กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-09-2015, 19:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,097
ได้รับอนุโมทนา 4,400,274 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันศุกร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๘

ให้ทุกคนตั้งกายให้ตรง กำหนดสติหรือความรู้สึกทั้งหมดของเราอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกของเราไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ที่เรามีความถนัดมาแต่เดิม ถ้าเผลอสติไปคิดถึงเรื่องอื่น รู้ตัวเมื่อไรให้ดึงความรู้สึกของเรากลับมาที่ลมหายใจเข้าออกและคำภาวนาเสียใหม่

วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ ๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๘ สิ่งที่อยากจะบอกกล่าวแก่พวกเราก็คือ การปฏิบัติธรรมนั้นอย่าทำเรื่องยาก แม้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสถึงแนวทางการปฏิบัติไว้ ๔ สายด้วยกัน ได้แก่ ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ปฏิบัติก็ลำบาก บรรลุก็ยาก ทุกขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ปฏิบัติลำบาก แต่บรรลุเร็ว สุขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ปฏิบัติสบาย แต่บรรลุยาก และ สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ปฏิบัติง่าย ๆ บรรลุก็เร็ว

การปฏิบัติธรรมของเรานั้น ต้องหวังว่าเราปฏิบัติแล้วต้องได้ผล การที่ปฏิบัติแล้วจะได้ผลและเป็นวิธีที่ไม่ยาก ก็ต้องจับลมหายใจเข้าออกของเราเป็นหลัก เมื่อลมหายใจเข้าออกของเราเริ่มทรงตัวแล้ว ให้ทุกท่านทบทวนศีลของตนทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ทำความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ให้แน่นแฟ้นจริงจัง ไม่ล่วงเกินด้วยกาย วาจา หรือใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ถ้าตายแล้วเราขอไปพระนิพพานแห่งเดียว

เมื่อความรู้สึกของเรามั่นคงแล้ว ก็ให้จับลมหายใจพร้อมกับภาพพระ จะเป็นพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เรารักเราชอบ หรือว่าเป็นวัตถุมงคลรูปพระพุทธรูปที่เรารักเราชอบเป็นพิเศษ หายใจเข้าให้ภาพพระไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออกให้ภาพพระไหลตามลมหายใจออกมา น้อมจิตน้อมใจของเราด้วยความเคารพและเชื่อมั่น ว่านั่นคือพระพุทธนิมิตแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าของเรานั้นไม่ได้อยู่ที่ใดเลยนอกจากพระนิพพาน

ให้ทำความรู้สึกว่าการที่เราเห็นพระองค์ท่าน คือการที่เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน การที่เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน คือเราอยู่บนพระนิพพาน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-09-2015 เมื่อ 19:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-09-2015, 11:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,459
ได้ให้อนุโมทนา: 151,097
ได้รับอนุโมทนา 4,400,274 ครั้ง ใน 34,048 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กำหนดลมหายใจพร้อมกับภาพพระและคำภาวนาที่เราถนัดดังนี้ ถ้าเผลอสติคิดถึงเรื่องอื่น ให้ดึงกลับมาที่ลมหายใจเข้าออกใหม่ ถ้ารู้สึกว่ากำลังใจของเราเต็มที่แล้ว ก็ให้กำหนดใจแผ่เมตตาไปสู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ทุกภพทุกภูมิ ทุกหมู่ทุกเหล่า ว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เรายินดีเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลก

การแผ่เมตตานั้น จะกำหนดเป็นกระแสแผ่ออกไป ดังที่เคยแนะนำมาหลายครั้งก็ได้ หรือจะกำหนดนึกด้วยความเต็มอกเต็มใจ ด้วยความตั้งใจว่าเราไม่เป็นศัตรูกับใคร เราเป็นมิตรกับคนและสัตว์ทั่วโลกก็ได้ เมื่อกำหนดแผ่เมตตาไประยะหนึ่ง ใช้กำลังสมาธิของเราไปมาก กำลังใจก็จะวิ่งกลับเข้ามาหาการภาวนา เราก็จับลมหายใจพร้อมกับภาพพระและการภาวนาของเรา

พออารมณ์ใจทรงตัวตั้งมั่นแล้ว ก็หันมาพิจารณาร่างกายนี้ให้เห็นชัด ๆ ว่า ร่างกายนี้มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงแปรปรวนไปในท่ามกลาง และสลายตัวไปในที่สุด มีความทุกข์เป็นปกติ ไม่ว่าจะทุกข์ของการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย การพลัดพรากจากของรักของชอบใจ การปรารถนาไม่สมหวัง การกระทบกระทั่งอารมณ์ที่ไม่ชอบใจ เป็นต้น

และท้ายสุดร่างกายนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา ไม่สามารถยึดถือมั่นหมายได้ เพราะว่าประกอบขึ้นจากธาตุ ๔ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ให้เราอาศัยอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น ถึงเวลาก็เสื่อมสลายตายพังไปตามเหตุตามปัจจัย เราเองก็ตั้งเป้าไว้ว่า ถ้าหากร่างกายนี้เสื่อมสลายตายพังลงไปเมื่อไร เราต้องการที่จะไปพระนิพพานแห่งเดียว แล้วเอาใจจดจ่ออยู่กับภาพพระและการภาวนาของเราอีก ทำสลับไปสลับมาอย่างนี้ งานของเราก็จะมีไม่มาก และมุ่งตรงต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบนพระนิพพาน

ถ้ากำลังใจของเราสามารถปลดวางร่างกายนี้ได้ ปลดวางความปรารถนาการเกิดได้ เราก็จะไปพระนิพพานได้อย่างแท้จริง ลำดับต่อไปขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันศุกร์ที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๘

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยทาริกา)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-09-2015 เมื่อ 15:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:06



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว