กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ในวาระสำคัญต่าง ๆ

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-08-2018, 05:01
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default เทศนาวันเข้าพรรษา วันเสาร์ที่ ๒๘ กรกฏาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑

นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

อิมัสมิง อาวาเส อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ ติ

ณ บัดนี้ อาตมภาพขอแสดงพระธรรมเทศนา ว่าด้วยเรื่องการจำพรรษาของบรรดาพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย เพื่อเป็นเครื่องประดับสติปัญญา เพิ่มพูนบารมี เสริมสร้างกุศลบุญราศีแก่ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย ที่พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันเข้าพรรษา ณ วัดท่าขนุนแห่งนี้

ญาติโยมทั้งหลาย กาลสมัยอันสำคัญยิ่งวันหนึ่งของพุทธศาสนิกชนนั่นคือ วันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ โดยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น บัญญัติให้พระภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนา อยู่ประจำที่ใดที่หนึ่งตลอด ๓ เดือนในฤดูฝน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 02-08-2018 เมื่อ 05:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-08-2018, 05:02
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ซึ่งในสมัยพุทธกาลแต่แรกเริ่มนั้น องค์สมเด็จพระภควันต์มิได้มีพระบรมพุทธานุญาต หรือไม่ได้มีพุทธบัญญัติ ให้ภิกษุทั้งหลายจำพรรษา แต่ว่าบรรดาอเจลก หรือเดียรถีย์ต่าง ๆ ในศาสนานั้น มีการจำพรรษาในช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะศาสนาเชนของศาสดามหาวีระ หรือที่เรารู้จักกันในนามว่านิครนถนาฏบุตร

ศาสดามหาวีระนั้น มีหลักการปฏิบัติที่เป็นแนวเดียวคล้ายกับศาสนาพุทธ และศาสนานี้เกิดขึ้นก่อนศาสนาพุทธอีกด้วย เนื่องเพราะว่าศาสดามหาวีระ มีอายุกาลพรรษามากกว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสิบปี

องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น แม้ว่าจะบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงสัพพัญญู แต่องค์สมเด็จพระบรมครูของเรา ไม่ได้ใช้ความรู้เฉพาะที่พระองค์ท่านตรัสรู้เท่านั้น แต่พระองค์ท่านใช้ความรู้ในการสั่งสอนพุทธบริษัทหลายต่อหลายรูปแบบด้วยกัน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2018 เมื่อ 02:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-08-2018, 05:02
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ประการที่หนึ่ง ถ้าของเก่าของเขาดีแล้ว พระองค์ท่านก็นำมาใช้งานเลย อย่างเช่นการรักษาศีล ๕ แต่ว่าการรักษาศีล ๕ ของศาสนาเชนนั้นเข้มงวดมาก แม้แต่การเดินทาง ก็ต้องมีลูกศิษย์คอยกวาดพื้นนำทางไป เพื่อป้องกันไม่ให้มีสัตว์เล็กสัตว์น้อยโดนเหยียบตาย แม้กระทั่งการจะหายใจ ก็ต้องเอาผ้าขาวปิดจมูกไว้ ป้องกันไม่ให้จุลชีพ คือ บรรดาเชื้อโรคเล็ก ๆ ตายเพราะการหายใจของเรา เป็นต้น

องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงนำมาปรับให้พอเหมาะพอดี ก็คือ เราไม่ฆ่าสัตว์และไม่ทำร้ายสัตว์โดยเจตนาเท่านั้น ถ้าองค์สมเด็จพระภควันต์เห็นว่าของเก่าเขาดี ก็นำมาใช้งานดังนี้
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-08-2018, 05:02
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ประการที่สอง คือ ดัดแปลงของเขาที่ดีไม่พอให้เป็นของที่ดียิ่งขึ้น อย่างเช่นว่าบรรดานักบวชสมัยโบราณนั้น ต่างพากันบูชาไฟ องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสว่า การบูชาไฟนั้นเป็นของดี แต่ไฟภายนอกนั้น ไม่สามารถช่วยให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ได้

ต้องบูชาไฟภายในและพยายามดับให้ได้เท่านั้น จึงสามารถที่จะก้าวล่วงจากกองทุกข์ เข้าสู่แดนเกษมคือพระนิพพานได้

แล้วพระองค์ท่านก็ตรัสว่า ราคัคคิ” ไฟคือราคะ “โทสัคคิ” ไฟคือโทสะ “โมหัคคิ” ไฟคือโมหะ ก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง นั้น เป็นไฟที่เผาผลาญเราอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่าเราจะบูชาไฟภายใน ก็คือการที่พยายามที่จะดับไฟนั้นลง ไม่เหมือนอย่างกับการบูชาไฟภายนอก ที่จะต้องพยายามก่อไฟให้เกิดขึ้น การที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดัดแปลงเอาสิ่งที่คนอื่นเขามีอยู่แล้ว แต่ยังไม่ดีพอ ให้มาเป็นสิ่งที่ดียิ่งขึ้น คนก็เห็นด้วยโดยง่าย และปฏิบัติตามได้ง่าย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-08-2018, 05:02
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ประการที่สาม องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงใช้หลักธรรมที่แท้ ซึ่งพระองค์ท่านตรัสรู้มาในการสั่งสอนบุคคล อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วเมื่อวานก็คือ ปฐมเทศนา “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” ที่พระองค์ท่านตรัสถึงมัชฌิมาปฏิปทา ซึ่งไม่ได้มีในศาสนาต่าง ๆ ในสมัยก่อน เพราะว่าศาสนาอื่นนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็หนักไปทางของ

อัตตกิลมถานุโยค” คือ ทรมานตัวเองเป็นหลัก
ส่วนที่ทำตัวเองให้สบายจนเกินเหตุ หรือ “กามสุขัลลิกานุโยค” ก็มีอยู่
องค์สมเด็จพระบรมครูจึงได้ตรัส “มัชฌิมาปฏิปทา” คือ หนทางสายกลางขึ้นมา

ดังนั้น..เราจะเห็นว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานั้น ไม่ได้ปฏิเสธคำสอนของศาสนาอื่น แต่ว่าทรงนำเสนอในสิ่งที่ดีกว่าให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นแทน
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 02-08-2018, 05:02
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เมื่อครั้งที่พระองค์ท่านยังดำรงขันธ์อยู่นั้น ได้มีภิกษุชาวเมืองปาวา ๓๐ รูปด้วยกัน เดินทางมาเฝ้าพระองค์ในฤดูฝน เมื่อเปียกฝนมากลางทางก็ได้รับความลำบากเป็นอย่างยิ่ง ประกอบกับบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ได้กราบทูลว่า บรรดาอเจลกก็ดี นิครนถ์ก็ดี ปริพาชกก็ตาม มีการจำพรรษาในฤดูฝนตลอด ๓ เดือน จึงควรที่พระภิกษุในพระพุทธศาสนา จะได้จำพรรษาบ้าง

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นว่าหลักการนี้เป็นของดี เพราะว่าฤดูฝนนั้นการเดินทางก็ลำบาก และขณะเดียวกัน ถ้าหากผ่านไปเจอญาติโยมที่เขาศรัทธาเลื่อมใส เขาก็ต้องสละเวลาทำมาหากิน ซึ่งสมัยนั้นส่วนใหญ่ก็คือทำนา ใช้เวลานั้นมาต้อนรับขับสู้พระภิกษุสามเณร มีการเตรียมสถานที่พัก เตรียมภัตตาหาร เตรียมน้ำใช้น้ำฉัน เตรียมอาสนะต่าง ๆ ให้ เป็นต้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 02-08-2018 เมื่อ 06:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 02-08-2018, 05:02
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเห็นว่า เป็นการสร้างความลำบากให้แก่ญาติโยม เพราะว่าเขาติดด้วยการทำมาหากิน ดังนั้น..พระองค์ท่านจึงบัญญัติให้ภิกษุจำพรรษาอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ตลอด ๓ เดือนในฤดูฝน ซึ่งการจำพรรษานั้นก็มีคุณความดีมากต่อมากด้วยกัน

ประการแรก ไม่ต้องลำบากในการตรากตรำในการเดินทางไปยังเขตคามต่าง ๆ

ประการที่สอง การที่อยู่ประจำ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ญาติโยมรู้เข้าก็ได้ถวายการบำรุงเลี้ยงได้ง่ายขึ้น

ประการต่อไป เมื่ออยู่ที่ไหนเป็นประจำลูกศิษย์ลูกหา โดยเฉพาะพระภิกษุสามเณร รู้ว่าพระอุปัชฌาย์อาจารย์จำพรรษาอยู่ที่ไหน ก็เดินทางไปขอศึกษา ไปขอคำสั่งสอนต่าง ๆ ได้ง่าย

และประการสุดท้ายก็คือ พระภิกษุสามเณรเมื่ออยู่ประจำในที่ใดที่หนึ่งไม่ต้องเดินทาง ก็มีเวลาที่จะประพฤติปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา ให้เข้มข้นยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ สมัยนั้นหลายต่อหลายท่านก็บรรลุมรรคบรรลุผลกันไปเลย ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือ ปัญจวัคคีย์ทั้ง ๕ ที่ได้กล่าวไปแล้วเมื่อวานนี้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 02-08-2018 เมื่อ 06:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #8  
เก่า 02-08-2018, 05:02
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เทศน์ธัมมจักกัปปวัตนสูตรแล้ว ก็สงเคราะห์ต่อด้วยอนัตตลักขณสูตร ทำให้ปัญจวัคคีย์ทั้งหลายเหล่านั้น พิจารณาข้อธรรมแล้วบรรลุอรหัตผลทั้ง ๕ รูปด้วยกัน การที่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นบรรลุอรหัตผล ก็เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้น อยู่ประจำที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แปลว่าพรรษาแรกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ทรงจำพรรษาที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แขวงเมืองพาราณสี แคว้นกาสีพร้อมกับพระปัญจวัคคีย์นั่นเอง

ญาติโยมทั้งหลายจะเห็นได้ว่า การจำพรรษานั้นมีคุณความดีอยู่มาก และขณะเดียวกันเมื่อภิกษุสามเณรได้ศึกษาเล่าเรียนแล้ว เกิดความรู้จริงขึ้นมา ก็นำเอาความรู้ทั้งหลายเหล่านั้นมาบอกต่อ ให้ญาติโยมทั้งหลายได้ประสบช่องทางการปฏิบัติ ที่ก้าวถึงความหลุดพ้นได้ง่ายขึ้น เพราะว่าบุคคลที่ทำได้ด้วยตนเอง เมื่อบอกกล่าวคนอื่นเมื่อไรก็จะง่าย ถ้าหากว่าทำไม่ได้ด้วยตนเอง ได้แต่คิดว่าเป็นอย่างนั้น คาดว่าเป็นอย่างนั้น มีแต่จะพาให้ญาติโยมทั้งหลายให้หลงเดินผิดทางไปเสียเปล่า ๆ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #9  
เก่า 02-08-2018, 05:03
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงมีพุทธบัญญัติ ให้บรรดาพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจำพรรษาตลอดฤดูฝน ๓ เดือน โดยให้อธิษฐานว่า “อิมัสมิง อาวาเส” ข้าพเจ้าขอถือซึ่งอาวาสนี้ “อิมัง เตมาสัง” ตลอดทั้ง ๓ เดือน “วัสสัง อุเปมิ” ในฤดูฝนนี้

แปลว่าการอยู่จำพรรษาในที่ใดที่หนึ่งนั้น เราสามารถอธิษฐานเอาตามใจชอบ สมัยนั้นท่านก็ให้จำพรรษาในป่าบ้าง ในโคนไม้บ้าง ในโพรงไม้บ้าง ในถ้ำบ้าง ในเรือนร้างเรือนว่างบ้าง ในป่าช้าบ้าง เป็นต้น ถึงขนาดสมเด็จพระทศพลทรงอนุญาตให้จำพรรษาในกองเกวียนได้

เพราะว่าสมัยนั้นการเดินทางไปค้าขายต่างบ้านต่างเมือง บรรดาพ่อค้าก็นำกองเกวียนไป ๒๐๐ เล่มบ้าง ๓๐๐ เล่มบ้าง ๕๐๐ เล่มบ้าง ถึงเวลาก็เดินทางไป ทำให้เกิดความล่าช้าเพราะว่านอกจากต้องจำหน่ายสินค้าให้หมดแล้ว ยังต้องซื้อหาสินค้าอื่น ๆ กลับไปขายที่บ้านเมืองเดิมของตนเองด้วย ท่านทั้งหลายเหล่านี้จะหาพระทำบุญก็ยาก เพราะว่าสมัยนั้นพระภิกษุยังไม่ได้มีอยู่ทั่วชมพูทวีป

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ทรงมีพุทธานุญาต ให้ภิกษุสามารถตามติดไปกับกองเกวียน และอธิษฐานจำพรรษาในกองเกวียนนั้นได้ เป็นต้น องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ทรงอนุวัติก็คือคล้อยตามในกฎหมายบ้านเมือง จารีตประเพณี ตลอดจนกระทั่งความเชื่อถือศรัทธาของของญาติโยม โดยที่เอาหลักธรรมของพระพุทธศาสนาเป็นกรอบเอาไว้
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #10  
เก่า 02-08-2018, 05:03
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ากระทำดังนี้ จึงทำให้องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถประดิษฐานพระพุทธศาสนาได้มั่นคงอย่างรวดเร็ว เพราะว่าไม่ได้ปฏิเสธของเก่า และก็ไม่ได้ยัดเยียดของใหม่ให้ หากแต่บอกว่าของเก่าเขามีความดีอย่างไร ส่วนของใหม่นี้ดีกว่าอย่างไร แล้วก็ให้บุคคลผู้มีปัญญาได้เลือกกันเอง ว่าจะนับถือพระพุทธศาสนาหรือไม่ แม้กระทั่งบางคนอย่างอุบาลีอุบาสก ซึ่งเคยเป็นเดียรถีย์ ก็คือผู้ที่นับถือนักบวชนอกศาสนามาก่อน

องค์สมเด็จพระชินวรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อเทศน์โปรดแล้ว อุบาสกท่านก็ปวารณาตนนับถือพระรัตนตรัยตลอดชีวิต แต่องค์สมเด็จพระธรรมสามิตก็ไม่ได้ดึงเอามาเป็นพุทธสาวกตลอดไป หากแต่กล่าวอนุญาตเอาไว้ว่า ขออุบาสกจงให้การอนุเคราะห์สงเคราะห์บรรดานักบวชต่าง ๆ ที่เคยให้การสงเคราะห์กันมาอย่าได้ทิ้ง เพราะว่าการทำทานนั้นเป็นของดี แต่เพียงแต่ว่าแนวการปฏิบัตินั้น ถ้าหากว่าท่านเลื่อมใสศรัทธาก็ปฏิบัติตามหลัก ศีล สมาธิ ปัญญา ที่ตถาคตได้บอกกล่าวไปแล้ว เป็นต้น

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 02-08-2018 เมื่อ 05:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #11  
เก่า 02-08-2018, 05:03
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระทศพลบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อทรงมีพุทธบัญญัติให้ภิกษุทั้งหลายอยู่จำพรรษา แต่ก็ทรงคิดถึงว่า มีบางท่านที่ยังมีกิจธุระจำเป็นจะต้องไป จึงทรงมีพระบรมพุทธนุญาตไว้ว่า ถ้าหากว่าพ่อป่วย แม่ป่วย พระอุปัชฌาย์อาจารย์ป่วย เพื่อนสหธรรมมิกที่อยู่ต่างวัดจะสึก ให้ไปเพื่อที่จะดูแลรักษาคนป่วย หรือห้ามปรามบุคคลที่จะสึกได้

แต่หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง ครูบาอาจารย์ของอาตมากล่าวว่า สมัยนี้จะอ้างว่าไปห้ามเพื่อนที่อยู่ต่างวัดไม่ให้สึก ข้อนี้ไม่ต้องใช้ เพราะว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นสัพพัญญู พระองค์ท่านรู้ว่าพระภิกษุรูปนั้น ถ้าหากว่าห้ามแล้วอยู่ต่อ สามารถที่จะปฏิบัติจนบรรลุมรรคผลได้ จึงให้พระภิกษุไปห้ามไว้ไม่ให้สึก แต่สมัยนี้ใครอยากจะสึก ท่านบอกว่า ปล่อยให้สึกไปตามใจ ไม่ต้องเสียเวลาไปห้าม เป็นต้น

ข้อต่อไปก็คือ ถ้าหากว่าวัดวาอารามชำรุดทรุดโทรม ไปเพื่อหาทัพสัมภาระวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ มา เพื่อซ่อมวัดให้กลับดีตามเดิม ท่านให้ไปได้ เพราะสมัยก่อนต้องไปตัดไม้ ต้องไปหาเถาวัลย์ ต้องไปหาใบไม้มามุงหลังคา ใช้เวลาหลายวัน แต่ว่าในสมัยนี้เราโทรศัพท์ เรียกร้านวัสดุก่อสร้างให้มาส่งได้ภายในไม่กี่นาที ข้อนี้จึงไม่ได้อยู่ในความจำเป็นที่จะใช้กติกานี้
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #12  
เก่า 02-08-2018, 05:03
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

ข้อต่อไปพระองค์ท่านตรัสว่า ถ้าหากว่าญาติโยมมีจิตศรัทธามานิมนต์ ก็ให้ไปเพื่อฉลองศรัทธาได้ โดยข้อที่อนุญาตให้ไปนี้ท่านเรียกว่า “สัตตาหกรณียะ” แปลว่า ในกรณีอันจำเป็น ให้ไปได้ไม่เกิน ๗ วัน เพียงแต่ต้องแจ้งแก่คณะสงฆ์เสียก่อน โดยกล่าวเป็นภาษาบาลีว่า “สัตตาหะกะระณียัง กิจจัง เม อัตถิ ตัสมา มะยา คันตัพพัง อิมัสมิง สัตตาหัพภันตะเร นิวัตติสสามิ” ซึ่งประโยคสุดท้ายนี่บอกไว้ชัดเจนแล้วว่า “ไม่เกิน ๗ วันอย่างยิ่ง เราจะกลับมา” คำว่า “นิวัต” หรือ “นิวัติ” ก็คือ ย้อนกลับคืนมา

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทานเอาไว้ให้แล้ว แต่ว่าเมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ความจำเป็นต่าง ๆ มีมากขึ้น อย่างเช่นว่า ภิกษุเจ็บไข้ได้ป่วย จะต้องออกจากที่จำพรรษาเพื่อไปให้หมอรักษาที่โรงพยาบาล หรือว่าบุคคลที่ตนเองให้การเคารพรัก เนื่องจากว่าอุปถัมภ์อุปัฏฐากเรามา แต่ว่าไม่ใช่พ่อแม่ หรือว่าเราจำเป็นต้องไปศึกษาเล่าเรียน เพราะว่าในช่วงเข้าพรรษา การเรียนก็ยังเปิดเทอมอยู่
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #13  
เก่า 02-08-2018, 05:03
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระบรมครูได้ทรงประทานมหาปเทส คือ ข้ออ้างใหญ่ ๔ ข้อเอาไว้ให้ ซึ่งข้ออ้างใหญ่นั้นกล่าวว่า การตัดสินพระธรรมวินัยนั้นให้ดูว่า

สิ่งใดที่สมควร พิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร

สิ่งใดที่ไม่สมควร แต่พิจารณาแล้วว่าสมควร สิ่งนั้นย่อมสมควร” อย่างเช่นว่า ไม่ได้อนุญาตให้ไปค้างอ้างแรมในโรงพยาบาล ไม่ได้อนุญาตให้ไปดูแลโยมอุปัฏฐาก ไม่ได้อนุญาตให้ไปเรียนหนังสือ ในเมื่อไม่ได้อนุญาต แปลว่า ไม่สมควร แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าเป็นสิ่งที่สมควร สิ่งนั้นย่อมสมควรที่จะไปได้

สิ่งใดที่ไม่สมควร พิจารณาแล้วว่าไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร” อย่างเช่นว่า พระองค์ท่านไม่ได้ห้ามเรื่องของยาเสพติดต่าง ๆ อย่างเช่น เฮโรอีน ยาไอซ์ ยาบ้า เป็นต้น เพราะว่าในสมัยนั้นไม่มี แต่สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควร พิจารณาอย่างไรก็เป็นของที่ไม่สมควร เพราะฉะนั้น สิ่งนี้ไม่สมควรที่พระภิกษุสามเณรไปแตะต้อง
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #14  
เก่า 02-08-2018, 05:03
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นสุดยอดอัจฉริยบุรุษ พระองค์ท่านนอกจากมีบทบัญญัติขึ้นมาแล้ว ยังอนุญาตให้ตีความได้ด้วย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสดังนี้เอาไว้ ก็เพื่อประโยชน์สุขของพวกเราทั้งหลาย ก็คือประโยชน์ในปัจจุบัน ถ้าเราทำดีทำถูก เราก็จะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง มีความรู้สึกเป็นสุข เพราะว่าบุคคลอื่นยอมรับว่า เราเป็นผู้ทรงคุณงามความดี

องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงหวังให้เป็นประโยชน์สุขในอนาคต ก็คือถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสร้างความดีจนเคยชิน เมื่อตายแล้วย่อมไปสู่สุคติ โลกสวรรค์ หรือว่าเป็นพรหมอย่างแน่นอน หรือถ้าหากว่าองค์สมเด็จพระชินวรเห็นว่า ท่านทั้งหลายมีโอกาสจะบรรลุมรรคผล เมื่อปฏิบัติตามที่องค์สมเด็จพระทศพลศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเอาไว้แล้ว ก็จะเกิดประโยชน์สูงสุด คือหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2018 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #15  
เก่า 02-08-2018, 05:03
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

วันนี้ญาติโยมทั้งหลายตั้งใจมาบำเพ็ญกุศล เนื่องในวันเข้าพรรษาที่วัดท่าขนุนแห่งนี้ ท่านทั้งหลายก็ตั้งใจมาทำบุญใส่บาตร ถวายเทียนพรรษา และผ้าอาบน้ำฝน ตลอดจนกระทั่งตั้งใจมาฟังพระเจริญพุทธมนต์ และฟังเทศน์ฟังธรรม เป็นต้น

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้องค์สมเด็จพระทศพลกล่าวไว้ว่า ถ้าเราทำจนเคยชิน คุณความดีทั้งหลายเหล่านี้ ก็จะรักษาเราทั้งชาตินี้และชาติหน้า ชาตินี้ของเราสร้างความดีไว้ บุญกุศลก็รักษา ไม่ว่าจะตกอยู่ในที่ใดก็ตาม ก็ย่อมอยู่รอดปลอดภัยและมีผู้ให้การอุปถัมภ์เสมอ ต่อให้ติดอยู่ในถ้ำหลวงดอยนางนอน ก็จะมีคนช่วยให้หลุดออกมาได้เป็นต้น

ในขณะเดียวกัน บุญกุศลนี้ก็จะเป็นเสบียง นำท่านทั้งหลายข้ามห้วงวัฏสงสาร ซึ่งเป็นการเดินทางอันยาวไกลไม่รู้จบ การที่ญาติโยมทั้งหลายหมั่นบำเพ็ญบุญกุศล โดยเฉพาะการทำบุญในวันเข้าพรรษา ก็แปลว่าท่านทั้งหลายมุ่งลัดตัดตรง ไปยังหนทางจะก้าวข้ามห้วงวัฏสงสาร สิ่งที่ท่านทั้งหลายทำยิ่งทำมากเท่าไร ทางเดินสำหรับชาติต่อไปของท่านก็สั้นลงเท่านั้น หรือว่าท่านทั้งหลายตั้งหน้าตั้งตาทำดีทำถูกอย่างจริงจัง อาจจะถึงจุดหมายในชาติปัจจุบันนี้ก็ได้

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย หยาดฝน : 02-08-2018 เมื่อ 05:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #16  
เก่า 02-08-2018, 05:03
หยาดฝน's Avatar
หยาดฝน หยาดฝน is offline
ผู้สนับสนุนเว็บวัดท่าขนุน - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 3,523
ได้ให้อนุโมทนา: 317
ได้รับอนุโมทนา 73,848 ครั้ง ใน 3,669 โพสต์
หยาดฝน is on a distinguished road
Default

เทสนาวสาเน ท้ายสุดแห่งพระธรรมเทศนา อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐานอ้างคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะเป็นประธาน มีบารมีของหลวงปู่สาย อคฺควํโส แห่งวัดท่าขนุนนี้เป็นที่สุด ขอได้โปรดดลบันดาลให้ญาติโยมทั้งหลายประสพแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบูรณ์พูนผลไปด้วยจตุรพิธพรชัยทั้งสี่ประการมี อายุ วรรณะ สุขะ พละ ตลอดจนกระทั่งปฏิภาณและธรรมสารสมบัติอันเป็นที่พึงใจทั้งปวง

รับหน้าที่วิสัชนามาในวันเข้าพรรษาก็พอสมควรแก่เวลา จึงขอสมมติยุติพระธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เทศน์วันเข้าพรรษา ณ วัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒๘ กรกฏาคม พุทธศักราช ๒๕๖๑
(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยหยาดฝน)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ หยาดฝน ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:32



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว