กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 08-05-2017, 15:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : นอกจากมีปัญญาเห็นทุกข์เห็นโทษของร่างกายนี้แล้ว ไม่มีวิธีอื่นเลยหรือคะที่จะตัดออกจากร่างกายได้ ?
ตอบ : บางคนเห็นทุกข์แต่กำลังไม่พอก็ยังตัดไม่ได้เหมือนกัน ก็แปลว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องสมบูรณ์บริบูรณ์จริง ๆ จึงจะตัดร่างกายนี้ได้ ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งบกพร่อง ก็ไม่สามารถที่จะพ้นไปได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-05-2017 เมื่อ 17:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 09-05-2017, 09:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้มีหลายท่านยังแต่งดำอยู่ ซึ่งก็คือการไว้ทุกข์เนื่องจากการสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ ๙

ปกติแล้วทางราชการขอให้ไว้ทุกข์เนื่องในการนี้แค่ ๑๐๐ วัน ที่เหลือแล้วแต่ความตั้งใจของแต่ละคน แต่มีประชาชนจำนวนมากที่แต่งดำหรือยังคงติดโบดำอยู่ แสดงออกถึงการไว้ทุกข์

จะว่าไปแล้วในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงตรากตรำเพื่อไพร่ฟ้าประชากรมาตลอด ๗๐ ปี การที่เราจะไว้ทุกข์ถวายพระองค์ท่านสักปี ก็เป็นเรื่องที่สมควร สมัยอาตมาเด็ก ๆ บางครอบครัวที่พ่อแม่ตายเขาไว้ทุกข์ถึง ๓ ปี ระหว่างนั้นไม่สามารถจัดงานมงคลได้ กลายเป็นว่า ถ้ารักกันชอบกันถึงขนาดหมั้นหมายกันแล้ว ก็ยังต้องรออีก ๓ ปีถึงจะแต่งงานกันได้ เขาเรียกว่า ให้พ้นทุกข์เสียก่อน

อาตมาได้ยินคำว่าพ้นทุกข์ สมัยนี้ความหมายคนละอย่างกัน พ้นทุกข์ของพวกเราสมัยนี้หมายเอาการหลุดพ้นไปสู่พระนิพพาน พ้นทุกข์สมัยก่อนก็คือหมดเขตการไว้ทุกข์ บางคนก็เรียกว่าออกทุกข์

อะไรที่เป็นทุกข์คือสิ่งที่ต้องทน ในเมื่อเราใช้คำว่าไว้ทุกข์ จะแปลว่าต้องทนทำหรือเปล่า ?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2017 เมื่อ 10:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 09-05-2017, 09:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่เขาบอกว่าไม่ควรจัดงานรื่นเริง สงกรานต์จัดเป็นงานรื่นเริงหรือเปล่า ? เห็นเขาเล่นกันเต็มที่เลย อาตมาโดนน้ำแข็งเป็นถัง คนราดไม่รู้เหมือนกันว่าเอาอะไรคิด ถึงเวลาเทโครมลงมา น้ำแข็งหลอดเต็มหน้าตักเลย

ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเห็นการสรงน้ำของญาติโยมแล้ว อาตมารู้สึกว่าเขาห่างวัดเกินไป ถึงเวลาสรงน้ำพระพุทธรูปก็ราดตั้งแต่เศียรพระลงไปเลย


การสรงน้ำพระเป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพในพระรัตนตรัย เป็นการถวายของหอมเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ความหยาบละเอียดของกำลังใจเห็นได้ชัดมาก หลายท่านสรงน้ำถวายด้วยการรดที่พระหัตถ์ของพระพุทธรูป บางท่านก็รดที่พระอังสาคือที่บ่า แต่ว่าส่วนใหญ่ร้อยละ ๘๐-๙๐ รดที่พระเศียรคือรดหัวเลย กลัวพระพุทธรูปจะไม่เย็น...!

แม้แต่คนทั่ว ๆ ไป เราก็ไม่ควรที่จะไปราดหัวเขาอยู่แล้ว นี่ราดหัวพระพุทธรูปเล่นกันสนุกสนานเฮฮา ต้องบอกว่าเป็นอะไรที่อนาถมาก แสดงออกถึงความหยาบของกำลังใจ ที่ไม่ได้ดูว่าอะไรสมควรหรือไม่สมควร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2017 เมื่อ 10:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 09-05-2017, 09:49
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ปีนี้ที่อาตมาโดนน้ำแข็งมากเพราะว่าคนแบกไม่ใช่แม็กซีม น้องแม็กซีมเป็นวัยรุ่น กล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงพอ แบกหลวงพ่อแล้วรู้สึกว่าไม่ไหวก็วิ่งเลย จึงไปถึงห้องสรงเร็ว โดนราดน้อยหน่อย ปีนี้คนแบกแข็งแรงกว่า ค่อย ๆ ไป จึงโดนน้ำแข็งเสียบานเลย ซึ่งความจริงถ้าทุกคนไปรอที่รางน้ำซึ่งทางวัดจัดไว้ให้ก็หมดเรื่องไป แต่ส่วนใหญ่แล้วอยากจะสรงกันชนิดตัวต่อตัวมากกว่า ก็เลยดักราดตอนอุ้มผ่าน

ความจริงมีอยู่งานหนึ่งที่อยากจะทำ ก็คือช่วงสงกรานต์ จัดให้มีการสรงน้ำพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว แต่ยังไม่มีเวลาต่อกรง จะว่าไปก็น่าอนาถ จะสรงน้ำพระต้องต่อกรง..! ไม่อย่างนั้นมีตัวอย่างที่บางวัดพระธาตุหายทั้งผอบมาแล้ว สรงน้ำเสร็จก็คว้าติดมือไปเลย

ที่วัดพระบรมธาตุศรีจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ หลวงปู่ทองจัดสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุทุกปีก็ต้องต่อกรง ทำอย่างไรที่พวกเราจะไว้วางใจกันได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าของสำคัญจะสูญหาย ?

จะว่าไปแล้วเรื่องของกรรมก็เป็นเรื่องที่น่าคิด เพราะถ้าทุกคนเห็นนรกเห็นสวรรค์ สิ่งที่เขาทั้งหลายเหล่านั้นทำก็จะไม่ได้ออกจากน้ำใสใจจริง แต่จะออกมาว่าทำดีเพราะกลัวนรก ทำดีเพราะเห็นแล้วอยากไปสวรรค์ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็กลายเป็นการบังคับให้ทำไปในตัว แต่พอไม่ให้เห็น จะให้ทำจากน้ำใสใจจริง โอกาสที่จะทำดีทำถูกก็น้อย เพราะว่าน้ำใสใจจริงของแต่ละคน ล้วนแล้วแต่พร้อมที่จะละเมิดศีลละเมิดธรรม

มีบางสำนักในสมัยชุนชิวจ้านกว๋อของประเทศจีน ที่บอกว่าคนเราชั่วโดยกำเนิด จึงต้องออกกฎระเบียบที่เข้มงวดมาเพื่อบีบบังคับให้อยู่ในกรอบที่ดีงาม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2017 เมื่อ 10:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 09-05-2017, 09:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันศุกร์พระอาจารย์กล่าวว่า "ทางกองทุนหลวงปู่ปานบอกว่าอยากจะร่วมทำบุญด้วย จึงถวายยาจินดามณีมา ๒๐๐ ขวด บอกว่าร่วมบุญกับพระอาจารย์ด้วย เป็นชุดเดียวกับที่สร้างพระนั่นแหละ ก็เลยให้เอาไปขาย ราคาแพงหน่อย...ขวดละ ๒๐๐ บาท"

ถาม : วัดโพธิ์ผักไห่ขายขวดละ ๓๐๐ บาทค่ะ ?
ตอบ : อ้าว...อาตมาไม่รู้ กลายเป็นไปตัดราคาเขา ไม่รู้จริง ๆ ว่าเขาทำจำหน่ายขวดละ ๓๐๐ บาท เขาอุตส่าห์เอาไปถวายถึงวัด บอกว่าขอร่วมบุญกับพระอาจารย์ด้วย คราวที่แล้วเอาเข้าพิธีเสาร์ ๕ ไว้ ๘ กิโลกรัม เป็นอันว่าเราขายถูกกว่าเขา ๑๐๐ บาท ต้องขออภัยด้วย เพราะว่าขายเท่าไรก็ได้กำไรเท่านั้น ใครมาก่อนก็ถือว่าโชคดีไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2017 เมื่อ 10:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 09-05-2017, 19:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมาเพิ่งจะลงไปภูเก็ตกับหาดใหญ่มา ทำงานหัวทิ่มหัวตำอยู่ทุกวัน พอปลีกตัวได้ก็รีบลงไป ปรากฏว่าญาติโยมนับวันให้ดูว่า ๒ ปีกว่าแล้วที่ไม่ได้ลงไป เล่นนับวันเลยว่าครั้งสุดท้ายไปถึงวันไหน เดือนไหน ปีไหน

คนอยู่ไกลก็เหมือนกับคนหิวข้าว ไปถึงเขาก็กอบโกยของเขาเต็มที่ พวกเราบางทีอยู่ใกล้ก็ประมาทเกินไป ปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเรื่อย ๆ

แต่มีอย่างหนึ่งที่สะดุดตาก็คือสนามบินภูเก็ต เจ้าหน้าที่ซึ่งดูแลตั้งแต่ปากทางเข้าไป ๙๐ เปอร์เซ็นต์เป็นผู้หญิงอิสลาม เหมือนอย่างกับว่าเจ้าหน้าที่โดนเปลี่ยนเป็นผู้หญิงหมด แล้วก็คลุมผ้าฮิญาบเกิน ๙๐ เปอร์เซ็นต์ เท่าที่ดูทั้งหมดเห็นมีอยู่ ๒ คนเท่านั้นที่ไม่ได้คลุม ไม่รู้ว่าเป็นอิสลามหรือเปล่า ? อาจจะเป็นคนไทย แต่ว่าที่เหลือนั้นแสดงตัวชัด

ถ้าสถานที่สำคัญขนาดนั้นยังคัดเลือกแต่คนอิสลามเข้าไปทำงาน ก็แปลว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่นั่นเป็นอิสลามแน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2017 เมื่อ 20:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 09-05-2017, 19:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เราต้องเห็นความดีของอิสลามอย่างหนึ่งคือ เขาสามัคคีแน่นเหนียว รักพวกรักพ้องมาก อะไรมาเขาเอาพวกของเขาไว้ก่อน ส่วนนี้เป็นส่วนที่คนไทยเราขาดมากเป็นพิเศษ ที่ขาดมากเป็นพิเศษไม่ใช่ว่าเราไม่รู้จักใช้เส้นสายเพื่อนพ้อง แต่เรามีการเลือกที่รักมักที่ชัง ส่วนเขาขอให้เป็นอิสลามเท่านั้นแหละ เขาถือว่าเป็นพวกเดียวกันหมดทั้งโลก เป็นเรื่องที่เราต้องเลียนแบบให้ได้ ถ้าเลียนแบบไม่ได้เราก็สู้เขาไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะว่าเรื่องความสามัคคีของเขานี่กินเราขาดเลย

อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรกับพระ อาตมาก็เลยไม่อาราธนาวัตถุมงคล เดินผ่านปล่อยให้เครื่องดัง ปรากฏว่าเขายืนเก้ ๆ กัง ๆ ทำอะไรไม่ถูก อาตมาไปยืนรอให้เขาตรวจร่างกาย ท้ายที่สุดเขาก็ปล่อยผ่านไปเฉย ๆ ไม่ต้องตรวจ เพราะว่าทำอะไรไม่ถูก

ตั้งแต่ไปจากสนามบินดอนเมืองก็ไม่มีปัญหา เดินผ่านตลอดเครื่องไม่ดัง ไปถึงที่โน่นอยากรู้ว่าถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับพระเขาจะจัดการอย่างไร ปรากฏว่าเขาก็ไม่กล้าตรวจ เพราะว่าไม่มีผู้ชายเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-05-2017 เมื่อ 20:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 09-05-2017, 20:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้ามนุษย์เรายังบริโภคพลังงานอย่างไม่บันยะบันยัง ต่อไปเรื่องที่ลำบากที่สุดก็คือหาพลังงานมาป้อน ถ้าไม่มีไฟฟ้าอาตมามั่นใจว่าตัวเองอยู่ได้ แต่คนรุ่นหลังอาจจะตายกันไปเลย..!

อาตมาเคยอยู่มาในสมัยที่บ้านทั้งหลังมีตะเกียงกระป๋องดวงเดียว เทียนก็ไม่มีเพราะเทียนเป็นของแพง ต้องหัดควั่นผ้ามาทำไส้ตะเกียง หาน้ำมันมะพร้าวมาเติม"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2017 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 09-05-2017, 20:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ไปทิเบตอาตมากลัวหนาว หลวงปู่ครูบาวงศ์ท่านบอกว่า ฝนตกก็หายหนาวแล้ว อ้าว...ถ้าฝนตกหายหนาวแล้วเละเทะ ผมจะเที่ยวอย่างไร ? ก็แล้วแต่ท่านจะสงเคราะห์ เปียกก็เปียก แห้งก็แห้ง แล้วแต่ท่านจะเมตตา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2017 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 09-05-2017, 20:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาไปภูเก็ตกับหาดใหญ่ ที่นั่นก็มีญาติโยมบางคนที่มีศรัทธาแต่ปัญญาน้อยทำบุญมา ที่ว่ามีศรัทธาแต่ปัญญาน้อยก็คือ หาครกกระบากสากกะเบือมาถวายท่วมหัวท่วมหูไปหมด โดยไม่ได้คิดว่าอาตมาจะขนกลับอย่างไร เดินทางไปโดยมีกระเป๋าใบเดียว ไปโดยเครื่องบิน หอบของมาถวายขนาดนั้นอาตมาคงต้องเช่าเหมาลำขนมาต่างหาก ท้ายสุดก็ต้องใช้วิธีเดิมก็คือ ให้ถวายวัดที่ใกล้ที่สุด

หลายคนคิดจะทำบุญอย่างเดียว โดยไม่ได้คิดว่าคนรับจะจัดการอย่างไรกับบุญของเขา เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ยังคิดไม่ถึง แล้วเรื่องอื่นจะไปคิดได้อย่างไร แต่ก็แก้ไม่หาย ไม่ว่าที่ไหนก็ต้องมีคนประเภทนี้ ประเภทมาถึงพร้อมกับน้ำส้มคั้น ๑๐ ขวด แล้วอาตมาจะฉันของเขาอย่างไรวะ ? น้ำส้มคั้นก็เก็บไม่ได้ด้วย ไปนึกถึงที่หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ ท่านว่า มีศรัทธาก็ต้องมีปัญญาประกอบด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2017 เมื่อ 03:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 09-05-2017, 21:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมเอาว่าน ๑๐๘ มาถวาย "ว่าน ๑๐๘ อาตมาเคยไปดูเขาหั่นตากแดด ปรากฏว่าคนหั่นคันคะเยอทรมานไปหลายคืน ส่วนใหญ่แล้วพวกว่าน ๑๐๘ เน้นทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยมกับคงกระพัน

ว่านบางอย่างที่เป็นประโยชน์สมัยนี้หายากแล้ว อย่างว่านม้าทอง ช่วยให้เดินทางไกลได้อึดอย่าบอกใครเลย น่าจะมีผลคล้าย ๆ กับใบกระท่อม คือทำให้คนไม่รู้สึกเหนื่อย น่าจะทำให้ประสาทชา ๆ แล้วก็ไม่รู้สึกเหนื่อยอะไรทำนองนั้น

สมัยอาตมาเด็ก ๆ อยากได้อะไรก็ไปหลังบ้าน ป่าดี ๆ นี่เอง มุดเข้าไปขุด ไปหา ไปตัด ไปแคะมา เดี๋ยวก็ได้แล้ว ถึงเวลาลุงหมอก็บอก “ไอ้หนู...ไปเอาช้างมา ๒ เชือก” ก็วิ่งเข้าป่าไปตัดบอระเพ็ดพุงช้าง คนโบราณเขาไม่บอกตรง ๆ เขาว่าถ้าบอกตรง ๆ บางทียารู้แล้วไม่เต็มใจจะมาก็จะหนี เขาว่าอย่างนั้น

สมัยนี้ไม่ค่อยมีแล้ว หายากขึ้นไปเรื่อย ๆ วัดท่าขนุนเคยมีบอระเพ็ดมาก อาตมาให้แม่ชีช่วยถลกบอระเพ็ดไปให้ท่านอาจารย์พลตรีเฉลิมชัย เสียงใหญ่ เพราะว่าท่านจะเอาไปทำยารักษาโรคริดสีดวงทวารให้กับคนที่รู้จัก ไม่รู้ว่าแม่ชีเขาถลกอีท่าไหน สงสัยจะไปถอนรากด้วยกระมัง ? ไม่ขึ้นใหม่อีกเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2017 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 09-05-2017, 21:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมเอามะม่วงมาถวาย แล้วถามว่ามะม่วงที่ตัวเองถวายเป็นพันธุ์อะไร "เขียวเสวยของแท้ เพียงแต่ว่าต้นหนึ่งออกไม่กี่ลูก (สามสี่ลูกเองค่ะ) ก็เลยใหญ่ขนาดนี้ ถ้าออกเยอะขนาดจะเล็กกว่านี้ อาตมาอยู่กับสวนมะม่วงมา แค่มองก็รู้แล้ว

วันก่อนมีโยมเอามะม่วงไปถวายที่วัด ปอกมาถวายตอนฉันเพล พอเข้าปากอาตมาก็บอกว่า "นี่คุณปล่อยให้เทวดาเลี้ยง ไม่ได้ดูแลเลยใช่ไหม ?" เขาถามว่าพระอาจารย์รู้ได้อย่างไร ? จึงบอกว่า "กูกินมาตลอดชีวิต รสชาติต่างกันมาก" มะม่วงที่คนดูแลก็รสชาติอย่างหนึ่ง มะม่วงประเภทที่ต้องดูแลตัวเองก็รสชาติ
อีกอย่างหนึ่ง

เด็กรุ่นหลังแยกรสไม่ออก...แปลกมาก บางทีอาตมาก็ว่ารสชาติเป็นอย่างนี้ บอกเขาได้ แต่เขาก็แยกไม่ออก กินตรงนั้นเขาก็ยังแยกไม่ออก พอถึงเวลาแม่ครัวปอกมะม่วงมา ท่านก็หมดปัญญาแล้ว ส่วนอาตมาใส่ปากแล้วบอกว่าอันนี้หนองแซง อันนี้เขียวเสวย อันนี้น้ำดอกไม้ แต่ท่านแยกไม่ออก สรุปแล้วของท่านนั้นมะม่วงก็คือมะม่วง

เวลาโยมเอาข้าวต้มมาถวายก็เหมือนกัน พอฉันข้าวต้ม เออ...อันนี้ใช้ได้ เริ่มเคี่ยวข้าวต้มมาตั้งแต่แรก ส่วนอันนี้ไม่ได้เรื่อง เป็นประเภทต้มน้ำเดือดแล้ว
ก็เอาข้าวสุกใส่ลงไป แล้วค่อยไปเคี่ยวทีหลัง เขาก็ถามว่ารู้ได้อย่างไร ? อาตมาบอกว่ากินมาตลอดชีวิด แล้วตัวเองเคยทำด้วย...ก็รู้สิ ยังแปลกใจว่าไม่ใช่สมรรถภาพร่างกายของอาตมาดีกว่าคนอื่น หรือเป็นเพราะว่าประสบการณ์เยอะ เข้าปากไปก็รู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-05-2017 เมื่อ 15:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 10-05-2017, 13:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ก่อนนี้ที่บ้านของอาตมามีมะม่วงอยู่ ๒ ต้น ถ้าให้เด็กสมัยนี้ดูไม่มีทางรู้ว่าเป็นมะม่วงอะไร ลูกขนาดเล็กมาก จริง ๆ แล้วคือมะม่วงเขียวเสวย แต่อายุต้นกว่า ๖๐ ปี ลูกจึงเล็กลง เล็กจนไม่น่าจะใช่มะม่วงเขียวเสวย

พวกมะม่วงอื่น ๆ อย่างสมัยนี้ไม่ค่อยได้เห็นกัน อย่างมะม่วงตกตึก มะม่วงหัวช้าง มะม่วงตกตึกก่อนหน้านี้บางทีเขาก็เรียกว่า มะม่วงพราหมณ์ขายเมีย เป็นมะม่วงที่ต้องกินห่าม กินสุกไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยจนสุกเนื้อรอบเมล็ดจะเหมือนกับช้ำ เขาเลยเรียกว่ามะม่วงตกตึก ต้องกินห่าม ๆ ถึงจะอร่อย ส่วนมะม่วงหัวช้างลูกใหญ่สมชื่อเลย

ส่วนมะม่วงทองดำสมัยนี้ก็ไม่เคยเห็น เปลือกเป็นสีเขียวจนดำเลย แต่ปอกออกมาข้างในเนื้อจะสีเหลืองทอง เขาจึงเรียกว่ามะม่วงทองดำ ถ้าเข้าปากอาตมาก็รู้เลยว่ารสนี้คือมะม่วงทองดำ

สมัยก่อนมะม่วงยอดฮิตเลยก็คือมะม่วงอกร่อง จะเป็นอกร่องทองหรืออกร่องขาวก็ได้ สมัยก่อนเขานิยมอกร่องเพราะว่ารสหวานแหลม เหมาะที่จะกินกับพวกข้าวเหนียวมูนที่รสเค็มหน่อย ๆ แต่เท่าที่กินมามะม่วงสุกที่อร่อยที่สุดต้องมะม่วงฟ้าลั่น อร่อยมาก แต่ส่วนใหญ่เขาไปกินดิบกัน มะม่วงฟ้าลั่นต้นที่บ้านของอาตมามดแดงเยอะสุด ๆ ขึ้นไปแต่ละทีต้องพกขี้เถ้าไปถังหนึ่ง รีบไปยึดกิ่ง
ไว้ก่อน แล้วก็เอาขี้เถ้าทาบนทาล่างไว้ พอมดมาถึง เจอขี้เถ้าก็หล่น มาถึงเราไม่ได้ คราวนี้ก็เอาตะกร้อค่อย ๆ สอยมะม่วง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2017 เมื่อ 15:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 10-05-2017, 13:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เด็กสมัยหลังไม่เคยเห็นมะม่วงต้นสูง ๒๐-๓๐ เมตร เขาเห็นแต่ต้นเตี้ย ๆ พวกต้นเตี้ยนั้นเป็นพวกมาจากกิ่งตอน สมัยก่อนส่วนใหญ่เป็นพวกต้นที่เกิดจากการเพาะเมล็ด

มะม่วงพื้น ๆ ของสมัยก่อนอย่างมะม่วงแก้มแดงก็หายาก อย่าว่าแต่เห็นลูกเลย เด็กสมัยนี้แม้แต่ชื่อก็ยังไม่เคยได้ยิน มะม่วงแก้มแดง มะม่วงทองดำ ต้องสุกปากตะกร้อถึงจะอร่อย พอก้นเริ่มเหลือง ๆ หัวแดง ๆ ก็ได้เรื่องแล้ว

ด้วยความที่บางทีก็ขี้เกียจรบกับมด อาตมาก็เลยใช้วิธีใหม่ เอาหนังสติ๊กยิงเอา ยิงตัดขั้วแล้วก็วิ่งไปรับ ต้องยิงแม่นและรับแม่นด้วย ไม่อย่างนั้นมะม่วงช้ำหมด

สมัยก่อนเวลาผู้ใหญ่เขาจะปอกมะม่วงสำหรับกินกับข้าวเหนียว ต้องใช้มีดทองเหลือง มีดทองเหลืองแต่บางคนเขาเรียกมีดทองเฉย ๆ ปอกแล้วไม่ทำให้รสเปลี่ยน มีดที่เป็นเหล็ก เป็นโลหะทำให้รสเปลี่ยน เด็กสมัยนี้ไม่รู้จักแล้วว่ามีดทองเป็นอย่างไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-05-2017 เมื่อ 15:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 11-05-2017, 14:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"มะม่วงงาช้างก่อนหน้านั้นเรียกว่ามะม่วงงาช้างบ้าง เรียกว่ามะม่วงแขนอ่อนบ้าง ระยะหลังเขาเรียกว่ามะม่วงหนัง เพราะว่าเปลือกหนา เหมาะที่จะส่งต่างประเทศ สมัยนี้ที่บรรดาผลไม้ต่าง ๆ ไม่หลากหลายก็เพราะการค้านี่แหละ จะต้องการเฉพาะพันธุ์ที่คนชอบ พันธุ์ที่คนไม่ชอบก็ไม่ปลูกกัน จึงสูญไปเรื่อย ๆ

มะม่วงแก้มแดงนี่เอาไว้ทำน้ำปลาหวานได้อย่างเดียว เพราะว่ารสเปรี้ยวมาก มะม่วงแก้มแดงจะกินอร่อยต้องกินสุกหรือไม่ก็ทำน้ำปลาหวาน

อันนี้ต้นเป็นกิ่งตอนเหมือนกัน ต้นไม่สูง คือลักษณะลูกกับลักษณะต้นจะบอกเราได้ เหมือนกับคนโดนจำกัดอาหาร ลูกออกมาก็จะแกร็น

ส่วนใหญ่ถ้าจะเก็บผลไม้สุก ให้ตัดน้ำสักอาทิตย์หนึ่งก่อนแล้วค่อยเก็บ รสจะจัดมาก ที่บ้านจะมีลำไยอยู่ ๒ ต้น ต้นใหญ่มาก ๆ ถึงเวลาก็หยุดประโคมน้ำ ทิ้งไว้ ๗-๑๐ วันแล้วค่อยเก็บ รสหวานชนิดลืมตายเลย คนกินก็ลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นเบาหวาน แต่ค้างคาวรู้ดีกว่า พอลูกเริ่มแก่ก็มากินกันกระจาย ตกเกลื่อนพื้นเป็นหมื่น ๆ ลูกเลย ตอนหลังจึงแก้โดยการเอาชะลอมใส่ พอลำไยจวนจะแก่ก็เอาชะลอมไปใส่ไว้ เวลาค้างคาวมาติดชะลอมเข้าไปกินไม่ได้

คนโบราณใช้วิธีชักตะขาบ ตะขาบก็คือกระบอกไม้ไผ่นี่แหละ เวลาดึงก็กระทบเสียงดังอีโล้งโคล้งเคล้ง ค้างคาวตกใจก็บินไปเสียหน่อยหนึ่ง เดี๋ยวก็กลับมาอีก เพราะรู้ว่าไล่ตามไม่ได้ พอบอกว่าไปเฝ้าสวนชักตะขาบ เด็กสมัยนี้ได้ยินก็สงสัยอีกว่าคืออะไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2017 เมื่อ 15:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 11-05-2017, 14:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนสมัยอาตมาเด็ก ๆ ที่บ้าน เสาไม้แต่ละต้นโตเกือบโอบ แค่คานบนก็ใหญ่ประมาณบาตรแล้ว...แค่คานนะ แล้วเป็นไม้ที่ชาวบ้านเขาเรียกว่า มะเกลือเลือด แกร่งสุด ๆ กว่าจะกล่อมให้เป็นเสาเป็นคานได้นี่เหงื่อหยดติ๋งเลย

ส่วนใหญ่คนสมัยโน้นเขาจะกล่อมเสา ถากเสาด้วยตัวเอง ใช้ผึ่ง ใช้ขวาน แค่นั้นเอง ไม่น่าเชื่อ เขามีคำที่ว่า ถ้าลูกชายบ้านไหนถากไม้เป็นหมาเลียนี่ใคร ๆ ก็อยากได้เป็นเขย ถากไม้เป็นหมาเลียคือเรียบกริบเลย

น่าจะประมาณปี ๒๕๒๑ ช่วงอาตมาเข้ากรุงเทพฯ พอกลับไปอีกทีบ้านก็หายไปแล้ว คนมาเหมาซื้อไปทั้งหลังเลย เขาต้องการพวกเสาพวกคาน เพราะว่าไม้เก่าตรง ๆ จะหายาก โดยเฉพาะพวกไม้ชิงชัน ไม้ตะเคียน ไม้มะเกลือเลือดยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ เป็นไม้เนื้อหนักแกร่งมาก ถ้าฟันผิดจังหวะมีไฟแลบด้วยนะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2017 เมื่อ 15:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 11-05-2017, 14:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระที่เรียนบาลีมากราบพระอาจารย์ "พวกนี้ทุกขาปฏิปทา ชอบของยาก จึงไปเรียนบาลีกัน จริง ๆ แล้วเรียนบาลีต้องอาศัยลูกขยันอย่างเดียว ท่องกันให้หูดับตับไหม้ไปเลย ยกเว้นบางส่วนที่ต้องการความเข้าใจอย่างพวกสัมพันธ์ จะไปใช้สมองอีกทีก็คือวิเคราะห์รูปประโยค จะเป็น กาล วจนะ บท บุรุษ วาจก ปัจจัย ฯลฯ ถ้าวิเคราะห์ออกก็แปลได้ทุกประโยค แต่ถ้าวิเคราะห์ไม่ออกถึงแปลได้ก็ไม่ถูก"

ถาม : สมัยก่อนที่พระต้องเรียนบาลี ?
ตอบ : สมัยก่อนบังคับ ที่บังคับก็คือเรียนตรง ๆ ในสำนักเรียน กับเรียนทางอ้อมในลักษณะคาถาอาคมกับครูบาอาจารย์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2017 เมื่อ 15:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 11-05-2017, 15:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ขอถวายค่ายานพาหนะค่ะ (พระที่เรียนบาลี)
ตอบ : ถ้าค่ายานพาหนะต้องพอให้ท่านซื้อรถ อย่าใช้คำพูดผิด ใช้คำว่าถวายค่ารถค่าเดินทางก็ได้จ้ะ แต่ถ้าถวายค่ายานพาหนะนี่ต้องพอซื้อยานพาหนะได้ พอที่จะเข้าใจไหม ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2017 เมื่อ 15:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 11-05-2017, 15:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เรียนบาลีนี่เป็นเปรียญหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : นั่นแหละจ้ะ ถ้าสอบผ่านก็ได้เปรียญธรรม ก็มีตั้งแต่ประโยค ๑ - ๒ พอเปรียญธรรม ๓ ประโยคก็มีคำนำหน้าว่า พระมหา

มหาก็คือใหญ่ ใหญ่ด้วยความรู้ จริง ๆ แล้วประโยค ๓ ได้เปรียบกว่าประโยค ๙ ถ้าบอกว่าพระมหาอย่างเดียวไม่ห้อยท้ายว่าประโยคไหน ก็ราคาเท่ากัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2017 เมื่อ 15:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 11-05-2017, 15:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,396,971 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะมีโอกาสได้เห็นสงครามหรือไม่คะ ?
ตอบ : มีโอกาสได้เห็นอยู่แล้ว ไม่ต้องไปกังวล สมัยนี้สงครามชอบแสดงแสนยานุภาพ มีใครจำสงครามเกาะฟอล์กแลนด์ได้บ้าง ? ที่อังกฤษรบกับอาร์เจนตินา อาร์เจนตินายิงเรือรบอังกฤษจมไป ๑ ลำ ด้วยจรวดเอ็กโซเซต์ (Exocet) หลังจากนั้นไม่กี่วันจรวดเอ็กโซเซต์ผลิตไม่ทันขายเลย ใคร ๆ ก็อยากได้

แต่ดูแล้วน่าทึ่งมาก เพราะว่าทันทีที่จรวดนำวิถีวิ่งชนเรือรบ ก็มุดเข้าไปข้างในเลย แต่จริง ๆ แล้วก็คือจรวดระเบิดตัวแล้ว แต่ที่ระเบิดตัวคือส่วนหัวที่เขาเรียกว่าดินโพลง จะระเบิดสร้างความร้อนมหาศาลขึ้นมา ละลายโลหะตรงนั้นก่อน ชั่ววินาทีเดียวก็มุดเข้าไปข้างในเลย ต้องบอกว่าเรื่องฆ่ากันนี่คนเราฉลาดจริง ๆ

ทันทีที่อาตมาเห็นอเมริกาทิ้งระเบิดถล่มอัฟกานิสถานแบบไม่ยั้งมือ บอกเลยว่าอเมริกาเอ็งซวยแน่ ๆ แล้ว เพราะว่าอันดับแรก แรงอัดที่ทำให้พื้นดินสะเทือน ก่อผลให้เกิดแผ่นดินไหว อันดับที่ ๒ แรงระเบิดที่ดันขึ้นข้างบน ทำให้กระแสอากาศเคลื่อน แล้วก็จริง ๆ ด้วย พอฤดูกาลถัดมาพายุแคทรีนาก็ถล่มสหรัฐฯ เละเป็นโจ๊กเลย ตัวเองทำเองแท้ ๆ ทิ้งระเบิดทางด้านเอเชีย ไปเกิดเป็นพายุทอร์นาโดทางด้านอเมริกา
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-05-2017 เมื่อ 15:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:45



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว