กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #21  
เก่า 12-01-2012, 12:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "อาตมาเดินทางไกลครั้งนี้ เขาใช้คำว่าพลิกฟื้นพระพุทธศาสนาในอินโดนีเซีย อันนี้เป็นคำอาราธนาของบุคคลในอดีตที่มองไม่เห็นตัว อาตมาก็เลยต้องไป บุคคลคนนี้มีนามว่าขุนอินทร์ เขาอาราธนาให้ไป

ความจริงแล้วอินโดนีเซียเป็นอาณาจักรพระพุทธศาสนาที่ใหญ่โตมโหฬารมาก ก็คืออาณาจักรศรีวิชัย สมัยพระโสณเถระมาสุวรรณภูมิ ก็ไปโปรดที่นั่นจนกระทั่งสามารถที่จะตั้งพระพุทธศาสนามั่นลงได้ จนกระทั่งเกือบ ๑,๔๐๐-๑,๕๐๐ ปี กษัตริย์รุ่นต่อมาท่านหันไปนับถืออิสลาม ศาสนาพุทธก็เลยโดนเบียดเบียนเสียจนกระทั่งอยู่ไม่ได้ จึงต้องกลับไปฟื้นคืนมา"

ถาม : ขุนอินทร์นี่มาจากขุนอินโดนีเซียหรือคะ ?
ตอบ : ไม่ใช่ ท่านชื่ออินทร์จริง ๆ แต่ไม่รู้จะเป็นชื่อของอินโดนีเซียหรือเปล่า อาตมามีหน้าที่พกบุญไปเยอะ ๆ ไปแบ่งให้ท่านทั้งหลายที่อยู่ที่นั่น แล้วก็เป็นภาระของท่านจัดการเองไม่เกี่ยวกับอาตมา เพียงแค่ไปให้ถึงเท่านั้น อย่างที่บางคนเขาบอกว่าไปเหยียบเสียหน่อย

คุณเกรซ(เกสรมณีช์ จารย์ไธสง)บอกว่ายังมีผู้ร่วมคณะเพิ่มไปได้นะ ลองถามเขาดูว่าเพิ่มได้สักกี่คน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-01-2012 เมื่อ 19:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #22  
เก่า 12-01-2012, 16:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ปีนี้ต้องระวังอะไรบ้างคะ?
ตอบ : ระวังลมหายใจเข้าออกไว้ ลืมเมื่อไรตายแน่..!

ถาม : ที่สำคัญเป็นพิเศษค่ะ
ตอบ : สำคัญที่สุดเลย หายใจเอาไว้แล้วจะปลอดภัย

ถาม : แล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างคะ ?
ตอบ : โอ๊ย...เยอะแยะ ตั้งแต่หลับยันตื่น สารพัดจะเกิด มีทั้งวันแหละ

อะไรจะเกิดขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ยังมาไม่ถึง สำคัญที่สุดคือมีสติรู้อยู่กับปัจจุบัน หยุดรัก โลภ โกรธ หลงที่จะเข้ามาทำอันตรายใจของเราให้ได้ เมื่อหยุดลงได้แล้ว พิจารณาให้เห็นทุกข์เห็นโทษ แล้วกำจัดสิ่งไม่ดีนั้นออกไปจากใจ นี่ถึงจะเป็นหน้าที่ที่ถูกต้องและเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึง อย่างอื่นเป็นเรื่องที่หาทุกข์ให้เราทั้งนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2012 เมื่อ 18:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #23  
เก่า 12-01-2012, 16:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

สมมติเด็กชายปลาบู่บอกว่าเขื่อนจะแตก ถ้าอย่างนั้นวัดท่าขนุนตายแน่เพราะอยู่ปากเขื่อน ผวาจนไม่ต้องหลับกันทั้งคืน ถ้าเด็กชายปลาบู่เก่งจริงก็คงไม่ตายตั้งแต่เด็ก

อาตมาเคยใช้คำพูดเวลามีคนเขามาถามว่า โยมท่านนั้น อาจารย์ท่านนี้ ว่าไว้อย่างนั้นอย่างนี้ อาตมาก็ค่อนข้างจะขวางโลก บอกกับเขาไปว่า “จำไว้ว่าฆราวาสที่เก่งจริงตายหมดแล้ว ไม่มีใครอยู่ได้เกิน ๗ วัน ที่ยังอยู่ไม่เก่งจริงหรอก ถ้าเก่งจริงถึงที่สุดก็อยู่ไม่ได้ ไปหมดแล้ว"

เพราะฉะนั้น..ที่ยังอยู่พยากรณ์อยู่ปาว ๆ นี่ ยังไม่เก่งจริงหรอก เพราะว่าทุกอย่างมีตัวแปรอยู่เสมอ ตัวแปรพวกนี้อาจจะมาในลักษณะที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ ถึงเวลาสิ่งที่พยากรณ์ไว้ก็มีการเคลื่อนมีการผิดพลาดไป อย่างเช่นบอกว่าปีนี้เขื่อนจะแตก เราก็รอดูปรากฏเขื่อนไม่แตก เราก็สบายใจ ที่ไหนได้ปีหน้าโดนไปตูมเบ้อเร่อเลย เพราะฉะนั้น..เราจะประมาทไม่ได้

สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าหยุดจิตเราอยู่กับปัจจุบันได้ความทุกข์จะน้อย นอกจากความทุกข์ตามสภาวะของร่างกายแล้ว เราไม่ต้องทุกข์เพราะความคิดตัวเอง อยู่กับตอนนี้เดี๋ยวนี้มีความสุขจะตายไป ไม่เห็นต้องไปฟุ้งซ่านเรื่องอะไรเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2012 เมื่อ 18:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 232 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #24  
เก่า 12-01-2012, 16:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พระพุทธเจ้าตรัสถึงม้าอาชาไนยว่าเป็นสิ่งที่ฝึกมาดีแล้ว ช้างศึกและม้าอาชาไนยถึงต้องอาวุธก็ไม่ร้อง เพราะมีความอดทนมาก

พระพุทธเจ้าต้องการให้พระภิกษุสงฆ์ของท่านได้รับการฝึกดีแล้วแบบเดียวกับม้าอาชาไนย อดทนต่อความทุกข์ยากลำบากทั้งปวง โดยมีสติรับรู้ รู้เห็นว่าความทุกข์นั้นเป็นธรรมดาของร่างกายนี้ เมื่อรู้แล้วก็ปล่อยวาง ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาทุกข์เช่นนี้จะไม่มีอีก

ตรงนี้เราดีกว่าม้าหน่อยหนึ่ง ดีกว่าตรงที่เราสามารถคิดต่อได้ ส่วนม้าได้แต่ทนอย่างเดียว..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-01-2012 เมื่อ 18:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 226 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #25  
เก่า 13-01-2012, 10:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวถึงการรับพัดยศและเสาเสมาธรรมจักรว่า "ปีนี้อยู่ ๆ อาตมาก็ได้รางวัลใหญ่ ๒ รางวัล ก็คือ ในหลวงพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศให้ในวโรกาสที่เจริญพระชนมายุ ๘๔ พรรษา และ วันวิสาขบูชาซึ่งเป็นวันครบรอบ ๒,๖๐๐ ปีพุทธชยันตี อาตมาได้รางวัลเสาเสมาธรรมจักร ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา อย่างกับธรรมะจัดสรรจริง ๆ จะช้าก็ไม่ได้จะเร็วก็ไม่ได้ มาได้ในวาระสำคัญพอดีทั้งสองอย่าง

งานฉลองนั้นจะจัดขึ้นวันที่ ๙ มิถุนายน ตรงกับวันเสาร์ ที่ต้องรอรับในเดือนมิถุนายนเพราะว่าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะพระราชทานเสาเสมาธรรมจักรให้ในวันวิสาขบูชา ก็เลยต้องรอไปก่อน แล้วปีนี้เดือน ๘ มี ๒ หน วันวิสาขบูชาเลื่อนไปเป็นวันที่ ๒ มิถุนายน รับแล้วค่อยฉลองพร้อมกันไปเลยทีเดียว

จะไม่ฉลองก็ไม่ได้ เพราะตอนนี้ชาวทองผาภูมิตื่นเต้นกันมาก อยากฉลอง..ต้องจ่ายเงินให้เข็ด..! เขาไม่รู้หรอกว่าจัดงานแต่ละครั้งพระจ่ายไปเท่าไร เห็นนิมนต์พระมาครั้งหนึ่งหลายร้อยรูป แหม..ปลื้มใจมาก ว่าแล้วก็ช่วยทำบุญ ๒๐ บาท..! อัตราต่ำสุดของอาตมา ขนาดถวายเณรยัง ๒๐๐ บาทเลย ฉะนั้น..ไม่ต้องไปพูดถึงการถวายพระหรอก

ที่ขำก็ท่านพระครูวรกาญจนโชติ รองเจ้าคณะอำเภอ ท่านบอกว่า "พวกเณรดีใจมากเลย เปิดซองมาเจออาจารย์เล็กถวายไป ๒๐๐ บาท ไม่เคยได้เยอะอย่างนี้มาก่อน แล้วรุ่งขึ้นก็มาฟ้อง หลวงพ่อครับ..ผมโดนขโมยเงินครับ..!" นี่ตกลงหลวงพ่อจะแจ้งข้อหาผมใช่ไหมว่าทำให้เณรขโมยเงินกัน(หัวเราะ) พอเห็นมีเงินเยอะเณรของท่านก็เลยขโมยกันเอง

เป็นห่วงวัดอื่นเพราะว่าเรื่องของศีลเขาไม่ค่อยมีความเข้าใจ อย่าลืมว่าสามเณรก็คือเชื้อสายของสมณะ เป็นปูชนียบุคคลที่เขาเคารพบูชาเหมือนกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-01-2012 เมื่อ 12:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #26  
เก่า 13-01-2012, 10:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "หนังสือประวัติวัดท่าขนุนเล่มเก่าที่เขาทำ มีรูปหลวงปู่สายกำลังเดินขึ้นสะพานอยู่ แต่ท่านเดินหันหลังให้ เขาใช้คำบรรยายว่า “สายไปเสียแล้ว” พวกเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ เขาบอกว่าท่านอาจารย์รูปนี้มีไหม ? ขอเถอะ..ติดใจจริง ๆ อาตมาบอกว่าไม่มี เป็นเจ้าอาวาสช้าไปหน่อย อะไรก็ไม่ค่อยจะเหลือมาถึง

ตอนนั้นหลวงปู่กำลังเดินข้ามสะพาน เขาถ่ายรูปทางด้านหลังท่านแล้วเอามาลงไว้ เหมือนตั้งใจให้เป็นปริศนาธรรมว่า “ท่านไปแล้วนะ” แล้วบรรยายว่า “สายไปเสียแล้ว”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2012 เมื่อ 11:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #27  
เก่า 13-01-2012, 10:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พ่อแม่สมัยใหม่มักจะเลี้ยงลูกแบบสมัยใหม่ คือทำตัวเป็นเพื่อนกับลูก พอนาน ๆ ไปเด็กจะคุ้นชินแล้วขาดความกลัวเกรง ไม่ได้เห็นแม่เป็นแม่ แต่เห็นแม่เป็นเพื่อน ก็เลยต้องมีการทำโทษไว้บ้าง

พระพุทธเจ้าตรัสว่า “สรรพสัตว์ล้วนแล้วแต่เกรงอาชญา” คือกลัวการลงโทษ ถ้าไม่มีการลงโทษบ้างก็มักจะแหกคอกไปเรื่อย กฎหมายบ้านเมืองต่าง ๆ มีมาเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย แต่ก็มีคนประเภทไม่กลัวกฎหมาย ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นผู้แทนราษฎรแท้ ๆ เลย ยังกระทำผิดซึ่งหน้าอีก

ความจริงลักษณะอย่างนั้นยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชายไปเลย แล้วสู้คดีว่าบันดาลโทสะยังเข้าท่ากว่าเยอะ ถ้าบันดาลโทสะแล้วไม่เคยทำผิดมาก่อนนี่ ดีไม่ดีโทษนิดเดียวเอง อาจจะสั่งลงโทษเท่านั้นเท่านี้ปีแล้วรอลงอาญา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2012 เมื่อ 11:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #28  
เก่า 13-01-2012, 10:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ลูกจะสอบเข้าโรงเรียนสาธิตค่ะ
ตอบ : ถ้าเด็กเรียนโรงเรียนสาธิตนี่เราต้องทำใจเลยนะ เพราะโรงเรียนจะสอนให้เด็กกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ เพราะฉะนั้น..เขาจะต้องเถียงแม่แน่นอนเลย

ต่อไปเราต้องรอบคอบและรัดกุมมากกว่านี้ ถ้าทำอะไรแล้วมีช่องว่างหรือรอยโหว่นี่เด็กเถียงแน่นอน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2012 เมื่อ 11:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #29  
เก่า 13-01-2012, 11:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยได้ยินสำนวนว่า นอนกินบ้านกินเมืองไหม ? นอนกินบ้านกินเมืองมาจากนิทานในธรรมบทว่า ชายคนหนึ่งมีนิสัยเกียจคร้านเป็นปกติ นอนจนคนอิดหนาระอาใจ วันดีคืนดี ก็มีพระราชาของอีกเมืองหนึ่งมาท้าแข่งกับพระราชาของเมืองนี้ ให้ส่งคนมาแข่งขันการนอน ถ้าใครแพ้ก็ต้องเสียบ้านเสียเมืองให้อีกฝ่ายหนึ่ง

เจ้าเมืองก็เลยต้องประกาศหาว่ามีใครที่มีความสามารถในการนอนได้นานกว่าคนอื่น ไปเจอชายจอมขี้เกียจเข้าก็เลยเอาไปแข่ง ปรากฏว่าชนะ ก็เลยได้บ้านได้เมืองคนอื่นเขามา สรุปว่าคนเราถ้ามีความสามารถจริง ๆ อย่างเดียวก็พอแล้ว อย่างที่ในโคลงโลกนิติท่านว่า

วิชาควรรักรู้......................ฤๅขาด
อย่าหมิ่นศิลปศาสตร์............ว่าน้อย
รู้จริงสิ่งเดียวอาจ.................มีมั่ง
เลี้ยงชีพช้าอยู่ร้อย...............ชั่วลื้อเหลนหลานฯ

เพราะฉะนั้น..นอนเก่งอย่างเดียวก็ชนะได้บ้านได้เมืองมา สำนวนนอนกินบ้านกินเมืองได้มาจากนิทานเรื่องนี้แหละ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 24-11-2019 เมื่อ 12:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #30  
เก่า 13-01-2012, 11:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมถวายบะหมี่ไวไวควิกให้พระอาจารย์ แล้วตั้งจิตปรารถนาขออานิสงส์ให้ได้อะไรเร็ว ๆ ไว ๆ

พระอาจารย์จึงกล่าวว่า "จะเอาเร็วจริง ๆ ไหม ? ให้ถวายเครื่องบินคองคอร์ด ๑ ลำ รถไฟแม็กเลฟ ๑ ขบวน เสือชีตาห์อีก ๑ ตัว รับรองว่าอานิสงส์เร็วทันใจ เพราะที่ว่ามานั้น เป็นสุดยอดของความเร็วทั้งนั้นเลย หรือไม่ก็ถวายนกเหยี่ยวเพเรกริน อีก ๑ ตัว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2012 เมื่อ 11:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #31  
เก่า 13-01-2012, 11:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เตือนโยมว่า "เพศตรงข้ามที่เข้ามาในชีวิตของเรา ไม่ใช่เพราะว่าเรามีเสน่ห์ แต่มาเพราะแรงกรรม เพราะฉะนั้น..ต้องระมัดระวังให้ดี พลาดเมื่อไรจะไปต่อกรรมให้หนักเข้าไปอีก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-01-2012 เมื่อ 13:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #32  
เก่า 13-01-2012, 12:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "ศาสตราจารย์ ร.ต.ท.แสง มนวิทูร เป็นสุดยอดอาจารย์ที่สอนวิชาสันสกฤต ท่านเก่งสันสกฤตเพราะว่าไปได้อาจารย์ดีที่พาหุรัด

เดิมอาจารย์แสงชอบภาษาสันสกฤตอยู่แล้ว ท่านก็เลยจำพวกโคลง พวกโศลกสันสกฤตแล้วก็ท่อง วันนั้นเดินท่องไป แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนพูดภาษาสันสฤตด้วย ท่านอาจารย์ก็หันไปเจออาบังขายผ้าคนหนึ่ง ถามว่าบังมีอะไรหรือ ? อาบังก็บอกว่า “ที่พูดไปนี่ท่านไม่เข้าใจใช่ไหม ?”

“ไม่เข้าใจหรอก แต่ถ้าเขียนมาก็พอจะอ่านได้” “แล้วที่ท่องมานั่นท่านเข้าใจไหม ?” “พอจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงสักเท่าไร” อาบังก็บอกว่า “ถ้าท่านอยากเข้าใจ มีเวลาก็ให้แวะมาหา” แล้วอาบังก็ให้เลขที่ร้านของแกไว้

ท่านอาจารย์แสงแวะไปถึงได้รู้ว่า จริง ๆ แล้วอาบังเป็นอาจารย์ทางด้านนี้โดยเฉพาะ แต่ท่านอยู่อินเดียแล้วทำมาหากินลำบาก เงินทองหายาก จึงทิ้งตำแหน่งหน้าที่มาขายผ้าที่เมืองไทย ท่านอาจารย์แสงก็เลยโชคดีได้อาจารย์ดี ไม่อย่างนั้นสมัยก่อนนี่อาจารย์แสงใช้ภาษาบาลีสันสกฤตแบบภาษาเมียเช่าฝรั่ง แต่ก็คุยรู้เรื่องนะ พูดจนกระทั่งพวกแขกอินเดียเข้าใจได้

อย่างเวลาท่านอาจารย์แสงพาพวกแขกไปเที่ยวพระปฐมเจดีย์ ซึ่งเป็นพุทธสถานแห่งแรกในประเทศไทย ท่านอาจารย์อธิบายให้พวกแขกอินเดียเข้าใจได้ “อตีเต วนาโต พหูพยัคโฆ ปัจจุปันนะกาละวะเสนะ นัตถิ” พวกที่ฟังก็พยักหน้าหงึก ๆ ทั้งที่เป็นภาษาแบบเมียเช่า ไม่ใช่บาลี

“อตีเต วนาโต” แต่ก่อนนั้นตรงนี้เป็นป่า
“พหูพยัคโฆ” มีเสือเยอะ
“ปัจจุปันนะกาละวะเสนะ นัตถิ” เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว

พูดอย่างนี้เลย คุยกันจนรู้เรื่อง คนที่เขามีความตั้งใจจริง เขาพยายามสื่อสารจนรู้เรื่อง แล้วอีก ๒ ท่านที่เก่งทางด้านนี้ก็คือ ท่านอาจารย์กรุณา กับ ท่านอาจารย์เรืองอุไร กุศลาสัย ๒ สามีภรรยา นั่นท่านไปเรียนอยู่อินเดียมา จนกระทั่งใช้ภาษาสันสกฤตเป็นภาษาที่ ๒ ของชีวิตไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 11-11-2019 เมื่อ 10:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #33  
เก่า 13-01-2012, 13:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ช่วงรัฐบาลพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ ที่ดินทองผาภูมิไร่หนึ่งราคาเป็นล้าน พอมีข่าวเขื่อนแตกหลายครั้งเข้า เดี๋ยวนี้ไร่หนึ่ง ๓๐,๐๐๐-๔๐,๐๐๐ บาทก็พอซื้อได้ จากไร่ละเป็นล้านนะ..คนถือครองคนสุดท้ายนี่ไม่รู้จะเอาอย่างไร ในที่สุดก็..สามหมื่นก็สามหมื่นวะ..ดีกว่าไม่ได้คืนเลย

แต่ระยะหลังทองผาภูมิไปเน้นเรื่องยางพารากับปาล์มน้ำมัน เขาเห่อทำตามคนอื่นที่รวยเพราะเรื่องนี้ เคยเตือนพวกเขาแล้วว่า การปลูกพืชจะให้ดีนั้น เมื่อถึงเวลาถ้าขายไม่ได้ควรจะกินได้ ไม่อย่างนั้นคุณจะไปพึ่งพาอะไรใครได้ ขายไม่ได้ก็ไม่มีสตางค์ไปซื้อข้าวซื้อปลา ถ้าคุณมีพืชไร่อยู่ยังกินได้ คราวนี้เขาไปเห่อตามพวกที่เขารวย เห็นคนอื่นเขารวยเพราะยางพาราและปาล์มน้ำมัน ก็เลยปลูกกันยกใหญ่

ถามว่าปลูกแล้วดีไหม ? ก็ดี..อย่างน้อย ๆ เท่ากับทดแทนพื้นที่ป่าได้ แต่ไม่ดีตรงที่ว่าถ้าขายไม่ได้แล้วจะกินอะไร ส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าจะเป็นพวกเขาหรือพวกเราก็ตาม เวลาทำกิจการอะไร เรามักจะมองรายได้อย่างเดียว เรามักจะคิดแบบ ๑ + ๑ = ๒ ทำแค่นี้ เดือนหนึ่งมีรายได้แค่นี้ ปีหนึ่งมีรายได้แค่นี้ หักรายจ่ายแค่นี้ เหลือเท่าไรแล้วก็จบ

แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าตรัสว่า สพฺเพ สงฺขารา อนิจจา ทุกอย่างไม่เที่ยง ถ้าเกิดว่าขายไม่ได้ขึ้นมาล่ะ ? เพราะฉะนั้น..ถ้าจะทำกิจการอะไรก็ตาม ต้องคิดหาทางถอยไว้ก่อน ว่าถ้าไม่เป็นไปตามที่เราวางแผนแล้วจะแก้ไขอย่างไร จะถอยไปยืนที่จุดไหน จะดึงเอาส่วนไหนมาโปะตรงนี้ถึงจะค้ำจุนกิจการให้อยู่ได้

ถ้าสามารถคิดคำตอบตรงนี้ได้เสร็จสรรพ จะทำกิจการอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้ายังให้คำตอบตรงนี้กับตัวเองไม่ได้ อย่าเพิ่งไปทำเลย ถ้าไม่ใช่บุญเก่าดีจริง ๆ เห็นว่าเจ๊งมาเยอะแล้ว..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2012 เมื่อ 04:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #34  
เก่า 13-01-2012, 14:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ระยะนี้สุขภาพของหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสระเกศ ท่านไม่ค่อยไหว เพราะต้องล้างไตบ่อย ก่อนหน้านี้หมอให้ล้างไตวันหนึ่งเว้น ๒ วัน แล้วหมอไม่ให้ท่านฉันน้ำ ท่านเองก็ทรมานมาก ช่วงนั้นรู้สึกว่าสุขภาพกายสุขภาพใจทรุดไปหมดเลย เพราะสังขารแย่ ขนาดเวลาบ้วนปากแล้วเขาเอากระโถนมารอง มีน้ำเหลือนิดเดียว เพราะท่านแอบกลืนลงไป

หมอเขาจำกัดน้ำ จึงทรมานสุด ๆ ท้ายสุดท่านก็เลยตัดสินใจว่าฟอกไตทุกวันดีกว่า จะได้ฉันน้ำได้ แล้วก็ดูว่าท่านกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาหน่อย แต่ก็แบบคนแก่อายุ ๘๐ กว่านั่นแหละ ก่อนหน้านี้ตอนที่ท่านยังแข็งแรงอยู่ อาตมาไปกราบท่านทุกครั้ง ท่านก็ปรารภว่า “คุณกับผมแย่พอ ๆ กัน คุณไม่แข็งแรงเพราะเจ็บไข้ได้ป่วย ผมไม่แข็งแรงเพราะแก่"

ระยะหลังที่ไม่ได้ไปเพราะเกรงว่าจะเป็นการรบกวนท่าน แต่วันที่ ๑๑ มกราคมนี้อย่างไรก็ต้องไปเพราะมีฎีกามา เป็นงานวันเกิดครบ ๗ รอบของท่าน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2012 เมื่อ 04:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #35  
เก่า 14-01-2012, 10:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมฝันถึงน้อง เขาบอกว่าที่ผมเจริญกรรมฐานอุทิศส่วนกุศลไปให้เขาไม่ได้รับ เขาต้องการอย่างอื่น
ตอบ : แสดงว่าน้องโง่..คราวหน้าถ้าน้องมาก็ด่าไปเลย..!

ถาม : หรือว่าผมกังวลไปเองครับ ?
ตอบ : น่าจะอะไรประมาณนั้นแหละ กังวลใจว่าน้องจะได้บุญไหม ก็เลยเก็บเอาไปฝัน อันนี้เรียกว่าจิตนิวรณ์ เพราะว่าฝันมีธาตุวิปริต กินมากก็ฝันเลอะเทอะไปเรื่อย กรรมนิมิต ความดีความชั่วที่ทำมาแสดงเหตุ จิตนิวรณ์ เก็บความฟุ้งซ่านไปฝัน เทพสังหรณ์ เทวดาสงเคราะห์ให้รู้

เรื่องของบุญนั้น ได้ตั้งแต่เจตนาทำแล้ว พระพุทธเจ้าตรัสว่า เจตนาหํ ภิกขเว ปุญญํ วทามิ ดูก่อน..ภิกษุทั้งหลาย การตั้งเจตนาก็เป็นบุญแล้ว นี่ขนาดเราลงมือทำบุญเขาต้องได้ เพราะฉะนั้น..ถ้าไม่ใช่ว่าผีโง่เกินไป ก็เป็นเพราะตัวเราฟุ้งซ่านเอง แต่ความจริงจะไปโทษผีก็ไม่ได้นะ เพราะว่าผีมีอาชีพหลอก ถ้าบอกผิด ๆ ก็ถือเป็นอาชีพของเขา

อาตมาเคยไปถามผีว่า เรื่องอะไรมาเที่ยวไล่หลอกชาวบ้าน เขาบอกว่าเขาไม่ได้หลอก เขาตั้งใจจะมาบอกว่าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไร แต่คนหนีเขาทุกที เพราะเขาบุญน้อย มาแสดงภาพให้ปรากฏได้ก็ดีตายชักแล้ว

เขาแสดงภาพให้ปรากฏได้ แต่สภาพบุญกุศลตัวเองมีน้อย หน้าตาก็เลยออกมาดูไม่ได้ หรือไม่บางทีเกิดอุบัติเหตุตายไป ก็พยายามทำภาพเก่าให้เห็นจะได้จำเขาได้ แต่ปรากฏว่าคนเราดันรับไม่ได้เอง เผ่นอ้าวกันหมด พอจะมาสวยเช้งวับ เดี๋ยวบอกว่าสบายแล้วก็ไม่ทำบุญให้อีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2012 เมื่อ 18:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #36  
เก่า 14-01-2012, 10:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : เคยฝันเห็นคุณพ่อท่านลำบากครับ
ตอบ : ถ้าฝันเห็นได้แสดงว่าท่านไม่ลำบาก เพราะถ้าลำบากมาเข้าฝันไม่ได้หรอก แต่คราวนี้ภาพที่ติดตาเราอาจเป็นภาพที่ท่านกำลังป่วยอยู่ ก็เลยต้องแสดงภาพนั้นให้เห็น ถ้ามาในฝันได้แสดงว่ามากวนเราได้ ที่มากวนเราได้นี่ไม่ลำบากหรอก พวกที่ลำบากเขาจะมาไม่ได้เลย

ถาม : แต่พอนานไปก็ไม่ได้ฝันถึงอีก
ตอบ : ท่านสบายแล้ว มัวแต่เพลินอยู่เลยไม่ค่อยจะมา ก็เหมือนกับคนจากไปใหม่ ๆ คิดถึงกันบ่อยจึงมา พอนาน ๆ ไปความคิดถึงก็เริ่มจางลง เป็นเรื่องปกติ

ถาม : แสดงว่าถ้าไม่ได้ฝันถึง..
ตอบ : มีอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือลำบากไปเลย อีกอย่างก็คือสบายแล้วเพลิน ลืมคิดถึงคนอื่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2012 เมื่อ 18:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #37  
เก่า 14-01-2012, 11:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ในบารมี ๑๐ ตัวไหนสำคัญที่สุดครับ ?
ตอบ : สำคัญทุกอย่าง แต่ให้ทำปัญญาบารมีให้มากที่สุด ไม่อย่างนั้นจะเสียชื่อ ประเภททำทุกอย่างแต่ปัญญาไม่มี เขาเรียกว่าทำแบบโง่ ๆ ขายหน้า..เสียชื่อหลวงพ่อหมด..!

ถาม : การที่จะสอนธรรมคนอื่น เป็นฆราวาสหรือเป็นพระดีกว่ากันครับ ?
ตอบ : อยู่ที่ความมุ่งมั่นของคุณ ถ้าความมุ่งมั่นของเราเพื่อถ่ายทอดความรู้ให้แก่บุคคลอื่น ในสภาพไหนเราก็ทำได้ จะเป็นฆราวาสหรือพระก็ไม่ได้ต่างกัน แต่ถ้าความน่าเชื่อถือแล้ว เป็นพระชาวบ้านเขาจะเชื่อถือกว่า

ถาม : แล้วบารมี ๓๐ ทัศละครับ ?
ตอบ : ก็คือบารมี ๑๐ นั่นแหละ ทำบารมี ๑๐ ให้ครบจริง ๆ ก็ครบ ๓๐ ทัศแล้ว

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : บารมีต้น กลาง ปลาย

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ถ้าไม่ถึงระดับบารมีตอนกลาง ก็ยังสละชีวิตตัวเองได้ยาก ถ้าถึงอุปบารมีตอนกลางเป็นต้นมา ก็พร้อมที่จะให้ชีวิตเป็นทานได้ ถ้ายิ่งถึงปรมัตถบารมีนี่การสละชีวิตเป็นเรื่องเล็กเลย

เมื่อเช้าเล่าเรื่องหลวงจีนคงซิ่ง ท่านบวชอยู่จนอนาคตจะเป็นเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินแท้ ๆ แต่แกล้งบ้ากินเหล้ากินเนื้อจนเขาไล่ออกจากวัดมา ที่ไหนได้ ท่านเจตนาจะไปเอาไม้เท้าพระธรรมของวัดคืน เสียสละตัวเอง เขาก็เลยเรียกกันว่า "เจ้าอาวาสนอกโบสถ์" เพราะอาวุโสท่านมาก พวกลูกศิษย์รุ่นหลัง ๆ ก็เกรงใจ แล้วยิ่งรู้ว่าท่านยอมสละตัวเองขนาดนั้นเพื่ออนาคตของวัด ก็ยิ่งให้ความเคารพนับถือมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2012 เมื่อ 18:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #38  
เก่า 14-01-2012, 11:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (เรื่องการเข้าทรง)
ตอบ : ทรงสมาธิให้ได้ระดับอุปจารสมาธิขั้นละเอียด หรือที่หลวงพ่อท่านเคยใช้คำว่า อุปจารฌานขึ้นไป แล้วความแจ่มใสของสภาพจิตใจจะมีเป็นปกติ ถ้ายิ่งได้ถึงปฐมฌานละเอียดขึ้นไปยิ่งดี ไม่อย่างนั้นแค่กำลังของเรานิดเดียว พอเขากดลงมาเราก็จะซึมเป็นปกติ บางคนสติขาดไปเลย ต้องออกอาการตามที่เขาต้องการ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2012 เมื่อ 18:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #39  
เก่า 14-01-2012, 11:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : อปจายนมัยเป็นของดี ถ้าเราทำได้ก็ถือว่าเป็นคุณแก่ตัว ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ได้เกิดโทษอะไร นอกจากในส่วนของธรรมะไม่ก้าวหน้าเท่านั้นเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2012 เมื่อ 18:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #40  
เก่า 14-01-2012, 11:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,456
ได้ให้อนุโมทนา: 151,087
ได้รับอนุโมทนา 4,400,106 ครั้ง ใน 34,045 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ทำอย่างไรจะบรรเทากรรมไม่ดีให้ลดลง ?
ตอบ : ทาน ศีล ภาวนา ทำให้มากเข้าไว้ คำว่ามากเข้าไว้ ไม่ได้หมายความว่าสละทรัพย์สมบัติมาก ๆ แต่ให้ทำบ่อย ๆ โดยเฉพาะเรื่องของศีล เรื่องของภาวนา ถ้าสามารถรักษาให้คงสภาพอย่างชนิดที่เรียกว่าปฏิบัติทุกวัน ทำให้กำลังบุญใหญ่เกิดขึ้นกับเรา กรรมต่าง ๆ ก็จะถอยหลังไปเอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-01-2012 เมื่อ 18:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:36



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว