กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์

Notices

เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 03-08-2010, 18:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หลักปฏิบัตินั้น เราต้องทำบ่อย ๆ ซ้อมบ่อย ๆ เดี๋ยวก็เก่งไปเอง
อยากจะพูดเก่งให้พูดบ่อย ๆ อยากจะอ่านหนังสือเก่งให้อ่านบ่อย ๆ อยากจะทำกรรมฐานเก่งก็ให้ทำบ่อย ๆ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2010 เมื่อ 02:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 03-08-2010, 23:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ให้ลูกสองคนนั่งสมาธิ ทีนี้จะมีคนหนึ่งช้ากว่า ควรจะเพิ่มเวลาไปเรื่อย ๆ หรือรอคนที่ช้ากว่า
ตอบ : รอเขาหน่อย ตอนนี้ให้เขานั่งได้กี่นาทีแล้ว ?

ถาม : นาทีครึ่งค่ะ
ตอบ : นาทีครึ่งสำหรับเด็กก็เยอะมากแล้ว

ถาม : ถามลูกว่านั่งแล้วเป็นอย่างไร ลูกบอกว่าเห็นภาพพระ ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า ?
ตอบ : บอกลูกว่า หนูจำภาพพระเอาไว้ แล้วนึกถึงให้ได้ตลอดเวลา จะกันแม่ตีได้ ถ้าวันไหนหนูนึกถึงภาพพระได้ แล้ววันนั้นแม่จะตีหนูไม่ลง

เวลาจะเกลี้ยกล่อมอะไรลูก เราต้องรู้ใจเขา ว่าเขาต้องการอะไร คราวนี้เขาจะเชื่อ แต่ถ้าเราลืมไปแล้วว่าตอนเด็กเราต้องการอะไร เวลาเราพูดไปเขาก็ไม่ค่อยฟังเราหรอก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2010 เมื่อ 02:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 03-08-2010, 23:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : จะทำอย่างไรให้ลูกชายเขารักเรียน ขยันเรียน ?
ตอบ : สมัยก่อนที่อาตมาขยันเรียน แม่ก็ไม่ได้บอกอะไรมาก แม่บอกว่า "แม่ไม่รู้หนังสือ ทำอะไรก็เสียเปรียบเขา" แม่บอกแค่นี้ ฉะนั้น..ถ้าโง่ทั้งแม่ทั้งลูก เดี๋ยวจะเดือดร้อนกันไปใหญ่ เมื่อได้ยินแม่บอกดังนั้น จึงเห็นความสำคัญของการเรียนมาก

จริง ๆ แล้วสมัยที่เรียน แม่มีลูก ๑๒ คน แม่ส่งเรียนหมดเลย แม่พูดอยู่เสมอว่า "แม่ไม่รู้หนังสือ ทำอะไรก็เสียเปรียบเขา" แล้วเราก็เห็นอย่างนั้นจริง ๆ ทางบ้านถูกเขาโกงที่ดินไปหลายไร่ เพราะเขาออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ของเรา เราไม่รู้ว่าถ้าไม่คัดค้าน ครบ ๑๐ ปีก็จะกลายเป็นของเขา จึงกลายเป็นความฝังใจว่าเราต้องรู้ ถ้าไม่รู้เดี๋ยวจะเสียเปรียบเขาเหมือนกับแม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2010 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 03-08-2010, 23:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "คนทั่วไปยิ่งอยู่นานไป ความต้องการก็ยิ่งมากขึ้น รัก โลภ โกรธ หลง ก็มากขึ้นไปด้วย โอกาสที่จะทำผิดทำพลาดก็มีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ดังนั้น รีบไปนิพพานเสียแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-08-2010 เมื่อ 02:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 04-08-2010, 11:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "จำเอาไว้ อำนาจเป็นยาเสพติดอย่างหนึ่ง บุคคลที่ขาดสติเสร็จทุกราย

การกิน การนอน การเสพกาม การเสวยอำนาจ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้แล้วว่า ถ้าไม่ใช่บุคคลที่เห็นภัยในวัฏสงสาร ย่อมไม่มีวันเบื่อ ที่ยังไม่มีก็พยายามไขว่คว้ามาให้มี มีแล้วก็พยายามดิ้นรนรักษาไว้ ความจริงเป็นทุกข์ทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่เขาไม่เห็น นับว่าเป็นทิฏฐิวิปลาส เห็นของที่ไม่ดีว่าดี

ถาม : สัญญาวิปลาส คืออะไร ?
ตอบ : สัญญาวิปลาส คือ จำผิด จำว่าของไม่ดีว่าเป็นของดี อย่างเช่นอสุภสัญญา สภาพร่างกายมีความไม่ดีไม่งาม เป็นปกติ แต่ไปหมายจำว่าเป็นสุภสัญญา คือ เห็นว่าร่างกายมีความดีความงาม

อัตตสัญญา
สภาพร่างกายไม่ใช่ตัวตนที่ยึดถือมั่นหมายได้ แต่ไปจำว่าร่างกายเป็นตัวตนของเรา

นิจจสัญญา สภาพที่ไม่เที่ยงก็ไปจำว่าเที่ยง

สรุปแล้วสัญญาวิปลาส ก็คือ จำผิด แต่เราฟังดูแล้วน่ากลัว โดยเฉพาะจิตตวิปลาส คิดผิด คิดผิดแทนที่จะเป็นสัมมาทิฐิก็กลายเป็นมิจฉาทิฐิ เราฟังดูแล้วเหมือนจิตตวิปลาส คือ เป็นบ้า แต่จริง ๆ แล้วก็นับว่าบ้าเหมือนกัน เพียงแต่เป็นการบ้าในธรรม คนทั่ว ๆ ไปเขาเห็นว่าเป็นปกติ แต่บุคคลที่เข้าหาธรรมะจะเห็นว่าบ้า เพราะออกนอกลู่นอกทาง

ถาม : ทิฏฐิวิปลาสกับจิตตวิปลาสต่างกันอย่างไร?
ตอบ : ทิฏฐิวิปลาส จเห็นผิด แต่จิตตวิปลาส คิดผิด ทิฏฐิก็แปลตรง ๆ ว่าความเห็น มีการฟันธงแล้วและธงก็หักไปแล้ว แต่จิตตวิปลาสนี่ยังแค่คิดเท่านั้น

ถาม : น่ากลัว
ตอบ : น่ากลัวทุกตัวแหละ เพราะวิปลาสแปลว่าไม่ถูกต้อง บาลีเขาเขียนเป็น วิปัลลาส
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 04-08-2010, 11:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงการเปลี่ยนผ้าครองถวายหลวงปู่สายให้ฟังว่า "ในห้องของหลวงปู่ ยังไม่ได้ไปแตะต้องอะไรเลย เพราะว่าไม่อยากให้เปลี่ยนไปจากสภาพที่ท่านเคยใช้งาน ตรงข้างฝามีกระดาษอยู่แผ่นหนึ่ง หนีบคลิปติดเอาไว้ เขียนว่า

ลำพอง ช่วยดูโลงกระจกให้ด้วย
มิถุนา ๓๔

หลวงปู่ให้เตรียมโลงกระจก (โลงแก้ว) ตั้งแต่ตอนนั้น และท่านก็มรณภาพเมื่อเดือนกันยายน ๒๕๓๕

หลักฐานชัด ๆ เป็นลายมือท่านเอง ท่านบอกโยมลำพองที่เป็นทายกวัดในช่วงนั้นให้หาโลงกระจก ก็แปลว่าท่านนอกจากจะรู้เวลามรณภาพแล้ว ยังตั้งใจทิ้งสังขารไว้ให้พวกเราด้วย

อาตมาตั้งใจว่าถ้าปรับทำศาลาการเปรียญหลังเก่าเป็นหมู่เรือนไทยแล้ว ด้านบนศาลาจะจัดเป็นพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ เอาพวกข้าวของเครื่องใช้ในห้องของท่านไปตั้งแสดง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 04-08-2010, 11:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในช่วงเข้าพรรษานี้ จะเห็นได้ว่ามีพระหลายรูปที่ยกพานธูปเทียนมากราบขอขมาพระอาจารย์

พระอาจารย์กล่าวให้ฟังว่า "สามีจิกรรม การทำในสิ่งที่ดี ๆ ต่อกัน บางคนเรียกทำวัตรพระผู้ใหญ่ ช่วงเข้าพรรษามีระเบียบอย่างหนึ่งว่า พระภิกษุหรือสามเณรถ้าไปจำพรรษาในที่ไกล ต้องมารายงานตัวกับอุปัชฌาย์อาจารย์ เพื่อให้รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ใกล้ไกลอย่างไร อยู่กับใครบ้าง ขาดเหลืออะไรที่พอจะให้อุปัชฌาย์อาจารย์ช่วยเหลือได้บ้าง ก็จะมาบอกกล่าวกัน

ส่วนใหญ่นิยมตั้งแต่ช่วงแรม ๑ ค่ำ ไม่เกินแรม ๑๕ ค่ำ ก็คือ ครึ่งเดือนแรกเข้าพรรษา ภาษาพระเรียกว่า ทำวัตรพระ ภาษาชาวบ้านพูดง่าย ๆ ว่า มารายงานตัวกับอาจารย์"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 08-04-2016 เมื่อ 20:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 180 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 04-08-2010, 17:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ที่ท่านเอ็ดผมเรื่องไปหาหลวงพ่อมนัส เพราะว่าผมตั้งกำลังใจผิดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : เปล่า

ถาม : เพราะอะไรครับ ?
ตอบ : เพราะว่าพระป่วยไม่ควรจะไปกวนท่าน

ถาม : แต่เพื่อนเขานัดกับท่านไว้แล้วครับ?
ตอบ : ก็ไปสิ ไม่ได้ห้าม

ถาม : ฝากของไปแทนแล้วครับ
ตอบ : ไปเองก็ได้ ไหน ๆ จะรับกรรมแล้ว ก็รับเองให้เต็ม ๆ ไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-08-2010 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 04-08-2010, 18:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : แสงจากกายของคนบางทีมีสีขาว สีแดง สีน้ำเงิน แตกต่างกันอย่างไรครับ ?
ตอบ : เป็นไปตามสภาพจิตและอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของร่างกาย

ถาม : ไม่มีความหมายใช่ไหมครับ ว่าคนนี้สีแดงเป็นคนอย่างไร ?
ตอบ : มีเหมือนกัน

ถาม : แล้วส่วนใหญ่สีแดงหมายความว่าอย่างไรครับ?
ตอบ : ต้องดูเอง เพราะสีแดงยังมีหลายระดับ ถ้าหากแดงในด้านไม่ดีก็มีนิสัยมุ่งร้ายคนอื่น แต่ถ้าในด้านดีก็เป็นคนชอบอะไรท้าทาย ประเภทอภิญญาสมาบัติ

ถาม : แล้วเขียวล่ะครับ ?
ตอบ : ไปถามคนที่มีความสามารถในการอ่านภาพออร่าจะดีกว่า
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-08-2010 เมื่อ 02:55
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 04-08-2010, 18:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ศีล ๕ กับศีล ๕ บวกกรรมบถ ๑๐ ต่างกันอย่างไร ?
ตอบ : ก็เพิ่มมาอีก ๕ ข้อ

ถาม : แล้วอานิสงส์จะได้อะไรเพิ่ม ?
ตอบ : เพิ่มอีกมหาศาลเลย เพราะกรรมบถ ๑๐ นอกจากบังคับกายแล้วยังบังคับวาจาและความคิดด้วย กรรมบถ ๑๐ นี่ห้ามพูดโกหก ห้ามพูดเพ้อเจ้อ ห้ามพูดคำหยาบ ห้ามพูดส่อเสียดด้วย ขณะเดียวกันทางใจก็ห้ามโลภ ห้ามโกรธ ทำให้เป็นสัมมาทิฏฐิด้วย

ถาม : ศีล ๘ เล่าครับ ?
ตอบ : ศีล ๘ สำหรับผู้ประพฤติธรรมขั้นสูงแล้ว ต้องการความละเอียดของจิตมากขึ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 04-08-2010, 18:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในการปฏิบัติกรรมฐานเบื้องต้นเพื่อการปูทางให้มีศีล มีสมาธิที่สมบูรณ์เพื่อให้เกิดปัญญาในการแก้ปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต การทำสม่ำเสมอในครั้งแรกของการทำกรรมฐานก็คือ เปิดเทปบวงสรวง แล้วตั้งใจว่าเราจะนั่งกรรมฐานวันละ ๑๐ นาทีเป็นอย่างน้อย ทำอย่างนี้ติดต่อกันสม่ำเสมอ หรือว่านึกอยากจะทำก็ทำได้เลยเจ้าคะ ในกรณีสำหรับผู้ฝึกใหม่ ?
ตอบ : ผู้ฝึกใหม่ควรจะมีระยะในการปฏิบัติที่แน่นอนเอาไว้ทุกวัน แต่สำหรับคนเก่าแล้วควรจะใช้เวลาทั้งวันให้เป็นการปฏิบัติ

ถาม : คำว่าคนเก่าก็คือ..?
ตอบ : หมายความว่ามีความคล่องตัวแล้ว ฝึกจนคล่องแล้ว เพราะว่าบุคคลที่ตั้งใจปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้นจริง ๆ เรื่องรัก โลภ โกรธ หลงจะมาทดสอบอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น..ถ้าเราไม่ได้เตรียมไว้ทั้งวัน ก็อาจจะโดนกิเลสยันหงายท้องได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

แต่สำหรับคนใหม่ ๆ มารเขายังเห็นว่าไม่เท่าไร เรายังมีเวลาหายใจอยู่ ก็ใช้ทำสม่ำเสมอสักเช้าครั้งเย็นครั้ง แต่ถ้าเราไปคิดว่าเรากินเช้าครึ่งชั่วโมง กินเย็นครึ่งชั่วโมง เวลาที่เหลือก็ไม่ต้องกิน มีหวังอดตายเลย


ถาม : ถ้าฝึกไปสม่ำเสมอ แล้วช่วงเวลาที่ว่างระหว่างวันก็เอาใจจับพระ
ตอบ : ควรจะทำอย่างนั้น คราวนี้เรามาดูว่า ๒๔ ชั่วโมงเราอยู่กับภาพพระได้กี่ชั่วโมง ? ถ้ายังขาดทุนอยู่ก็พยายามเพิ่มให้มากขึ้น

ถาม : แล้วถ้ากรณีเรารู้ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผิด แต่พอถึงเวลาก็ผิดอีก ผิดแล้วผิดเล่า
ตอบ : เริ่มต้นใหม่ อย่าไปเสียเวลาจมปลักอยู่กับเรื่องเหล่านั้น ข้อผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่เรายังสติไม่สมบูรณ์ แต่ทันทีที่รู้ตัวว่าผิดก็เริ่มต้นใหม่..รู้ตัวว่าผิดก็เริ่มต้นใหม่

มัวแต่ไปเสียดายเวลากับสิ่งที่ทำอยู่ตรงนั้น เราจะไม่ได้อะไร แต่ถ้าเราเริ่มต้นใหม่เท่ากับเราก้าวเดินต่อไป


ถาม : ถึงแม้ว่าในระหว่างที่ทำผิด เราก็มีสติรู้อยู่ว่าผิด ก็ยังทำ
ตอบ : ที่ทำไปแล้วให้เลิกคิด ตั้งใจทำใหม่ให้ถูกก็พอแล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-08-2010 เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 05-08-2010, 10:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เถรีบอกพระอาจารย์ไปว่าเพิ่งอ่านหนังสือเรื่อง ช้องหมู : มฤตยูเขี้ยวตัน จบไป พระอาจารย์จึงบอกว่า ถ้ามีโอกาสจะเขียนนิมิตกรรมตอน"ไอ้เขี้ยวตัน" ให้อ่านกัน เป็นเรื่องเกี่ยวกับนิมิตของท่านเอง ที่จะเกิดขึ้นหลังการป่วยทุกครั้ง เพื่อให้ทราบว่าการป่วยครั้งนั้นเกิดจากเศษกรรมอะไรในอดีต

" ตอนที่อาตมาไปฟัดกับเสือ เพิ่งจะรู้ว่าสัตว์เดรัจฉานนั้นมีความคิดเหมือนกับคนทุกอย่าง เพียงแต่ว่าปรัชญาในการดำเนินชีวิตของสัตว์เดรัจฉานไม่เหมือนกับคน เพราะปัญญาเขายังไม่ถึงมนุษย์

ปรัชญาของการดำเนินชีวิตสัตว์เดรัจฉานก็คือ ผู้เข้มแข็งกว่าย่อมได้เปรียบ ถ้าคนไหนเข้มแข็งกว่า คนนั้นอยู่รอดได้ ถ้าเราเองไม่ได้นิมิตเห็นตอนที่เกิดเป็นสัตว์ ก็จะไม่เข้าใจเลยว่า สัตว์นั้นคิดเหมือนคนทุกอย่าง แถมยังฉลาดมากเสียด้วย สามารถวางแผนล่อเสือได้

ตอนนั้นเกิดเป็นจ่าฝูงหมูป่า หนังเหนียวเพราะมีของดีคู่ตัว คือ เขี้ยวตัน มีบริวารอยู่ร่วมพันได้ แต่ปรากฏว่ามีเสือตัวแสบอยู่ตัวหนึ่ง คอยย่องตามขบวน เผลอเมื่อไรก็คว้าลูกน้องเราเผ่นไปกิน ผ่านไปสองสามวัน ถ้าไม่มีกิน ก็มาใหม่อีก

พอโดนเสือคาบลูกน้องไปบ่อย ๆ เข้า จะไปตามล่าก็ไม่ได้ เพราะหมูมีกลิ่นแรงโดยธรรมชาติ ถ้าเสือได้กลิ่นก็จะเลี่ยง เพราะเสือไม่คิดจะสู้ คิดแต่จะกินอย่างเดียว

ฝูงหมูป่าก็หากินไปเรื่อย ๆ พอดีไปเจอเขตใหม่ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน เป็นหุบเขา ลักษณะเหมือนประตูผา พอเข้าไปข้างในพื้นที่กว้างเป็นสิบไร่เลย รอบข้างเป็นหน้าผาตัดชัน พอตัวเองเห็นเข้าดังนั้นความคิดบอกเลยว่า "ต้องเล่นงานเสือที่ตรงนี้"

จึงต้อนลูกฝูงทั้งหมดมา ไล่ให้ไปหากินตรงท้ายหุบ แล้วก็ซุกอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องออกมา ตัวเองก็พาลูกน้องระดับรอง ๆ ๗-๘ ตัวมาแอบซุ่มดูอยู่ สองวันแรกเสือก็ยังเงียบ พอวันที่สามเสือหิวทนไม่ไหวก็ย่องออกมาตามหาหมู

แต่เสือไม่รู้ว่าทางด้านที่หมูอยู่เป็นหน้าผาตัด เข้าแล้วออกไม่ได้ มีทางเข้าออกทางเดียว พอล้ำเข้าไปด้านใน หมูก็เข้าล้อมตีเสือ สู้กันจนท้ายที่สุดหมูก็ได้รุมยำใหญ่กินเสือ จะเห็นได้ว่า สัตว์ก็มีการวางแผนเหมือนกับคน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-08-2010 เมื่อ 11:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 05-08-2010, 17:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คาถานะมะพะธะ ท่องสลับไปสลับมา เพื่ออะไร ?
ตอบ : เพื่อให้ใจเป็นสมาธิ คนที่ใจไม่เป็นสมาธิท่องสลับกันก็มักจะผิด หลังจากที่เป็นสมาธิแล้วจะเอากำลังไปใช้อะไรก็ได้

ถาม : นะมะพะธะแปลว่าอะไรครับ ?
ตอบ : ถ้าจะเอาคำแปลอธิบายสามวันก็ไม่หมด โดยเฉพาะจำที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกไว้ด้วย "คาถาห้ามแปล แปลแล้วไม่ขลัง"

ถาม : ผมอยากรู้ที่มาที่ไปของนะมะพะธะ
ตอบ : เกิดจากท้าวมหาพรหมองค์หนึ่ง เมื่อมองไปยังจักรวาลทั้งหมดแล้ว เห็นว่าแต่ละจักรวาลนั้น พลังงานที่แผ่พุ่งออกมา และสามารถที่จะเชื่อมโยงเข้าหากันได้ ท่านก็เลยกำหนดรูปหรือลักษณะของกาแลกซี่นั้น ๆ มาเป็นตัวอักขระ เขาเรียกว่า นะปฐมกัป จะเริ่มจากจุดนั้นมา

เสร็จแล้วก็เอามาสั่งสอนพวกโง่ ๆ อย่างเราให้รู้ตามท่าน เพื่อจะได้เอาไปใช้งานได้

เพราะฉะนั้น..เสียเวลาอธิบาย เรื่องอย่างนี้ไม่ใช่ไม่รู้ แต่พูดไปก็เท่านั้น ฟังตรงนี้ก็ลืม ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง เพียงแต่บอกให้รู้ว่า "ถามอะไรมากูก็รู้ แต่ที่ไม่ตอบเพราะไม่มีประโยชน์..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-08-2010 เมื่อ 05:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 05-08-2010, 17:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวต่ออีกว่า "จะว่าไปแล้ว เรื่องเหล่านี้พวกดาราศาสตร์เขาก็ถึงได้ แต่ก็เป็นแค่บางส่วน เพราะว่าสิ่งที่เขาเห็นเป็นเฉพาะจุด ไม่ใช่ภาพรวม แต่ว่าพรหม เทวดา หรือพระผู้ทรงอภิญญา ท่านมองออกไปจะเห็นภาพรวมของจักรวาลทั้งหมด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-08-2010 เมื่อ 05:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 153 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 05-08-2010, 18:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเทคโนโลยีว่า "เรื่องของเทคโนโลยีนั้นเป็นเรื่องจำเป็น เพราะว่าเป็นส่วนช่วยให้โลกเจริญขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็อย่าให้ถึงกับเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเรา

เป็นห่วงเด็กรุ่นใหม่ ๆ ว่า ถ้าขาดคอมพิวเตอร์แล้วจะไม่มีอะไรเหลืออยู่ในหัวตัวเอง เพราะอะไร ๆ ก็ให้คอมพิวเตอร์เก็บข้อมูลแทน แล้วตัวเองก็ไม่จำ กลายเป็นสมองกลวง ถ้าอยู่ ๆ เกิดพายุสุริยะขึ้นมา ข้อมูลโดนลบเกลี้ยงทั้งโลก ก็เสร็จเรียบร้อยเลย ทำอะไรไม่เป็นอย่างแน่นอน..!

แค่รุ่นพวกเรา ที่อาตมาเคยไปพาเที่ยวบึงลับแลเมื่อ ๑๐ - ๒๐ ปีก่อน ไปกัน ๑๗ - ๑๘ คน เราก็เห็นว่าเยอะดี จะให้ช่วยเราทำงานแทน ถามว่า "ใครหุงข้าวเป็นบ้าง ?" เขาถามกลับมาว่า "เสียบปลั๊กตรงไหน ?" สรุปแล้วก็คือพระต้องไปหุงข้าวให้เขากิน..!

พอเรายอมให้เทคโนโลยีเป็นทุก ๆ อย่างในชีวิตแล้ว สมรรถภาพก็เสื่อมไป เดี๋ยวนี้ต้มยำทำแกงก็ไม่เป็น เพราะมีประเภทสำเร็จรูปใส่ห่อมาให้เลย เทลงหม้อก็ใช้ได้ หรือไม่ก็อุ่นในเตาไมโครเวฟก็กินได้แล้ว สบายจังเลย

นึกถึงที่พระยามารเขาคุย เขาบอกเราว่า "เสียเวลาที่ท่านจะไปสอน เพราะผมครอบซ้ำไปอีกหลายชั้นแล้ว" ฟังดูแล้วน่าท้อนะ แต่ขอโทษ..ท้อได้แต่ไม่ถอย..!

สมัยก่อนเขาว่า "ด้วยหน้าที่ชีวิตรับผิดชอบ คือคำตอบที่รบอยู่มิรู้สิ้น" ที่รบไม่เลิกเพราะมันเป็นหน้าที่ ในเมื่อเป็นหน้าที่ก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-08-2010 เมื่อ 05:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 05-08-2010, 18:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงเรื่องอาหารให้ฟังว่า "สมัยนี้เผลอไม่ได้ อาหารส่วนใหญ่มักจะผสมเหล้ากันเยอะ โดยเฉพาะเด็กรุ่นหลัง มีช็อกโกแลตไส้บรั่นดี กินช็อกโกแลตแล้วเมาหัวทิ่มไปเลย หรือไม่ก็เค้ก เป็นเค้กแต่ก็มีส่วนผสมของบรั่นดี โดยเฉพาะลูกเชอร์รี่ที่ประดับหน้าเค้ก เขาแช่บรั่นดีมาด้วย เจอไปลูกเดียวก็หน้าแดงแล้ว

มีระยะหนึ่งครูแดงซื้อไอศกรีมมาถวาย เราเปิดขึ้นมาก็หงายท้องตึง บอกว่า "เฮ้ย..นี่เหล้านี่หว่า" เขาก็บอกว่า "ไม่ใช่เหล้าค่ะ..รัม" เราบอกว่า "ยายบ้า..จำไว้เลยว่ารัมของฝรั่งก็คือเหล้า แถมเป็นเหล้าเถื่อนด้วย..!" เขาบอกว่า "ตายแล้ว..กินไปมากเห็นว่าอร่อยก็เลยเอามาถวายพระ"


ถาม : อย่างอาหารจีน พวกกระเพาะปลาน้ำแดง ?
ตอบ : ไม่ต้องห่วงหรอก ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของเหล้า ยังดีว่าในส่วนของอาหารที่เป็นอาหารร้อน พอลงไปแล้วแอลกอฮอล์โดนความร้อนมันระเหยไปเกือบหมด แต่ก็ยังเป็นเหล้าอยู่ดี แต่พวกเย็น ๆ อย่างพวกไอศกรีม มีแอลกอฮอล์อยู่เต็ม ๆ เลย

เคยเห็นคนกินกล้วยแล้วเมาไหม ? กล้วยอะไรก็ได้ พอเริ่มมีเครือ เขาก็เจาะโคนต้น เอาลูกแป้งสำหรับหมักเหล้ายัดเข้าไป แล้วก็อุดรู ต้นกล้วยก็ดูดขึ้นไปเลี้ยงลูก สุดยอดจริง ๆ พอถึงเวลากล้วยแก่ก็เก็บมาบ่มเสียอย่างดี แบ่งกันกินคนละลูกสองลูกก็เดินเซแล้ว

มีคนสันนิษฐานว่า เหล้าเกิดจากลิง ลิงจะรู้ก่อน คือ พวกผลไม้ต่าง ๆ ที่เกิดจากต้นจะมีจำนวนมาก พอสุกก็จะร่วงพร้อม ๆ กัน ถ้าต้นไม้มีคาคบเป็นโพรงอยู่ เวลาร่วงลงไปก็ไปหมักรวมกัน

พอหมักได้ที่ กลิ่นก็จะออก พวกที่เจอก่อนก็พวกลิงพวกค่าง กินแล้วติดใจก็ไปกินกันบ่อย พอเสียงเอะอะเกรียวกราว คนสงสัยก็ไปดู แล้วก็ลองกินบ้าง พอกินเสร็จคนเรารู้จักคิดว่าของอย่างนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ก็เก็บผลไม้มาลองหมักดู เลยเป็นต้นกำเนิดของเมรัย ยังไม่ใช่สุรานะ เมรัยเกิดจากการหมัก ถ้าสุราต้องกลั่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-08-2010 เมื่อ 05:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 05-08-2010, 19:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวสอนในเรื่องความสกปรกของอาหารว่า "ถ้าใครเคยไปดูเขาหมักเหล้าองุ่นแล้ว ที่คิดจะกินเหล้าองุ่นอยู่อีก ก็คงจะหมดอารมณ์ เพราะเหล้าองุ่นที่ได้รสชาติที่สุด ต้องย่ำด้วยตีน..! ถึงเวลาก็เหยียบ ๆ

เราจะเห็นว่าจริง ๆ แล้วอาหารมีพื้นฐานจากความสกปรก ปีนี้หลวงตาปรีชา กลับมาจำพรรษาที่วัดท่าขนุนด้วย เขาบวชรุ่นเดียวกับท่านกอล์ฟ ก็แปลว่าสิบกว่าพรรษาแล้ว

สมัยที่ยังจำพรรษาด้วยกันที่เกาะพระฤๅษี สอนเรื่องกรรมฐาน ท่านก็บอกว่า "อาจารย์ครับ..อาหารอื่นผมพอจะพิจารณาได้ว่าสกปรก แต่พวกผลไม้สีสันน่ากิน ดูแล้วไม่เห็นว่าสกปรกตรงไหน ?" ก็เลยบอกว่า "คุณคิดง่าย ๆ ก็แล้วกันว่า ผลไม้ที่เราเอามากิน ก็คือผลไม้ที่กำลังเน่า เพียงแต่ว่าคนเราฉลาด รอให้เน่ากำลังดีแล้วก็กิน ถ้าเน่าเกินนั้นก็จะไม่กิน"

ตอนที่เน่ากำลังได้ที่ จริง ๆ แล้วก็คือการแปรสภาพ ถ้าเน่า ดำ ช้ำกว่านั้น เราก็จะไม่กิน เรารอตอนที่กำลังเหลืองอร่ามจึงกิน แปลว่าเรากำลังกินของเน่านั่นแหละ หรือไม่ก็พิจารณาดูว่าผลไม้เกิดจากปุ๋ยที่เป็นซากพืชซากสัตว์ที่เป็นความสกปรกก็ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-08-2010 เมื่อ 05:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 156 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 05-08-2010, 19:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เช้าวันเสาร์ มีคนนำพระประธานทรงเครื่องจักรพรรดิประดับเพชรมาถวายแด่พระอาจารย์ ท่านแนะนำให้พวกเราอธิษฐานเวลาทำบุญว่า
"อธิษฐานสามอย่างง่าย ๆ
๑. เกิดใหม่อย่าให้พ้นไปจากเขตพระพุทธศาสนา
๒. ถ้าจะตายขอให้ภาพพระนี้อย่าหลุดพ้นไปจากใจของเรา
๓. ตายแล้วขอไปพระนิพพาน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 30-01-2019 เมื่อ 00:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 05-08-2010, 19:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์บอกว่า "พระประธานองค์นี้ พอย้ายบ้านใหม่จะเอาไปเป็นพระประธานที่นั่น (บ้านวิริยบารมี) เป็นเรื่องของธรรมะจัดสรร ตั้งใจจะไปสั่งช่างเนียรอยู่พอดี ตอนนี้ไม่ต้องสั่งแล้ว

เรื่องแบบนี้ที่ใช้คำว่า ธรรมะจัดสรร คือ วาระบุญจะลงตัวพอดี ระยะหลังจึงไม่ได้กล้าคิดอะไร คิดแล้วมักจะได้ ต้องระมัดระวังความคิดตัวเองเป็นพิเศษ

ต้องระวังสองอย่างอยู่ด้วยกัน อย่างแรกก็คือ ถ้าเราคิดในสิ่งที่ไม่สมควรแล้วมา เดี๋ยวจะเสียพระ อย่างที่สองก็คือ จะพาให้หลงตัวเองได้ง่าย ๆ ว่าคิดแล้วได้ดั่งใจ..คิดแล้วได้ดั่งใจ เดี๋ยวจะคิดว่าตัวเองดี"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 05-08-2010, 20:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,371
ได้ให้อนุโมทนา: 150,708
ได้รับอนุโมทนา 4,397,037 ครั้ง ใน 33,960 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงในเรื่องของศาสนาอิสลามว่า "หลวงพ่อพระธรรมคุณาภรณ์ เจ้าคณะภาค ๑๔ วัดสามพระยา ท่านบอกว่า ถ้ามีโอกาสให้ซื้อที่ดินไว้บ้าง เพราะศาสนาอิสลามเปลี่ยนแผนเป็นการซื้อที่ โดยจะซื้อให้ได้จังหวัดละสามหมื่นไร่เป็นอย่างน้อย แล้วหลังจากนั้น ถ้าคนไทยไม่มีที่ทำกิน ไปขอที่ทำกินเขาเมื่อไร ต้องเปลี่ยนศาสนาเป็นศาสนาเขาจึงจะได้

พอนึกถึงจุดนี้ ก็เลยนึกถึงพระครูไพโรจน์ภัทรคุณ วัดสระพัง ระยะนี้พระครูไพโรจน์ท่านนำสร้างพระประธานองค์ใหญ่ ๆ ตามวัดต่าง ๆ พระประธานขนาดหน้าตัก ๑๐ เมตร (ประมาณ ๒๑ ศอก) ท่านบอกว่า "ผมสร้างเอาไว้ตรงไหนก็ตาม อิสลามเห็นก็ต้องรู้ว่าเป็นเขตศาสนาพุทธ ถ้าจะทำลาย ก็ต้องระเบิดหรือทุบกันขนานใหญ่นั่นแหละจึงจะหมด"

ก็เลยกลายเป็นว่า ในเรื่องการสร้างพระพุทธรูป ท่านพระครูไพโรจน์มีแนวคิดเดียวกับท่านเจ้าคณะภาค ก็คือเพื่ออยู่ในลักษณะต้านการรุกรานของอีกศาสนาหนึ่ง แต่ของท่านทำสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาให้ชัดเจนไว้ โดยเฉพาะพระใหญ่ ๆ คนเห็นก็ชื่นใจ ถึงเวลาก็อยากไปกราบไปไหว้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-08-2010 เมื่อ 05:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 05:19



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว