กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 18-07-2016, 21:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่อวันงานทำบุญถวายหลวงพ่อวัดท่าซุง อาตมาบอกว่าเป็นงานฉลองพระอุปัชฌาย์ แต่จริง ๆ ทำถวายครูบาอาจารย์ อาตมาก็ถวายเงินร่วมสร้างหลวงพ่ออู่ทองที่พุทธมณฑลสุพรรณบุรี ไป ๑ ล้านบาท หลวงพ่อพระเทพสุวรรณโมลีสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน ถ้าหากว่านิมนต์ท่านเมื่อไร วัดท่าขนุนไกลแค่ไหนท่านก็ไป

ยังขำ ๆ ตอนที่นิมนต์ท่านมางานฉลองสัญญาบัตรพระครูวิลาศกาญจนธรรม เพื่อนกันก็คือพระครูปลัดชลอ ซึ่งปัจจุบันก็คือพระครูสุตาภรณ์พิสุทธิ์ ท่านอาสาเอาฎีกาไปถวาย อาตมาก็มักง่าย ปกติพระผู้ใหญ่เราควรจะไปถวายฎีกาด้วยตัวเอง คราวนี้เพื่อนอาสาก็ยกให้ไป ท่านก็โทรมา "เฮ้ย...ไอ้พระครูวิลาศฯ มึงเป็นใครวะ ?" ก็กราบเรียนว่า "พระครูเล็กวัดท่าขนุนเองครับ" "อ้อ...มึงเองหรือ ? ชื่อใหม่กูก็ไม่รู้เรื่องเลย ไอ้ลอมาถึงก็ไม่บอกว่าเป็นใคร" ต้องบอกว่าเป็นความเมตตาของท่าน ปกติถ้าไม่รู้จักดีท่านก็วางเลย ท่านเห็นเบอร์โทรข้างใน ยังดีที่โทรมาถาม

เงินล้านหนึ่งออกปากถวายท่านตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ช่วงที่สอบพระอุปัชฌาย์ แล้วท่านไปเป็นวิทยากรบรรยาย กราบเรียนท่านว่า "ผมตั้งใจถวายช่วยหลวงพ่อสร้างพระใหญ่ ๑ ล้านบาท แต่มีข้อแม้คือ ถ้าผมสอบพระอุปัชฌาย์ได้ จัดงานฉลอง วันงานจะถวายหลวงพ่อ ถ้าผมสอบพระอุปัชฌาย์ตก หลวงพ่อก็อด..!" มีการข่มขู่พระผู้ใหญ่ด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2016 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 18-07-2016, 22:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนนี้ท่านกำลังสร้างองค์นั่งแสดงพระธรรมเทศนา ก็คือ ปางโปรดพุทธมารดา เป็นพระที่แกะสลักบนหน้าผา เฉพาะเกตุมาลาอย่างเดียวหนักเป็นตัน พอถวายปัจจัยท่านเสร็จแล้ว ท่านก็บอกว่าให้หาพวกแก้วแหวนเงินทองไว้ให้หน่อย ถึงเวลาวันบรรจุจะได้ช่วยกันบรรจุ ทำแบบโบราณ พอบรรจุพระบรมสารีริกธาตุก็ใส่แก้วแหวนเงินทองลงไปด้วย

ตอนนี้ท่านกำลังให้ช่างเจาะถ้ำอยู่ ในพุทธประวัติมีบรรดาถ้ำที่ใช้งานจริง หลายแห่งที่มีชื่อเสียง อย่างเช่น ถ้ำสัตตบรรณคูหาที่เป็นที่สังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรก ไหน ๆ ท่านก็สร้างพระใหญ่แล้ว ก็เจาะภูเขาทำเป็นห้องโถงประชุมไปด้วย

ท่านยืนยันว่า "ถ้ายังไม่ถึง ๑๐๘ ปี ข้ายังไม่ตายหรอก" แล้วท่านก็ยกตัวอย่าง มโนสัญเจตนา ความมุ่งมั่นของใจ ถ้าหากว่ากำลังใจถึงก็อยู่ได้ ท่านบอกว่าตั้งใจสร้างพระใหญ่ ฉะนั้น...ถ้าหากว่าพระไม่เสร็จท่านไม่ตายหรอก ถ้าหากว่าเสร็จ ท่านก็จะหางานอื่นทำต่อไป เจอคนแก่ไม่กลัวตายยังไม่พอ ไม่กลัวที่จะอยู่นานอีกด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-07-2016 เมื่อ 16:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 18-07-2016, 22:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนนี้ผมได้ยินเสียงแว่วมาปีหนึ่งแล้ว เสียงแว่วบอกว่า เป็นเจ้ากรรมนายเวร เป็นอมนุษย์ และทำให้ผมจิตตกอยู่เรื่อย ๆ ผมไม่รู้จะทำอย่างไรกับเสียงแว่วนี้ ?
ตอบ : เคยนั่งสมาธิภาวนาบ่อยไหม ?

ถาม : ไม่เคย
ตอบ : ไปทำเสีย วิธีที่จะหนีจากเจ้ากรรมนายเวร ต้องสร้างกุศลให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ กุศลที่เราจะสร้างได้มากที่สุดและง่ายที่สุดก็คือทำสมาธิ

ถาม : และถ้าเขาพูดกรอกหู ?
ตอบ : เขาจะว่าอะไรก็เรื่องของเขา เรามีหน้าที่ภาวนา โดยเฉพาะถ้ากำลังของเราสูงกว่า เขาก็กวนเราไม่ได้เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2016 เมื่อ 03:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 18-07-2016, 22:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา หลวงพ่อพระครูบวรพัฒนกิจ วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุง ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอท่าม่วง มรณภาพ เรื่องของพระครูบวรพัฒนกิจนี่เป็นกรณีศึกษาของบุคคลที่เกษียณอายุราชการ ไม่มีงานทำ แล้วเฉา

ก่อนนี้ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอ งานทุกอย่างประดังลงตรงที่ท่าน มีแต่คนวิ่งไปมาหาสู่อยู่ทุกวัน พอท่านเกษียณอายุแล้ว พวกที่เคยไปก็ไม่ไปอีก พวกที่เคยนิมนต์ก็ไม่นิมนต์อีก ก็มีแต่วัดท่าขนุนที่ยังนิมนต์ท่านสม่ำเสมอ เลยกลายเป็นว่าปีหนึ่งท่านมีโอกาสไปข้างนอกไม่กี่ครั้ง ก่อนหน้านั้นเคยวิ่งงานทั้งปี ท่านก็เลยอยู่เหงา ๆ เฉา ๆ พอเฉามากไปก็กินไม่ได้นอนไม่หลับ ท้ายที่สุด พอร่างกายโทรมมาก ๆ ก็เดินไม่ไหว ต้องนั่งรถเข็นแล้วในที่สุดก็นอนติดกับเตียง แล้วก็มรณภาพ

พอมาเปรียบกับหลวงพ่อพระเทพสุวรรณโมลี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านเกษียณแล้วท่านตั้งใจแกะสลักพระที่หน้าผามังกรบิน เป็นพระแกะด้วยหินองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และยังตั้งใจทำห้องประชุมใต้ภูเขา ถ้ามีเวลาท่านต้องแกะปางประสูติ ปางตรัสรู้ ปางแสดงปฐมเทศนา ปางปรินิพพานอีก ซึ่งดูจากงานที่ท่านกำหนดไว้แล้ว อีก ๑๐ ปีก็ยังไม่เสร็จ

ตอนนี้พระองค์ใหญ่เพิ่งจะเสร็จแค่ช่วงบนลงมาถึงไหล่เท่านั้น ยังอีกเป็นปี ๆ กว่าจะแกะสลักองค์แรกเสร็จ แต่ท่านเล่นเฟส ๒ คือเจาะถ้ำแล้ว ท่านยืนยันว่าถ้าไม่ถึง ๑๐๘ ปี ท่านยังไม่ตายหรอก เพราะงานไม่เสร็จ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2016 เมื่อ 03:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 18-07-2016, 22:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ฉะนั้น...จะเห็นว่ามโนสัญเจตนา คือความมุ่งมั่นของใจ ความจดจำของใจว่างานยังมีอยู่ เลยทำให้ท่านเองกระตือรือร้นคึกคัก ขนาดอายุ ๘๐ กว่า ไปบรรยายที่ไหน เป็นชั่วโมง ๆ ก็สรวลเสเฮฮาไปเรื่อย ส่วนหลวงพ่อพระครูบวรพัฒนกิจ พอท่านเกษียณแล้วไม่มีงานทำอีก เพราะงานในวัดท่านทำหมดแล้ว ต้องบอกว่าโบสถ์วัดศรีโลหะราษฎร์บำรุงเป็นโบสถ์ที่สวยติดอันดับต้น ๆ ของกาญจนบุรี ในเมื่อท่านไม่มีงานที่จะทำอีก กำลังใจที่จะมุ่งมั่นก็ไม่มี ในที่สุดก็เฉา...หมดสภาพ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-07-2016 เมื่อ 03:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 19-07-2016, 21:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "สร้างพระขุนแผนอาตมากลัวอยู่แค่ ๒ สำนัก หลวงปู่ทิมคือ ๑ ใน ๒ สำนักนั้น พระของหลวงปู่ทิมเราจะเห็นว่าเคลือบบรอนซ์ จริง ๆ แล้วนั่นเป็นตัวชี้ขาดเลยว่าจริงหรือปลอม เพราะว่าสีเคลือบจะเก่าตามอายุ พวกของปลอมนี่ปลอมอย่างไรก็ไม่เก่าจริง

พระของหลวงปู่ทิมตอนนี้อาตมาก็เหลือแต่ลูกอมมัทรี ลูกอมผงพลายกุมาร เม็ดประคำผงพลายกุมาร หนุมานไม่รู้ว่ายังอยู่หรือเปล่า ? เพราะหนุมานได้มาตั้งแต่อายุ ๑๗ ปี ถ้าหาเจอรับประกันว่าราคาแพงหูตูบ

เปิดกระทู้กฐินปลดหนี้ด้วยพระขุนแผนพรายกุมารหลวงปู่ทิม ประเดิมที่ ๒ แสนบาท เพราะว่ากฐินปลดหนี้อาตมารับประกันยอดให้กับทุกวัด ๑ ล้านบาท ถ้าได้ไม่ถึงอาตมาจะควักเพิ่มให้จนครบหนึ่งล้าน ถ้าได้เกินก็ถวายท่านทั้งหมด ตั้งแต่ทำมาได้ต่ำสุดวัดละหนึ่งล้านห้าแสนบาท สูงสุดอยู่ที่วัดครูบาเหนือชัย สามล้านห้าแสนบาท ได้มากที่สุดก็ตอนที่ไปประมูลของกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 03:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 19-07-2016, 21:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เหรียญเจริญพรหลวงปู่ทิมที่ไม่มีห่วง เพราะว่าอาตมาเอาห่วงไปหล่อพระ อาตมารู้ว่าคนเอาไปเลี่ยมเขาไม่เอาห่วงหรอก เหรียญนั้นยังไม่ได้ใช้ ใหม่กริ๊บเลย จะโทษใครได้...สมัยนั้นพระครูแสงท่านแนะนำเอง รู้สึกว่าพี่สุรกานต์จะบูชาหนุมานมา ๑ ตัว ช่วงนั้นพวกเรายังเบี้ยน้อยหอยน้อย ทำงานได้ค่าแรงวันละ ๒๕ บาทเท่านั้น ใครจะไปนึกว่าของ ๒๐ บาท ๓๐ บาทในสมัยนั้น ราคาจะเป็นล้านในสมัยนี้

สมัยนั้นเหรียญแพงที่สุดแค่ ๖๐ บาท นั่นเท่ากับค่าแรง ๒ วันกว่าทีเดียว เหรียญอายุยืนเต็มองค์ หลวงปู่สี วัดเขาถ้ำบุนนาค เนื้อนวโลหะ ราคาตั้ง ๘๐ บาท หลายปีก่อนพระครูแสงมาถามว่า "หลวงพี่...เหรียญอายุยืนนวโลหะยังอยู่หรือเปล่า ?" แล้วท่านก็ขอไปปล่อยให้ใครก็ไม่รู้

ที่อาตมาหวงมากก็ชานหมากหลวงปู่สี เพราะหลวงปู่ท่านคายแล้วฉีกผ้าอาบห่อให้ ถือว่าได้ผ้าอาบด้วย ว่าจะตัดใจสร้างพระสักรุ่นหนึ่ง ด้วยการถล่มผงของครูบาอาจารย์ลงให้หมด เพราะว่าไปได้ลูกอมผงพรายกุมารมาครึ่งเม็ด ครึ่งเม็ดนี่แหละที่จะเอามาทำผง คือคนบูชาเขาขอดูเนื้อข้างใน บอกว่าขอผ่าเม็ดหนึ่ง ถ้าใช่จะก็เอาหมดเลย ใจถึงนะ...อาตมาเลยได้แบ่งมาครึ่งซีก อยากผ่านักก็ให้ผ่า ความจริงผ่าแล้วของหมดราคา แต่ดีที่เอาไปทำผงสร้างพระได้

ลูกอมผงพรายกุมารก็คือเนื้อพระขุนแผนพรายกุมารนั่นแหละ ท่านปั้นเป็นก้อน ก้อนใหญ่เพื่อทำพระขุนแผนพรายกุมารพิมพ์ใหญ่ ก้อนเล็กสำหรับทำพิมพ์เล็ก ที่ทำไม่ทันแข็งตัวเสียก่อน ท่านก็ชุบสีทอง กลายเป็นลูกอมผงพรายกุมารไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 03:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 19-07-2016, 22:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวานมีโยมซื้อหนังสือมาถวาย ๔ -๕ เล่ม พลิกดูแล้วเซ็งมาก บอกแล้วว่าถ้าจะซื้อหนังสือถวายอาตมา ให้ถามก่อนว่าอ่านหรือยัง ? เอามาแต่ละเล่มอ่านแล้วทั้งนั้น ไปเจอคนอ่านหนังสือไม่มีทิศไม่มีทางอย่างอาตมาก็ลำบาก เพราะว่าอ่านทุกแนวเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 03:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 19-07-2016, 22:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตามประวัติของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จะเป็นตัวอย่างการฝึกกรรมฐานที่ดีที่สุดของพวกเรา เพราะว่าท่านเสกปลักขิก เสกเท่าไรก็ไม่ดิ้น ตามตำราบอกว่าถ้าปลัดขิกดิ้นได้หรือวิ่งได้ ถึงจะใช้ได้ ท่านก็อุตส่าห์ไปหาต้นตำหรับปลัดขิกอย่างหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ไปถามทั้ง ๒ รูปตอบเหมือนกันว่า "ถ้าใจมั่น ก็ดิ้นได้"

ถามแล้วท่านก็กลับมาทำ ตรงจุดนี้ที่เรานักปฏิบัติมักจะเสียก็คือ เราทำเพราะอยากได้ ส่วนหลวงปู่เสกปลัดขิกแล้ว "อยากให้ดิ้นได้" เข้าใจหรือยังว่ากำลังใจพลาดตรงไหน ? พวกเราเวลาปฏิบัติแล้วอยากได้โน่นอยากได้นี่ ใจก็ไม่นิ่งเหมือนกัน จนกระทั่งท่านเข้าใจ คือตั้งใจว่าจะทำอะไร เป็นอย่างไร แล้วก็ทิ้งความตั้งใจไปเลย ภาวนาอย่างเดียว ปลัดขิกก็ดิ้นได้เอง

ระยะหลังมีเกจิอาจารย์รุ่นใหม่ ๆ อายุน้อย ๆ ที่เสกปลัดขิกตั้งได้ นั่นเป็นของปลอม ข้างในเขาฝังแม่เหล็กไว้ เขาจะมีกล่องแม่เหล็กอยู่กับตัวเองที่กระเป๋าอังสะบ้าง ผูกอยู่ที่หน้าขาบ้าง ถึงเวลาก็จะวางปลัดขิกในมือ พอไปถึงกล่องปุ๊บ กล่องจะดูดปลัดขิกให้ตั้งขึ้นเอง ฉะนั้น...พวกนี้ถ้าให้ยื่นมือห่างตัว เสกให้ตายก็ไม่ตั้ง

แล้วก็มีวัสดุบางอย่างที่เขาบอกว่าเป็นเหล็กไหล เอาแม่เหล็กดูดแล้วยืด วิ่งหาแม่เหล็กได้ อันนั้นจริง ๆ แล้วเป็นวัสดุบางอย่างคล้าย ๆ กับดินน้ำมัน แล้วเขาผสมกับผงเหล็ก ถึงเวลาเอาแม่เหล็กดูดใกล้ ๆ ผงเหล็กโดนแม่เหล็กก็จะวิ่งหา แต่ตัววัสดุติดอยู่ด้วยก็เลยยืดตามมา เขาก็เอาแกว่งซ้ายแกว่งขวาให้ดู ว่าดิ้นได้อะไรได้ แล้วขายเป็นเหล็กไหลราคาแพง ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 03:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 19-07-2016, 22:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านใดที่ตั้งใจจะรับยันต์เกราะเพชรในวันที่ ๙ นี้ ถ้าคิดจะทำสะเดาะเคราะห์ก็ไม่ต้องเสียเวลามาทำที่นี่ เพราะการรับยันต์เป็นการสะเดาะเคราะห์ไปในตัวอยู่แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 03:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 19-07-2016, 22:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ก่อนหน้านี้บางคนเรียกอาตมาว่า "หลวงพ่อ" ก็ยังรับได้ไม่เต็มปากเต็มคำ ตอนนี้เรียกหลวงพ่อได้เต็มปากเต็มคำแล้ว เพราะว่าเป็นพระอุปัชฌาย์ บวชพระเองแล้ว ตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ก็เหมือนกับพ่อผู้ให้กำเนิดพระ เขาก็เลยเรียกว่าหลวงพ่อ ส่วนพระคู่สวดเขาเรียกว่าพระอาจารย์ ท่านเปรียบเหมือนกับเป็นพี่เลี้ยง บางคนบอกว่าเหมือนกับแม่นม

อาตมาเป็นแม่นมมา ๒๐ กว่าปี เพิ่งจะมาเป็นพ่อเอง เพราะว่าตั้งแต่พรรษาที่ ๕ พอออกพรรษา หลวงพ่อวัดท่าซุงก็บอกว่า "ให้แกซ้อมคู่สวดเอาไว้" เพราะว่าวัดท่าซุงบวชหมู่บ่อย บวชหมู่ตั้งแต่รุ่นอาตมา รุ่นนั้น ๓๖ รูป รุ่นถัดไปรุ่นพระครูแสง ๕๒ รูป ถัดไปเป็น ๑๘๐ รูป มีแต่เยอะขึ้นเรื่อย ถ้าคู่สวดน้อยจะไม่พอ ถ้าหลวงพ่อเห็นแววใครและอายุพรรษาได้ ท่านก็ให้ซ้อม ๆ คู่สวดไว้

แต่ตอนที่อยู่วัดท่าซุง อาตมาได้แต่ซ้อมเป็นตัวสำรองอยู่ เพราะตอนนั้นคู่สวด ก็คือ พระครูปลัดอนันต์ พระครูสมุห์พิชิต พระครูสังฆรักษ์สุรจิต พระครูใบฎีกาสมพงษ์ พระปลัดวิรัช พระสมุห์บัญชา
พระใบฎีกาประทีป ท่านรับหน้าที่อยู่ เมื่อเป็นอย่างนั้นอาตมาก็เป็นตัวสำรอง ออกมาจากวัดท่าซุงก็ไม่คิดที่จะเป็นคู่สวดใคร อยู่ป่าอยู่ดงสบายใจดี

ปรากฏว่าพอไปช่วยงานหลวงพ่อวัดท่ามะขาม วันนั้นคู่สวดไม่มา หายไปรูปหนึ่ง บวชพระไม่ได้ หลวงพ่อท่านก็หันมาถาม "อาจารย์เล็ก...สวดได้ไหม ?" "ได้ครับ" "เออ...ถ้าอย่างนั้นก็สวดเลย" สวดเสร็จสรรพเรียบร้อย ท่านชมว่า "คล่องดีนี่ เดี๋ยวไปเอาตราตั้งได้" ท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด ท่านก็ออกตราตั้งพระกรรมวาจานุสาวนาจารย์ให้ เท่ากับว่ามีใบขับขี่ สวดได้ถูกต้องตามกฎหมาย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 03:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 19-07-2016, 22:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนที่อยู่วัดท่าซุงนั่นแค่หลวงพ่อท่านอนุญาตให้สวด ถือว่าเป็นการภายใน แต่พอมาอยู่กาญจนบุรีได้รับตราตั้งตามระเบียบของคณะสงฆ์ จากนั้นก็สวดมาเรื่อย ต้องบอกว่าเป็นได้แค่พระอาจารย์ เพราะว่าคู่สวดคืออาจารย์ของพระใหม่ เป็นทั้งพี่เลี้ยงด้วย เป็นทั้งพระอาจารย์ด้วย พอมาเป็นพระอุปัชฌาย์ คราวนี้ใครเรียกหลวงพ่อก็รับได้เต็มที่แล้ว

โดยเฉพาะพระอุปัชฌาย์ของหนกลางเขาบังคับว่าต้อง ๒๐ พรรษาขึ้นไป ของหนอื่นก่อนหน้านี้ก็ ๑๐ พรรษาบ้าง ๑๕ พรรษาบ้าง ถ้าอยู่ในที่กันดารอย่างพวกด่านช้าง แม่ฮ่องสอน ก็อาจจะผ่อนผันให้ ๑๒ พรรษาก็ได้ แต่ของหนกลาง (๒๓ จังหวัดภาคกลางและตะวันออก) ต้อง ๒๐ พรรษาถึงจะให้เป็นพระอุปัชฌาย์

มีคนถามหลวงพ่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม ตอนนั้นท่านเป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง ว่าทำไมถึงต้องพรรษามากขนาดนั้น ? ท่านบอกว่า ถ้าหากเป็นพระที่บวชตั้งแต่อายุครบ ๒๐ ปี ถ้าแค่ ๑๐ พรรษานี่ยังเหลาะแหละเต็มที มีโอกาสที่จะสึกได้ ถ้าหากว่าลูกศิษย์ลูกหาอยู่ไปจนเป็นใหญ่เป็นโตในวงการสงฆ์ แต่พระอุปัชฌาย์สึกไปก็จะรู้สึกไม่ดี อีกอย่างหนึ่ง ถ้าหากอายุพรรษาห่างกัน ๒๐ ปี ก็พอที่จะเป็นพ่อลูกกันได้อย่างแน่นอน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 03:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 19-07-2016, 22:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราถือศีล ๘ แล้วกินนมถั่วเหลืองเป็นน้ำปานะ โดยไม่ได้เจตนา ?
ตอบ : ไม่ผิด

ถาม : เพราะไม่เจตนาหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่เจตนาเฉย ๆ กินอย่างไรก็ไม่อิ่ม จะไปนับเป็นอาหารได้อย่างไร ?

ถาม : หนูเห็นเขาโพสต์ในเฟซบุ๊ก ?
ตอบ : นั่นเป็นเรื่องของพระ จะเอาเคร่งครัดขนาดนั้นก็ได้ แต่จำไว้ว่าอะไรที่เคร่งเกินไป จะเป็นอัตกิลมถานุโยค โดยเฉพาะเราเป็นฆราวาสไม่ใช่พระ ถ้าไม่เจตนาไม่เป็นไร แต่ถ้ารู้ว่าทำอย่างนี้แล้วผิดศีล แล้วยังตั้งใจทำ นั่นจึงถือว่าละเมิด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 03:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 19-07-2016, 22:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เวลาที่เราอาราธนาบารมีของครูบาอาจารย์ จะอาราธนาได้มากหรือน้อย เกี่ยวกับตัวเราเองไหมครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ว่าเรารู้จักท่านและให้ความเคารพจริงไหม ? เหมือนกับว่าโยมจะไปเชิญนายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานในงาน ถ้าไม่รู้จักท่านแล้วจะไปเชิญท่าไหน ? ถ้าหากว่าเราไม่รู้จักท่านแต่เข้าไปหาด้วยความเคารพ แล้วท่านเห็นใจและเมตตา ท่านก็รับเชิญ เราก็เชิญท่านได้เหมือนกัน

ดังนั้น...เรื่องของการอาราธนาบารมีพระ สำคัญที่ว่าเรารู้จักท่านหรือเปล่า ? เราอาราธนาด้วยความเคารพหรือเปล่า ? ไม่ใช่อย่างปัจจุบันนี้เห็นมากต่อมากด้วยกัน นึกอยากจะสร้างรูปท่านก็สร้าง นึกอยากจะสร้างเหรียญก็สร้าง ประเภทที่ว่าทำก่อนบอกทีหลัง อย่างนั้นไม่ใช่การขออนุญาต แต่เป็นการแจ้งเพื่อทราบ เป็นลักษณะของผู้ใหญ่ทำกับเด็ก แล้วเราจะไปใหญ่กว่าพระได้อย่างไร ?

ถาม : เวลาที่เราอาราธนาบารมีพระครอบตัว ?
ตอบ : อยู่ที่เรา ขอทุกที่ทุกเวลาแต่ใจเราไม่ได้นึกถึงท่านก็เท่านั้นแหละ เราต้องนึกถึงพระด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 03:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 20-07-2016, 15:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เคยอ่านหนังสือเจอ ถ้าเราพยายามทำกิจกรรมต่าง ๆ ในสิ่งที่เป็นกุศลในดินแดนพระนิพพาน ถ้าผมเองทำอะไรแล้วฟุ้งซ่าน ผมจึงยกจิตขึ้นไปดินแดนพระนิพพาน เพื่อระงับจิตที่ฟุ้งซ่าน ถือว่าเป็นวิปัสสนาหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : การระงับใจของตนเองไม่ให้ฟุ้งซ่านได้ดีที่สุดคืออยู่กับลมหายใจเข้าออก แต่การที่เราส่งจิตออกไปยังที่อื่น เพื่อการระงับการฟุ้งซ่าน จะทำได้ดีต้องมีความคล่องตัวมาก ต้องคล่องตัวในเรื่องของฌานสมาบัติถึงระดับคิดจะทรงฌานเมื่อไรก็ทรงได้ ไม่อย่างนั้นเรากำลังฟุ้งอยู่ จิตไม่เป็นสมาธิ ทรงฌานไม่ได้ ย่อมไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว

ถาม : ไม่รู้จะเป็นการปรามาสหรือเปล่า อย่างวิธีพื้นฐาน ก็คือ นึกถึงหน้าพระอาจารย์เล็ก เวลาผมจะระงับความฟุ้งซ่าน ผมจะเห็นพระอาจารย์เล็กยิ้ม ผมไม่ได้ตั้งใจจะปรามาส ผมเห็นเอง อย่างนี้ถือว่าเป็นการเหมาะสมไหมครับ ?
ตอบ : เหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอยู่ที่เรา ไม่ใช่เรากำลังด่าชาวบ้านอยู่ก็นึกถึงพระไปด้วย ถ้าหากว่าเห็นตอนไหนเกิดความเคารพ รู้สึกว่าดี ก็ใช้ได้

ถาม : ถ้าเราภาวนาที่ดินแดนพระนิพพานและข้างล่างทั้งสองแดนพร้อมกัน จะดีขึ้นไหมครับ ?
ตอบ : ถ้าทำได้พร้อมกันก็จะดีขึ้น เพราะว่าเราสามารถแยกจิตออกไปหลาย ๆ ที่ได้ หลาย ๆ ใจได้ แต่ว่าถ้าตั้งใจให้จิตรวมตัวเป็นหนึ่งเดียว ต่อไปจะลำบาก เพราะว่าการที่เราแยกจิตทำงานหลาย ๆ อย่าง ก็อาจจะมีส่วนหนึ่งที่ฟุ้งซ่านได้ ถ้าจะให้ดีต้องเลือกเอาอย่างเดียว หลายคนเจอสภาพอย่างนี้มาแล้ว คือภาวนาอยู่แต่อีกจิตหนึ่งฟุ้งซ่านได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 16:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 20-07-2016, 15:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าผมอาราธนาพระพุทธเจ้าหลายองค์คลุมพร้อม ๆ กันได้ไหมครับ ?
ตอบ : ได้...จะไปยากอะไร เอาพระพุทธเจ้าไว้เหนือเศียรเหนือเกล้าของเรา ถัดลงมาเป็นครูบาอาจารย์ ถัดไปก็เป็นพระโพธิสัตว์ ตั้งท่านไว้ตรงไหนของร่างกายก็จัดเรียงกันไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 16:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 20-07-2016, 16:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : การที่เราไหว้พระ เราได้ดอกไม้เวียน จะเป็นบาปกว่าดอกไม้ที่เราจัดหามาเองหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ที่บาปเขาหมายถึงถวายดอกไม้ที่เหี่ยวแล้ว ถ้าหากว่าเราเกรงว่าจะเป็นอย่างนั้นก็หาไปเอง เอาดอกใหม่ ๆ ไปสิ

ถาม : แต่ถ้าเราเวียนแล้ว ดอกไม้ก็ยังใหม่อยู่ ?
ตอบ : ไม่เป็นไรหรอก เพราะว่าสะดวกด้วยกันสองฝ่าย เราเองกว่าจะเดินทางไปซื้อไปหา บางทีก็ลำบากลำบน ระยะทางไกลบ้าง หรือไม่ก็เหน็ดเหนื่อยขึ้นมา เกิดอารมณ์เสีย กุศลก็ลดน้อยลงไปอีก ทางวัดเขาจัดเตรียมเอาไว้ให้ ก็ถือว่าอำนวยความสะดวกให้แก่เรา แต่ถ้าเห็นว่าเหี่ยวมาก เราก็ไปหาของใหม่มาเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 20-07-2016, 16:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ตอนแรกผมลังเลว่าจะบูชาพระขุนแผนดีหรือไม่ เพราะผมก็เป็นคนทั่วไปที่ไม่รู้สึกในแง่บวกกับท่าน แต่ทีนี้ผมอ่านเจอว่าขุนแผน...(ไม่ชัด).... ซึ่งผมคิดว่าท่านต้องมีกุศลจิตอยู่แล้ว ถึงแม้ผมจึงจะเคารพได้ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างนี้ถือว่าเป็นการตั้งจิตที่ถูกต้องหรือไม่ ?
ตอบ : แล้วทำไมคุณนึกถึงขุนแผนเฉย ๆ ทั้ง ๆ ที่ทำเป็นรูปพระพุทธ ? นึกให้เลยขุนแผนไปถึงพระพุทธเจ้าก็หมดเรื่องหมดราวไปแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 16:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 20-07-2016, 17:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมเคยอ่านเจอว่า มีพระวัดหนึ่งวิจารณ์เรื่อง..... ?
ตอบ : กำลังจะเป๋แล้ว

ถาม : ไม่เป๋ครับ ผมอธิบายไม่ถูก ?
ตอบ : ขอยืนยันว่าจะเป๋แล้ว ต่อไปอีกไม่นานจะออกมาแนวพุทธวจนะ หรืออาจารย์เกษม วัดสามแยก หรือพุทธอิสระ เรื่องของการปล่อยวางต้องรู้จริงถึงจะวางได้ แล้วจำไว้ให้แม่น ๆ ว่า บุคคลที่ปล่อยวางสมมติได้ ยังเคารพสมมติทุกอย่างเป็นปกติ ฉะนั้น...ให้ระวังตรงนี้เอาไว้ให้มาก ๆ ถ้าหากว่าเราวาง ๆ ๆ ๆ ทุกอย่างเลย จะกลายเป็นวางใส่กบาลคนอื่นเขา..!

ถาม : อย่างเวลาเราจิตรวมตัว เรารู้สึกว่าถ้าเราละ เราจะไปอีกขั้นหนึ่ง ?
ตอบ : ลองดูสิ...ถ้ารู้สึกว่าสมาธิสมาบัติตลอดจนกระทั่งกำลังใจดีขึ้นก็แปลว่าจริง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 20:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 20-07-2016, 17:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,495
ได้ให้อนุโมทนา: 151,165
ได้รับอนุโมทนา 4,405,428 ครั้ง ใน 34,084 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเราชื่นชมใคร เราแค่ชอบ เราผิดศีลข้อ ๓ หรือเปล่าครับ ?
ตอบ : มีสิทธิ์ที่จะชื่นชมได้ ศีลข้อ ๓ จำกัดที่การล่วงละเมิดเท่านั้น ดูแต่ตามืออย่าต้องก็หมดเรื่อง ใจจะคิดอย่างไรก็คิดไป เพราะห้ามไม่ได้อยู่แล้ว

ถาม : หมายความว่าเราชอบได้ ?
ตอบ : เรามีศีลเป็นเกราะก็จบแล้ว อย่าไปล่วงศีล จะรักจะชอบสักกี่ร้อยคน อย่าไปละเมิดศีลก็หมดเรื่อง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-07-2016 เมื่อ 20:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 160 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 02:59



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว