กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #101  
เก่า 14-10-2015, 19:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลักใหญ่ของการปฏิบัติธรรมก็คือลงมือทำ พอลงมือทำแล้วติดขัดตรงไหนแล้วค่อยมาถาม ไม่ใช่คิดฟุ้งซ่านไปก่อนว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้แล้วมาถาม การฝึกกสิณ ถึงเวลาใช้อานุภาพกสิณ เราสามารถคุมได้ทุกอย่าง ต้องการแค่ไหนก็เป็นแค่นั้นแล้วจะกลัวไปทำไม ? หรือกลัวจะเก่ง ?

อย่างพระอุปคุตเถระแสดงอานุภาพให้พระเจ้าอโศกมหาราชดู บันดาลให้เกิดแผ่นดินไหว พระเจ้าอโศกมหาราชบอกว่าไม่เชื่อ เพราะแผ่นดินอาจจะไหวพอดีก็ได้ พระอุปคุตขอให้พระเจ้าอโศกนำน้ำมา ๑ ขัน ตั้งเอาไว้ บอกว่าจะบันดาลให้แผ่นดินไหวโดยทำให้น้ำสะเทือนแค่ครึ่งขัน (ซีกเดียว) แล้วทำให้ดู พระเจ้าอโศกมหาราชถึงได้เชื่อว่าท่านบันดาลได้จริง ๆ สั่งได้ขนาดนั้น แล้วเราดันไปกลัว ?

ถ้าเล่นกสิณไฟ สั่งให้เผาคน เอาแค่เฉพาะขนตา รับประกันว่าดวงตาไม่เป็นอันตราย ถ้าเผาแค่เสื้อผ้า ขนสักเส้นก็ไม่ไหม้ สั่งได้ตามใจเรา ดันไปกลัว ?

แต่สมัยอาตมายังเด็ก แถวบ้านมีพระลูกศิษย์หลวงพ่ออินทร์ วัดสระพัง ๒ รูป ฝึกกสิณน้ำกับกสิณไฟ มีอยู่ท่านหนึ่งพอขยายปฏิภาคนิมิต เป็นเปลวไฟลุกท่วมโบสถ์แล้วตกใจ กระโดดหน้าต่างหนี อีกท่านหนึ่งขยายปฏิภาคนิมิตของกสิณน้ำ เห็นน้ำท่วมมาทุกหนทุกแห่งก็เลยพลอยบ้าจี้ ว่ายน้ำหนีเป็นการใหญ่ กว่าหลวงพ่ออินทร์จะมาเจอ ก็ตะกายบก อกถลอกปอกเปิกไปหมด ก็ของตัวเองบันดาลขึ้นมา สั่งอย่างไรก็ได้ ดันไปตกใจ ก็คงพอ ๆ กับลิงเห็นเงาตัวเองในกระจกแล้วตกใจ

จำไว้ว่า "ถ้าได้กสิณจริงต้องสั่งได้ ถ้าสั่งไม่ได้ แสดงว่าไม่ใช่ของเรา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-10-2015 เมื่อ 21:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #102  
เก่า 15-10-2015, 14:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ประมาณ ๒ อาทิตย์กว่าที่ผ่านมา ทางโรงเรียนบ้านจันเดย์มาขอพวกข้าวสารอาหารแห้ง น้ำพริก น้ำปลา เหล่านี้ มอบให้ไป ๑ คันรถ โดยปกติแล้วแต่ละโรงเรียนจะได้ค่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียนหรือที่เรียกว่าค่าหัว ประมาณ ๓๐ บาทต่อคนต่อวัน แต่ให้เฉพาะเด็กไทย ก็คือเด็กที่มีหมายเลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก โรงเรียนบ้านจันเดย์มีเด็กไทยอยู่ประมาณร้อยละ ๓๐ นอกนั้นเป็นเด็กต่างด้าว เป็นมอญ กะเหรี่ยง พม่า ก็แปลว่าต้องไปนั่งดูเด็กไทยกินอาหารกลางวันกัน

ผู้อำนวยการโรงเรียนจึงใช้วิธีขอความร่วมมือจากสถานที่ต่าง ๆ ที่ง่ายที่สุดก็คือวัด โดยเฉพาะบรรดาโรงเรียนต่าง ๆ ในทองผาภูมิรู้ว่า ถ้ามาวัดท่าขนุนแล้วจะไม่ผิดหวัง

ตอนนี้ที่ทางวัดต้องให้เป็นประจำอยู่ก็คือหน่วยป่าไม้ต่าง ๆ ในอำเภอโดยเฉพาะทุ่งใหญ่ หน่วย ตชด. โรงเรียนต่าง ๆ ข้าวของที่ญาติโยมถวายไป แม้กระทั่งบรรดาข้าวของในถังสังฆทาน หลังจากที่แกะออกมาถวายพระ ให้ท่านเลือกกันตามความพอใจแล้ว ส่วนที่เหลือจากพระ แม่ชีกับเด็กวัดก็ได้ใช้บ้าง แล้วก็รวบรวมที่เหลือไปมอบให้กับสถานที่ต่าง ๆ ที่กล่าวมาแล้ว

บางสถานที่มีความจำเป็นมาก พอมีเจ้าภาพแจ้งความจำนงจะถวายผ้าป่า อาตมาก็ขอให้เขาถวายเป็นผ้าป่าอาหารกลางวันเด็กนักเรียน แล้วก็นำไปทอดที่โรงเรียน มอบเงินให้กับทางโรงเรียนไปเลย คือให้เจ้าภาพกับทางโรงเรียนเจอหน้ากันเอง โดยที่อาตมานั่งเป็นประธานเท่านั้น

โรงเรียนหลายแห่งจัดโครงการอาหารกลางวันเด็กประจำ อย่างโรงเรียนบ้านดินโส จัดโครงการสนับสนุนให้เด็กบ้านไกลได้เรียนชั้นมัธยมศึกษา โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ไกล ๆ อย่างอยู่แถวทุ่งเสือโทน กว่าจะเข้ามาถึงอำเภอทองผาภูมิก็ ๘๐ กว่ากิโลเมตร เด็กที่อยู่บ้านปิล็อก กว่าจะถึงทองผาภูมิก็ ๗๐ กิโลเมตร แล้วขึ้นเขาลงห้วย ซึ่งถ้าหากว่าญาติโยมเคยได้ยินข่าวผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านจะแก โดนเสือลากไปรับประทาน ก็จะหายสงสัยว่าทำไมถึงต้องช่วยให้เด็กบ้านไกลได้เรียนชั้นมัธยม เพราะว่าถ้าโรงเรียนไม่มีที่พักประจำ ไม่มีอาหารให้ เด็กก็ไม่มีโอกาสได้เรียน

แม้ว่ารัฐบาลของเราจะจัดโครงการเรียนฟรีก็ตาม แต่อย่าลืมว่าทุกอย่างต้องมีหลักฐาน ในเมื่อเด็กทั้งหลายเหล่านี้ไม่มีหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ก็ไม่รู้ว่าจะเอาหลักฐานที่ไหนมา แปลว่าส่วนใหญ่แล้วก็พระเรานั่นแหละ..ช่วยไปเถอะ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2015 เมื่อ 17:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #103  
เก่า 15-10-2015, 14:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"แม้กระทั่งวัดท่าขนุนเองก็ยังส่งเด็กวัดเรียนทั้งหมด ปัจจุบันนี้เด็กวัดที่เรียนมัธยมก็มีหลายคน โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่เริ่มโตเป็นสาวแล้ว อยู่ ป.๖ บ้าง ม.๑ ถึง ม.๔ บ้าง เป็นต้น ต้องบอกว่าแต่ละคนด้วยความที่อยากเรียนก็ต้องทนอยู่วัด เพราะว่างานวัดหนักมาก แค่เลี้ยงหมาวัดอย่างเดียวก็รู้แล้วงานหนักแค่ไหน หมาวัด ๒๐๐ - ๓๐๐ ตัว ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่นเลย ไม่ว่าจะเป็นงานในครัว งานทำความสะอาด สารพัดจิปาถะ แม้กระทั่งแยกขยะเพื่อเอาไปจำหน่าย

เรื่องของการศึกษาเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แต่น่าเสียดายว่าเด็ก ๆ ที่พ่อแม่มีความพร้อมทุกอย่าง มีฐานะดี มีโอกาสเรียนในโรงเรียนดี ๆ แต่กลับไม่ค่อยตั้งใจเรียน เด็กที่เขาลำบากยากจน ก็พยายามขวนขวายทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้ได้เรียน ทนลำบากแค่ไหนก็ยอมขอให้ได้เรียนเท่านั้น แล้วส่วนใหญ่แล้วผลการเรียนจะดี เพราะว่าทุ่มเทจริงจัง ดังนั้น..ถ้าลูกใครไม่ค่อยสนใจเรื่องการเรียน ปิดเทอมเอาไปทิ้งไว้ในป่าหรือบ้านชนบทสักเดือนหนึ่ง เห็นความลำบากของเด็กบ้านนอกแล้ว เขาก็คงอยากจะเรียนไปเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2015 เมื่อ 17:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #104  
เก่า 15-10-2015, 15:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "เมื่ออาทิตย์ก่อนนำหนังสือสำหรับแจกงานศพไปให้โยมที่เชียงใหม่ แวะเข้าห้องน้ำกลางทางยังไม่ทันจะสว่างดี มีหมาอยู่ ๒ ตัววิ่งรี่เข้ามากอด แล้วก็พาไปห้องน้ำ จากนั้นกลับมาส่งที่รถ ท้ายสุดไม่รู้จะหาอะไรให้ มีหมูสวรรค์อยู่ในรถกล่องหนึ่ง จึงตัดใจเลี้ยงหมาไปเลย เหมือนอย่างกับรู้จักกันมาหลายชาติ เป็นหมารุ่น ๆ วิ่งมาถึงก็กอดซ้ายตัวหนึ่งกอดขวาตัวหนึ่ง ปกติหมาเห็นคนแปลกหน้าจะไม่เข้าใกล้ หรือไม่ก็เห่าใส่ ไอ้เจ้าสองตัวนี่วิ่งรี่เข้าหาเลย พาไปห้องน้ำยังไม่พอ พากลับมาส่งที่รถอีกต่างหาก

มีอยู่เที่ยวหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เดินทางสายในจากหนองปรือไปด่านช้าง จากด่านช้างไปบ้านไร่ จากบ้านไร่ไปหนองฉางเพื่อเข้าอุทัยธานี ช่วงประมาณบ้านไร่ - หนองฉาง ก็แวะปั๊มเหมือนกัน เดินไปเข้าห้องน้ำ พอเดินลับห้องผู้จัดการ โผล่ไปเจอหมาอยู่ตัวหนึ่ง ไอ้เจ้านี่ทันทีที่เจอ ความรู้สึกของเขาไหลออกมาชัด ๆ เลยว่า “นั่นแน่..เราได้กินแล้ว” แล้วก็วิ่งตามมาเลย ท้ายสุดก็ต้องไปเข้าร้านสะดวกซื้อ ซื้อขนมเลี้ยงหมาอยู่ตรงนั้นแหละ หมาหลายตัวเขามีความสามารถพิเศษมากกว่าคน รู้ว่าอะไรควรไม่ควร
"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-10-2015 เมื่อ 17:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #105  
เก่า 15-10-2015, 15:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เมื่อปี ๒๕๔๔ หลวงพ่อพระราชธรรมโสภณ รักษาการเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี สั่งให้อาตมาไปช่วยพัฒนาวัดท่าขนุน ไปถึงแล้วหมาวัดท่าขนุนเป็นขี้เรื้อนไปเกินครึ่ง จึงต้องช่วยรักษาด้วยการเอากำมะถันผงผสมกับน้ำมันพืชไปทาให้ วิธีทาก็คือละเลงให้แฉะไปทั้งตัวเลย รับประกันว่าครั้งเดียวหาย แต่ขอโทษเถอะ กลิ่นกำมะถันจะติดมือเหม็นไปเป็นอาทิตย์ ๆ ถ้าไม่รู้ว่ากำมะถันกลิ่นแบบไหน ก็ที่เขาเรียกว่าก๊าซไข่เน่า กลิ่นแบบนั้นแหละ

ปรากฏว่าบรรดาหมาต่าง ๆ ไม่ยอมให้ทา ก็ต้องไล่จับกัน โดนกัดบ้างอะไรบ้าง อาตมาเป็นคนหน้าด้าน โดนกัดก็กัดไป อาตมาก็ทาไปเรื่อย ปรากฏว่ามีหมาอยู่ตัวหนึ่งลายเสือ เขาเรียกไอ้เสือ พอจับก็หันมากัดอาตมา กัดโดนนิ้วชี้ เห็นเลือดไหลท่วม อาตมาก็ไม่ได้ใส่ใจ ก็ทายาให้จนเสร็จ ไปล้างมือเสร็จสรรพเรียบร้อย อ้าว...มีแต่รอยบุบ ๆ แล้วเลือดมาจากไหนเยอะแยะ ? ท่านอาจารย์สมพงษ์ตอนนั้นเป็นเจ้าอาวาสอยู่ตามไปดู ปรากฏว่าไอ้เสือกัดท่าไหนไม่รู้ ฟันหักเลย เลือดที่ไหลออกมาเพราะฟันหัก...!

วัดท่าขนุนสมัยก่อนมีหมานักเลงโตอยู่ตัวหนึ่งคือเจ้าดอกรัก ไอ้เจ้านี่กัดทุกคนที่ขวางหน้า กัดจนญาติโยมไม่กล้าไปวัดกัน เป็นหมาเลี้ยงของแม่ชีวิชชุดาภรณ์ ซึ่งแม่ชีแกก็ค่อนข้างจะล้นเกินบาท บอกว่าให้ตีหมาสั่งสอนบ้าง แกก็ไม่ตี เวลาหมากัดคนลงไปกองกับพื้น แกก็ไปกอดหมา “โอ๋..ลูก..โอ๋..ลูก” คนโดนกัด
นอนเลือดท่วมอยู่ไม่ยักจะไปดู

ท้ายสุดอาตมาก็เลยต้องตีเอง แต่เจ้าดอกรักเป็นหมาสู้ไม้..ไม่หนี ใครตีก็โดดกัดสวนเลย ทำให้เจ้าอาวาสอย่างท่านอาจารย์สมพงษ์ก็โดน อาจารย์สมพงษ์โดนกัดน่องแหว่งเลือดไหลโกรก แม่ชียังมีหน้ามาบอกอีกว่า “อาจารย์สมพงษ์ยังออกเหรียญไม่ได้หรอก หมา
ยังกัดเข้าอยู่” พอตีแล้วเจ้าดอกรักโดดสวนมา ท่านอาจารย์สมพงษ์ก็เตะ ปรากฏว่าหมาไวกว่า แว้งงับน่องเลือดสาดเลย ถ้าเป็นอาตมาจะเปลี่ยนไปเตะแม่ชีแทน มีเยี่ยงอย่างที่ไหน แทนที่จะห้ามหมาตัวเอง กลับมาบอกว่าโดนหมากัดเข้ายังออกเหรียญไม่ได้หรอก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 04:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #106  
เก่า 15-10-2015, 15:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"วันที่ตบะแตก ก็คือ เจ้าดอกรักนึกจะไปไหนก็ไป เพราะแม่ชีให้ท้าย ก็โดดขึ้นอาสนะสงฆ์ที่ตั้งสำรับกับข้าวไว้ แล้วก็ยกขาเยี่ยวรด อาตมาก็เลยเอาไม้เรียวตี เจ้าดอกรักก็สันดานเหมือนเดิม ใครตีก็โดดกัด อาตมาก็ปล่อยให้กัด ตีไปเรื่อย พอกัดจนเหนื่อยเห็นว่าอาตมาไม่เลิกตีแน่ก็เลยวิ่งหนี ถึงวิ่งหนีอาตมาก็ตามตีไปเรื่อย มุดเข้าไปอยู่ใต้เตียงก็มุดตามตีไป เอ็งอยากจะกัดก็กัดไปข้าก็ตีไป จำได้ว่าวันนั้นใช้ไม้ติดกัณฑ์เทศน์ตีหักไปเกือบ ๑๐ อัน

เจ้าดอกรักนี่ใช้ไม้ใหญ่ตีไม่ได้ ไม้ใหญ่ตีหมาไม่เจ็บ ได้แค่ช้ำ อาตมาต้องใช้ไม้เรียวเล็ก ๆ แบบไม้ติดกัณฑ์เทศน์นั่นแหละ ตีไปเรื่อย ไม้เล็ก ๆ ตีเจ็บนี่ เล่นเอามุดหนีจนไม่มีที่จะไป เข้าใต้เตียงก็ตามไปตีใต้เตียง หนีไปซอกตู้ก็ตามไปตีในซอกตู้ มีปัญญากัดก็กัดไป จนกระทั่งท้ายสุดหมาก็ยอมรับว่ามีคนบ้ากว่า ตั้งแต่นั้นมาถ้าอาตมาตวาดทีเดียวเจ้าดอกรักก็วิ่งหางจุกตูด แล้วดันไปวิ่งให้ญาติโยมเห็น เขาก็เลยลือว่าเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนดุกว่าหมาอีก...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 04:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #107  
เก่า 16-10-2015, 12:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรดาภัยธรรมชาติต่าง ๆ ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะโลกเราเสียสมดุลมาก ความจริงมนุษย์เราเป็นตัวทำลายล้างที่ดุเดือดมาก สร้างถนนขึ้นมาสายหนึ่ง โดยปกติถ้าเป็นพื้นดิน เราทิ้งไว้ประมาณ ๒-๓ ปีก็จะกลายสภาพเป็นป่าละเมาะ ถ้านานกว่านั้นต้นไม้ใหญ่ขึ้นได้ ก็จะปรับสภาพกลายเป็นป่าสมบูรณ์ แต่ถ้าเราไปสร้างถนนเทคอนกรีต ไม่รู้กี่พันปีกว่าต้นไม้จะโผล่ขึ้นมาได้ ต่อให้คลุมไปจนมิด ก็ต้องยื่นมาจากทางอื่น ไม่ได้มาจากตรงนั้น

กลายเป็นว่ามนุษย์เราเหมือนกับสร้างความเจริญ แต่จริง ๆ แล้วเป็นการอำนวยความสะดวกให้เฉพาะตน แต่ไปทำลายตลอดจนกระทั่งขัดขวางธรรมชาติ หลักการของธรรมชาติต้องคล้อยตาม ถ้าขวางเมื่อไรก็พังกันไปข้างหนึ่ง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 14:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #108  
เก่า 16-10-2015, 15:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้อาตมาไม่กังวล เพราะว่ายอดกฐินวัดท่าขนุนทะลุล้านไปแล้ว ใครบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดี ? ภาวนาพระคาถาเงินล้านไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นไปเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #109  
เก่า 16-10-2015, 15:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ท่านที่พันไส้เทียนผางประทีป หัวท้ายอย่าบีบแน่นมาก ให้หลวม ๆ ไว้หน่อย เท่าที่สังเกตดู ถ้าบีบแน่นมาก บางทีน้ำเทียนเดินไม่สะดวก น้ำเทียนขึ้นไม่ทัน ไฟไหม้จนไส้ขาดดับไปก็มี แสดงว่าตั้งอกตั้งใจทำ จึงบีบเสียแน่นเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 17:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #110  
เก่า 16-10-2015, 17:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เจ้าอาวาสต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย บัญชีครุภัณฑ์ ลหุภัณฑ์ ยุ่งไปหมด อาคารสถานที่กว้างเท่าไร ยาวเท่าไร ก็ต้องลงรายละเอียดไว้ โดยเฉพาะว่าต้องรายงานกฐินทุกปี รายงานบัญชีรับจ่ายทุกปี ถ้าไม่ทำก็ถือเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่..ซวยอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 20:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #111  
เก่า 16-10-2015, 18:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่วัดตอนนี้มีลูกหมาอยู่ ๒ ครอก แต่ละครอกมีอยู่ ๘ ตัว ครอกที่สามกำลังจะตามมา ดูท่าก็ใกล้เคียงกันเพราะว่าท้องแม่หมาใหญ่มาก ที่พูดเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรหรอก แม่หมาโดนลูกกินนมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ก็ไม่เห็นว่าจะเอาลูกไปทิ้งถังขยะเลย..!

ตอนนี้อาตมามีนโยบายเลี้ยงลูกหมาให้สวยทุกตัว ชาวบ้านอยากได้เดี๋ยวก็มาอุ้มไปเลี้ยงเอง ครอกไหนที่เจ้าอาวาสเลี้ยง แม้กระทั่งตัวเมียเขาก็เอาไปจนหมด อาจจะต้องสร้างคอกอนุบาลสุนัขไว้หน้ากุฏิเจ้าอาวาส ตัวไหนคลอดมาก็กวาดเข้าครอกให้หมด ถ้าทำตะกรุดผูกคอให้ด้วย สงสัยหมดเกลี้ยงในทันที...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 20:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #112  
เก่า 16-10-2015, 18:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปฏิบัติธรรมถึงระดับไหน จึงจะมีครูบาอาจารย์มาสอนธรรมทางจิต ?
ตอบ : ต้องได้ทิพจักขุญาณ พูดภาษาชาวบ้านคือต้องได้ตาทิพย์

ถาม : ถ้ามาสอนทางฝัน ?
ตอบ : ลักษณะคล้ายกันนั่นแหละ มาในฝันก็เป็นทิพจักขุญาณอย่างอ่อน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 20:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #113  
เก่า 16-10-2015, 20:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พอคนอายุมากเข้า ธาตุต่าง ๆ ในร่างกายก็เริ่มพร่อง โดยเฉพาะธาตุลมกับธาตุไฟ ไม่มีธาตุลมหนุนเสริม ธาตุไฟก็เฉา จะดับท่าเดียว โบราณถึงได้มียาลมประเภทต่าง ๆ คนแก่พอขาดธาตุลมจะเคลื่อนไหวช้าลง บางทีธาตุลมเกินก็เป็นลม มีทางแก้ก็คือทั้งเพิ่มและระบายออก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 20:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #114  
เก่า 16-10-2015, 20:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : สถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ควรจะต้องระวังเรื่องอะไรครับ ?
ตอบ : ระวังอย่าตายก่อน..! ถ้าตายก่อนเดี๋ยวจะไม่รู้ว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร...! ความจริงโยมถามเรื่องสถานการณ์บ้านเมืองว่าควรจะต้องระวังเรื่องอะไรบ้าง จะว่าไปแล้วถ้าเราเป็นนักปฏิบัติธรรม ก็ไม่ต้องไปใส่ใจว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร มีหน้าที่ภาวนาก็ภาวนาของเราไป รักษากำลังใจให้มั่นคงไว้ ต่อให้เป็นหลักให้คนอื่นเขายึดเขาเกาะไม่ได้ อย่างน้อย ๆ เราไม่ต้องไปยึดไปเกาะใครก็ยังดี ยังแบ่งเบาภาระครูบาอาจารย์ไปได้บ้าง

เรื่องของบ้านเมืองต้องอยู่ในลักษณะรับรู้ มองแต่ไม่เห็น ฟังแต่ไม่ได้ยิน ไม่อย่างนั้นแล้ว ถ้าทำใจไม่ได้ ปล่อยวางไม่ได้ ก็จะร้อนหู ร้อนตา ร้อนใจ และทำให้ตัวเองวุ่นวาย เครียดไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 20:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #115  
เก่า 16-10-2015, 20:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พี่ชายตายเมื่อวันก่อน ผมต้องทำอย่างไรเขาจึงจะได้บุญ ?
ตอบ : สังฆทานก็ได้ บุญอะไรก็ได้ ส่วนใหญ่ถ้าตายก่อนอายุ ทำอะไรไปเขาก็ได้รับ พี่ชายตายเราทำบุญให้ ถ้าเราตายใครจะทำให้ ? ฉะนั้น...ต้องเร่งทำเองให้เยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องไปรอให้ใครเขาทำให้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 20:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #116  
เก่า 16-10-2015, 20:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ความจริงการเป่ายันต์เกราะเพชร ก็ถือเป็นการพุทธาภิเษกวัตถุมงคลไปในตัวอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ถ้าไม่ได้เอาไปวางเอาไว้ในจุดที่จัดไว้ให้ กำลังใจก็ไม่ถึงกัน

อาตมาโดนเองเต็ม ๆ มาทีหนึ่ง ก็คือ งานพุทธาภิเษกที่วิหาร ๑๐๐ เมตร ก็ตั้งใจว่าจะไม่ไปยุ่งกับวัตถุมงคลของวัด คิดว่าเราจะวางวัตถุมงคลไว้ในที่ซึ่งอนุญาตให้พระอาคันตุกะหรือญาติโยมเขาเอาของมาร่วมพิธีได้ พอแบกลังวัตถุมงคลไป จะถึงจุดที่เขาจัดไว้สำหรับคนนอก ก้มลงจะวางวัตถุมงคล อ้าว...ทำไมมาอยู่กับกองของวัดได้วะ ? คือหนึ่งช่วงต้นเสาที่เขาวางวัตถุมงคลไว้เต็มเลย อาตมาเดินเข้าไปตรง ๆ โดยไม่ได้หลีกเลย เป็นไปไม่ได้ที่จะฝ่ากองวัตถุมงคลไปถึงข้างใน แต่ก็เป็นไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปได้อย่างไร พอวางลงยังงง อ้าว...ตูมาถึงนี่ได้อย่างไร ? หันไปข้างหลังวัตถุมงคลก็วางเต็มทั้งช่อง แล้วเราเดินผ่านมาได้อย่างไร ?

เรื่องอย่างนี้บางทีก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก ถ้าญาติโยมเห็นก็เป็นเรื่องอีก ถ้าวันไหนมักน้อยสันโดษท่านก็ให้เยอะ ถ้าวันไหนโลภมากท่านก็ไม่ให้เลย ของวางเต็มช่องทางเลย ผ่านไปได้อย่างไรก็ไม่รู้ ของเป็นคันรถ ๑๐ ล้อ ก็รู้สึกว่าเดินไปถึงกองนั้นปกติ แต่พอจะวางของลง อ้าว...นี่กองของวัด เรื่องพวกนี้แหละที่พอมีประสบการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ จะทำให้ความมั่นใจในคุณพระรัตนตรัยของเรามีมากขึ้นไปตามลำดับ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 20:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #117  
เก่า 16-10-2015, 20:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "คนที่ไปงานเป่ายันต์เกราะเพชรรอบนี้ จะเห็นมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำเกือบเต็มองค์แล้ว ยังขาดลวดลายไม่มาก ส่วนการปิดทองประดับกระจก พระครูหน่อยไปดูงานแล้วบอกว่า “หลวงพ่อเล่นทำไม่ให้คนตามเลย” อาตมาก็ไม่ได้ห้ามให้ตามนี่หว่า คุณมี ๑๒ ล้าน ๕ แสนบาทก็ทำไปสิ อยากจะตามก็ไม่ได้หวงห้ามสักหน่อย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-10-2015 เมื่อ 20:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #118  
เก่า 16-10-2015, 20:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เดือนนี้มีงานบวงสรวงไหว้ครูเป่ายันต์เกราะเพชรวันที่ ๑๗ ตุลาคมนี้ แล้ววันที่ ๒๘ ตุลาคม ก็เป็นการตักบาตรเทโวฯ และกฐินสามัคคี พระท่านว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะฝืดเคืองมาก ไม่รู้ว่าฝืดแค่ไหน ท่านให้เข้ากรรมฐานก่อนงานกฐินสงเคราะห์ญาติโยมสัก ๓ วัน อาตมายังหาวันไม่ได้เลย กะว่าจะเข้าสักขึ้น ๑๓ - ๑๕ ค่ำ พอแรม ๑ ค่ำ ก็ออกมารับกฐินเลย เพราะฉะนั้น..หากใครอยากจะทำบุญกับพระออกกรรมฐาน ก็ไปทำบุญกฐินกัน เอาให้รวย ๓ เด้ง ๕ เด้งไปเลย

เกรงอยู่อย่างเดียวว่าอาตมาชราแล้ว กำลังไม่ดี เมื่อวานก็ไข้จับ มองโยมดูไม่รู้เรื่อง ตาลายไปหมด ไปเข้ากรรมฐาน ๓ วัน ออกมาแล้วต้องเดินบิณฑบาตวันตักบาตรเทโวฯ จะคลานไหวไหม ? ถ้าตักบาตรเทโวฯ เริ่ม ๐๘.๓๐ น. จะเสร็จประมาณ ๑๐.๐๐ น. เป็นอย่างเร็ว ไม่เป็นไร รีบออกกรรมฐานแต่เช้า กินตั้งแต่ก่อน ๖ โมง แล้วก็นอนยัน ๘ โมง น่าจะมีแรงพอเดินได้ น่าจะต้องทำอย่างนั้นแหละ ดูว่าจะสะสมพลังงานทันไหม ?

ปกติอาตมาก็เข้ากรรมฐานไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา ชาวบ้านชาวเมืองเขาเข้ากรรมฐานกันนั่งเงียบนอนเงียบ อาตมาทำงานก๊อกแก๊กไปเรื่อย ทำงานทั้งวัน เราถือว่าเราหากินทางการเคลื่อนไหวมาตลอด ตั้งแต่สมัยเป็นทหารก็วิ่งไปภาวนาไป หกคะเมนตีลังกาไปก็ภาวนาไป สามารถเดินด้วยมือแทนเท้าเป็นกิโล ๆ ถึงได้ยืนยันว่าตีลังกาก็ภาวนาได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-10-2015 เมื่อ 16:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #119  
เก่า 16-10-2015, 20:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"งานไหว้ครูเป่ายันต์เกราะเพชรห่างจากงานทอดกฐินแค่ ๑๑ วัน ญาติโยมอาจจะลำบากในเรื่องการเดินทาง ขอยืนยันว่าการรับยันต์เกราะเพชรไม่จำเป็นต้องไปที่วัดก็ได้ แต่ญาติโยมหลายท่านเมื่ออธิษฐานขอรับที่บ้าน แล้วเกิดผลอย่างเห็นได้ชัด ก็ดันตะกายไปวัดเสียอีก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อาตมาเองก็งงอยู่เหมือนกัน ในเมื่อรับที่บ้านได้แล้วทำไมต้องไปวัด ?

ก่อนหน้านี้ก็ไม่ทราบว่าทำไมหลวงพ่อวัดท่าซุงถึงสั่งให้อาตมาเป่ายันต์เกราะเพชร ทั้ง ๆ ที่รุ่นพี่ที่อาวุโสกว่า แม้ว่าจะมีสึกหาลาเพศไปบ้าง ออกจากวัดมาบ้าง แต่ในวัดก็ยังมี นอกวัดก็ยังมี แล้วทำไมต้องมาเริ่มที่อาตมา ? มาตอนนี้รู้แล้วว่าท่านต้องการประเภท ระบบ HD ก็คือเอาชัด ๆ หน่อย พวก analog เก่า ๆ ท่านไม่อยากได้

ความชัดเจนแจ่มใสของทิพยจักขุญาณเกิดจากการขยัน หมั่นฝึกซ้อม ถ้าขยันหมั่นฝึกซ้อมก็ทำได้ทุกคน อย่างที่อาตมาเคยบอกกับโยมว่า แค่เรื่องของพระคาถาเงินล้าน อาตมาใช้ภาวนาเป็นกรรมฐานทั้งวันอยู่ ๓ ปีเต็ม ๆ มีใครทำบ้าง ? ถึงขนาดนับจำนวนได้ว่าถ้าเอาจริง ๆ จัง ๆ ภาวนาช้า ๆ แบบคุณภาพ วันหนึ่งจะได้ประมาณ ๑,๒๐๐ จบ เริ่มตีสาม เลิกหนึ่งทุ่ม กี่ชั่วโมงต่อวันก็ไม่รู้ ? แต่ญาติโยมก็ไม่มีกำลังใจที่จะทำกัน

หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านสั่งให้ไปนั่งข้างถนน เพื่อซักซ้อมมโนมยิทธิ พอรถวิ่งมาให้กำหนดใจว่ารถที่วิ่งมาสีอะไร พอตอบถูกประมาณ ๘ คันใน ๑๐ คันก็เพิ่มรายละเอียดว่า รถที่วิ่งมาสีอะไร มีคนมาด้วยกี่คน พอถูกประมาณ ๘ ใน ๑๐ ก็เพิ่มไปอีกว่า ผู้หญิงกี่คน ผู้ชายกี่คน พอถูกประมาณ ๘ ใน ๑๐ ก็เพิ่มไปว่าแต่ละคนใส่เสื้อผ้าสีอะไร จนกระทั่งท้าย ๆ เลขทะเบียนอะไรก็บอกได้ถูก

เพราะฉะนั้น..พวกเราต้องมีการซักซ้อมอยู่เสมอ ส่วนใหญ่พวกเราทำในลักษณะเหมือนอย่างกับ "แก้บน" ศึกษาเรียนรู้แล้วไม่มีการซักซ้อมใช้งานจริง ก็เลยทำให้เสื่อม เรื่องของโลกียฌาน เก่งแค่ไหนถ้าหากขาดการซักซ้อม ขาดการชำระกำลังใจของเราให้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะเรื่องของศีลกับสมาธิถ้าไม่ทรงตัวก็เสื่อมทุกราย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2015 เมื่อ 01:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #120  
เก่า 17-10-2015, 11:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,474
ได้ให้อนุโมทนา: 151,107
ได้รับอนุโมทนา 4,403,015 ครั้ง ใน 34,063 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนเด็ก ๆ อาตมาก็สงสัยว่าทำไมผีชอบหลอกเราเสียจริง พอโตขึ้นมาถึงได้หายสงสัย เพราะว่าเขาหลอกคนอื่นไม่ได้ คนอื่นไม่รู้เรื่อง เล่นเอาตูกลัวฉี่ราดอยู่คนเดียว..! ตอนเด็ก ๆ นี่อาตมากลัวผีขนาดไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะว่าบ้านที่ต่างจังหวัดเป็นส้วมหลุม ต้องไปสร้างไว้ไกล ๆ ไม่อย่างนั้นกลิ่นเหม็น แล้วกลางคืนให้เดินไป จ้างก็ไม่ไปหรอก อั้นอึอั้นฉี่จนสว่าง เป็นอย่างนั้นอยู่ทุกวัน เพราะกลัวผีจริง ๆ

พอไปอ่านประวัติหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านก็เป็นแบบนั้น ตอนขึ้นบันไดบ้านหันหน้าขึ้นได้ แต่ตอนลงต้องถอยหลังลง ท่านบอกว่ากลัวผีคว้าคอทางด้านหลัง สรุปว่าท่านทั้งหลายที่มีปฏิปทาแบบนี้ เพราะว่าระบบของตัวเองชัดเจนเกินไป รับของเขาได้ง่าย ก็เลยโดนผีหลอกจนกลัวไปตาม ๆ กัน

อาตมาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเลิกกลัวผีตอนไหน หลังจากที่รู้ว่าจริง ๆ แล้วที่ผีมาเพราะว่าเขาลำบาก ด้วยกำลังบุญของเขาที่มี เขาทำให้สวยที่สุดเท่าที่เราเห็นแล้ววิ่งตับแลบนั่นแหละ เหมือนอย่างกับขอทานหรือคนบ้า แต่งตัวสวยอย่างไรเราก็รู้ว่านี่คือขอทานหรือว่าคนบ้า กะรุ่งกะริ่งดูไม่ได้ ลักษณะเดียวกัน ในเมื่อเข้าใจว่าเขาลำบาก เขาเดือดร้อน เขาถึงมาหา เขาต้องการความช่วยเหลือจากเรา ก็เกิดความรู้สึกว่า ในเมื่อเราเป็นเศรษฐีทำไมต้องไปกลัวขอทานด้วย ก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองเลิกกลัวผีตอนไหน

ในปัจจุบันนี้แม้จะบอกว่าเลิกกลัวผีแล้ว แต่จากการสังเกตตัวเองดู เวลาเจอก็ยังรู้สึกสันหลังเย็นวาบ ๆ แสดงว่าก็ยังกลัวอยู่ เพียงแต่ไม่หนีเท่านั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่มาได้คำตอบหลังจากเนิ่นนานเหลือเกิน ว่าทำไมผีถึงหลอกเราเสียจริง ทำไมหลวงพ่อถึงสั่งให้อาตมาเป่ายันต์ฯ ทั้ง ๆ ที่พี่ ๆ น้อง ๆ ก็ครอบครูรวมกันตั้ง ๙ รูป ถึงหลวงพี่บัญชา ท่านน้อย ท่านชาติชายสึกไป ก็ยังเหลืออีก ๖ รูป ที่ออกมาสร้างวัดข้างนอกก็มี หลวงพี่วิรัช หลวงตาวัชรชัย มีอาตมา ยังเหลือในวัดตั้งสามรูป เอ๊ะ...ได้ยินว่าหลวงพี่อาจินต์ไปเยอรมัน ก็ยังมีอยู่ในวัดอีก ๒ รูป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-10-2015 เมื่อ 16:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว