กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-12-2023, 19:13
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 335
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,305 ครั้ง ใน 808 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๖ (ช่วงบ่าย)

ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๖ (ช่วงบ่าย)



แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-12-2023 เมื่อ 00:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 17 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-12-2023, 23:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๖



วันนี้เท่ากับว่าเป็นวันเดียวที่เราปฏิบัติธรรมเต็มวัน เพราะว่าพรุ่งนี้ วันที่ ๔ ช่วงเช้าเราก็ภาวนาพระคาถาเงินล้านแทน ส่วนวันที่ ๕ ไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าเป็นพระก็ยุ่งตั้งแต่เช้ามืด พรุ่งนี้ตอนบิณฑบาตก็ต้องแจ้งงด เนื่องเพราะว่าทางที่ว่าการอำเภอฯ ส่วนใหญ่จะเริ่มงานไม่เกิน ๐๗.๓๐ น. ถ้าเรามัวแต่บิณฑบาตอยู่ก็จะไปไม่ทัน เพราะฉะนั้น..พรุ่งนี้ก็กินฟรีแบบถูกกฎหมายหนึ่งวัน ไม่ต้องบิณฑบาต

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมส่วนใหญ่พวกเราปฏิบัติแล้วรักษาอารมณ์ไม่เป็น ทำเสร็จพอลุกขึ้นก็โยนกองไว้ตรงนั้นแหละ ไม่ได้ห่วงหาอาลัยในสิ่งที่ทำมาเลย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น..โอกาสที่เราจะก้าวหน้าก็แทบจะเป็นไปไม่ได้

เนื่องเพราะว่าการปฏิบัติธรรมเป็นการสวนกระแสกับทางโลก เหมือนกับคนว่ายทวนน้ำ กระแสโลกเขาไหลลง เราต้องพยายามตะเกียกตะกายขึ้น คราวนี้เราพยายามว่ายน้ำเต็มที่..แล้วก็ปล่อยทิ้ง ถ้าในสภาพความเป็นจริงจะเกิดอะไรขึ้น ?..ก็ไหลตามน้ำไป

วันรุ่งขึ้นเอาใหม่..ว่ายอีก ทำครบตามเวลาที่กำหนดไว้..แล้วก็ปล่อยทิ้ง ไหลตามน้ำไปอีก โอกาสจะได้เยอะกว่าเมื่อวานมีไหม ? ไม่มีเลย..! แล้วถ้าเกิดว่าวันนี้เราก็ว่ายทวนน้ำใหม่อีก แต่วันนี้เหนื่อยด้วย เพลียด้วย ว่ายได้ไม่ไกลเท่าเมื่อวาน..แล้วก็ปล่อยทิ้ง
คราวนี้ไหลกลับไกลกว่าเดิมอีก..!

ตอนนี้รู้หรือยังว่าทำไมเราปฏิบัติธรรมมาแล้ว เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า หาความก้าวหน้าไม่ได้เลย ? ก็เพราะว่าปฏิบัติไปแล้วเราไม่ได้รักษาอารมณ์ใจนั้นเอาไว้ ปล่อยให้ไหลตามน้ำไปทุกครั้งที่เลิกการปฏิบัติ

เราก็จะเป็นคนที่ขยันมาก นั่งกรรมฐานทุกวัน แต่ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย กิเลสมากกว่าเดิมเสียอีก เพราะดันไปคิดว่า "กูเป็นคนดี กูนั่งกรรมฐานทุกวัน" เฮ้อ..บ่นไปได้ทุกครั้งนะ เมื่อไรจะเบื่อสักทีก็ไม่รู้..!

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-12-2023, 23:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเรานั่งกรรมฐานแล้ว ถึงเวลาลุกขึ้นอย่าทิ้งหมด อย่างน้อย ๆ ก็ต้องรักษาอารมณ์ใจนั้นให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แรก ๆ อย่างเก่งได้ ๑-๒ นาทีก็พังแล้ว เพราะไม่เคยชิน พอนาน ๆ ไปเราก็จะรักษาเวลาได้มากขึ้น ๓ นาที ๔ นาที ๕ นาที ๑๐ นาที ๑๕ นาที ๒๐ นาที ครึ่งชั่วโมง โอ้โห..เก่งสุด ๆ ..(หัวเราะ)..แล้วก็ไหลตามน้ำไป แต่เราได้กำไรมาครึ่งชั่วโมง ก็แปลว่าระยะทางที่ควรได้เพิ่มมาหน่อยหนึ่ง

มาพรุ่งนี้เราว่ายยาวเท่าเดิม ต่อให้ไหลกลับมาก็ยังได้ระยะนั้นอยู่ ถ้าเราไม่ปล่อยทีเดียว รักษาต่อ ก็ยังได้เพิ่มอีกหน่อยหนึ่ง ถ้าทำแบบนี้ถึงจะมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติขึ้นมาได้ ไม่ใช่พอลุกแล้วก็ไม่เอาอะไรเลย "โอ๊ย ดีใจแทบตาย เลิกสักที เมื่อยจะแย่อยู่แล้ว" แล้วจะมาทำทำไมวะ..?!

เพราะฉะนั้น..จะสังเกตว่าอย่างในช่วงเช้ากระผม/อาตมภาพบอกกับพวกเราว่า "กำหนดกำลังใจให้แน่วนิ่งอยู่จุดใดจุดหนึ่งก่อนแล้วค่อยขยับ" ไม่อย่างนั้นแล้วสมาธิหลุดตั้งแต่ตรงนั้นแหละ เนื่องเพราะว่า..เราคลายสมาธิออกมาทีเดียว

บางคนคลายเร็วเกินไป หัวใจเต้นระทึก เพราะว่าร่างกายต้องรีบปรับสภาพคืนสู่ในระดับที่เราจะใช้งาน คราวนี้เราคลายออกมาเร็วร่างกายก็ต้องรีบปรับ บางคนหัวใจเต้น ๒๐๐ ครั้ง/นาทีก็มี เพื่อที่จะสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายให้ทันกับที่เราจะใช้งาน แล้วก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ ๆ เราก็เหนื่อยกะทันหัน ? นั่นเพราะเราทำตัวเราเอง ให้ค่อย ๆ คลายสมาธิออกมาจะไม่มีปัญหา

ที่ว่ามาทั้งหมดน่ะอาตมาทำมาเองแล้วทั้งนั้น พอทำมาเองแล้วรู้ตัว โอ้โห..โง่อยู่ตั้งนาน..! ว่าแล้วก็เปลี่ยนใหม่

การปฏิบัติธรรมจึงต้องมีการทบทวนอยู่เสมอ ๆ จำได้ไหมว่าพระพุทธเจ้าท่านให้เราทบทวนก่อน ไม่เคยได้ยินใช่ไหม ? ที่ไม่เคยได้ยินเพราะพระพุทธเจ้าท่านบอกเป็นภาษาของท่าน เราไม่สามารถที่จะมาทำเป็นภาษาของเรา ท่านบอกว่า อิทธิบาทเป็นเครื่องนำเราไปสู่ความสำเร็จ ประกอบไปด้วย
๑. ฉันทะ พอใจ เต็มใจ อยากที่จะทำอย่างนั้น
๒. วิริยะ พากเพียรทำไปเต็มกำลังของตน ไม่ใช่ออมแรงไว้ครึ่งหนึ่ง
๓. จิตตะ กำลังใจจดจ่อปักมั่น ไม่สำเร็จไม่เลิกเด็ดขาด
๔. วิมังสา ไตร่ตรองทบทวนไว้เสมอ ๆ

แล้วทบทวนอะไร ? ทบทวนว่าเราทำอะไร ? เพื่ออะไร ? ทำไปถึงไหน ? ยังห่างไกลต่อเป้าหมายเท่าไร ? ยังตรงต่อเป้าหมายที่ตั้งใจไว้หรือไม่ ? ยังต้องทำอีกมากน้อยเท่าไรถึงจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้ ?

แล้วทำไมคนอื่นเขาไม่แปลอิทธิบาทให้ฟังอย่างนี้ ?..ก็เพราะทำไม่ถึง ในเมื่อทำไม่ถึงก็แปลไม่ถึงเหมือนกัน เรื่องของบาลีจะแปลถึงเท่าไรก็คือทำได้เท่านั้น ส่วนที่เหลือได้แต่คิดว่า คาดว่า เดาเอาทั้งนั้น เดาถูกก็ดีไป เดาผิดก็เตลิดเปิดเปิงหลงทางไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 19-12-2023 เมื่อ 23:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 19-12-2023, 23:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ฟังแล้วเหนื่อยไหม ? ความเหนื่อยคือความทุกข์ ถ้าเบื่อที่จะเหนื่อย เบื่อที่จะทุกข์ ก็เลิกคิดที่จะเกิด ถ้าเราไม่เกิดทุกอย่างก็จบหมดแล้ว ที่ต้องเกิดไม่รู้จักแล้วไม่รู้จักเลิกก็เพราะเรายังไม่เบื่อ หรือเบื่อ ๆ อยาก ๆ

ป่วยพะงาบ ๆ "โอ๊ย...ไม่ไหวแล้วร่างกายนี้ ออกจากโรงพยาบาลเราจะต้องรีบเร่งปฏิบัติธรรมให้เต็มที่เลย" รุ่งขึ้นได้หมอได้ยา อาการดีขึ้นมาหน่อย "เดี๋ยววันนี้ถ้าออกจากโรงพยาบาลได้ เราจะไปเดินไอคอนสยาม" อย่างนั้นต้องตีให้ตายคาเตียงพยาบาลเลย..! นั่นคือความกลับกลอกของกิเลสในใจของเรา

เพราะฉะนั้น..ถ้าเป็นไปได้ต้องจับให้มั่นคั้นให้ตาย ทุบให้ตายคามือไปเลย ไม่ใช่พอถึงเวลาปฏิบัติไปแล้วร่างกายมัน "โอย ไม่ไหวแล้ว พักหน่อยเถอะ"..แล้วเราก็เชื่อ แล้วจะเหลืออะไรล่ะครับ..?! กิเลสไม่เคยปล่อยให้เรารอดมือไปได้แม่แต่ครั้งเดียว ส่วนเราเองใจอ่อน เชื่อทุกที "ไม่ไหวแล้วพักหน่อยเถอะ" "ไม่ไหวแล้วไปหาอะไรสักนิดนึงกินก่อน" "ไม่ไหวแล้วไปเข้าห้องน้ำดีกว่า"

ลองอั้นดูสิว่าจะตายไหม ? เราปฏิบัติธรรมช่วงเช้า-ช่วงบ่าย เต็ม ๆ ก็ไม่เกิน ๒ ชั่วโมง นอนกลางคืน ๖-๘ ชั่วโมงไม่เห็นต้องลุกไปฉี่เลย แต่นี่ ๒ ชั่วโมงไปตั้ง ๔ รอบ อะไรจะกระเพาะเล็กขนาดนั้น..! นั่นเป็นขันธมาร ร่างกายก่อกวน อย่าไปเชื่อ บอกไปเลยว่า "จะเดินจงกรมให้ฉี่ราดอยู่ตรงนี้แหละ แน่จริงฉี่ไปเลย..!" เชื่อเถอะเดี๋ยวพอลุกขึ้นเดินจงกรมมีไปห้องน้ำเยอะกว่านี้อีก..!

รู้ทันแล้วเราต้องหลอกมารด้วย ในเมื่อมารตั้งใจหลอกเรา เราก็แกล้งให้มารหลอก พอถึงเวลาเราจะได้หลอกมารกลับบ้าง..รอไปเถอะ ยังไม่เคยเจอใครหลอกมารได้เลย...! (หัวเราะ) อาตมานั่งหัวเราะ โยมบางคนหาว่าอาตมาหัวเราะเยาะ

ใครเคยไปวัดบ้านค่าย จังหวัดระยองบ้าง ? ครูบาอาจารย์ของอาตมภาพท่านหนึ่งอยู่ที่นั่น คือหลวงพ่อกัสสปมุนี วัดบ้านค่าย ชื่อเพราะ ๆ ก็ วัดปิปผลิวนาราม อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง

สมัยที่อาตมภาพยังเดินทางวิ่งขึ้นวิ่งลงอยู่ สมัยนั้นมีหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ หลวงพ่อกัสสปมุนี วัดบ้านค่าย ย้อนกลับมาก็หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม ไม่ค่อยได้ไปขออรรถขอธรรมอะไรหรอก ไปขอเหรียญ น่าตีให้ตายคาวัด..! ตอนนั้นเกี่ยงแค่ว่าพระกริ่งชินบัญชรบรรจุผงพรายกุมารองค์ละตั้ง ๕๐๐ บาทไม่เอา ไปเอาหนุมานดีกว่า ตอนนี้พระกริ่งชินบัญชรองค์ละเป็นล้าน สมน้ำหน้ามัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 19-12-2023, 23:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตรงข้ามที่หลวงพ่อกัสสปมุนีท่านนั่งรับแขกจะมีกระดานเขียวอยู่ ไม่ใช่กระดานดำนะ เป็นกรีนบอร์ด ไม่ใช่แบล็คบอร์ด ไม่ใช่ไวท์บอร์ดแบบสมัยนี้ ลายมือท่านสวยมากท่านเขียนเอาไว้ว่า

เราเนาว์สราญสุข.............นิรทุกข์เกษมศานต์
เฉกเช่นลดาวัลย์.........................สะพรั่งติด ณ แผ่นผา
ความครุ่นและกำหนัด...............ก็สลัดไม่นำพา
วิเวกและเอกา...............................ดุจทิพย์ที่ลอยลม
ผิว์แม้จักลอยล่อง..................ก็มิต้องอาลัยสม
บ่คิด บ่ปรารมภ์............................บ่มิห่วง อาลัยมี
สถิตย์เหนือ ณ อาสน์เอี่ยม..........กระจ่างเยี่ยมจรัสศรี
ครั้นรัตติกาลมี...............................ศสิส่อง ณ แนวไพร
แม้พาหิรชน..........................จลาจลและบรรลัย
เรามั่นสถิตย์ใน...............................สุขธรรม บ่มิคลอน
แม้นใครมาพบเรา.....................ก็จุ่งเนาว์จะสั่งสอน
ชี้ทางอันบวร.............................เสถียรสุขนิรันดร์เทอญ

ท่านนั่งหัวเราะของท่านได้ เพราะท่านเห็นทุกข์อย่างชัดเจนแล้วว่าไร้สาระ ส่วนพวกเรายังเห็นไม่ชัดเจน เราก็นั่งเครียดนั่งกลุ้ม พอถึงเวลาเครียดมาก ๆ ก็มะเร็งรับประทาน โยน ๆ ทิ้งไปบ้างอย่าเครียดบ่อย

ทำอะไรก็อย่าเอาจริงเอาจัง แต่อย่าเลิก คำว่าเอาจริงเอาจังก็คือทำเกิน เลิกก็คือทิ้ง..ทำขาด พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า "เราไม่เพียร เราไม่พัก จึงจะถึงฝั่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 20-12-2023, 00:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คำว่าเพียรคือมากเกินไปแบบพระโสณโกฬิวิสะเถระ เดินจงกรมจนเท้าแตกก็เดินไม่เลิก เท้าแตกจนเดินไม่ได้ เลือดนองพื้น ก็คุกเข่าคลานไป ไม่บรรลุให้มันรู้ไป..!

พระพุทธเจ้าต้องไปตรัสว่า "ดูก่อน โสณโกฬิวิสะ เธอจงลดความเพียรลงสักหน่อย" เป็นท่านเดียวในพระไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าบอกว่าทำให้น้อยลง ที่เหลือทำไม่พอสักราย เพราะว่าถ้าทำพอดีก็บรรลุ อย่างท่านทำเกิน..ต้องลดลงมาหน่อยจะได้พอดี คนอื่นที่เหลือทำขาด..ก็รอไปก่อน พวกทำพอดีเขาไปกันหมดแล้ว

นั่งหัวเราะแบบหลวงพ่อกัสสปมุนี "เราเนาว์สราญสุข นิรทุกข์เกษมศานต์ฯ" กูไม่ทุกข์กับมึงหรอก กูเห็นชัดแล้ว ธรรมดาของมันเป็นอย่างนั้น ทำอย่างไรที่เราจะเห็นธรรมดานี้ได้ ?

ธรรมดาการเกิดมาต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ ธรรมดาการอยู่ในโลกต้องเป็นแบบนี้ ธรรมดาการมีร่างกายต้องเจ็บไข้ได้ป่วยอย่างนี้ ธรรมดาของพระแต่ละระดับไม่เท่ากัน

ปุถุชนคนหนาด้วยกิเลส ถ้าธรรมดาได้ก็ระดับของเขา "ธรรมดา ซื้อหวยแล้วไม่ถูก งวดหน้าซื้อใหม่"

กัลยาณชนธรรมดาของท่านก็เป็นธรรมดาของกัลยาณชน "ศีลขาดแล้ว ไม่เป็นไรเดี๋ยวเริ่มต้นรักษาใหม่ ต้องเอาให้ได้"

แต่สำหรับอริยชน ธรรมดาของท่านนี่เริ่มเห็นแล้ว "ไอ้ร่างกายนี่มันไร้สาระ อยากจะตายก็ตาย อยากจะพังก็พัง อยู่ก็รักษากันไปตามเพลง อาศัยมันปฏิบัติธรรม อยู่ไม่ได้ก็ดี ร่างกายใหม่สวยกว่านี้ตั้งเยอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 12 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 20-12-2023, 00:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,507
ได้ให้อนุโมทนา: 151,364
ได้รับอนุโมทนา 4,405,838 ครั้ง ใน 34,096 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เพราะฉะนั้น..ถ้าหาคำว่าธรรมดาเจอนี่หากินได้ทั้งชาติเลย ชาตินี้ด้วย ถ้าเกิดใหม่ก็หากินชาติหน้าด้วย ถ้ายังเกิดอีกก็ชาติต่อ ๆ ไปด้วย

ฟังดูแล้วการปฏิบัติธรรมไม่น่าจะยากใช่ไหม ? ไม่มีอะไรยากนี่
๑. เคารพพระพุทธเจ้าจริง ๆ
๒. เคารพพระธรรมจริง ๆ
๓. เคารพพระสงฆ์จริง ๆ
ต้องเสียเงินเสียทองอะไรไหม ?..ไม่มี คำว่าจริง ๆ ในที่นี้ก็คือ เคารพออกมาจากใจ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๔. รักษาศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ถ้าถึงระดับตัวตายดีกว่าศีลขาดจะยิ่งดีมาก
๕. รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ถ้าตายแล้วเราจะไปพระนิพพาน


ห้าข้อเอง ง่ายไหม ? ถ้าบอกว่าเยอะไป ตั้งห้าข้อ พอดีนิ้วขาดไปหนึ่งนิ้ว นับไม่ครบ ต้องใช้อีกมือหนึ่งช่วย ถ้าอย่างนั้นลดให้ เอาสามข้อก็แล้วกัน

๑. เคารพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ถือว่าเราเคารพพระรัตนตรัย รวบเป็นหนึ่งข้อ
๒. รักษาศีลให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ทุกสิกขาบท
๓. รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ถ้าตายแล้วเราจะไปพระนิพพาน


สามข้อ เยอะไปไหม ? ไม่ได้อีก ถ้าชูสามนิ้วเดี๋ยวเขาจะว่าเอา..! ถ้าอย่างนั้นเหลือข้อเดียวก็แล้วกันนะ

๑. เรารักษาศีลเพราะเราเคารพพระรัตนตรัย เรารักษาศีลเพราะเราจะไปพระนิพพาน

เหลือข้อเดียว ไม่ยากแล้วใช่ไหม ? ไม่ยากแล้วก็เริ่มทำ สมาทานพระกรรมฐานกัน


พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ปกิณกธรรมช่วงบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรม วันพ่อแห่งชาติ
ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย วันอาทิตย์ที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทะเล)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 11 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:50



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว