นได้

ถ้าคิดว่ากิ่งสั้น ๆ นั้นเขาจะอยู่ได้หรือ ? ในธรรมบทบอกไว้ว่า ในปลายเข็มหมุดหนึ่ง เทวดาอยู่ได้ถึง ๘ องค์ ทั้ง ๆ ที่อัตภาพของท่านต่ำสุดคือ ๓ คาวุต ก็คือสูง ๑๒ กิโลเมตร แต่ถ้าจำเป็นขึ้นมา ท่านก็ประหยัดเนื้อที่ได้ คือปลายเข็มหมุดหนึ่ง ท่านอยู่กันได้ ๘ องค์

ถ้ามีต้นไม้ใหญ่หลายต้น ก็สร้างศาลหลายหลังหน่อย หรือว่าจะสร้างหลังเดียวแต่ตัดหลายกิ่งหน่อย ต้นนั้นกิ่งหนึ่ง ต้นนี้กิ่งหนึ่ง ถ้ารู้สึกว่าตัดเยอะไปก็ให้ตัดสักคืบหนึ่งก็ได้ แต่ให้เป็นกิ่งใหญ่หน่อยเท่านั้น

ส่วนในเรื่องของปลวก ถ้าเป็นรังใหญ่ให้เอาน้ำมันโซล่าราดรังไว้ พอน้ำมันซึมลงใต้ดิน ปลวกได้กลิ่นจะยกขบวนหนีหมด แล้วเราค่อยขุดรังทิ้ง แต่ถ้าเป็นปลวกที่ทำเป็นทางเดินขึ้นบ้าน ให้รอเวลากลางวันแดดร้อน ๆ แล้วไปเขี่ยทิ้ง เพราะเวลาแดดร้อนปลวกจะหนีลงใต้ดิน หลังจากนั้นค่อยเอาน้ำมันราดทิ้งไว้ ปลวกจะได้ไม่ขึ้นมาอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #155  
เก่า 02-07-2011, 03:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ยุงกัดคนเป็นกรรมหรือเปล่า?
ตอบ : สัตว์เดรัจฉานอยู่ในภพภูมิที่มืดบอดกว่ามนุษย์ หลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำไม่จัดเป็นกรรมเพราะเขาไม่รู้ อย่างเช่นว่า เสือฆ่าพ่อเสือไม่เป็นอนันตริยกรรม แต่ถ้าคนฆ่าพ่อ เป็นอนันตริยกรรม

ดังนั้น..ถ้าอยากทำอะไรแล้วไม่มีโทษ ก็ต้องไปอยู่ในนรก เพราะมืดบอดมาก ไม่รับรู้ว่าบาปบุญคุณโทษเป็นอย่างไร ทำไปเถอะ เพียงแต่วิ่งหนีหอกแหลนหลาวให้ทันก็แล้วกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 145 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #156  
เก่า 02-07-2011, 03:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีผู้นำรูปพระอาจารย์มาถวายให้ ท่านจึงกล่าวว่า "ยิ่งเบื่อหน้าตัวเอง คนยิ่งเอารูปมาให้ ถ้าโยมรู้จักสังเกต ใครที่ไปวัดแล้วเข้าไปในกุฏิของอาตมา จะไม่เคยเห็นรูปเลย เพราะอาตมาเบื่อหน้าตัวเองจะแย่แล้ว ต่อไปไม่ต้องเมตตาทำรูปมาให้อีกนะจ๊ะ เพราะว่าไม่ชอบ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #157  
เก่า 02-07-2011, 03:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : วิชชาธรรมกาย?
ตอบ : ไปเปิดตำราอ่านเอง ก็แค่เอาใจจดจ่ออยู่ที่ศูนย์กลางกายแล้วกำหนดภาพดวงแก้วขึ้นมา แค่นั้นเอง ไม่เห็นจะยากเลย

สำหรับอาตมานั้น พออาจารย์ท่านพูดถึงธรรมกาย อาตมาก็ทำได้ครบ ๑๘ กายตามนั้นเลย อาจารย์ท่านสงสัยว่าเคยเรียนมาก่อนหรือเปล่า ? อาตมาก็บอกว่าเปล่า ตอนนั้นเพิ่งจะอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ จึงไปขอให้อาจารย์ท่านช่วยสอนเพิ่มให้เพื่อความคล่องตัว กลายเป็นว่าลูกศิษย์กับอาจารย์คู่นั้น โดนทั้งเพื่อนและอาจารย์ท่านอื่นหาว่าบ้าทั้งคู่ เพราะสมัยนั้นปี ๒๕๑๗ เขาไม่รู้จักว่าพระนิพพานหน้าตาเป็นอย่างไร ไอ้บ้าคู่นี้เขาจะไปพระนิพพานกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #158  
เก่า 02-07-2011, 03:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีผู้ใส่กางเกงขาสั้นมาบ้านวิริยบารมี พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "เห็นโยมนุ่งกางเกงขายาว (เห็นขายาว) มาแล้วทำให้นึกถึงตัวเอง เมื่อปี ๒๕๒๖ ตอนนั้นยังไม่ได้บวช ทางกทม.สั่งตั้งคันกั้นน้ำตรงแยกศรีนครินทร์กับอ่อนนุช ปัจจุบันเรียกว่าแยกศรีนุช แล้วก็สูบน้ำออกมาทางประเวศ

บ้านอาตมาอยู่ห่างจากแยกศรีนุชแค่ป้ายรถเมล์เดียว น้ำท่วมอยู่ ๖ เดือนกว่า ทำงานก็ไม่ได้เพราะที่บ้านเปิดเป็นอู่ซ่อมรถ มีเวลาจึงไปบ้านสายลมบ้าง ไปวัดท่าซุงบ้าง เวลาไปก็นุ่งกางเกงขายาว (สั้น) ไป

ถ้าขากางเกงคลุมจนถึงตาตุ่ม อาตมาเรียกว่า "กางเกงขาสั้น" เพราะเห็นขานิดเดียว ถ้ากางเกงที่เห็นขาเยอะ ๆ ก็เรียกเป็น "กางเกงขายาว"

ตอนนั้นน้ำท่วมจนเลยขาอ่อนขึ้นมา จนหนังสือพิมพ์เขาบอกว่า น้ำท่วมสูงจนถึงหัวเทียนของผู้ชาย ถ้าเปรียบเทียบกับผู้หญิงก็ถึงจานจ่าย พวกที่รู้ว่าเครื่องยนต์มีส่วนประกอบอะไรบ้าง พากันหัวเราะแทบตายเลย

อาตมาก็ต้องใส่กางเกงขายาว (สั้น) ที่ว่านั่นแหละ ไปนั่งรับใช้ข้าง ๆ หลวงพ่อ ตั้งแต่ ๘ โมงครึ่งถึง ๑๑ โมง พอหลวงพ่อขึ้นฉันเพล ป้าหมอลัดดา (ทันตแพทย์หญิงลัดดา จารุวัสตร์) คว้าแขนลากเข้าห้อง บอกว่า


"หลวงพ่อเรามีคนเคารพศรัทธาทั่วประเทศและทั่วโลก คนที่มาก็มักจะถ่ายรูปท่านไปเป็นที่ระลึก แกรับใช้อยู่ด้านข้างก็พลอยจะติดไปด้วย คราวหน้าแกนุ่งกางเกงขาสั้น (ยาว) มาเถอะ ไม่อย่างนั้นเวลาถ่ายรูปไป เจอกางเกงขายาว (สั้น) แล้วดูน่าเกลียด คนจะตำหนิไปถึงหลวงพ่อแกได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 22-11-2012 เมื่อ 22:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #159  
เก่า 02-07-2011, 03:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ป้าหมอลัดดาน่ารักมากเลยนะ ท่านไม่ปล่อยให้เรื่องไม่ถูกต้องยืดยาวจนแก้ไขไม่ได้ พอเห็นท่านจะกระซิบบอก ไม่ว่าต่อหน้าคนอื่น ดึงเข้าห้องไปกระซิบกัน ๒ คน อาตมาก็บอกว่า "ที่บ้านน้ำท่วมครับป้า" ป้าบอกว่า "แกก็เอากางเกงขาสั้น (ยาว) ของแกใส่ถุงแล้วหิ้วมาสิวะ" ป้าแก้ปัญหาได้ง่ายมาก อาตมาเองไม่ได้คิดถึงตรงนี้ คิดว่านุ่งไปตัวเดียวพอแล้ว

การปฏิบัติธรรมบวชเนกขัมมะที่ผ่านมา มีสาวน้อยนางหนึ่ง นุ่งกางเกงขายาว (สั้น) ขึ้นศาลา จะไปยกหนอ..ย่างหนอให้ถนัด อาตมาเจอตรงบันไดพอดี บอกว่า "ไอ้หนู ถ้าไม่มีกางเกงขาสั้น (ยาว) ก็ไปเอาตัวเก่ามาใส่ ตัวนี้ขามันยาว (สั้น) เกินไป เดี๋ยวหนุ่ม ๆ เขาฟุ้งซ่านไม่มีสมาธิ เวลาเดินต้องยกหนอ..ย่างหนอ เขามักจะมองต่ำ ๆ เดี๋ยวจะกลายเป็นมองขาขาว ๆ แทน"

เขาก็ดีนะ พอได้ยินก็รีบไปเปลี่ยนเลย เพราะว่าปฏิบัติธรรม ๕ วัน นุ่งจนไม่มีจะนุ่งแล้ว เลยงัดเอาตัวที่ขายาว (สั้น) ที่สุดมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 03-07-2011 เมื่อ 04:18
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #160  
เก่า 02-07-2011, 03:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,513 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สิ่งที่อยากจะบอกก็คือว่า จุดอ่อนของกรุงเทพฯ ก็คือไม่สามารถที่จะผลิตอาหารเลี้ยงตัวเองได้ กรุงเทพฯ เป็นแหล่งทำเงินที่ดีมาก มีสารพัดงานให้ทำ แต่ของกินต้องรับจากต่างจังหวัดล้วน ๆ ผลิตเองไม่พอใช้ไม่พอกิน

เพราะว่าพื้นที่ที่ใช้ในการผลิตอาหารกลายเป็นตึกรามบ้านช่องไปหมด คนโบราณบรรพบุรุษของเราเลือกภูมิประเทศได้ดีมาก คือเลือกกรุงเทพฯ เป็นเมืองหลวง เพราะว่าฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ไม่ว่าฤดูไหน ๆ ก็ไม่เคยเปลี่ยน ฝนตกมาก เหมาะที่จะปลูกข้าว พระเจ้าแผ่นดินในสมัยก่อน ๆ ก็ยังต้องปลูกข้าว โดยเฉพาะสนามหลวงที่สมัยก่อนเรียกว่าทุ่งพระเมรุ ก็คือเป็นนาข้าวของพระเจ้าแผ่นดิน

แต่คราวนี้เราเอามาใช้ผิดวัตถุประสงค์ของบรรพบุรุษ ก็คือจากการที่เป็นแหล่งผลิตอาหารที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เราเอามาสร้างตึกแทน แต่ฝนก็ยังตกต้องตามฤดูกาลเหมือนเดิม น้ำก็เลยท่วม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-07-2011 เมื่อ 04:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 142 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:22



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว