กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านเติมบุญ

Notices

เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #61  
เก่า 13-11-2018, 19:51
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ช่วงนี้ราคาทองคำยังไม่ขึ้นมาก ถ้าใครมีความสามารถก็ซื้อเอาไว้บ้าง อาตมาเองซื้อไปเดือนก่อนตอนราคา ๑๘,๒๙๐ บาท ความจริงราคา ๑๘,๓๐๐ บาท แต่ซื้อทองไป ๑,๐๐๐ บาท เขาลดให้บาทละ ๑๐ บาท แสดงว่าซื้อเยอะ ๆ เขาก็มีส่วนลดให้เหมือนกัน

แล้วก็ซื้อทองอีก ๒๐๐ บาทตอนราคา ๑๘,๑๐๐ บาท หลังจากนั้นราคาก็ขึ้นพรวด อาตมาเองก็ถือสตางค์รอ เพราะว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่าลงได้ถึง ๑๘,๓๐๐ บาท รออยู่ปีกว่าเกือบ ๒ ปี ปรากฏว่าพอซื้อเสร็จลดลงไปอีกเป็น ๑๘,๑๐๐ บาท อึดใจเดียวก็เด้งขึ้นมาอีกแล้ว

ต้องเรียกว่าชอบหาเรื่องใส่ตัว เพราะว่าตอนนี้ได้ทองเกินแล้ว ก็เลยกะว่าเดี๋ยวจะหล่อพระพุทธรูปปางห้ามสมุทรเพิ่มอีกองค์หนึ่ง เอาไว้กันเขื่อนแตก เพราะว่าวัดท่าขนุนอยู่หน้าเขื่อน..!"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2018 เมื่อ 19:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #62  
เก่า 13-11-2018, 20:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราเริ่มหาภาชนะตุนน้ำกันแต่เนิ่น ๆ นะ เพราะว่าจะแล้งมาก เรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้ทิพจักขุญาณก็ได้ จำไว้เลยว่าปีไหนฤดูหนาวมาเร็ว ปีนั้นแล้งนาน ฉะนั้น..ตุนน้ำไว้แต่เนิ่น ๆ หาถังบรรจุสัก ๑๐๐ ลิตร หรือ ๕๐ ลิตร เอาไว้สัก ๒-๓ ใบ ถึงเวลาประปาหายไป ๒-๓ วัน เราก็ยังมีใช้อยู่

ญาติโยมไม่ได้อยู่ในยุครองน้ำตั้งแต่ตี ๓ ได้แค่พอหุงข้าวตอนตี ๕ อาตมาเจอมาแล้ว จะได้รู้ว่ากรุงเทพฯ ของเราจริง ๆ แล้วไม่ได้น่าอยู่เท่าไรหรอก ถ้าจะซักผ้าก็รองน้ำตั้งแต่ ๕ โมงเย็น น้ำไปพอซักเอาพรุ่งนี้เช้า

หลายคนน่าจะผ่านข้าวโอชามาแล้ว และน่าจะลืมไปแล้วด้วย ตอนนั้นต้องแบ่งสันปันส่วนกันเลยนะ ไม่มีบัตรปันส่วน
ซื้อไม่ได้ด้วย ข้าวโอชาเป็นข้าวเจ้าผสมข้าวเหนียว ๓๐ เปอร์เซ็นต์ แต่ละครอบครัวมีกี่คน ก็จะปันส่วนให้ตามจำนวนคนในครอบครัว ครอบครัวใหญ่ก็ซื้อได้มากหน่อย ครอบครัวเล็กก็ซื้อก็ได้น้อยหน่อย ใครเกิดไม่ทันก็ถือว่าโชคดีไป

อาตมาทันตั้งแต่ยุคข้าวยากหมากแพง ต้องกินขุยไผ่ อีกยุคหนึ่งไม่ได้กินขุยไผ่ แต่กินข้าวกล้อง กินข้าวโพด กินมันเทศ ยุคกินข้าวกล้องถือว่ายังดีที่มีข้าวกิน ยุคที่กินขุยไผ่นี่ข้าวยังไม่มีให้กินเลย

ถึงเวลารุ่นพ่อรุ่นแม่ต้องหากลอย เอาหัวกลอยมาปอกเปลือกฝานเป็นแผ่นบาง ๆ ใส่เข่งเอาไปตั้งไว้ในทางน้ำไหล ๒ วัน ๓ วัน ต้องหมั่นไปพลิกบ่อย ๆ เพื่อให้น้ำขื่นน้ำเมาละลายไปกับน้ำ ต้องไปเหยียบไปอะไรกว่าจะได้ที่ก็หลายวัน แต่ก็กินไม่ค่อยอิ่มเท่าไร แถมเผลอเมื่อไรก็เมารากแตกรากแตนอีก คนที่กินกลอยแทนข้าวนานหลาย ๆ เดือน จะมีอาการเหมือน ๆ กันหมด คือผอมซี่โครงขึ้น แต่พุงป่อง ๆ ลักษณะเหมือนกับเป็นตานขโมย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-11-2018 เมื่อ 20:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #63  
เก่า 13-11-2018, 20:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีโยมอายุครรภ์ ๗ เดือน มาทำสังฆทาน พระอาจารย์บอกว่าลูกในท้องเป็นผู้หญิง "สมัยนี้เขามีอัลตราซาวด์บอกเพศ แต่อาตมาไม่ต้องใช้ ใช้วิธีดูท้องก็สามารถบอกได้เลย โบราณเขาเก่ง เขาดูท้องก็บอกได้เลยว่าเป็นผู้หญิงผู้ชาย อาตมาติดโบราณมาหน่อยหนึ่ง ยังดูเป็นอยู่ ไม่ใช่ทิพจักขุญาณนะ ดูธรรมดานี่แหละ เขาสอนให้ดู ถ้าท้องยกขึ้นจะเป็นผู้ชาย ถ้าท้องลาดลงจะเป็นผู้หญิง ต้องเอาคนท้องมายืนเทียบกัน ถึงจะรู้ว่าต่างตรงไหน ก็เป็นเรื่องแปลกดีเหมือนกัน

แบบเดียวกับที่โบราณว่า ถ้าเด็กผู้หญิงคลอดออกมาคว่ำหน้านี่เป็นหมันทุกคน ฉะนั้น..หมอตำแยปากดีคนไหน พอถึงเวลาทำคลอดเห็นเด็กผู้หญิงคว่ำหน้าออกมา ถ้าไปปล่อยข่าว ลูกสาวบ้านนั้นขายไม่ออกหรอก สวยแค่ไหนก็ไม่มีใครเอา ก็เป็นเรื่องประหลาดดี ธรรมชาติทำมาอย่างนั้น คนช่างสังเกตหน่อยก็จับเคล็ดได้เร็ว

แต่สมัยนี้ผ่าออกทั้งนั้น เพราะว่าหมอเขาขี้เกียจรอ บางทีปวดท้อง ๒ วัน ๓ วัน ทำให้คุมเวลาไม่ได้ ผ่าออกได้เงินเยอะกว่าด้วย ถึงเวลาก็ขู่ว่ามดลูกเปิดแล้ว น้ำคร่ำจะแห้งแล้ว พ่อแม่ก็ประสาทกิน ยอมผ่าจนได้ ถ้าเราทำไม่รู้ไม่ชี้ไป หมอก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน

การผ่าออกก็มีข้อเสียเยอะ ถ้าเด็กคนต่อไปตัวใหญ่ แม่มีสิทธิ์แย่เลย มดลูกจะแตก คือมีรอยผ่ามีรอยเย็บอยู่ ถึงเวลาก็ยืดตัวไม่ได้เต็มที่ แต่สมัยนี้ก็ไม่ได้ต้องการลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองอยู่แล้ว มีกันแค่คนสองคนก็ผ่าไปเถอะ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #64  
เก่า 13-11-2018, 21:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บางคนก็หาหมอดูผูกดวงเลย ผ่าออกตอนไหนถึงจะดีที่สุด สมัยก่อนเขาเรียกว่า "ตกฟาก" สมัยนี้ไม่มีการตกฟาก เพราะว่าไม่มีฟากให้ใช้แล้ว ฟากก็คือไม้ไผ่ผ่าที่เขาเอามาปูพื้น คลอดเด็กออกมาถึงพื้นเรียกว่าตกฟาก สมัยนี้ไม่มีตกฟาก มีแต่เวลาผ่าออก พอหมอถามเวลาตกฟาก ก็บอกว่าไม่ได้ตก

มีโยมอยู่คนหนึ่ง ถามว่าเกิดที่ไหน คืออยากจะรู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร บ้านช่องอยู่ไหน เขาดันตอบว่าเกิดที่โรงพยาบาล จบเลย...คุยต่อไม่ได้ ถ้าไปคุยกับชาวเขาก็ลำบากหน่อย ถึงเวลาก็ไปถามชาวเขาว่าเกิดที่ไหน คือบ้านไหน ปรากฏว่ายายนั่นก็ปากจัด “หมอบ้าหรือเปล่า ? ใคร ๆ ก็เกิดมากจากที่เดียวกันนั่นแหละ เกิดที่อื่นไม่ได้หรอก” จบเลย ตอบได้แม่นกว่าหมอ เพราะว่าเขาเข้าใจอย่างนั้นจริง ๆ"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #65  
เก่า 13-11-2018, 21:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงพ่อเอาผลการเรียนเก่า ๆ ให้เด็ก ๆ เขาดู มีแต่เลข ๔ พรืดไปหมด เด็กเขาบอกว่าหาความหลากหลายไม่ได้เลย หลวงพ่อก็อยากได้ความหลากหลายเหมือนกัน แต่ตั้งแต่เรียนมาไม่เคยได้ดี (เกรดดี) เลย แสดงว่าหลวงพ่อเรียนไม่ดี ไม่เคยได้ดี (เกรดดี) เลย ซีก็ไม่เคยได้ แย่จริง ๆ

ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งนะ เขาบอกว่าเก่ง ดี มีสุข เราดีกับมีสุขก็พอแล้ว ได้ตั้ง ๒ ส่วนแล้ว ส่วนใหญ่แล้วคนเก่งจะประสบความสำเร็จยาก เพราะว่ามีตัวมานะที่เรียกว่าหยิ่งอยู่ในตัว คนเรียนไม่ค่อยเก่งนี่มักจะประสบความสำเร็จง่ายกว่ามาก”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #66  
เก่า 13-11-2018, 21:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ช่วงนี้เป็นฤดูกาลกฐิน ‘กาล’ ตัวนี้คือกาละ ล.ลิง สะกด ไม่ใช่ ‘กราน’ ถ้ากรานมี ๒ ความหมาย ความหมายแรกก็คือแผ่ออก ลักษณะนี้เขาว่ากรานกฐินก็คือแผ่ผ้าออกมาใช้งาน อีกความหมายหนึ่งก็คือเบื้องต่ำ ข้างล่าง อย่างเช่น เชิงกราน กระดูกที่เป็นส่วนนั่งของเรา หรือไม่ก็เชิงกราน ส่วนล่างของเตาที่เอาไว้สำหรับรองรับฟืน

ฤดูกาลกฐินสมัยอาตมาบวชใหม่ ๆ เนื่องจากว่าซักซ้อมทำพระคาถาเงินล้านจนมั่นใจ แต่ละปีจะเตรียมซองกฐินไว้ ซองกฐินสามัคคีร่วมเป็นเจ้าภาพซองละ ๑,๐๐๐ บาท เจอวัดไหนก็ถวายไป ๑ ซอง แต่ละปีประมาณ ๒๐๐-๓๐๐ ซอง ไม่น่าเชื่อว่าพระบวชใหม่ ๆ จะมีเงินขนาดนั้น แต่ต้องยอมรับว่าพระคาถาเงินล้านถ้าหากว่าเราทำขึ้นจริง ๆ เรื่องของเงินทองจะคล่องตัวมาก เพียงแต่เคล็ดลับสำคัญเลยก็คือ "อย่าภาวนาเพราะอยากได้เงิน" ทำไม่รู้ไม่ชี้ว่าของเราไปเรื่อย ๆ ให้ใจสบายและทำให้สม่ำเสมอกันทุกวัน"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #67  
เก่า 13-11-2018, 21:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่ทำอย่างนั้นเพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ถ้าใครเป็นเจ้าภาพกฐินสัก ๓ ปีติดกัน จะมีความคล่องตัวในเรื่องความเป็นอยู่มาก ท่านบอกว่า คำว่าเจ้าภาพนี้ไม่ได้หมายความว่าจัดเองคนเดียว ใครเขาทอดกฐินเราก็เป็นเจ้าภาพร่วมกับเขาไป จะ ๒๐ บาท ๕๐ บาท ๑๐๐ บาท ๕๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท ก็แล้วแต่เราจะมีกำลัง แต่ให้ทำไว้บ่อย ๆ ทำน้อยแต่ทำบ่อย ๆ ครั้ง

การที่ใจสละออกอย่างคล่องตัว ถึงเวลาไหลเข้าก็จะไหลเข้าแบบคล่องตัว ท่านบอกว่าคนที่เก็บเงินเฉย ๆ ไม่รู้จักสร้างบุญ ไม่รู้จักต่อบุญ ของใหม่จะมาไม่ได้ ถามว่าทำไมของใหม่มาไม่ได้ ? ท่านบอกว่าน้ำข้างในเต็มอยู่ ถ้าไม่เทออกแล้วของใหม่ที่ไหนไหลเข้ามาได้ อาตมาก็เลยเททิ้งเกลี้ยงทุกปี ของใหม่จึงไหลมาเทมา

เพื่อนพระเขาบอกว่า "อาจารย์เล็กรวย" อาตมาตอบว่า "คุณเห็นผมใช้เงินไม่คิด คุณก็ว่าผมรวย" ถึงเวลาจริง ๆ แล้วแทบไม่เหลือเงินติดตัว แต่เป็นคนจนผู้ยิ่งใหญ่ ก็คือใครขอความช่วยเหลืออะไรก็ช่วยเขาได้หมด แต่ตัวเองเกือบจะไม่มีสตางค์ติดกระเป๋า

ระยะหลังที่เขาเอากรมสรรพากร เอาสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมา เพื่อที่จะบีบเกี่ยวกับเรื่องบัญชีวัด บัญชีพระ วัดท่าขนุนไม่ได้หนักใจหรอก มีเท่าไรก็ใช้เกลี้ยง อยากจะตรวจก็ตรวจไป”

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #68  
เก่า 13-11-2018, 21:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “เรื่องของคุณพระรัตนตรัย ขอให้เรามั่นใจเท่านั้น บารมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีอยู่แล้วในทุกอณูของอากาศ สภาพจิตเปิดรับได้มากเท่าไร ก็ศักดิ์สิทธิ์มากเท่านั้น ก็ขลังมากเท่านั้น ก็ได้ดีมากเท่านั้น”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #69  
เก่า 13-11-2018, 21:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “หลวงป๋าวัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ตกลงว่าเขาจะไม่เผานะ เขาจะเก็บสังขารท่านเอาไว้ เรายังสามารถไปกราบสังขารท่านได้ ซึ่งอาตมาก็เห็นด้วย เพราะว่าถ้าเผาท่าน พระมหาเจดีย์ศรีสมเด็จฯ อาจจะไม่สำเร็จ เนื่องจากว่าคนเราส่วนใหญ่แล้วยึดติด โดยเฉพาะในเรื่องของเจ้าอาวาสนี่ลำบากมาก เจ้าอาวาสใหม่ถ้าเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าไม่ได้ วัดก็โทรมทันตาเห็น ถึงเก่งสู้เจ้าอาวาสเก่าได้ เขาก็ยังคิดถึงแต่คนเก่าอยู่ กว่าที่จะหันมาเคารพนับถือเจ้าอาวาสใหม่ ส่วนใหญ่ก็ช่วงท้าย ๆ ของชีวิตท่าน พอถึงเวลาก็ตายอีกแล้ว ...(หัวเราะ)... เจ้าอาวาสคนใหม่มาก็เข้าสู่วงจรอุบาทว์ต่อไป”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #70  
เก่า 13-11-2018, 21:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ถวายกฐินตามพระวินัยแต่ละวัดรับได้ครั้งเดียว ก็แปลว่าถ้าปิดยอดแจ้งยอดไปแล้ว รับซ้ำเมื่อไรก็กฐินเดาะ ขาดอานิสงส์กันทั้งวัด ดังนั้น...ญาติโยมอย่าได้ถวายส่งเดชไปเรื่อยเปื่อย อย่าไปคิดว่าทำบุญตามหลังได้ อย่างอื่นตามหลังได้ แต่ยกเว้นกฐินเอาไว้ด้วย”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #71  
เก่า 13-11-2018, 21:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ขอเชิญชวนญาติโยมทำบุญทุนการศึกษาในเว็บวัดท่าขนุน ถึงเวลาไปเปิดดูเอานะ อาตมาจ่ายปีหนึ่งหลายร้อยทุน คิดเป็นเงินหลายล้านบาท”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #72  
เก่า 13-11-2018, 21:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ปีนี้อาตมาจะเอากฐินปลดหนี้ไปทอดให้ที่วัดทุ่งหลวง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดของหลวงปู่ธรรมชัย สหธรรมิกของหลวงพ่อวัดท่าซุงในอดีต ก่อนหน้านี้สมัยหลวงพ่อยังอยู่ อาตมาก็ขึ้นไปทุกปี ตอนหลังภารกิจรัดตัวมากขึ้น ออกจากวัดมาโอกาสที่จะไปก็น้อยลง

เมื่อเกิดไฟไหม้กุฏิหลวงปู่ โรงอบยาสมุนไพรก็ไหม้หมด หลวงพี่สมศักดิ์ของอาตมาท่านก็เลยโทรมาหา บอกว่าให้ช่วยหน่อย เพราะว่าต้องใช้งบประมาณถึง ๓ ล้านบาท อาตมาก็บอกว่าปกติจะช่วยปีละวัดเดียว คือเอากฐินปลดหนี้ไปทอดให้ แล้วปี ๒๕๖๑ นี้ก็รับปากท่านอาจารย์ปู่ ท่านพระครูปลัดสุวัฒนบัณฑิต หรือหลวงปู่พระมหาไพเราะ ฐิตสีโล เจ้าอาวาสวัดสระแก้ว จังหวัดอ่างทอง ไปแล้ว ว่าจะเอากฐินไปทอดให้ท่าน ขอเลื่อนของหลวงพี่สมศักดิ์ท่านเป็นปี ๒๕๖๒

แต่ปรากฏว่าอยู่ ๆ ก็มีโยมโทรมาบอกว่า กฐินที่จะไปปลดหนี้วัดสระแก้วจะทอดวันที่ ๑๑ พฤศจิกายนไม่ใช่หรือ ? ทำไมทางวัดขึ้นว่าเป็นวันที่ ๒๗ ตุลาคม อาตมารีบโทรไปหาท่านอาจารย์ปู่ ท่านก็ตกใจ บอกว่าลืมของท่านอาจารย์พระครูไปเลย ลืมไปว่าอาตมาจองกฐินท่านเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่คุยกันเป็นมั่นเหมาะแล้ว แต่จะว่าไปก็ไม่ได้ เพราะว่าท่านอายุตั้ง ๗๘ ปีแล้ว อาตมาเองเพิ่งจะ ๖๐ ปี ก็ยังมีหลงมีลืมเหมือนกัน"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #73  
เก่า 13-11-2018, 21:30
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ท้ายสุดก็ว่า เจตนาญาติโยมทำบุญมาก็เพื่อทอดกฐินวัดสระแก้ว จึงตกลงแบ่งเงินจากกองกฐิน ๑ แสนบาทไปร่วมบุญกฐินกับวัดสระแก้ว เพื่อให้เป็นไปตามเจตนาของผู้บริจาค จะได้ไม่เป็นโทษย้ายเจดีย์ ส่วนที่เหลือก็โยกเอาไปทอดกฐินปลดหนี้ที่วัดทุ่งหลวง

แสดงว่าหลวงปู่ธรรมชัยท่านก็คงอยากจะให้งานที่วัดเสร็จเร็ว ๆ เรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นแบบนี้ก็เลยเกิดขึ้น อาตมาก็ดีใจว่าจะได้ไปกตเวทิตาต่อครูบาอาจารย์ ที่ท่านเคยให้ความเมตตาสงเคราะห์ ให้ความรู้มาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นฆราวาสอยู่ โดยเฉพาะว่าหลวงปู่ธรรมชัยท่านถอดประคำที่ท่านใช้ประจำตัวจากคอสวมให้กับอาตมาเลย บอกว่า "ต่อไปให้เป็นกำลังใหญ่ในพระพุทธศาสนา" อาตมาตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร ดีใจว่าหลวงปู่ให้ประคำก็รับไว้ด้วยความยินดี ...(หัวเราะ)... ตอนนี้รู้แล้วว่าหลวงปู่ท่านมองการณ์ไกลกว่าอาตมาเยอะเลย

ประคำก็ไม่ได้อยู่กับอาตมาแล้ว ตอนนั้นพระครูแสง (น้องชาย) จะไปทำงานที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เขาบอกว่า “พี่...ขอประคำหลวงปู่ให้ผมเถอะ ผมจะไปซาอุฯ จะได้ใช้ในการภาวนา” ก็เลยยกให้น้องชายไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าปัจจุบันนี้ท่านบวชพระมาจะ ๒๐ พรรษาแล้ว ยังได้เก็บของหลวงปู่ไว้หรือเปล่า ? อาตมาก็เหลือแต่พระของหลวงปู่อยู่แค่ไม่กี่องค์ ลูกประคำอีกสายหนึ่งที่บูชามาจากของท่าน ตอนนั้นราคาแพงมาก เส้นหนึ่งตั้ง ๘๐ บาท ใช้จนกระทั่งขึ้นเงาลื่นเป็นกระจก ญาติโยมก็ขอแบ่งกันไปหมดแล้ว"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #74  
เก่า 13-11-2018, 21:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สรุปว่าสมบัติของหลวงปู่ที่เหลือติดตัวแน่ ๆ ปัจจุบันก็เหลือแค่บาตรอยู่ใบเดียว บาตร กลด และย่าม เป็นของที่หลวงปู่ธรรมชัยท่านถวายหลวงพ่อวัดท่าซุงไว้ แล้วหลวงพ่อวัดท่าซุงมอบให้อาตมาเป็นเครื่องบวช มีบาตร กลด ย่าม ไฟฉาย และอังสะกันหนาว ตอนนี้ที่เหลืออยู่จริง ๆ ก็คือบาตรกับอังสะกันหนาว ซึ่งอังสะก็ต้องสอยใหม่ไป ๒ ครั้งแล้วเพราะว่าใช้จนเปื่อย

เหตุที่อย่างอื่นไม่อยู่เพราะว่าพระรุ่นน้องคือทิดชาติชาย ตอนนั้นยังไม่สึก ท่านขอยืมไปธุดงค์ บอกว่า “หลวงพี่ ขอยืมกลดของหลวงปู่หน่อย ขอยืมกระติกน้ำหน่อย ขอยืมไฟฉายหน่อย” พอกลับมาพ่อเจ้าประคุณซื้อของใหม่เอี่ยมมาคืน ของหลวงปู่เขายึดไปเลย ...(หัวเราะ)... อาตมาก็เลยเหลือบาตรอยู่ใบเดียว ใช้มา ๓๐ กว่าปี กับอังสะที่พยายามทะนุถนอมเก็บไว้เป็นของต่างหน้าครูบาอาจารย์ ๒ ท่าน ก็คือหลวงปู่ธรรมชัยในฐานะเจ้าของ และหลวงพ่อวัดท่าซุงในฐานะผู้มอบให้

งวดนี้จะได้ไปทอดกฐิน แต่ว่าทอดช่วงเช้า ประมาณ ๑๐.๓๐ น. ก็ทอดกฐิน หลังจากกรานกฐิน ถวายเพลเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็กลับ เวลานี้เป็นเวลาที่สมัยหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไปทอดกฐิน แล้วท่านกำหนดเอาไว้ เพราะว่าท่านต้องเดินทางกลับวัดท่าซุงในช่วงบ่าย ถ้าหากว่าช้าก็จะถึงวัดค่ำมาก ดังนั้น..ทางวัดทุ่งหลวงจึงใช้เวลาทอดกฐิน ๑๐.๓๐ น. แบบนี้มาตลอด ตั้งแต่สมัยนั้นจนถึงสมัยนี้"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #75  
เก่า 13-11-2018, 21:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ครูบาสมศักดิ์หรือหลวงพี่สมศักดิ์ของอาตมาเอง จริง ๆ แล้วท่านเป็นคนกรุงเทพฯ ตอนสิ้นหลวงปู่ใหม่ ๆ ญาติโยมทางกรุงเทพฯ ทุกคน อยากให้ครูบาสมศักดิ์เป็นเจ้าอาวาส แต่ชาวบ้านแถวทุ่งหลวงต้องการหลวงปู่อิ่นคำเป็นเจ้าอาวาส ครูบาสมศักดิ์ท่านก็เลยถอยให้หลวงปู่อิ่นคำเป็นเจ้าอาวาส ตัวท่านเองทำงานแทนเจ้าอาวาสทุกอย่าง

อาตมาถามว่า "ถ้าผมเอากฐินไปทอดให้หลวงพี่แล้ว เงินเข้าบัญชีวัด แล้วหลวงพี่จะมีสิทธิ์ใช้หรือเปล่า ? ถ้าไม่มีสิทธิ์ใช้ผมจะเอาไปเป็นผ้าป่า ยกให้หลวงพี่โดยตรง จะได้ไม่ต้องเอาเข้าบัญชีวัด" ท่านบอกว่างานวัดทุกอย่างเป็นภาระของท่าน เงินทุกบาททุกสตางค์ท่านมีสิทธิ์ใช้ทั้งหมด อาตมาถึงได้สบายใจว่าเอาเป็นกฐินไปให้ท่านได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #76  
เก่า 13-11-2018, 21:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เดี๋ยววันที่ ๑๘ พฤศจิกายน เราไปประมูลวัตถุมงคลกันที่นั่น เพิ่มเงินเข้ากองกฐินกันหน่อย มี "เซอร์ไพรส์" ด้วย ...(หัวเราะ)... อยากรู้ว่าอะไรก็ไปร่วมบุญกัน แล้วเป็นเรื่องอัศจรรย์มากว่า กฐินวัดทุ่งหลวงกำหนดไว้วันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันเดียวในรอบปีที่อาตมาว่างพอดี แสดงว่าทุกอย่างเป็นธรรมะจัดสรร หลวงปู่ธรรมชัยท่านก็คงอยากจะเจอหน้าลูกศิษย์คนนี้เหมือนกัน

ระยะหลังอาตมาไม่ค่อยได้ไป เพราะว่าติดธุระที่โน่นที่นี่ นาน ๆ ผ่านไปก็เข้าไปกราบศพท่าน เสร็จสรรพเรียบร้อยแล้วก็กลับ บางทีไม่ได้คุยกับหลวงพี่สมศักดิ์ด้วยซ้ำไป แต่เนื่องจากว่าสมัยก่อนสนิทสนมใกล้ชิดกัน ระลึกถึงกันเป็นปกติ ก็ยังมีการโทรศัพท์หรือไม่ก็พบหน้ากันในระหว่างงานอยู่ พอถึงเวลาท่านก็บอกว่า "ผมมองดูแล้วว่าไม่มีใครจะช่วยได้ เห็นท่านอาจารย์พระครูพอจะมีลูกศิษย์ พอจะมีกำลังหน่อย จึงขอรบกวนในครั้งนี้"

อาตมาก็บอกท่านว่า เดี๋ยวพอใกล้ ๆ แล้วถึงจะแจ้งยอด ว่าจะมีญาติโยมไปด้วยเท่าไร ตอนแรกท่านจะเตรียมที่นอน เตรียมอาหารไว้รอรับทั้งมื้อเย็นมื้อเช้าเลย อาตมาบอกว่าไม่ต้อง เตรียมกลางวันไว้มื้อเดียวก็พอ พวกเราไปถึงก็น่าจะประมาณ ๐๗.๓๐ - ๐๘.๓๐ น. ไปถึงเราก็ไปกราบหลวงปู่กัน แล้วก็ประมูลของหาเงินเข้ากองกฐินกันต่อไป"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #77  
เก่า 14-11-2018, 19:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ถัดจากงานกฐินปลดหนี้หลวงปู่แล้ว ปีถัดไปจะลงไปปิดงานที่วัดรัตนานุภาพ เอากฐินปลดหนี้ไปให้พระครูสว่างอีกรอบหนึ่ง ตอนนี้โบสถ์เหลือแต่ยกช่อฟ้า แล้วก็ปิดทองฝังลูกนิมิต อาตมาก็ว่าต้นปีจะไปยกช่อฟ้าให้ท่าน แล้วช่วงกฐินค่อยไปฝังลูกนิมิตกัน

ไหน ๆ ลงไปช่วยงานพี่น้องทางปักษ์ใต้แล้วก็ช่วยกันให้จบ เอาให้โบสถ์เสร็จจริง ๆ เพราะว่าแถวนั้น
เป็นหมู่บ้านคนไทยอยู่หมู่บ้านเดียว เป็นไข่แดงอยู่ตรงกลาง รอบข้างเป็นมุสลิมหมด พระครูสว่างท่านเป็นรุ่นน้องหลายปี คบหากันตั้งแต่สมัยเพิ่งจะ ๒ พรรษา ท่าน ๒ พรรษา อาตมาก็ ๘ พรรษา คบหากันมาตอนนี้แต่ละคนก็ ๒๐ - ๓๐ กว่าพรรษาทั้งนั้น"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 19:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #78  
เก่า 14-11-2018, 19:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่ตลกมากที่สุดก็คือ ท่านเป็นพระครูสัญญาบัตรก่อนอาตมาด้วย ตั้งแต่หลวงปู่พระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าคณะจังหวัดยังเป็นเจ้าคณะอำเภออยู่ ท่านชวนอาตมาว่าลงมาช่วยกันหน่อย ที่นี่ตำแหน่งว่างเยอะมาก แต่ไม่มีพระ ท่านบอกว่าท่านเป็น รักษาการเจ้าคณะจังหวัด เป็นเจ้าคณะอำเภอ เป็นเจ้าคณะตำบล เป็นเจ้าอาวาส ...(หัวเราะ)... บอกว่าตำแหน่งเยอะมากแต่ไม่มีพระช่วยงาน เพราะฉะนั้น...พระครูสว่างท่านถึงจะเป็นรุ่นน้องนาน แต่พอยอมรับตำแหน่งเข้าก็เป็นพระครูสัญญาบัตรก่อน

และที่ตลกกว่านั้นก็คือ ได้มาสอบพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกันด้วย แทนที่จะเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน ก็กลายเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันไป อาตมาเองก็เป็นประธานรุ่นอยู่ ลงไปช่วยท่านปีแรกจากพื้นดินเปล่า ๆ ไปวางศิลาฤกษ์กัน หลวงปู่พระเทพศีลวิสุทธิ์ท่านเองก็เกษียณอายุแล้ว คือ ๘๐ ขึ้น ๘๑ ปีแล้ว แต่มหาเถรสมาคมเห็นความสามารถ ก็เลยต่ออายุราชการให้เป็นกรณีพิเศษ ๓ ปี เพราะว่าเวลาหลวงปู่ท่านจัดงานนี่ ทั้งมุสลิมทั้งไทยไปเต็มวัดเลย

เป็นวิถีโบราณก่อนที่จะเกิดการแบ่งแยกจากพวกหัวรุนแรง ก็คือคนไทยคนมุสลิมรักใคร่สามัคคีเป็นเพื่อนเป็นฝูงกัน ถึงเวลามีงานก็ไปช่วยเหลือกัน ไม่ได้รังเกียจกัน หลวงปู่ท่านยังเป็นคนรุ่นเก่าที่ยึดถือแนวปฏิบัติอย่างนี้อยู่ สามารถรวมใจทั้งไทยและมุสลิมได้ดี ทางมหาเถรสมาคมก็เลยต่ออายุให้เป็นกรณีพิเศษ ๓ ปี อาตมาลงไปงวดนี้ปี ๒๕๖๒ ท่านเองก็ ๘๒ ปี ก็แปลว่าท่านยังไม่เกษียณอายุราชการก็คงจะได้กราบท่านในฐานะผู้บังคับบัญชาได้อีกรอบหนึ่ง"

__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 19:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #79  
เก่า 14-11-2018, 19:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่ตลกกว่านั้นก็คือตำแหน่งพระครูปลัดของท่านให้กับมหาจรูญโรจน์ ที่เปลี่ยนชื่อเป็นนัทกฤต เป็นพระครูปลัดนัทกฤต วัดบ้านห้วยน้ำขาว ลูกศิษย์ที่อาตมาบวชให้ด้วยมือเองนั่นแหละ ไปได้พระครูปลัดของท่านจากนราธิวาสมา แต่ตัวอยู่ที่กาญจนบุรี ดังนั้น..ถ้าหากว่าลงไปงวดนี้ก็น่าจะต้องชวนพระครูปลัดโรจน์เขาไปด้วย จะได้ไปกราบลูกพี่ตัวเอง ...(หัวเราะ)...

แถวยะลา ปัตตานี เป็นมุสลิม ๘๐-๙๐ เปอร์เซ็นต์ นราธิวาสก็ยังเป็นมุสลิมอยู่ประมาณ ๗๐ เปอร์เซ็นต์ มีคนไทยไม่มาก ตรงนั้นก็เลยกลายเป็นวัดไทยไข่แดงอยู่ตรงโคกโกนั้นกลุ่มหนึ่ง สองครั้งก่อนที่เอากฐินปลดหนี้ลงไปให้ ญาติโยมทั้งหลายก็เหมารถไฟไปกัน ๒ ตู้ ๘๐ คน ทางด้านโน้นก็ขนรถกระบะมาทั้งหมู่บ้าน มาช่วยกันรับไปส่งที่วัด

ถึงเวลาเจอทหารลาดตระเวนก็ขอเซลฟี่กันอุตลุด ไม่รู้หรอกว่าทหารเขาเครียดกันเกือบตาย เพราะว่าต้องรักษาความปลอดภัยพวกเราที่อยู่ในท่ามกลางดงก่อการร้าย ชาวบ้านก็มีน้ำใจเหลือเกิน พวกเราไปนี่ เขาตัดลองกองมาให้หมดสวนเลย ถามว่าไม่เก็บไว้ขายบ้างหรือ ? เขาบอกว่าขายก็ได้กิโลกรัมละ ๖-๗ บาท ทำบุญดีกว่า ให้มาทีหนึ่ง ๒๐๐-๓๐๐ กิโลกรัม อาตมาก็ให้แบ่ง ๆ กันไป ๘๐ คน ลองหาร ๒๐๐ ดูว่าได้คนละกี่กิโลกรัม ?

โดยเฉพาะที่สถานีรถไฟสุไหงปาดีรถจะจอดแค่ ๓ นาที ไม่เหมือนกับสถานีสุไหงโกลกที่จอดครึ่งชั่วโมง ญาติโยมก็เลยขนลองกองไปขึ้นรถไฟให้ที่สถานีสุไหงโกลก พวกเราก็เลยต้องตามไปขึ้นรถไฟที่สุไหงโกลกด้วย”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #80  
เก่า 14-11-2018, 19:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,367
ได้ให้อนุโมทนา: 150,682
ได้รับอนุโมทนา 4,397,012 ครั้ง ใน 33,956 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า “ปีนี้ไปเหนือ ปีหน้าไปใต้ ปีถัดไปคงต้องไปอีสาน เพราะว่าเอาหลวงพี่นิลท่านไปทิ้งโดดเดี่ยวไว้ที่นั่น ...(หัวเราะ)... ปีนี้ถวายท่านไป ๕ แสนบาท ใช้หนี้ไปได้หน่อยหนึ่ง”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-11-2018 เมื่อ 19:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:07



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว